เคาะดีล “ทอม ศรีวรกุล” สร้างแล้วขาย “เจ็บก่อน รวยก่อน”

9 ปี ก่อตั้งธุรกิจอย่างน้อย 4 บริษัท 3 บริษัทเติบโตจนสามารถขายหุ้นทำกำไร โดยธุรกิจล่าสุดทำกำไรในหลักร้อยล้านบาท มีแค่ 1 บริษัทที่ขาดทุนและปิดตัว นี่คือเส้นทางที่คุ้มค่าของนักธุรกิจในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตวัย 37 ปี “ทอม ศรีวรกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง เอ็นโซโก้ ประเทศไทย ที่วันนี้ยังคงสนุกกับการคิด สร้าง และขาย ไม่รู้จบ

“ทอม” มีน้องชายอีก 2 คน คือ “จอห์น” และ “พอล” ศรีวรกุล เติบโตที่สหรัฐอเมริกา เป็นคนรุ่นใหม่ยุคดอทคอมเฟื่องฟู และได้เห็นภาวะดอทคอมฟองสบู่แตกในปี 2000 ที่อเมริกา จนตัดสินใจกลับเมืองไทยในช่วงที่อินเทอร์เน็ตกำลังเติบโต พร้อมกับสร้างธุรกิจใหม่ที่พวกเขาถนัด  เป็นโมเดลชีวิตที่คนรุ่นใหม่อยากทำ ว่าด้วยการเป็นเจ้าของธุรกิจ

พี่น้อง “ศรีวรกุล” เริ่มธุรกิจเมื่อปลายปี 2003 ด้วยการเป็นตัวแทนขายโฆษณาให้เอ็มเอสเอ็น ในยุคที่การแชตผ่านเอ็มฯ เฟื่องฟู ภายใต้บริษัทอิมแพค อินเตอร์แอ็คทีฟ จำกัด นานประมาณ 4 ปี และในเครือเดียวกันนี้ยังมีบริษัทนิวมีเดีย จำกัด เพื่อเป็นพันธมิตรกับเว็บไซต์ทั่วโลกในการขายพื้นที่โฆษณา

การพัฒนาของเทคโนโลยีออนไลน์ที่ทำให้เม็ดเงินโฆษณาเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ไม่ขาดสาย เมื่อ “นิวมีเดีย” เติบโตก็ถูกเทกโอเวอร์ “ทอม” และน้องๆ ก็ตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อแอ็ดแม็กซ์ เน็ตเวิร์ค เมื่อปี 2006 และขายหุ้นไปเมื่อปี 2009 ด้วยการเปิดเผยมูลค่าการขายไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท ทั้งนิวมีเดียและแอ็ดแม็กซ์ ยังคงเป็นธุรกิจสดใส โดยนิวมีเดียยังคงเป็นเครือข่ายขายพื้นที่โฆษณาให้เว็บไซต์ต่างๆ ส่วนแอ็ดแม็กซ์ ได้เป็นตัวแทนขายโฆษณาให้เฟซบุ๊กในพื้นที่พรีเมียม 

กลางปี 2009  ก็ได้เริ่มต่อตั้งเอ็นโซโก้ เป็นทางเลือกใหม่ของสื่อโฆษณาในรูปแบบของโซเชี่ยลคอมเมิร์ช จนกลางปี 2011 ได้ขายหุ้นเอ็นโซโก้ให้ลีฟวิ่งโซเชี่ยล ยักษ์ใหญ่จากอเมริกา

ปัจจุบัน “ทอม” และน้องๆ ขายหุ้นทั้งในอิมแพค นิวมีเดียและแอ็ดแม็กซ์หมดแล้ว ยังคงมีหุ้นในเอ็นโซโก้อีกเล็กน้อย ในฐานะที่เขายังคงเป็นผู้บริหารให้เอ็นโซโก้เท่านั้น

แน่นอนว่าการก่อตั้ง การเริ่มธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย และการตัดสินขายสำหรับคนทั่วไปแล้ว อาจยิ่งยาก แต่สำหรับ “ทอม” แล้ว บอกว่านี่คือเรื่องธรรมดา “อย่างที่คุณพ่อและคุณแม่ผมสอนว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น 100% ของขนาดที่มีเพียง 100 บาท หรืออยากเป็น 10% ของขนาดที่เป็น 10,000 บาท” ส่วนใหญ่เขาเลือกอย่างหลัง  

และที่สำคัญของเหตุผลในการตั้งและขายนั้น เขาบอกว่า “ผมเป็นคนเบื่อเร็ว ต้องหาอะไรตื่นเต้นตลอดเวลา ดั้งนั้นเมื่อขายแล้ว ก็พร้อมจะสร้างธุรกิจใหม่ได้ตลอดเวลา”

ตลอดเวลา 9 ปี กับการขายธุรกิจ 3 บริษัทด้วยกำไรที่ไม่ขอเปิดเผยตัวเลข บอกได้แต่เพียงว่าวันนี้แม้เขาไม่ทำอะไร ก็อยู่ได้มากกว่าคำว่า “สบาย” ทำให้ “ทอม” ได้บทสรุปสำคัญคือการเป็นผู้ที่มาก่อนในธุรกิจ อาจต้องยอมเจ็บบ้าง แต่ใครยอมเจ็บก่อนจะก้าวหน้าได้คนแรก

แต่ใช่ว่าชีวิตจะมีแต่ความสำเร็จ สำหรับ “ทอม” แล้วบทเรียนสำคัญคือมี 1 บริษัทที่ต้องขาดทุน ล้มเหลว และเจ็บปวด คือบริษัท เยลโล่ คลาสสิฟายด์ เว็บไซต์บริการแลกซื้อขายสินค้าที่ลูกค้าต้องการตรงกัน เป็นบทเรียนที่ทำให้รู้ว่าธุรกิจที่มาเร็วเกินไป และไม่ได้ลงมือดูแลเองอย่างเต็มที่ จะเป็นปัญหาได้ในที่สุด สิ่งที่เจ็บปวดไม่ใช่ตัวเงินที่ขาดทุน แต่คือต้องเลิกจ้างพนักงานกว่า 60 ชีวิต

“การยอมเจ็บก็ต้องเข้าใจกันทั้งบริษัท ถ้าภูมิใจในการเป็นอันดับ 1  เป็น First Mover ก็ต้องยอม แต่จะเจ็บแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับพนักงานและผู้บริหารที่ร่วมกันบอกว่ายอมได้แค่ไหน ซึ่งทุกคนก็ต้องมีลิมิต เหมือนอย่างผมก็มีลิมิตเหมือนกัน อย่างกรณีการสร้างและขายเอ็นโซโก้ เพราะต้องการเทคโนโลยีมาเติม เพราะเราอาจคิดเองไม่ได้ หรือคิดได้แต่อาจช้าเกินไป หรือต้องทดลอง อาจทำผิดหรือไม่ผิด เพื่อไม่ให้เจ็บ จึงต้องหาทางลัดให้สำเร็จมากขึ้น ได้เร็วขึ้น”

แม้จะขายหุ้นใหญ่ไปแล้ว แต่ ณ ปัจจุบัน “ทอม” ยังมีหน้าที่และความสุขกับการสร้างให้เอ็นโซโก้เติบโตและแข็งแกร่งมากขึ้น ต่อยอดกับสิ่งที่เข้าได้สร้างให้เอ็นโซโก้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากจุดเริ่มต้นมีพนักงาน 5 คน ปัจจุบันมี 400 คน และมีคนเข้าชมเว็บเฉลี่ย 9 ล้านคนต่อเดือน

ในอนาคตหากต้องสร้างธุรกิจใหม่ “ทอม” บอกว่ากำลังมองไปที่สื่อโทรศัพท์มือถือ ที่ทุกวันนี้หมดข้อสงสัยแล้วว่าเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากที่สุด

“ทอม” ยังแชร์ว่านี่หากคนรุ่นใหม่อยากเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง ก็น่าจะพิจารณาสื่อโทรศัพท์มือถือ โดยย้ำว่าพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันใช้เวลาอยู่กับอุปกรณ์สื่อสารตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต  มีการใช้มากกว่าใช้คอมพิวเตอร์แล้ว 

ดังนั้น การเข้าถึงผู้บริโภคจะเปลี่ยนรูปแบบการใช้สื่อ จากเดิมเริ่มต้นจากสื่ออฟไลน์ ไปออนไลน์ และโมบายล์ แต่ต่อไปจะเห็นมากขึ้นในทางกลับกันคือจากโมบายล์ก่อนไปออฟไลน์ โดยเฉพาะเมื่อเครือข่ายสื่อสารพร้อม มี 3G สมบูรณ์ และความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของระบบการจ่ายเงินผ่านโมบายล์ จะทำให้การซื้อขายสินค้าผ่านโมบายล์เกิด เป็นอีกก้าวหนึ่งของธุรกิจอีคอมเมิร์ช จากปัจจุบันที่ธุรกิจนี้กำลังแข่งขันอย่างคึกคักบนออนไลน์ และบนคอมพิวเตอร์เท่านั้น

สำหรับ “ทอม” แล้ว เวลานี้ไม่เพียงแค่คิด เริ่มลงมาและขายเท่านั้น แต่ยังพร้อมแชร์ไอเดีย  และผลักดัน เพื่อให้เกิดคนรุ่นใหม่ในธุรกิจนี้ เพราะยิ่งผู้เล่นยิ่งมาก ก็ยิ่งเกิดความสร้างสรรค์ใหม่ๆ นี่แหละคือชีวิตในโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยสีสันอย่างแท้จริง

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”vertical-align: top; width: 370px;”>People
Name
:

style=”vertical-align: top; width: 370px;”>ทอม ศรีวรกุล
Age
:

style=”vertical-align: top; width: 370px;”>37 ปี
Education
:

style=”vertical-align: top; width: 370px;”>วิศวกรรมศาสตร์ School of
Hard Knocks  แห่งมหาวิทยาลัย California State University
Career
Highlights : ธันวาคม
1989 – มีนาคม 2003 ผู้จัดการบริษัท
Rollins, Inc สหรัฐอเมริกา ธันวาคม
2003 – มกราคม 2008 Reginal Director
บริษัท Impaq Inercative ธันวาคม
2004 ก่อตั้งบริษัท New
media (ขายหุ้นทั้งหมดเมื่อธันวาคม 2011) มกราคม
2008 Managing Director
ประเทศไทย บริษัท Admax network (ขายหุ้นทั้งหมดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2012) มิถุนายน
2009 ปัจจุบัน (มิถุนายน
2012) ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัท Ensogo (ขายหุ้นให้ลีฟวิ่งโซเชี่ยล
อเมริกา เมื่อมิถุนายน 2011) Lifestyle
: Gadget  iPhone,
BlackBerry, iPad Application ใช้ Whats APP,
Facebook, Newsrack, Thin-Cam, Solitaire, Scrabble Third
Place ชอบไปเดินเล่นสำรวจตามช้อปปิ้งมอลล์ต่างๆ
เพื่อสังเกตพฤติกรรมของผู้บริโภค Read Blink, 7 Habits,
Raising Boys Sport ชอบกีฬาทุกชนิดที่เล่นเป็นทีมเพราะจะช่วยส่งเสริมให้เกิดทีมเวิร์คที่ดี
นอกจากนี้ การเล่นกับลูกชายทั้งสามคนของผมก็ต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก
และช่วยสอนให้ผมรู้จักอดทน Brand
ที่ใช้ประจำ ที่ใช้ประจำ Google
และ Facebook มีความสำคัญทั้งในแง่ของการทำงานและชีวิตส่วนตัวของผม Brand
ที่ชอบ Fab.comและPinterrestเป็นแบรนด์โซเชี่ยลคอมเมิร์ซที่กำลังมาแรงและน่าสนใจมาก
นอกจากนี้ ผมยังชอบแคมเปญdisconnect to connectของดีแทค
มันน่าจดจำและสะเทือนอารมณ์มาก Future จะพยายามสร้างโอกาสให้คนไทย
ต่อยอดพื้นฐานที่คนไทยมีความขยันและมีความสร้างสรรค์อยู่แล้ว