“ทำคลอดกิจการสู่ตลาดหุ้น” กับ สุวภา เจริญยิ่ง

“ทำงานในแวดวงการเงินมา 20 ปี ผ่านมาตั้งแต่ เจ้าหน้าที่สินเชื่อ วาณิชธนากร นำหุ้นเข้าตลาดมากว่า 40 บริษัท ไปควบรวมบริษัท หาแหล่งเงินกู้ เงินทุน เป็นผู้จัดการกองทุน ตั้งใจไว้ว่าอายุ 60 จะเขียนหนังสือ 40 ปีในวงการเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการเมื่ออายุ 33”

ข้างบนนี้เป็นบางส่วนจากคำโปรยปกหลังหนังสือขายดี 5 ปีก่อนของ สุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาติ ที่เปิดโอกาสให้ POSITIONING เข้าพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเองโดยแทนตัวเองว่า “พี่จิ๋ม” ซึ่งเป็นชื่อเล่นพร้อมสลับสาระหนักๆ ด้วยสำนวนตลกๆ ผ่อนคลายเป็นระยะๆ …

เส้นทาง…
สุวภา เริ่มชีวิตทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยในฝ่ายสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ หรือ Corporate Finance จากนั้นก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อ ภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ มือเก๋าแห่งวงการหุ้น “เป็นผู้ให้โอกาส” ชวนไปเริ่มงานวาณิชธนกิจ หรือ IB (Investment Banking)

จากนั้นเส้นทางก็หมุนเวียนผ่านงานสายหลักทรัพย์หลากหลายด้านเช่นผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นกรรมการผู้จัดการ บลจ.นครธน ชโรเดอร์ เมื่ออายุเพียง 33 ปี เหตุที่ก้าวหน้ารวดเร็วก็เพราะได้พบว่าชอบงานด้านหุ้นมากจนทำให้ทุ่มเทสุดๆ ได้โดยไม่รู้สึกว่าทำงานอยู่

แปลงบริษัทเป็นหุ้น…
ในบรรดางานด้าน “หุ้น” ที่เคยทำมา สุวภาชอบงาน IB หรือวาณิชธนกิจที่ทำมาหลายปีมากที่สุด “เป็นงานที่ท้าทาย ชอบเพราะไม่เคยน่าเบื่อ ได้คุยกับคนเก่งๆ ที่เขาสร้างธุรกิจมา ได้ฟังแผนขยายธุรกิจ ฟังเขามองอนาคต แล้วก็ช่วยเขาให้ระดมทุนทำได้สำเร็จ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจการ ให้หุ้นส่วนทุกคนที่สร้างกิจการมา”

สุวภามองจุดแข็งของประเทศไทยจากมุมมองตัวเองว่า “คนไทยเก่งที่ Creative และ Software ไม่ใช่การไปผลิตอุตสาหกรรมหนักสเกลใหญ่ๆ อย่างเช่น Workpoint , Matching”

จากมุมมองนี้สุวภา Positioning ตัวเองและองค์กรให้เป็นผู้สนับสนุนจุดแข็งดังกล่าว “Workpoint มีเงินสร้างสตูดิโอใหญ่ๆ ได้เพราะการเข้าตลาดหุ้น BMCL รถไฟฟ้าใต้ดินมีเงินลงทุนสร้างได้ PTTEP หรือ ปตท.สผ. มีเงินไปสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซได้ก็เพราะตลาดหุ้น จากที่ก่อนนั้นไม่มีเงินจะไปสำรวจขุดเจาะ” ซึ่งสุวภาเล่าว่าบริษัทหลักทรัพย์ธนชาติให้ความสำคัญกับบริษัทที่ไม่ค่อยมีสินทรัพย์จับต้องได้หรือที่ดิน แต่มีไอเดียความคิดสร้างสรรค์ มากกว่าที่บริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ ให้

ช่วงยากลำบากของคน IB ที่สุวภาเคยพบมา คือ การเอาหุ้นบริษัทสุขภัณฑ์ชื่อดังแห่งหนึ่งเข้าตลาด หลังขั้นตอนทำงานหนักผ่านไปเกือบหมด วันที่เสนอขายกลับพบเหตุการณ์ Black Monday ปี 2531 ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งเป็นประวัติการณ์ในวันเดียว ทำให้ผู้จองซื้อไม่มาจ่ายค่าหุ้นกันเลย บริษัทที่เธอทำงานในฐานะ Underwriter ต้องรับซื้อเอาไว้หมด นับเป็นความท้อแท้ที่สุวภาเปรียบกับ “อุ้มท้องมาเก้าเดือนแล้วมาแท้งในวันคลอด”

และเช่นกัน ความประทับใจในอาชีพ คือวันเปิดซื้อขายในตลาดวันแรกของหุ้นที่เธอรับผิดชอบหรือมีส่วนรับผิดชอบนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ กว่า 40 บริษัทที่ผ่านมาในชีวิตการทำงาน เช่น แลนด์แอนด์เฮาส์, ช.การช่าง, อารียา, เวิร์คพอยท์, ราวกับอุ้มท้องมานานแล้วทำคลอดเรียบร้อยดีเลยทีเดียว

บอกสิ จะมีเงินได้ไง…
“บอกสิ จะมีเงินได้ไง” หรือ “Show Me The Money” เป็นหนังสือขายดีที่สุวภาเขียนออกมาวางขายหมดพิมพ์ไปหลายครั้งเมื่อราว 5 ปี ก่อน และต่อจากนั้นยังมีเล่มอื่นๆ เช่น “โตแล้วแบ่งกันรวย” เป็นต้น สุวภาเล่าถึงแรงที่ขับให้อยากจับปากกาว่า…

“ประเทศจะรวยได้ หน่วยที่เล็กที่สุดต้องรวยก่อน คนไทยเราส่วนใหญ่ทุกวันนี้เรียนมาแต่วิธีหาเงิน ไม่มีวิชาใช้เงินเก็บเงิน ในขณะที่พวกบริษัทห้างร้านต่างๆ พยายามคิดแคมเปญการตลาดหาวิธีใหม่ๆ มาดูดเงินพวกเราอยู่เสมอ แต่เราไม่มีวิชาที่จะไปรับมือพวกเขาเท่าไหร่เลย”

“บางทีคนเงินเดือนมากน้อยก็ไม่สำคัญเท่าเก็บได้เท่าไหร่ สมัยพี่จบใหม่ๆ ทำงานธนาคาร ได้ เงินเดือนเริ่มต้น 4 พันกว่าบาท เพื่อนอีกคน 8 พัน อีกคนถึงหมื่นสอง แต่สุดท้ายสิ้นเดือนไม่มีใครเหลือเงินเก็บเลย เพราะหนุ่มสาวเป็นวัยที่เพิ่งมีเงินเดือนของตัวเอง ก็เลยใช้กับการกินการเที่ยวการซื้ออะไรที่อยากได้มานานจนเพลิน บางคนถึงขนาดรูดบัตรจนเป็นหนี้สินเกินตัวเป็นปัญหาอยู่ในหลายประเทศ”

“ฉะนั้นต้องวางแผนเก็บออมเงิน ถามตัวเองให้ได้คิดก่อนเลยว่า ถ้าตกงานวันนี้แล้วจะมีเงินพออยู่ได้ไปอีกนานแค่ไหน การจัดการเรื่องการเงินส่วนบุคคลเป็นฐานรองรับความไม่แน่นอนในชีวิต ไม่มีใครแข็งแรงได้ตลอด วันหนึ่งเราต้องเดินได้ช้าลง คิดได้ช้าลง หรือทำงานไม่ไหว ไม่ว่าเพราะแก่หรืออาจจะเจ็บป่วย การวางแผนการเงินเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัวเองจริงๆ สำคัญมากๆ”

สุวภายืนยันว่าหุ้นให้ผลตอบแทนดีที่สุด “ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารยุคนี้ก็ไม่มาก ต้องวางแผนการออมอย่างอื่นด้วย หุ้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีดีที่สุด เฉลี่ยทุกตัวในตลาด แต่คนส่วนใหญ่มักลงทุนผิดวิธี เล่นเก็งกำไรตามกระแส ไม่ศึกษาก่อนลงทุน

“ทุกคนควรซื้อหุ้น แต่หุ้นไม่ได้เหมาะกับทุกคน ต้องดูอายุ ดูภาระที่มี ดูว่ารับความเสี่ยงได้แค่ไหน ดูว่าสภาพจิตใจเหมาะกับการรับความเสี่ยงหรือเปล่าด้วย”

สุวภาฝากมุมมอง “แมงเม่า” ทุกวันนี้ว่า“ทั้งๆ ที่ก่อนซื้อเสื้อตัวละไม่กี่ร้อยก็คิดแล้วคิดอีก จะกินก๋วยเตี๋ยวยังเลือกร้าน ซื้อนิตยสารฉบับหนึ่งยังต้องพลิกยืนอ่านดูก่อนตั้งนาน แต่พอเล่นหุ้นได้ยินข่าวลือหน่อยก็ตัดสินใจซื้อได้ทันทีเป็นแสนเป็นล้านบาท”

ทุกวันนี้นอกจากงานหลักแล้ว สุวภายังสอนวิชาการลงทุนในหลายมหาวิทยาลัย เช่น ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ ABAC และสอนในสถาบันกรรมการบริษัทจดทะเบียนให้ให้ความรู้กับบรรดาบอร์ดของหลายร้อยบริษัทในตลาด และกำลังเขียนหนังสือสอนการออมสำหรับเด็กอีกด้วย

Lifestyle นักชิมตัวยง…
“คนชอบอวยพรกันตอนตายว่าไปที่ชอบๆ แต่สำหรับพี่มองว่าคนเราต้องไปที่ชอบๆ ตั้งแต่วันนี้ที่ยังมีแรงไปนี่ล่ะ” สุวภายิงมุกกับ POSITIONING อย่างอารมณ์ดี “เศรษฐกิจพอเพียงสาหรับพี่ คือการมีมากใช้มาก คนมีเงินมากต้องใช้มากๆ สิดี จะได้กระจายรายได้”

สุวภากับครอบครัวคือสามีและลูกชายสองคนวัน 9 และ 8 ขวบ ใช้เวลาว่างวันหยุดไปกับการตระเวนชิมอาหารตามร้านอาหารจีนเก่าๆ หลายแห่งทั่วกรุงเทพฯ เช่นร้าน ส.บ.ล. , นิวกวงเม้ง, ไต้เซ้ง, ฯลฯ เพราะชอบซึมซับบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะร้านแบบจีนๆ พ่อครัวและคนเสิร์ฟสูงวัย ซึ่งร้านอาหารยุคใหม่ทั่วไปไม่มีให้

“เมื่อกินมาก เราก็ต้องใช้ให้มากด้วย” สุวภาจึงต้องไปฟิตเนสออกกำลังเป็นประจำชดเชยกับความเป็นนักชิม งานอดิเรกที่ชื่นชอบคือการอ่านหนังสือเบาๆ น่ารักๆ โรแมนติกของสำนักพิมพ์แจ่มใส ไปจนถึงหนังสือการลงทุนที่ดังทั่วโลกของ Warren Buffet

Role Models…
“บัฟเฟต์เป็นฮีโร่คนหนึ่ง สร้างตัวจากการลงทุนในหุ้นล้วนๆ จนรวยรองจาก บิลล์ เกตส์ รวยแล้วก็ยังสมถะแบบมีความสุข ถ้าเป็นคนที่ชื่นชมในไทยก็คุณปัญญา เวิร์คพอยท์ ที่รักกลมเกลียวกับลูกน้องมาก และมีความคิดไม่หยุดนิ่งกระตือรือร้นมาก”

แต่เหนือทุกคนแล้ว สุวภาในฐานะแม่ลูกสอง ย้ำว่า ยกย่องแม่ทุกคนในโลกที่ทำงานหนักแล้วยังสามารถเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาเป็นคนดีได้

มุมมองเมืองไทยวันนี้…
สำหรับสุวภาแล้ว มุมมองแง่บวกเป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องมีให้ได้ในทุกสถานการณ์ แต่ต้องมองแง่บวกไปพร้อมกับการศึกษาให้เข้าใจภาวะนั้นๆ

“เช่น ถ้าหวัดนกระบาด ก็จะมีผลดีกับธุรกิจแปรรูปไก่ เพราะคนไม่อยากซื้อไก่สดกัน เป็นผลดีกับตลาดหมู และอีกอย่างคือตั้งแต่มีหวัดนกมา ส้วมแทบทุกแห่งในจีนซ่อมรื้อทำใหม่สะอาดกันเกือบหมด นี่เป็นตัวอย่างว่าทุกวิกฤตมีแง่บวกเสมอ”

“เจอนักลงทุนต่างชาติถามเรื่องระเบิดคืนปีใหม่ ก็ยังพูดกับเขาไปว่าโชคดีที่เกิดปีที่แล้ว คือ 2549 ไม่ใช่ปีนี้ เพราะระเบิดก่อนเที่ยงคืน อาจจะดูเป็นพูดเล่น แต่อยากให้มองแบบนั้นจริงๆ เพราะความจริงก็คือว่าต่อให้เศรษฐกิจไม่ดี ภาวะไม่ดี แต่เราไม่ควรมองโลกเลวร้ายเกินไป ในทุกๆ ภาวะมันมีโอกาสอยู่ แต่ถ้าเราไม่ขวนขวาย ไม่ศึกษา ต่อให้เศรษฐกิจดี เราก็ไม่ได้ผลดีอะไรกลับมาหรอก”

“ขอฝากถึงน้องๆ รุ่นใหม่ๆ ด้วยว่า พี่จะหงุดหงิดทุกครั้งเวลาเห็นเด็กๆ น้องๆ เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ไปวันๆ เพราะในความคิดพี่ เด็กๆ ต้องเรียนรู้ให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ได้เจอ “ที่” ของตัวเอง หาฝันให้เจอ และต้องเป็นฝันที่เหมาะกับตัวเองด้วย ไม่มีใครตอบได้เท่าเราเอง ใช้เวลาให้คุ้มค่า” สุวภาทิ้งท้ายให้คนทำงานรุ่นหลังไม่ว่าหญิงชายได้เก็บไปคิด

Profile

Name : สุวภา เจริญยิ่ง
Age : 44 ปี
Education : MBA สาขา Finance & Banking มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
Career Highlight :
กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาติ (ปัจจุบัน)
กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชโรเดอร์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เอกธำรง
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ Morgan Granfell (Thai)
ผู้ช่วยหัวหน้าส่วน ฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย
เจ้าหน้าที่สินเชื่อ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย