พจมาน ชินวัตร “หญิงผู้ทรงอิทธิพล”

“แม่ เมื่อไหร่เราจะรวยซะที” เด็กชายตัวเล็กๆ พูดกับแม่ในช่วงค่ำคืนวันหนึ่งก่อนถึงเวลาเข้านอน ฉากเช่นนี้ อาจเป็นฉากชีวิตที่เกิดขึ้นได้เสมอในครอบครัวหาเช้ากินค่ำทั่วๆ ไป แต่ภาพนี้กลายเป็นภาพที่น่าสนใจ และน่าจดจำสำหรับคนที่ได้ยินเรื่องราว เพราะบังเอิญว่าบทสนทนานี้เกิดขึ้นนี้อยู่ภายใน ”บ้านของครอบครัวชินวัตร”

“โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร” เป็นผู้บอกเล่าอย่างเป็นกันเองกับกลุ่มสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2548หลังงานเซ็นสัญญาให้บริษัทที่ ”โอ๊ค” ถือหุ้นร่วมกับเพื่อนๆ คือฮาวคัม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด รับงานจากบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด ในการขายพื้นที่โฆษณาในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน

“โอ๊ค” บอกว่าตอนนั้นยังเด็กๆ อยู่ และเห็นพ่อ กับแม่ทำธุรกิจอย่างเหน็ดเหนื่อย จึงอยากให้รวยจะได้ไม่เหนื่อย

เชื่อว่าทั้งพ่อและแม่ที่ได้ยินประโยคนี้จากปากของลูกที่ยังเล็กอยู่ในขณะนั้น คงไม่มีพ่อ แม่คนใดที่จะหยุดนิ่งหรือท้อถอย ตรงกันข้ามกลับมีพลังสร้างแรงขับให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน อย่างที่พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตรสร้างให้เห็นในปัจจุบัน

เรื่องราวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผันตัวเองจากเด็กชายธรรมดา แต่เรียนเก่ง มีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เรียนต่างประเทศ รับราชการเป็นตำรวจ แต่เลือกเดินในเส้นทางนักธุรกิจ เคยสัมผัสชีวิตการเป็นหนี้หลายร้อยล้านบาท กระทั่งสัมผัสความสำเร็จของชีวิตนักธุรกิจในธุรกิจเทคโนโลยีสื่อสาร กลายเป็นมหาเศรษฐีด้วยทรัพย์สินมูลค่าที่หลักแสนล้านบาท เดินทางถึงจุดหมายการเป็นนักการเมือง และสูงสุดเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ

สื่อทุกสื่อ หนังสือหลายเล่ม และนักเขียนจำนวนมากได้นำเสนอเรื่องราวของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านอุปสรรคมากมาย ทำให้เป็นบทเรียนอย่างดีสำหรับผู้ที่ต้องการต่อสู้ชีวิตเพื่อให้ถึงจุดหมายที่ตั้งไว้

เนื้อหาที่สำคัญนอกจากโฟกัสไปที่ตัวพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว “คุณหญิงพจมาน ชินวัตร” คือบุคคลที่พ.ต.ท.ทักษิณมักเอ่ยอ้างถึงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวที่คุณหญิงพจมานรับบทบาท ”แม่” ที่ดูแลลูกๆ ทั้ง 3 คนได้อย่างสมบูรณ์แบบ บทบาทการเป็นนักธุรกิจหญิงที่คอยช่วยแก้ไขปัญหาเมื่อธุรกิจประสบปัญหา และการวางรากฐานธุรกิจกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่นให้เข้มแข็งจนสามารถขายหุ้นให้กับกลุ่มเทมาเส็ก รับเงินสดๆ 73,000 ล้านบาท มาเก็บไว้ในคลังของครอบครัว และระหว่างเส้นทางชีวิตความเป็นนักการเมือง

บทบาทของคุณหญิงพจมานอาจไม่ปรากฏชัดนักในกลุ่มคนที่อยู่ไกลตัว แต่หากคนใกล้ตัวแล้วต่างประสานเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณหญิงพจมาน คือผู้ที่มีบทบาทสูงยิ่งต่อชีวิตของพ.ต.ท.ทักษิณ นั่นหมายถึงว่า ด้วยตำแหน่งหน้าที่ของพ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้อำนาจไปทางใด ย่อมมีคุณหญิงพจมานอยู่เบื้องหลัง

หลักฐานปรากฏชัดจากหลายแหล่งข้อมูลที่สะท้อนความสำคัญของคุณหญิงพจมาน เช่น ปลายปี 2548 เอแบคโพลประกาศผลสำรวจเรื่อง “บุคคลผู้มีนัยสำคัญ (มีบารมี) ต่อการเมืองไทยมากที่สุดแห่งปี ในสายตาประชาชนคอการเมือง” จากความเห็นของประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 4,866 คน ระหว่างวันที่ 10 – 14 ธันวาคม 2548 พบว่าผู้หญิงที่มีบารมีต่อการเมืองไทยมากที่สุดแห่งปี คือ คุณหญิงพจมาน

สื่อยักษ์ใหญ่ อย่างหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ก็ยกให้คุณหญิงพจมาน คือบุคคลการเมืองแห่งปี 2548 โดยทีมข่าวการเมืองไทยรัฐให้ชื่อรายงานชิ้นนั้นไว้ว่า “คุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายหญิงเหนือนายใหญ่”

หรือแม้กระทั่ง ”แม่ เมื่อไหร่เราจะรวยซะที” แทนที่จะเป็น ”พ่อ เมื่อไหร่เราจะรวยซะที”

คงไม่ใช่เรื่องธรรมดา หรือความบังเอิญที่คนคนหนึ่งจะสามารถอยู่เหนือ ”นายใหญ่” อย่างพ.ต.ท.ทักษิณได้ในทุกจังหวะของชีวิต

ส่วนวิธีการเป็นอย่างไร ตามที่หลายคนอยากค้นหาโดยออกจากคำบอกเล่าของคุณหญิงพจมานเพื่อหวังให้เป็น How to? นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคุณหญิงพจมานไม่มีนโยบายให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ ทั้งสิ้น จะมีเพียงครั้งเดียวคือช่วงที่เวลาเหมาะสมที่ควรเปิดตัว คือเมื่อปลายปี 2543 ใกล้การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 โดยทีมงานนิตยสารสกุลไทยได้สัมภาษณ์ ที่คฤหาสน์หรู ”จันทร์ส่องหล้า” แต่ก็นั่งสัมภาษณ์พร้อมทั้งครอบครัว และแน่นอนพ.ต.ท.ทักษิณคือพูดที่เป็นผู้พูดมากที่สุด ส่วนคุณหญิงพจมาน คือผู้ที่กล่าวเสริมบ้างในบางจังหวะเท่านั้น

หากในสถานการณ์ที่ไม่อาจเลี่ยงสื่อมวลชนได้โดยตรง เช่น เมื่อเร็วๆ นี้ที่นักข่าวจำนวนมากเข้าไปสอบถามคุณหญิงพจมานในงานครบรอบการก่อตั้งบริษัทชินคอร์ปอเรชั่นจำกัด ที่คุณหญิงพจมานไปร่วมงานทุกปี แม้จะมีคำถามเกี่ยวกับธุรกิจในหลากรูปแบบ หรือแม้กระทั่งล่าสุดข่าวลือการขายหุ้นให้กับกลุ่มเทมาเส็ก สิ่งที่ปรากฎอยู่เสมอทั้งการแสดงออกและคำพูดจากคุณหญิงพจมานคือการยิ้ม และพูดว่า ”ไม่คะ ให้ไปถามคุณบุญคลี”

บุคคลผู้ใกล้ชิดคุณหญิงพจมานคนหนึ่งเล่าว่า คุณหญิงพจมานได้ความเป็นระเบียบ การจัดระบบของชีวิตจากคุณพ่อ ”พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์” และได้ความเป็นคนใจกว้าง ในนักเลงจากคุณแม่ “พจนีย์ ดามาพงศ์ (นามสกุลเดิม ณ ป้อมเพ็ชร์) ที่ทำกิจการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ

ในสมัยเด็กๆ “พจมาน” หรือ”อ้อ” ได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อให้ดูแลการจัดการในบ้าน ถือถุงเงินค่าขนม เพื่อแจกจ่ายให้พี่ชาย คือพงษ์เพชร, เพรียวพันธ์ , พีรพงษ์ และบุตรบุญธรรมของครอบครัว ”บรรณพจน์”

เด็กหญิง ”อ้อ” เข้าศึกษาที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ ตั้งแต่อนุบาล ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในรุ่นเซนต์โยฯ 1315 เพราะจบปี 2513 ส่วนเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เรียนต่อจนจบ ม.ศ.5 จบปี 2515

ระหว่างการศึกษา ”อ้อ” ของเพื่อนๆ เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคนที่สวย ถักผมเปีย 2 ข้าง ยาวเกิน 5 ข้อได้ตามระเบียบของโรงเรียน เรียบร้อย และไม่ค่อยพูด แม้จะอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่เรียกว่าจอมแก่นของโรงเรียน โดยมี ”ลูกน้ำ” หรือสลิลลาวัลย์ ศิริวงษ์ ณ อยุธยา เป็นเพื่อนคู่ใจ

ความเป็นคนที่มีน้ำใจต่อเพื่อน ให้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงใหญ่ๆ ทำให้ ”อ้อ” เป็นที่รักของเพื่อนๆ

“ครั้งหนึ่งที่กลุ่มเพื่อนไปเที่ยวกัน ไปทานข้าว เพื่อนบางคนไม่มีรถ อ้อขับรถแล้ว ก็อาสาไปส่งเพื่อนให้ถึงบ้าน ซึ่งเรื่องขับรถสมัยนั้นสำหรับผู้หญิงถือว่าเก๋มาก แล้วอ้อก็ขับรถก่อนถึงเกณฑ์อายุ 18 เสียอีกด้วย”

ความสนิทสนม และการให้ใจกับเพื่อนอย่างเต็มที่ทำให้ในยามที่ ”อ้อ” ต้องการความช่วยเหลือ ก็ได้เต็มที่เหมือนอย่างที่ ”ลูกน้ำ” เคยช่วยเรื่องธุรกิจอยู่พักหนึ่งในช่วงที่ ”อ้อ” พบรัก และแต่งงานกับ ”ทักษิณ” และเริ่มทำธุรกิจแต่มีปัญหาขาดทุน

แต่ ”อ้อ” ไม่เคยลืม เมื่อ ”ทักษิณ” เป็นมหาเศรษฐี และเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน ”ลูกน้ำ” ได้แต่งงานกับพลอากาศเอกคงศักดิ์ วันทนา ณ วันนี้หลังเกษียณอายุราชการ พลอากาศเอกคงศักดิ์ได้อยู่ในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

คุณหญิง ”อ้อ” ในปัจจุบันยังได้รับความสนับสนุนจากเพื่อนๆ เซนต์โยฯ 1315 เป็นอย่างดี หลายคนอยู่ในทีมงานของคุณหญิง ”อ้อ” แบ่งหน้าที่จัดสรรกันตามความถนัด บางคนดูแลงานในพรรคไทยรักไทย บางคนดูแลงานที่บริษัท และบางคนดูแลเรื่องการจัดเสื้อผ้า การแต่งกาย และคิวงานสังคมให้กับนายกรัฐมนตรี

เพื่อนผู้ที่ไว้ใจจึงอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของคุณหญิงพจมานทั้งหมด

นอกเหนือจากกลุ่มเพื่อนแล้ว คนอื่นๆ ที่คุณหญิงพจมานจำเป็นต้องมีไว้ใช้งาน ก็มีอย่างครบถ้วน และจำนวนมาก ด้วยยุทธศาสตร์การให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่ากับการทุ่มเท ที่ให้แล้วไม่ได้ทำให้ผู้รับรู้สึกว่า ”นี่คือการเอาเงินหรือของมาฟาดหัว” เพราะของแต่ละชิ้นที่คุณหญิงพจมานมอบให้นั้นมีความหมาย ในแบบที่ผู้รับต้องรู้สึกประทับใจ

เมื่อรู้ว่าต้องวิ่งเต้นงานกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ก็ต้องรู้ว่าเขาชอบอะไร หาของให้ถูกใจ ครั้งหนึ่งถึงขั้นทำให้ข้าราชการคนหนึ่งรู้สึกถูกใจอย่างยิ่ง เพราะแม้ว่าในชีวิตจะได้รับของขวัญเป็นเนกไทมาจำนวนมาก แต่ก็มีเส้นจากคุณหญิงพจมานนี่แหละที่เลือกสีได้ถูกใจที่สุด

เพราะฉะนั้นจึงไม่ยากนักที่งานจากภาครัฐหลายงาน กลายเป็นสัมปทานที่ตกเป็นของกลุ่มชินวัตรในยุคสัมปทานเบ่งบาน

เมื่อพนักงานคนใดทำงานได้ถูกใจ ไม่เพียงเงินเดือน และโบนัสที่จ่ายให้ในนามบริษัทเท่านั้น ในโอกาสพิเศษ ยังมีทั้งเช็ค หรืออาจเป็นเงินสดใส่ซองจากคุณหญิงพจมานมามอบให้อีก หรือแม้กระทั่งหากรู้ว่าพนักงานคนใดจำเป็นต้องใช้รถยนต์ วันหนึ่งก็อาจมีมาให้ถึงที่

เพราะฉะนั้นจึงเห็นไม่บ่อยหนักที่ผู้บริหารระดับ Managemenet ของกลุ่มชินคอร์ป จะลาออก

เมื่อสามีเข้าสู่วงการทางการเมือง พลิกพรรคพลังธรรมจากพรรคการเมืองที่สมถะ “มหา 5 ขัน ฉันมือเดียว” มาเป็นพรรคที่เต็มไปด้วย ”ทุน” คุณหญิงพจมานก็ปรากฏกายเคียงข้างพ.ต.ท.ทักษิณตลอดเวลาตั้งแต่ต้นของเส้นทางการเมือง

“อ้อเป็นคนไม่ขัดใจ ในเมื่อพี่ทักษิณบอกว่าอยากเล่นการเมืองเพื่อตอบแทนแผ่นดิน จากเดิมที่เราสองคนไม่มีอะไรเลย จนเวลานี้เราสบายมากแล้ว ก็อยากตอบแทนแผ่นดิน”

“ถ้าถามอีกว่าอยากเหนื่อยอย่างนี้อีกไหม ก็ต้องตอบว่าไม่อยากเหนื่อย ตอนแต่งงานก็คิดว่าอยู่กับตำรวจ ก็คงทำงานอยู่โรงพัก มีชีวิตเหมือนพ่อ แต่เมื่อสามีมีทางเลือก เรียนหนังสือเก่ง ก็สนับสนุนให้เขาได้เรียนสูงที่สุด จนเป็นนายตำรวจ นักวิชาการ จะได้ไม่ต้องลำบากต้องตรวจท้องที่ คือคุณพ่อเป็นตำรวจ เท่าที่จำได้ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะแยกกัน ก่อนอ้อจะหลับ เห็นคุณพ่อแต่งตัวไปทำงานแล้วเห็นอีกทีก็กลับจากโรงเรียน สามทุ่มครึ่งอ้อเข้านอน คุณพ่อจะไปทำงานแล้ว ไม่เคยเห็นคุณพ่อนอนอยู่บนเตียงเลย ถ้าจะครั้งแล้วเห็นเพียง 3 ครั้งเท่านั้น”

บทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งที่ตีพิมพ์คำสัมภาษณ์ของคุณหญิงพจมาน ช่วงปลายปี 2543 ซึ่งสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าสำหรับเส้นทางการเมืองแล้ว คุณหญิงพจมานสนับสนุนเต็มที่

คุณหญิงพจมานต้องประสานกับนักการเมืองรุ่นเก่าเพื่อหาฐานสมาชิกให้พรรคไทยรักไทย หรือเมื่อครั้งเริ่มตั้งพรรคพลังธรรม แล้วอยากหาฐานเสียงจาก Activist ก็ใช้บุคลากรในกลุ่มชินคอร์ป อย่าง ”หมอมิ้ง” น.พ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ต่อจิ๊กซอว์ถึงนักเคลื่อนไหวช่วง 14 ตุลาฯ จนเป็นที่มาของปฎิญญาฟินแลนด์ฯ อันฮาสุดขีด

แม้เส้นทางการเมืองพัฒนามาเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงท่วมท้น จัดตั้งรัฐบาลและได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่ระหว่างทางจะเกิดอุปสรรคเกือบทำให้พ.ต.ท.ทักษิณต้องสะดุด ด้วยคดีซุกหุ้น ด้วยกลยุทธ์โอนหุ้นให้คนใช้และคนขับรถถือหุ้น เมื่อปี 2544 แต่คุณหญิงพจมานก็สามารถแก้ปัญหา จนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากตัดสินให้พ.ต.ท.ทักษิณพ้นคดี ไม่ต้องเว้นวรรคทางการเมือง

พรรคไทยรักไทยที่เติบใหญ่ เป็นอันรู้กันในพรรค และภาพปรากฏคุ้นตาว่าหากประชุมพรรคเมื่อไหร่ เก้าอี้ตัวที่ติดกับหัวหน้าพรรค ต้องเว้นไว้ ซึ่งไม่ใช่ให้รองหน้าพรรคคนใดนั่ง แต่เป็นเก้าอี้ของคุณหญิงพจมาน

ในพรรคไม่มีใครสามารถปฏิเสธคุณหญิงพจมาน เพราะหากปฎิเสธ หรือต่อต้าน ก็เท่ากับปฏิเสธสปอนเซอร์หลักอย่างเป็นทางการของพรรค

ปี 2548 เดือนมีนาคมหลังเลือกตั้งทั่วไปที่พรรคไทยรักไทย โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 ก็ปรากฏบทบาทสำคัญของคุณหญิงพจมานผ่านสื่อมวลชนช่วงนั้น

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งก็ประกาศว่า ”การรับเงินบริจาคของพรรคการเมืองต่างๆ ตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2548 พบว่าการบริจาคเงินให้ 4 พรรคการเมืองประจำเดือนกุมภาพันธ์ รวม 132,100,540 บาท พรรคไทยรักไทยมีผู้บริจาคเพียง 11 ราย แต่มียอดบริจาคสูงที่สุดถึง 129,643,340 บาท แบ่งเป็นของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย บริจาคเงินเข้าพรรคมากถึง 85 ล้านบาท”

จากก่อนหน้านี้ที่ ส.ส.ในพรรคต่างพร้อมใจแสดงความซาบซึ้งต่อคุณหญิงพจมาน ภายหลังพรรคไทยรักไทยประกาศชัยชนะด้วย ส.ส. 377 ที่นั่ง ที่เมืองทองธานี

“เวลา 15.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวแสดงความยินดีกับ ส.ส.ทุกคน ซึ่งถือว่า ส.ส.จำนวน 377 เสียงนี้มาก แต่สิ่งที่ตามมาคือความคาดหวังจาก ส.ส.ย่อมมากตามไปด้วย เพราะฉะนั้นทุกคนต้องมาช่วยกัน ซึ่งในโอกาสนี้ได้มีการฉายวีดิทัศน์ที่ทำการพรรคแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกหลักสี่ ริมถนนวิภาวดีรังสิต โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวบรรยายถึงที่ทำการพรรคใหม่จะมีห้องสมุดที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับประวัติ และผลงานของพรรค ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคโดยจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าชมได้ตลอด นอกจากนั้น ยังมีอาคารที่เป็นที่ทำการพรรคและมีห้องทำงานให้ ส.ส.ทุกคน รวมทั้งห้องประชุมและห้องพักด้วย นอกจากนี้กำลังดูสถานที่เพื่อกันไว้สร้างสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ให้ทุกคนได้ทำงานและอยู่ร่วมกันแบบคนในครอบครัวเดียวกันอย่างเต็มที่ และต้องขอขอบคุณสปอนเซอร์ คือคุณหญิงพจมาน เมื่อพูดถึงตรงนี้ ส.ส.พร้อมใจกันปรบมือแสดงความขอบคุณ”

รายงานข่าวจากสำนักข่าวไทยออนไลน์ บรรยายได้อย่างเห็นภาพ

หรือแม้แต่เกิดอาการปั่นป่วนด้วยเรื่องข่าวคาวของส.ส.หญิงในพรรค คุณหญิงพจมานก็ต้องจัดงานเลี้ยงในกลุ่มส.ส.หญิงในพรรค ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อสร้างความเข้าใจใหม่ต่อสาธารณชน ว่าไม่มีอะไรในก่อไผ่

แต่ดูเหมือนยุทธศาสตร์ของคุณหญิงพจมานจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เสียงร่ำลือเรื่องความเชื่อในศาสตร์ฮวงจุ้ย การแก้เคล็ด โหราศาสตร์ ก็มีมากพอสมควร

สำนักงานของบริษัทชินแซทเทลไลท์ ที่ถนนรัตนาธิเบศร์ ก็เพิ่งปรับเปลี่ยนทางเข้า เพื่อไม่ให้ชนกับศาลาว่าการจังหวัดนนทบุรี การบวงสรวงศาลพระภูมิเจ้าที่ ที่สำนักงานที่ทำการพรรคไทยรักไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ หรือตึกไอเอฟซีทีเก่า คุณหญิงพจมานก็รับหน้าที่มาแล้ว

ยังไม่นับกิจกรรมอีกหลายอย่างของพ.ต.ท.ทักษิณที่ถูกตีความกันว่าคือการแก้เคล็ดต่อดวงชะตา จนกลายคนวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเหตุใดผู้เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีสื่อสารไฮเทคกับโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์จึงลงตัวได้มากถึงเพียงนี้

และท่ามกลางวิกฤตชีวิตทางเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณเวลานี้ ยุคปี พ.ศ. 2549 ที่อยู่ในกระแสของเสียงเรียกร้องให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และบางเสียงรุนแรงถึงขั้นให้เลิกเล่นการเมืองไปเลยนั้น ยังคงน่าติดตามไม่น้อยว่า ”คุณหญิงพจมาน ชินวัตร” ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลคนนี้ จะช่วยฟันฝ่าให้พ.ต.ท.ทักษิณรอดพ้นอีกครั้งได้อย่างไร

Profile

Name : พจมาน ชินวัตร
Birth Date : 22 พฤศจิกายน 2499
Education :
– มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์
– ปริญญาตรี Associate of Arts และสาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกา
Career Highlights :
– บริษัทการบินไทย แผนกพนักงานบริการภาคพื้นดิน
– ผู้ถือหุ้นกลุ่มชินคอร์ป
Status : สมรส สามี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บุตรชาย-พานทองแท้ บุตรสาว-พิณทองทา (เอม) และ แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง)