Digital Cinema Technology

ในเบอร์ลินมีหลายสถานที่ที่แฟนบอลสามารถไปนั่งชมการถ่ายทอดการแข่งขันผ่านทีวีจอยักษ์ เช่นที่ถนนหน้าประตูบรานเดนบวร์ก แม้ไม่เร้าใจเท่ากับการได้ไปนั่งเชียร์ติดขอบสนาม แต่ภาพจากจอขนาดใหญ่ก็สร้างอรรถรสในการเชียร์ได้ไม่น้อย รัฐบาลเยอรมนีสมัยที่แล้ว (เกอร์ฮาร์ด ชโรเดอร์) เล็งเห็นโอกาสจากการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ที่จะเป็นเวทีให้เยอรมนีแสดงศักยภาพทางเทคโนโลยีของตน จึงเริ่มโครงการ Cinevision 2006 ขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีภาพยนตร์ดิจิตอลขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อแซงหน้าฮอลลีวู้ดที่กำลังจะมีหนังความละเอียดพิกเซลระดับ 4k (4,096 พิกเซลในแนวราบ) เนื่องจากทีวีความละเอียดสูง (High-Definition TV: HDTV) ทำให้คนเลือกดูหนังอยู่บ้านมากกว่ามาโรงหนัง จึงมีผลต่อความอยู่รอดของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระยะยาว

แต่ที่สำคัญคือตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาต่างๆ เพื่อให้ได้ภาพมุมกว้าง เห็นการแข่งขันทั้งสนามโดยไม่แพนกล้องหรือเปลี่ยนมุมมอง ทำให้ได้ภาพเหมือนผู้ชมนั่งอยู่บนอัฒจันทร์จริงๆ เทคโนโลยีดิจิตอลซีนีม่าของเยอรมันจึงทำออกมาถึงระดับความละเอียดที่ระดับ 5k (5,000 พิกเซลในแนวราบ) และเปิดตัวต่อสื่อมวลชนพร้อมสาธิตถ่ายทอดการแข่งขันระหว่างเยอรมนีและโปแลนด์เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา

แกนนำสำคัญของโครงการนี้คือ Fraunhofer Institute for Integrated Circuits IIS (สถาบันผู้คิดค้นระบบไฟล์ MP3 ที่เปลี่ยนโฉมโลกการฟังเพลงมาแล้ว) และ ARRI ผู้ผลิตกล้องถ่ายหนังที่คนทำหนังส่วนใหญ่รู้จักดี พัฒนากล้องถ่ายหนังดิจิตอล D20, ระบบการฉายภาพที่ใช้เครื่องฉาย 5 ตัว เชื่อมโยงกันด้วยอุปกรณ์ “Cinecard” ทำให้ภาพที่ปรากฏบนจอเป็นภาพพานอรามาและมีความละเอียดระดับ 5k และพัฒนาระบบการส่งสัญญาณให้มีความเร็วการส่งผ่านข้อมูลขนาด 20 Gbits/วินาที

แม้ปัจจุบันยังไม่มีคำตอบเรื่องความเป็นไปได้ในเชิงการตลาด แต่เยอรมนีหวังว่าหลังการเปิดตัวครั้งนี้ จะเกิดความร่วมมือทางการลงทุนขึ้นในอนาคตอันใกล้ และจากความเป็นผู้ริเริ่มเทคโนโลยีนี้ จะทำให้เยอรมนีกลายเป็นผู้กำหนดมาตรฐานของระบบ แทนที่ ISO (International Standardization Organization) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ