ยาหม่องตราเสือ

ยาหม่องตราเสือ (Tiger Balm) เป็นแบรนด์หนึ่งในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและสันทนาการ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท Haw Par Corporation บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ตั้งแต่ปี 1969 ซึ่งมีธุรกิจที่หลากหลายตั้งแต่สินค้าเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม เวชภัณฑ์ ธนาคาร ประกันภัย ยาง หนังสือพิมพ์ และศูนย์สันทนาการต่างๆ เช่น สวนสัตว์น้ำและลานโบว์ลิ่ง นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในทรัพย์สินและหลักทรัพย์

ยาหม่องตราเสือมีมีต้นกำเนิดอยู่ในราชสำนักของจีน ในฐานะยาทาแก้ปวดเมื่อยเคล็ดขัดยอก หรือแม้กระทั่งบรรเทาอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ตั้งแต่ฮ่องเต้ลงมาจนถึงเหล่าขุนศึกของจีน

Aw Chu Kin นักสมุนไพรที่อพยพมาจากจีน ได้ก่อตั้งร้านขายยาขึ้นในกรุงย่างกุ้งของพม่าในปลายทศวรรษ 1870 และเป็นผู้พัฒนาสูตรยาหม่องที่กลายเป็นยาหม่องตราเสือในปัจจุบัน Aw มีบุตรชายสองคนคือ Aw Boon Haw และ Aw Boon Par หลังจากที่ Aw ผู้พ่อเสียชีวิตไป Boon Haw บุตรชายคนหนึ่งได้ตั้งชื่อยาหม่องซึ่งบิดาเขาเป็นผู้พัฒนาว่า “ยาหม่องตราเสือ” ตามชื่อของเขาเอง (Haw ในภาษาจีนแปลว่าเสือ) และสองพี่น้องได้อพยพย้ายถิ่นไปยังสิงคโปร์ในปี 1926

ยาหม่องตรามีขายในประเทศต่างๆ กว่า 100 ประเทศในทุกทวีปทั่วโลก และมีผู้ใช้หลายล้านคน โดยได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศเอเชียเช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย และไทย

จุดขายที่ยาหม่องตราเสือประสบความสำเร็จในสร้างความรับรู้แก่ผู้บริโภค อยู่ที่สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวด และความเจ็บป่วยอื่นๆ ด้วยสูตรยาสมุนไพรโบราณจากจีนที่สืบทอดกันมานาน และเป็นตัวอย่างที่ดีของการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ด้วยการวิจัยและพัฒนา เพื่อเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง อย่างเช่น ยาหม่องตราเสือชนิดกลิ่นอ่อน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นหลังจากการวิจัยและพัฒนาที่ใช้เวลา 1 ปีครึ่ง ซึ่งพบว่าวัยรุ่นไม่ชอบกลิ่นที่แรงของยาหม่องตราเสือสูตรดั้งเดิม

ยาหม่องตราเสือเติบโตด้วยการใช้กลยุทธ์การวางตำแหน่ง โดยใช้วิธีขยายผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์เดียวกันคือตราเสือ เพื่อรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ซึ่งแม้ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะจับตลาดคนละเซ็กเมนต์ แต่ผลิตภัณฑ์ทุกตัวจะไม่หลุดจากสัญญาที่ให้แก่ผู้บริโภคคือ การบรรเทาอาการเจ็บปวด และกลายแบรนด์ระดับโลกที่ดีที่สุดตัวอย่างหนึ่งของการใช้กลยุทธ์การวางตำแหน่งซึ่งอยู่ที่ “โอกาสในการใช้และวิธีใช้ผลิตภัณฑ์”

การที่ผลิตภัณฑ์ทุกตัวใช้แบรนด์เดียวกันคือตราเสือ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีรากฐานมั่นคงอยู่แล้ว ยังทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในสินค้าตัวใหม่อย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของแบรนด์ยังช่วยให้สามารถผลิตสินค้าใหม่ๆ รุกเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น