ตือ ออกาไนเซอร์ อีเวนต์สุดขอบฟ้า

กางเกงผ้าทรงกระบอกสีดำ ขาสี่ส่วน เสื้อยืดคอวีสีดำ สวมสูทดำทับ สร้อยเงิน ที่มีลูกกุญแจสุดเก๋ประดับ มองต่ำลงไป รองเท้าคัทชูสีทอง ไม่สวมถุงเท้า …ภาพนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของ สมบัษร ถิระสาโรช หรือที่ใครรู้จักเขาว่า ตือ ออกาไนเซอร์ นักคิดไร้ขีดจำกัด ที่มีวิธีคิด และการบริหารงาน ไม่ค่อยมีใครเหมือน

1.
“เราเป็นคนบ้าๆ บอ” ตือ พูดถึงตัวเอง เป็นประโยคแรกเมื่อถามถึงตัวตนของเขา แต่คำว่า “บ้า” สำหรับเขาคือ ความคิดที่ไร้ขอบเขต เป็นคนที่ไม่หยุดนิ่ง ไม่มีแบบแผน เป็นสไตล์ศิลปินและนักคิดที่ไร้กรอบ ที่ไม่มีตำรา

เกือบสิบปี ในบทบาทนักบริหารของตือ ในนามบริษัท ตือ จำกัด รับจัดงานอีเวนต์ทั่วราชอาณาจักร นับเป็นตำราชีวิตชิ้นสำคัญที่เขาบอกว่าลองผิดลองถูก และค่อยๆ สร้างชื่อ ตือ ออกาไนเซอร์ ขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับ

แม้เขาจะบอกว่า ตือ ออกาไนเซอร์ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การรับงานหรูๆ หรือ แบรนด์เนมอย่างเดียวเท่านั้น เขายังรับงานอื่นๆ ที่อยากเปิดตัวสินค้า หรือจัดปาร์ตี้ให้ลูกค้าระดับกลางๆ ได้ด้วย แต่แบรนด์ของตือ เขายอมรับว่า คนมักจะติดยึดกับอีเวนต์หรูๆ แบรนด์ดังๆ

ตัวตนของตือ เป็นคนที่มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย ถ้าเป็นหนังก็เรื่อง Season Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย มีทุกฤดูในตัวเอง บางครั้งจะเห็นเขาหัวเราะ เห็นเขาขรึมๆ ซีเรียส ในเวลาเดียวกัน

ตือ เป็นนักคิดที่ทำงานได้ตลอดเวลา เขาไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าจะนอนเมื่อไหร่ ทำงานตอนไหน บางคืนตีสาม ตีสี่เขายังสามารถลุกขึ้นมาทำงานได้ หากความคิดนั้นไหลเวียนผ่านมันสมองของเขา

บางวัน ตือ เรียกว่า เป็นวันประชุมประจำชาติ หมายถึง เขาจะประชุมกับลูกค้าตอนเช้า บ่าย และทีมงานตอนเย็นๆ เรียกว่า วันหนึ่งอาจจะมีการประชุมทั้งวัน ซึ่งการพบปะลูกค้าถือเป็นงานประจำที่จำเป็นสำหรับการสร้างความพึงพอใจให้กับผลงานของเขา และได้เพื่อนใหม่กลับมา

“แม้เราจะเป็นผู้บริหาร แต่เรายึดหลักว่า ต้องให้ความสำคัญกับลูกค้า เราต้องคุยกับลูกค้าเอง และไม่รับมาแล้วให้คนอื่นทำ เมื่อเขาเชื่อมั่นเรา จ้างเรา ต้องทำเอง คิดเองทั้งหมด”

2.
Monster Eye หรือผีตาเดียว อีเวนต์ล่าสุดต้อนรับงานฮาโลวีน ของสยามเซ็นเตอร์ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ เป็นงานชิ้นหนึ่งที่สะท้อนความเป็นยี่ห้อตือได้อย่างชัดเจน

“เชื่อไหมงานนี้คิดคอนเซ็ปต์งานได้ตอนกำลังชงเหล้าให้เพื่อน ใช้เวลารวมเบ็ดเสร็จ 3 นาที” ตือ เล่าให้เห็นถึงวิธีคิดงานว่า บางครั้งก็ใช้เวลาเท่ากับการต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น ก็กลายเป็นงานใหญ่ระดับล้านได้ หากไอเดียนั้นพรั่งพรูขึ้นมา

อย่างงาน มอนสเตอร์อาย เขาบอกว่า เป็นธีมงานที่คิดให้ผีเข้าสิงสยามสแควร์ โดยคิดจากภาพในอดีตที่ครั้งหนึ่งเขาเคยดูหนังผีญี่ปุ่น ที่มีผีตาเดียวหลอกหลอน อยู่ในร่ม อยู่ในอาหาร เขาจึงเกิดไอเดียวว่า ผีฮาโลวีนปีนี้ควรจะออกแนวน่ารักๆ และอยู่ในวิถีชีวิตของคน เช่น ผีในอาหาร ผีในแก้ว ผีในไข่ ผีในแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น

ตือ บอกว่า เขาเป็นคนกลัวผีมาก ทำให้เขาจดจำเรื่องผีที่เคยดูมาได้เป็นพิเศษ และไม่น่าเชื่อว่าจะนำมาใช้กับการคิดงานของเขาได้ในอนาคต ซึ่งเรื่องในอดีตบางครั้งก็สามารถนำกลับมาประยุกต์ใช้ได้

ตือ อธิบายว่า สูตรการคิดงานของเขาจะนึกถึงตัวเองก่อน พยายามใช้เรื่องใกล้ตัวเน้นงานที่สนุกสนาน มีไลฟ์สไตล์ของคนเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือเรียกว่า Human Insight และมีเทรนด์ของแฟชั่นเข้าไปผสม ที่สำคัญตือย้ำว่า ต้องเป็นงานที่สนุกสนาน พยายามให้มี Interactive กับคนให้ได้ ถือว่าสำเร็จในระดับหนึ่ง และเป็นงานที่คนสามารถพูดถึงได้แม้ระยะเวลาผ่านไปก็ตาม

“การจัดงาน ต้องมองที่วัตถุประสงค์ของงานเป็นหลัก ว่าลูกค้าต้องการอะไร บางงานไม่จำเป็นต้องหรู แต่หากใช้ธีมที่ลูกเล่น เช่น สัญลักษณ์บางอย่างออกมา อย่างงานฮาโลวีน ก็ทำให้งานมีสีสันสนุกสนานแล้ว มากกว่าจะถลุงเงินจัดปาร์ตี้”

3.
จากวันแรกถึงวันนี้ เกือบสิบปี บริษัท ตือ ยังเป็นโมเดลเดิมๆ ที่เขาบอกว่าอยู่กันอย่างพี่น้อง องค์กรยังเล็กๆ ผอมๆ เพราะเขาเชื่อว่า หากอ้วนเกินไปจะทำให้ขับเคลื่อนได้ช้า แต่สภาพผอมจะคล่องตัวกว่า

“การทำธุรกิจต้องไม่โลภเกินไป ทำพอประมาณให้มีความสุข อย่าไปหวังไกลเกินไป ทำวันนี้ให้ดีที่สุดตามกำลัง และบริษัทจะเดินหน้าไปเอง”

หัวใจสำคัญในการทำงานที่ตือบอกว่าไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย คือ บริษัทแห่งนี้ไม่มี เออี พิชงานใดๆ แต่มีลูกค้าไม่ขาดสาย ลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้ามาเอง จากปากต่อปาก และตือจะเป็นผู้คุยกับลูกค้าเองทุกครั้งโดยไม่มีการให้คนอื่นคุยแทน เพราะการให้เกียรติลูกค้าเป็นจุดสำคัญที่สุด

สิ่งสำคัญของที่ตือบอกว่าติดตัวเป็นประจำทุกวัน คือ สมุดโน้ต ปากกา และกล้องถ่ายรูปติจิตอล เพราะเขาจะหยิบออกมาทุกครั้งที่คิดอะไรออก หรือเจออะไรที่น่าสนใจ จะถ่ายรูปเก็บทันที เพราะวันเวลาผ่านไปก็สามารถหยิบนำมาใช้ได้ตลอด และประยุกต์กับการคิดงานได้ทุกเมื่อ

คติการทำงาน

คติการทำงานของเขา คือ คิดแล้ว ต้องทำทันที… นั่นหมายถึง การ “ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง” ทำให้งานของเขาเดินหน้าและเสร็จตามกำหนดส่งงานทันลูกค้า

งาน คือ วันพักผ่อน

ตือ เป็นนักบริหารที่มีเอกลักษณ์ประจำตัวอย่างหนึ่ง คือ การแต่งตัว เขามักจะใส่กางเกงขาลอยสีดำ เสื้อยืดคอวีสีขาวบ้าง สีดำบ้าง มีแจ็กเกตดำคุมทับอีกที หากมีงานไปพบลูกค้า รองเท้าคัทชูสีทอง และสีดำ

เขาบอกว่า เป็น ชุด “ตือดีไซน์” ที่ใส่สบายที่สุด ให้เพื่อนสนิทออกแบบให้ และมีนับสิบตัว แบบเดียวกันหมด ใส่แบบนี้ทุกวัน เพราะเขาอยากใช้เวลาแต่งตัวให้น้อยที่สุด และกลายเป็นสิ่งที่ดีมีคนจดจำได้

ตือ เป็นนักสะสมกระเป๋าสะพาย เขามีนับร้อยใบ แต่เขาไม่ชอบให้ใครดู หากไม่สนิทสนมกันมาก ยิ่งสื่อมวลชน เขาจะไม่ยอมให้ถ่ายรูปเด็ดขาด เพราะเขาถือว่าเป็นของส่วนตัว

วันว่างของตือ คือการอ่านหนังสือ เขาบอกว่าอ่านได้ทุกแนว แฟชั่น ท่องเที่ยว ดีไซน์ เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 40 เล่มทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ทำให้ทุกมุมของบ้าน (คอนโดมิเนียม ซอยโชคชัยร่วมมิตร) มีมุมอ่านหนังสือ รวมทั้งชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ที่มีหนังสือกว่าพันเล่มจัดวางอยู่

นอกจากนั้น ตือจะใช้เวลาพบปะสังสรรค์กับเพื่อน ไปกินข้าวตั้งแต่ร้านข้างถนน จนถึงร้านอาหารระดับ Luxury เข้าได้หมด เขาบอกว่าการออกไปกินข้าวตามร้านอาหารต่างๆ เป็นการทำงานไปด้วย เพราะสามารถเจอสิ่งต่างๆ ใหม่ๆ นำมาใช้การทำงานได้

ทุกวัน เขาบอกว่างานและวันพักผ่อน เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก เพราะทั้งสองอย่างได้หลอมรวมกัน เพราะในขณะที่เขาพักผ่อน งานก็สามารถเกิดได้ในวิถีชีวิตของเขา