ตำนานซูเปอร์สตาร์ที่คนไทยนึกถึง

เปเล่

ตำนานแห่งเสื้อหมายเลข 10 ผู้ถือเป็นต้นแบบแห่งสุดยอดตำนานฟุตบอลโลก เปเล่ มีชื่อจริงว่า เอ็ดสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต้ เขาติดทีมชาติเมื่อปี 1958 ด้วยเพียง 17 ปีในทัวร์นาเมนต์นี้เอง เปเล่ โด่งดังเป็นพลุแตก เมื่อเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดยิงได้ 6 ลูก ก่อนนำทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์โลก เปเล่ มีลีลาอัจฉริยะแบบเริงระบำบนยอดหญ้า โดยการโชว์ลีลาสะกดทีมชาติ อิตาลี ในรอบชิงชนะเลิศก่อนจะไล่ต้อนไปอย่างขาดลอย 4-1 และนับเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ของเปเล่ด้วย สำหรับสถิติของเปเล่ ยิงประตูในฟุตบอลโลกได้ทั้งหมด 12 ลูก และสามารถทำประตูในฐานะนักเตะอาชีพถึง 1,280 ประตู

ดิเอโก้ มาราโดน่า

“เสือเตี้ย” สมญานามที่เลื่องลือที่แฟนบอลทุกคนยังจดจำเขาได้ เขาเคยถูกยกย่องว่าเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดของโลก และนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของอาร์เจนตินา ดิเอโก้ มาราโดน่า ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติชุดใหญ่ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี เขาติดทีมชาติและลุยศึกฟุตบอลโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฟุตบอลโลกปี 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก ถือว่าปีที่มาราโดน่าโด่งดังที่สุดเมื่อกระโดดใช้มือชกบอลผ่าน ปีเตอร์ ชิลตัน เข้าไปตุงตาข่าย ในเกมที่อาร์เจนตินาคว่ำอังกฤษ 2-1 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย จนเป็นเหตุการณ์ “แฮนด์ ออฟ ก็อด” หรือลูกยิงหัตถ์พระเจ้า ที่กล่าวขวัญมาจนถึงทุกวันนี้ ก่อนกรุยทางเข้าไปคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยแรกได้สำเร็จด้วยการเอาชนะเยอรมัน พร้อมครองตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยม

ฟร้านซ์ เบ็คเคนบาวร์

ตำนานนักเตะลิเบอโร่ของอินทรีเหล็กเยอรมนี ติดทีมชาติครั้งแรกตั้งแต่อายุ 20 ปี นอกจากจะประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้สำเร็จ เขายังสร้างประวัติศาสตร์นำเยอรมันชูถ้วยฟุตบอลโลกในฐานะกุนซืออีกด้วย

เขาสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1974 ที่เยอรมันตะวันตกเป็นเจ้าภาพ ได้สำเร็จในศึกฟุตบอลโลกที่มีการถ่ายทอดสดสัญญาณภาพสีครั้งแรกของโลก เบ็คเค่นบาวร์แขวนสตั๊ดหลังพาทีมฮัมบูร์กคว้าแชมป์บุนเดสลีกาในปี 1982 ก่อนที่เขาจะหันมารับงานผู้จัดการทีมชาติเยอรมันลุยศึกฟุตบอลโลกปี 1986 และเบ็คเค่นบาวน์ได้พิสูจน์ความสามารถให้คนทั้งโลกได้ประจักษ์เมื่อนำเยอรมันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1990 ที่อิตาลี

โยฮัน ครัฟฟ์

ในช่วงทศวรรษที่ 70 ไม่มีนักเตะคนใดจะน่ากลัวไปกว่าเขาคนนี้อีกแล้ว โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานอัศวินสีส้มของฮอลแลนด์ เขาได้รับสมญาว่าเป็น “นักเตะเทวดา” เป็นมิดฟิลด์ที่มีลีลารวมถึงสัญชาตญาณในการทำประตูน่ากลัวกว่ากองหน้าเสียอีก ด้วยรูปร่างที่ผอมบางทำให้มีความเร็วค่อนข้างสูง บวกกับการอ่านเกมอันชาญฉลาด ถือเป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติฮอลแลนด์ในยุคนั้นเลยทีเดียว แม้ฮอลแลนด์ไม่เคยคว้าแชมป์โลก แต่ว่าครัฟฟ์ก็ผงาดครองรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลกปี 1974 ด้วยโดยในทีมชาติ ฮอลแลนด์ เขาลงเล่นไป 48 เกมและซัดได้ถึง 33 ประตู

บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน

เขาคือนักเตะระดับพรสรรค์ที่ดีที่สุดเท่าที่อังกฤษเคยมีมา ในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกที่ทำประตูแบบถล่มถลายโดยมีลีลาการเล่นสไตล์ยุโรปผสมกับอเมริกาใต้ได้อย่างลงตัว ทำให้ในยุคนั้น ชาร์ลตัน เป็นนักเตะที่โด่งดังและมีแฟนๆ ชื่นชอบมากที่สุด ชาร์ลตันผ่านศึกฟุตบอลโลกมาถึง 3 สมัยในปี 1962, 1966 และ 1970 โดยเฉพาะในปี 1966 เขาคือกำลังสำคัญของอังกฤษ ที่ผงาดพาทีมครองแชมป์โลกครั้งแรกและครั้งเดียวได้สำเร็จ และถือเป็นเกียรติยศสูงสุดครั้งสุดท้ายจวบจนปัจจุบันนี้

เกิร์ด มุลเลอร์

ศูนย์หน้าลูกระเบิด หุ่นมะขามข้อเดียวแห่งทีมชาติเยอรมัน ผู้มีลีลาการยิงประตูดุดัน สร้างชื่อกระฉ่อนโลกด้วยการครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของฟุตบอลโลกในปี 1970 ด้วยจำนวน 10 ประตู ซึ่งจนถึงเวลานี้ยังไม่มีใครลบสถิตินั้นได้เลย มุลเลอร์ ติดทีมชาติเยอรมันตะวันตกทั้งหมด 62 นัด ทำได้ถึง 68 ประตู โดยยิงในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ถึง 14 ลูก

เปาโล รอสซี่

ฟุตบอลโลกปี 1982 ใครๆ ก็ต้องรู้จักศูนย์หน้าทีมชาติอิตาลีผู้นี้ เปาโล รอสซี่ เพราะเขาคือดาวซัลโวสูงสุด 6 ประตู โดยเฉพาะการเจอกับทีมชาติบราซิล ถือเป็นจุดกำเนิดฮีโร่คนใหม่ของอิตาลี ที่ซัดแฮตทริกช่วยอิตาลีเขี่ยบราซิลตกรอบได้อย่างพลิกความคาดหมาย กรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ โดยพบกับเยอรมันตะวันตก และนัดนี้รอสซี่ก็กดอีกลูกนำขุนพลมักกะโรนีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกด้วยการเอาชนะอินทรีเหล็ก 3-1 ทำให้แฟนบอลทั่วโลกจำชื่อ เปาโล รอสซี่ ได้ขึ้นใจ

โรแบร์โต้ บาจโจ

“เทพบุตรเปียทองคำ” คือฉายาของ บาจโจ นั่นเป็นนักเตะที่ชอบไว้ผมหางเปีย ยุครุ่งเรืองของเขาอยู่ในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 ถึงต้นทศวรรษที่ 90 และด้วยหน้าตาที่หล่อแบบตี๋ฝรั่งทำให้เขาเป็นที่คลั่งไคล้ของบรรดาแฟนบอลสาวๆ ได้ชื่อว่าเป็น “โกลเด้นบอย” แน่นอนว่าแฟนๆ ลูกหนังชาวอิตาเลียนไม่เคยลืมลูกโซโล่เดี่ยวของบาจโจ เข้าไปยิงประตู เชโกสโลวะเกีย ในปี 1990 ในปี 1994 บาจโจนำทัพอิตาลีกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และพาทีมเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศ แต่ได้เพียงรองแชมป์เมื่อพ่ายแพ้ให้กับบราซิลในการดวลจุดโทษ บาจโจ ถือว่าเป็นนักฟุตบอลระดับโลกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นพุทธศาสนิกชน