ปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ นักปั้นไอศกรีม

“ปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์” หนุ่มนักการตลาดที่พลิกผันชีวิต หากไม่ใช่เพราะเขาค้นพบว่าเขาชื่นชอบและรักการอ่านหนังสือแนวธุรกิจอย่างเป็นชีวิตจิตใจ ทุกวันนี้เขาคงเป็นนักภูมิศาสตร์ตามปริญญาบัตรที่เขาได้ร่ำเรียนมา แต่ปิยะพงศ์เลือกที่จะเดินทางไปศึกษาต่อด้านบริหารธุรกิจที่สหรัฐอเมริกา

“เกิดในครอบครัวที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่เป็นทันตแพทย์ แต่ให้สิทธิเราในการเลือกเรียนอย่างเต็มที่ ตอนเลือกเรียนภูมิศาสตร์ ก็เพราะมาจากไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบการเดินทางและกิจกรรมเอาต์ดอร์ รู้สึกว่าเราน่าจะเรียนได้ดีและสนุก” เขาบอกกับ POSITIONING

แม้ทุกวันนี้จะไม่ได้เป็นนักภูมิศาสตร์ แต่การเป็นนักการตลาด กับตำแหน่ง Brand Manager-Ice Cream บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ก็เป็นสิ่งที่เขาเชื่อว่าเลือกเดินมาถูกทาง

“สนใจด้านการตลาดมาก จึงเลือกเน้นด้านนี้ พร้อมๆ กับอีคอมเมิร์ซ หลังจากเรียนจบ ป.โท ก็ทำงานด้าน Retail Audit มี Key Account ที่ดูแล คือ Banana Republic, GAP และ Victoria Secret จากนั้นก็ดู Account ที่ใหญ่ขึ้น อย่าง Home Depot และ Wal-Mart ทำให้ได้สไตล์การทำงานแบบอเมริกันมาเยอะ คือ ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม สำหรับเรื่องงานแล้ว มีอะไรก็ถกกันเลย แต่งานจบก็จบ และมีความตรงต่อเวลามาก แต่เขาจะค่อยมีการพูดคุย สังสรรค์กันหลังจากเวลางานมากนัก”

แต่สำหรับการทำงานที่เนสท์เล่ จะเป็นสไตล์แบบยูโรเปี้ยน ซึ่งให้ความสำคับกับระบบซีเนียร์พอสมควร

โดยเริ่มงานด้าน Sale Marketing ก่อนจากนั้นย้ายมาทำด้าน Marketing อย่างเต็มตัว

“ได้เห็นภาพที่กว้างขึ้น งานด้านเซลส์จะมองแบบ Short Term อย่างมาก 3 เดือนข้างหน้า แต่ด้านการตลาดจะมองแบบ Middle ถึง Long Term ต้องติดต่อประสานงานกับหลายฝ่าย ทั้งเรื่องของโรงงาน การเงิน สารพัด”

เพียงไม่นานเขาก็สร้างผลงานเด่นลอนซ์ไอศกรีมซันเดย์ ซึ่งเป็น Soft Serve จำหน่ายในแฟมิลี่ มาร์ท ได้สำเร็จ จากนั้นความสามารถของเขาได้ถูกพิสูจน์อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อยสำหรับหนุ่มวัย 29 กับการดูแลไอศกรีมเนสท์เล่ “เอสกิโม” ที่จับกลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปี โดยกลุ่มไอศกรีมเด็กนี้มียอดจำหน่ายคิดเป็น 60% ของยอดจำหน่ายรวมของไอศกรีมเนสท์เล่เลยทีเดียว

“ต้องทำการบ้านหนักขึ้น ดูรีเสิร์ชเยอะมาก ไปพูดคุย สังเกตตามโรงเรียน ไปกับรถสามล้อของเรา ไปตามตลาด”

ผลงานสร้างชื่อคือการทำโปรโมชั่นสะสมสติกเกอร์แลกลูกฟุตบอล เป็นความกล้าที่จะฉีกแนวจากเดิมไอศกรีมเนสท์เล่ จะมุ่งเน้นการทำ Movie Marketing หากแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำ Sport Marketing

“ทำโปรโมชั่นไอศกรีมเด็ก ไม่ใช่แค่แลกไม้ไอศกรีมเท่านั้น ต้องการฉีกแนวบ้างแต่ก็ต้องศึกษาจากไลฟ์สไตล์ของเด็ก ซึ่งพวกเขามีกันไม่กี่อย่าง คือ เกม การ์ตูน และกีฬา เมื่อเลือกกีฬาก็เลยเป็นฟุตบอลเพราะแมสสุดและเด็กทั่วประเทศเข้าถึงได้ และต้องเป็นทีมชาติอังกฤษ เพราะเป็น Top of mind และมี Media Coverเยอะ”

เขาจึงสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ด้วยการให้ลูกค้าตัวน้อย สะสมสติกเกอร์รูปนักเตะ ซึ่งจะแปะอยู่ในซองไอศกรีม เมื่อสะสมครบบนสมุดก็จะได้ลูกฟุตบอลพร้อมลายเซ็นนักเตะขวัญใจ ผลปรากฏว่ายอดขายช่วงนั้นพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้เด่นชัด จนทำให้ลูกฟุตบอลที่เตรียมไว้แลกกว่า 200,000 ลูก หมดเกลี้ยง!

ในฐานะ Brand Manager เขายังสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดน่าสนใจสำหรับเด็กๆ ผู้เป็นกลุ่มเป้าหมายของเขาต่อไป จากการเป็นคนใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา หนังสือจึงเป็นแหล่งปัญญาชั้นดีสำหรับเขา ทั้ง Harvard Business Review, Fortune และ TIMES คือนิตยสารระดับโลกที่ว่ากันด้วยเทรนด์ ความรู้ด้านธุรกิจ อันเอื้อประโยชน์ต่อการทำงานของเขาได้เป็นอย่างดี

“หนังสืออัตชีวประวัติก็ชอบอ่าน ชอบหนังสือของ Clinton และ Jack Welch มาก 2 คนนี้มีสิ่งที่คล้ายกันคือ Leadership, Open Mind, Take Challenge และ Take Risk ซึ่งเป็นคุณสมบัติของคนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในชีวิต”

และหลักคิดในการทำงานของเขาก็ได้มาจากสูตร 4EP (Emergizer, Energetic, Edge, Execution และ Passion) ของ Jack Welch ผู้เป็น Chairman และ CEO ของ GE ที่เขาใช้ในการเลือกคนมาร่วมงานกับเขานั่นเอง

ขณะที่ชีวิตนอกเหนือการทำงานเขาเป็นนักท่องเที่ยวตัวยง ซึ่งรักการเที่ยวทุกรูปแบบทั้งแบบหรูหรา แสนสบายและแบบลุยๆ ก็ได้ ที่สำคัญเขาชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ

“ชอบถ่ายรูปมาก ลงทุนกับกล้อง อุปกรณ์เสริมเยอะมาก (หัวเราะ) แนวภาพที่ถ่ายจะเป็น Street Life เน้นชีวิตคน การถ่ายรูปช่วยให้เรามีมุมมองที่เปลี่ยนไป ขณะที่เราเลือกมุมกล้อง จะถ่ายอย่างไรให้รูปเพียง 1 รูปเล่าเรื่องได้”

จากความชอบและหลงใหลในเรื่องนี้ ได้ถูกแปรเป็นธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินได้คุ้มค่าให้เขาบน ebay

“สมัยอยู่อเมริกา เรียนอีคอมเมิร์ซมา ก็ได้ทดลองช็อปบน ebay เสร็จแล้วก็ขายกลับไปบน ebay พวกสินค้าไอที กล้อง เลนส์ เราซื้อมาแล้วมาอัพเกรดให้ดูดีขึ้น ถ่ายรูปให้สวยแล้วขายอีกครั้ง ได้เพิ่มชิ้นละ 50-100 เหรียญ มันเป็นการฝึกเซนส์ของการเป็นผู้ประกอบการอย่างหนึ่ง”

นอกเหนือจากการเดินทางท่องเที่ยวและถ่ายภาพแล้ว การเลี้ยงสุนัขก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาขาดไม่ได้ เขารักเจ้าสี่ขา “ซันนี่” ของเขาขนาดส่งเข้าโรงเรียน เปลี่ยนรถใหม่เป็น 5 ประตูเพื่อพาสุนัขตัวใหญ่พันธุ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ตระเวนไปเที่ยวด้วย และหลายครั้งที่เพื่อนรักของเขาได้กลายมาเป็นนายแบบให้เขาเก็บภาพน่ารักๆ ด้วย

ขณะที่เวลาว่างอื่นๆ ของเขาคือการเล่นฟิตเนส และเล่นฟุตบอล เพื่อผ่อนคลาย และบางครั้งเขาบอกว่าสามารถจุดประกายไอเดียขณะที่เขากำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งไฟฟ้า

ปิยะพงศ์ นับเป็นเลือดใหม่ มากฝีมือของเนสท์เล่ ที่จะยังคงมีเส้นทางเติบโตและอนาคต ตลอดจนบทพิสูจน์ลับสมอง ประลองฝีมือให้เขาอีกมาก

แบรนด์ในดวงใจ

หากถามถึงแบรนด์ที่เขาชื่นชอบแล้ว เขาตอบอย่างไม่ลังเลว่าเขาประทับใจและรู้สึกชื่นชม “Wal-Mart” แบรนด์ห้างขายสินค้าราคาถูก ที่เป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ ปฏิบัติการล้มแบรนด์เจ้าตลาดอย่าง K-Mart จนแทบจะถูกกลืนหายไปจากสังเวียน

“Wal-Mart เป็นแบรนด์ที่เก่งมากๆ เขาขายของได้ถูกกว่ายักษ์ใหญ่อย่าง K-Mart ในตอนนั้น”

ขณะที่ Johnnie Walker คือ อีกแบรนด์ที่เขารู้สึกว่ามีสีสันและท้าทาย เพราะต้องทำงานภายใต้กรอบกติกาที่มีมากกว่าสินค้าประเภทอื่น และเขาเห็นว่า JW สามารถสร้างสรรค์ได้อย่างน่าปรบมือ

Profile

Name ปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์
Age 29 ปี
Education
– ปริญญาโทบริหารธุรกิจ เน้นด้านการตลาดและอีคอมเมิร์ซ, College of Business,
– University of Findlay, OH USA
– ปริญญาตรีศิลปศาสตร์ (ภูมิศาสตร์) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
– มัธยมศึกษา โรงเรียนทวีธาภิเษก
Career Highlights
2548-ปัจจุบัน Brand Manager-ไอศกรีม Nestle (Thai) Ltd.
2547-2548 Assistant Channel Manager, Nestle (Thai) Ltd.
2545-2546 Associate Area Manager, RGIS, Inc. Baltimore, USA
2544-2545 Day-Time Store Manager, Tee Oriental Store Findlay. OH USA
2544 Assistant Project Manager for e-Commerce Infrastructure, Tokyo Tourist Corporation, Japa