บัตรเครดิตแตกเซ็กเมนต์ถี่ยิบ

ในฐานะผู้เล่นที่มีสีสันมากที่สุดในธุรกิจบัตรเครดิต นิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดมุมมองเกี่ยวกับ แนวโน้มธุรกิจบัตรเครดิตปี 2550 นี้ที่มีแนวโน้มสดใสกว่าปีที่ผ่านมา

“ปี 2550 นี้ตลาดบัตรเครดิตยังไม่อิ่มตัว ตอนนี้มี 11 ล้านใบทั่วประเทศ คนหนึ่งถือบัตร 4-5 ใบ แต่ใช้จริงๆ แค่ 1 ใบ เพราะฉะนั้นคนถือบัตรเครดิต จริงๆ แล้ว มีเพียง 3 ล้านคนเท่านั้น”

นิวัตต์มองว่า โอกาสที่จะเพิ่มอัตราการเติบโตของตลาดนี้มาจากเสถียรภาพทางการเมืองเริ่มมั่นคงมากขึ้น แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเริ่มทรงตัว อีกทั้งราคาน้ำมันได้อ่อนตัวลง ธุรกิจบัตรเครดิตยังมีโอกาสสูงอยู่ และสว่างไสวกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน และเช่นเดียวกันผู้เล่นแต่ละรายก็ยังปล่อยหมัดเด็ดกันอย่างเต็มที่ทั้งแบงก์ต่างชาติและแบงก์ไทย

การแข่งขันในตลาดนี้จึงระอุไม่แพ้ตลาดใด โดยส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน (Everyday Spending) อาทิ ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด ท่องเที่ยว และโรงพยาบาล เป็นต้น

แคมเปญต้องคุ้ม ร่วมกับสินค้าโดยตรง

KTC เองมองว่าจะต้องเน้นขยายฐานสมาชิกให้มากขึ้นด้วยบัตรรูปแบบใหม่ๆ ที่เป็น Lifestyle Segmentation อีกทั้งการออกแคมเปญการตลาดต้องให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้ม ให้ผู้บริโภครู้สึกว่าได้สิทธิพิเศษมากกว่าใช้จ่ายด้วยเงินสด เพื่อให้เกิดพฤติกรรมการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตเป็นประจำ

เขาเอ่ยถึงทิศทางที่มีศักยภาพของการทำแคมเปญบัตรเครดิตว่า จะต้องโปรโมตกับสินค้าและบริการโดยตรงถึงจะโดนใจผู้บริโภคมากกว่า

“ส่วนใหญ่จะโปรโมตร่วมกับห้างฯ และออกมาเป็น 5% On top ลูกค้าไม่ได้ต้องการอย่างนั้นทั้งหมด มันเฝือ ใครๆ ก็ทำกัน KTC ไม่มี ทำแบบนั้น 2 ครั้งต่อปีก็เจ๊งหมด เรามีโปรโมชั่นที่โดนกว่านั้น อย่างเติมน้ำมันได้มาม่า ลูกค้าส่วนใหญ่กลับชอบเพราะได้กันเห็นๆ”

นิวัตต์ยกตัวอย่างถึงแคมเปญ “เต็มถัง เต็มอิ่ม” ที่ลูกค้าเติมน้ำมันผ่าน KTC 600 บาท จะได้มาม่ารสเป็ดพะโล้ 1 ซอง

บัตรเครดิตฝังชิปหมด

เป็นไปตามกระแสโลก สำหรับบัตรเครดิตในเมืองไทยนั้น นิวัตต์คาดการณ์ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นชิปทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เพื่อป้องกันการทุจริต

“มินิการ์ดจะหายไป เพราะไม่รองรับเทคโนโลยีของ KTC ชิปจะเป็นทองแดง 8 เหลี่ยม และจะเห็นบัตรรูปแบบไทเทเนียมมากขึ้น”

จากปัจจุบัน KTC มีผู้ถือบัตรกว่า 1.5 ล้านบัญชี คาดว่าปี 2550 นี้จะมีผู้ถือบัตรเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านบัญชี ในการทำการตลาดดังกล่าว

เพิ่มการถือบัตรในมือ

“ปี 2550 นี้ จะออกบัตรเครดิตใหม่จำนวนมาก เรียกได้ว่าออกมาเป็นตับเลย บัตรเครดิตจะต้องมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในเซ็กเมนต์ที่หลากหลายมากขึ้น ตามแนวทางของ Segmentation Marketing เช่น ในปีนี้ KTC จะออกบัตรร่วมกับ JCB ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายระบบการชำระเงินระดับโลก โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่นิยมเดินทางโดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน และฮาวาย”

Partnership Marketing ลงทุนต่ำ กำไรสูง

บัตรเครดิต KTC เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เปิดโมเดลใหม่ที่นับว่าประสบผลสำเร็จไม่น้อย นั่นคือ การเป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์ “อัจฉริยะข้ามคืน” ที่ทุ่มเม็ดเงินให้ทางเวิร์คพอยท์ ครีเอตรายการนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ ฝีมือในการเอาใจสปอนเซอร์และสร้างรายการเกมโชว์นั้นในเมืองไทยต่างยกให้ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นเบอร์ 1 อยู่แล้ว การที่ อัจฉริยะข้ามคืน ได้รางวัล TV Asian Award เมื่อปลายปีที่ผ่านมา คืออีกหนึ่งเครื่องการันตีความสำเร็จ ในแง่ของการสร้าง Brand Awareness นิวัตต์บอกว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม และถือเป็นโมเดลชั้นดีที่ดึงดูดเจ้าของสินค้าและบริการหลายรายให้มาร่วมสนับสนุนรายการ นั่นหมายความว่า KTC ลงทุนน้อยแต่ได้ผลกำไรงาม เพราะเม็ดเงินที่จ่ายส่วนหนึ่งมาจากบรรดา Co-sponsor นั่นเอง

“อัจฉริยะข้ามคืน เรตติ้ง 7 กว่า ได้รางวัลอีกต่างหาก ตอนนี้มีพาร์ตเนอร์ใหม่รอเข้าอีก 10 กว่าราย เป็นสปอนเซอร์หลัก เป็นรายการที่เราให้เงินเขาลงทุนเหมือนจะใช้เงินเยอะ แต่สุดท้ายจ่ายนิดเดียว”

180 ล้านบาทกับสัญญาปีแรก KTC จ่ายเองเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ที่เหลือมาจากพันธมิตรอีก 8 รายที่จ่ายในรูปของสินค้าบาร์เธอร์

ขณะที่รายการใหม่ของ KTC จะเป็นรายการแนว Metro Life เนื่องจากเขามองว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเมือง ซึ่งอาจจะเป็นรายการวิทยุ สำหรับคนทำงาน

แต่ทั้งนี้พันธมิตรหลักของ KTC จะต้องมีความแข็งแกร่งในด้านนั้นๆ เป็นพิเศษ เพราะเป็นพันธมิตรที่จะต้องวางแผนร่วมกันในระยะยาว นอกเหนือจากพันธมิตรอย่างเวิร์คพอยท์ และ LOVEis แล้ว ยังจะคงมีรายอื่นๆ ตามมาอีก เช่น พันธมิตรทางด้านธุรกิจสายการบิน ที่ KTC ต้องการให้ผู้บริโภคสร้างการจดจำว่า เมื่อนึกถึงการเดินทางให้นึกถึง KTC ให้ได้เหมือนกับที่ผู้บริโภคนึกถึงการเติมน้ำมันก็จะนึกถึง KTC ด้วยนั่นเอง

ความสำเร็จดังกล่าวของ KTC “อัจฉริยะตัวจริง” น่าจะจุดประกายให้เห็นการขับเคลื่อนที่สร้างสรรค์ของผู้เล่นรายอื่นในตลาดในปีนี้