“อย่างดีที่สุดก็คงจะบอกว่าเราพยายามจะเร่งให้มันกลับมาทำกำไรให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ตี๋ แมทชิ่ง” หรือ สมชาย ชีวสุทธานนท์ กับภารกิจล่าสุด ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัทแม็ทชิ่ง สตูดิโอ จำกัด (มหาชน) บริษัทที่ตัวเขาก่อตั้งขึ้นและผลักดันจนเติบโต เป็นสตูดิโอผลิตภาพยนตร์โฆษณา หรือโปรดักชั่น เฮาส์ระดับอินเตอร์
ตัวเลขขาดทุน 2 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2547 และ 2548 ที่ 48.39 และ 105.18 ล้านบาท สำหรับ “ตี๋ แม็ทชิ่ง” ยืนยันว่าไม่ได้สะเทือนขวัญแม้แต่น้อย เพราะชีวิตเขาอย่างที่รู้ๆ กัน อยู่ที่เขามักบอกเล่าผ่านสื่อต่างๆ เสมอว่า “ติดพื้น เสียยิ่งกว่าติดพื้นเสียอีก”
เพียงแต่ว่าทุกวิกฤตที่ผ่านเข้ามา “ตี๋ แม็ทชิ่ง” ไม่เคยปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ แต่นำมาเป็นบทเรียน เพื่อเดินต่อไปด้วยก้าวที่มั่นคงกว่าเดิม
ความเคลื่อนไหวต่อไป สำหรับ ”แม็ทชิ่ง สตูดิโอ” นับจากนี้ เขาบอกว่าต้องชะลอโครงการใหญ่ๆ บริหารบนความเสี่ยงที่น้อยที่สุด เพราะที่ผ่านมา โครงการอย่างการจัดงานประกวดมิสยูนิเวิร์ส คอนเสิร์ตใหญ่ๆ เจอตัวแปรที่ไม่อาจควบคุมได้ ทำให้ฉุดรายได้ของ ”แม็ทชิ่ง สตูดิโอ” ทั้งหมด จนขาดทุน แม้ว่าธุรกิจหลักคือรับผลิตภาพยนตร์โฆษณามีรายได้ดี และเติบโตกว่า 10%
ตัวแปรที่ว่าคือมีทั้งคลื่นยักษ์สึนามิ และล่าสุดคือปัจจัยทางการเมือง ที่ ”ตี๋ แม็ทชิ่ง” เองก็เข้าใจดีว่าทำให้คนหมดอารมณ์ที่จะควานหาความบันเทิงด้วยการไปตีตั๋วดูคอนเสิร์ต
นอกเหนือจากคิดให้ละเอียดมาก ชะลอการตัดสินในสำหรับงานยักษ์แล้ว เวลานี้เขายังตะลุยหารายได้รับผลิตงานโฆษณา จากต่างประเทศ ในย่านเอเชีย โดยเฉพาะจากจีน และญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งผลิตให้กับยุโรปและอเมริกา
ด้วยกลยุทธ์ที่เขาบอกว่างานมีคุณภาพ และ Resonable Price ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งเป็นที่คาดหวังว่าจะทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 30-35% จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% รวมไปถึงขยายฐานธุรกิจไปจับกลุ่มวัยรุ่นผ่านทั้งสื่อนิตยสาร Cheeze และการเล็งไปที่การผลิตรายการทีวี ที่ ”ตี๋ แม็ทชิ่ง” ขออุบรายละเอียดไว้ก่อน แต่คาดหวังว่าจะออนแอร์ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยใช้สตูดิโอที่สยามเซ็นเตอร์เป็นสถานที่ถ่ายทำ
“เป็นสิ่งที่เราก็คงบอกว่าโปรเจกต์ใหญ่ เราต้องหยุดไปเลย เราเอาโปรเจกต์เล็ก แต่ก็อย่างที่บอกนะว่าจะเอาแบบ High Risk High Return หรือ Small แต่ก็เหนื่อยเท่ากัน“
ทิ้งท้ายแบบที่ไม่ตัดเสียทีเดียวสำหรับ Big Event เชิญชวนเหลือเกินที่ต้องจับตาดูเขา ”ตี๋ แม็ทชิ่ง” ที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ในวงการโฆษณาให้เป็นทอล์ก ออฟเดอะทาวน์เสมอ ที่สำคัญไม่ว่ากี่ครั้งที่เขาล้ม ก็สามารถลุกขึ้นมาได้ด้วยกำลังที่เพิ่มขึ้นเสมอ
เว็บไซต์ www.matchingstudio.com
Did You Know?
ปี 2548 สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีการใช้งบโฆษณาอันดับ 1 ด้วยมูลค่า 23,318 ล้านเหรียญสหรัฐ จีน อันดับ 2 มูลค่า 6,441 ล้านเหรียญสหรัฐ อันดับ 3 รัสเซีย 5,968 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนญี่ปุ่น อันดับ 4 มูลค่า 4,444 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนประเทศไทยไม่ติดใน 10 อันดับแต่อยู่ในระดับมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ