อีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่ต้องจับตามองคือ “สนามบิน” ซึ่งปัจจุบันแม้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) (มหาชน) มีกองทุนสิงคโปร์ถือหุ้นอยู่ไม่มากนัก แต่การที่ AOT จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงเป็นโอกาสที่อาจทำให้ทุนสิงคโปร์มีหุ้นมากขึ้น หลังจากที่เคยมีความาพยายามมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2547 ที่เทมาเส็กพยายามเสนอขอเข้าถือหุ้นใน AOT
จากการให้สัมภาษณ์ของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น ได้กล่าวไว้ช่วงต้นเดือนเมษายน 2547 ว่าผู้บริหารของเทมาเส็กมาขอบคุณที่ AOT จัดสรรหุ้นให้เทมาเส็ก 355,000 หุ้น คิดเป็น 100 ล้านบาท ในช่วงที่กระจายหุ้นให้นักลงทุนทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคม 2547 ตามแผนการแปรรูป
ในครั้งนั้นสุริยะยังบอกด้วยว่าเทมาเส็กเสนอขอถือหุ้น โดยจะซื้อในตลาดหหลักทรัพย์ให้ได้รวม 16% จากเดิมที่ต้องการเพียง 5% เท่านั้น
เหตุผลที่สุริยะให้กำกับไว้ด้วยคือเทมาเส็กเห็นว่า ”กิจการสนามบินเป็นธุรกิจที่มีผลประกอบการที่ดี และมีอนาคต”
แน่นอนว่าประเทศไทยคือจุดยุทธศาสตร์ในแง่ของภูมิประเทศที่อยู่ศูนย์กลางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเชื่อมต่อไปยังประเทศต่างๆ ในอินโดจีน จึงง่ายและสะดวกอย่างยิ่ง ประกอบกับประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยว ที่หากเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ซึ่งมีพื้นที่ต่างกัน มีขนาดเล็กอย่างเทียบกันไม่ได้ ยิ่ง AOT เริ่มก่อสร้างและกำลังผลักดันให้มีการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิด้วยแล้ว ประกอบกับ AOT ยังเป็นผู้บริหารสนามบินภูมิภาคในจังหวัดหลัก คือ เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต เชียงราย เมื่อรวมดอนเมืองด้วยแล้ว มูลค่า AOT จึงถือว่ามหาศาล และมีอนาคต
สนามบินของประเทศไทย จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มองข้ามไม่ได้