“วินิตา ศรีชวาลา” สาวน้อยที่ยืนเคียงข้าง “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ถ่ายภาพแถลงข่าวให้สื่อมวลชนกลุ่มใหญ่รับฟังถึงความคืบหน้าธุรกิจระดับมาตรฐานอินเตอร์ในโอกาสครบ 1 ปีการเปิดธุรกิจร้านอาหาร “ออเรนเจอรี่” บนชั้น 4 สยามพารากอน เป็นพาร์ตเนอร์ต่างวัย ที่สามารถทำให้ “วินิตา”กลายเป็นผู้หญิงทำงานคนใหม่ที่น่าจับตามอง
“วินิตา” ไม่ได้มีรายชื่อเป็นไฮโซระดับดาวในเมืองไทย เพราะครอบครัวส่งให้เธอไปเรียนที่สิงคโปร์ตั้งแต่วัยเด็ก กลับมาเมืองไทยช่วงหนึ่งเฉพาะในช่วงมัธยมปลาย เมื่อถึงเวลาศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาเธอก็เลือกบินไปเรียนที่อิตาลี ที่อาของเธอไปทำธุรกิจอยู่ที่นั่น
เพราะความเป็นลูกหลานของครอบครัวนักธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น และเครื่องตกแต่งบ้าน แบรนด์ “ยัสปาล” หรือ Jaspal ในตระกูล “สิงห์สัจจเทศ” ทำให้ “วินิตา” สนใจเรื่องเสื้อผ้าแฟชั่นตั้งแต่เด็ก ที่อิตาลีเธอจึงมุ่งมั่นเรียนเกี่ยวกับการทำตลาดเสื้อผ้าแฟชั่น
หลังจากกลับมาเมืองไทยไม่นานนัก “วินิตา” ในวัยประมาณ 20 ปี ก็สมรสกับ “กฤษน์ ศรีชวาลา” หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวนักธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เธอรับบทบาทการเป็นแม่บ้าน ดูแลครอบครัวที่มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น คือบุตรชายบุตรสาวอย่างละ 1 คน
กระทั่งปี 2548 ได้เข้าร่วมงาน ร่วมบริหารร้าน ”ออเรนเจอรี่” กับหม่อมเต่า ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนของเธอในชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง จากแม่บ้านสู่การเป็นนักธุรกิจ
“วินิตา” เล่าที่มาว่า “เพราะความเป็นครอบครัวใหญ่ พอลูกผู้หญิงแต่งงานออกมาแล้ว จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจเดิมของครอบครัวก็ไม่เหมาะเท่าไหร่นัก พอดีคุณกฤษน์รู้จักกับท่านชาย (หม่อมเต่า) และมีผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่งแนะนำว่ามีพื้นที่ที่ดีในสยามพารากอน สนใจเปิดเป็นร้านอาหารหรือไม่”
เป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกสาวและลูกชายก็โตพอสมควรแล้ว (บุตรสาวอายุ 6 ขวบ และบุตรชาย 4 ขวบ) “วินิตา” เองก็สนใจธุรกิจร้านอาหารอยู่แล้ว เมื่อสามีของเธอ และหม่อมเต่าลงขันลงทุนธุรกิจร้านอาหารคนละ 50% ในนามบริษัทฟีนิกซ์ 4 “วินิตา” จึงอาสาเต็มที่ในการช่วยบริหารร้านในตำแหน่งผู้อำนวยการ ซึ่งหมายถึงตำแหน่งที่ต้องทำทุกอย่างในการบริหารจัดการ ลุยงานตั้งแต่การตกแต่งร้าน จัดหาชุดพนักงานต้อนรับรวมไปถึงการเลือกจานชาม ของประดับร้าน ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องยากนัก เพราะพื้นฐานจากการศึกษาที่อิตาลีทำให้สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจอาหารได้อย่างลงตัว
การขึ้นปีที่ 2 ของธุรกิจร้านอาหารไม่ได้หมายถึงการอยู่ตัวและหยุดนิ่งแล้ว เพราะแผนงานของฟีนิกซ์ไม่หยุดเพียงแค่ออเรนเจอรี่สาขาเดียว ”วินิตา” ยังมีบทบาทเต็มที่ในการช่วยขยายสาขาเพิ่มเติม การเพิ่มแบรนด์ เพื่อให้เป็นธุรกิจร้านอาหารอย่างครบวงจรและการเร่งทำตลาดเพื่อเพิ่มยอดลูกค้า ท่ามกลางวิกฤตการเมือง และเศรษฐกิจที่ลูกค้าเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แม้เธอจะรู้สึกว่าการเริ่มต้นรับบทนักธุรกิจจะค่อนข้างทำให้ชีวิตวุ่นวายมากขึ้น แต่ “วินิตา” บอกว่า ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้มีโอกาสร่วมงานกับหม่อมเต่า
“เป็นการเปิดวิสัยทัศน์ เรียนรู้ไปด้วย เป็นโอกาสที่ดี จากเดิมที่ไม่เคยได้รู้จักท่านชายมาก่อน ซึ่งหลายคนบอกว่าท่านดุ แต่ความจริงท่านน่ารักมาก และให้โอกาสเด็กอย่างเราได้ทำงานเต็มที่ ท่านรับฟังความคิดเห็นของเราตลอด” และแม้วัยต่างกัน “วินิตา” บอกว่า ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะแบ่งหน้าที่กันชัดเจนว่าหม่อมเต่าจะดูแลงานระดับใหญ่ๆ ของร้าน ส่วนเรื่องอื่นเป็นหน้าที่ของเธอ
“วินิตา” บอกด้วยว่าประสบการณ์โดยตรงที่ได้รับคือ ทำให้รู้ว่าการทำงานหลายอย่างต้องใช้ความละเอียด บางเรื่องที่ละเอียดอ่อนไม่สามารถมองผ่านไปได้ เวลานี้ “วินิตา” จึงทุ่มเทเต็มที่สำหรับ “ออเรนเจอรี่” เพราะเป็นบทบาทที่เธอกำลังชื่นชอบ และการเพิ่งเริ่มต้นได้กว่าขวบปีเท่านั้น เธอบอกว่า ก็เหมือนเด็กที่ต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด
ที่นี่ “ออเรนเจอรี่” จึงให้ความลงตัวทั้งความชอบและชีวิตส่วนตัวของ “วินิตา”ท่ามกลางครอบครัวใหญ่ในอาณาจักร “ศรีชวาลา”
Profile
Name : วินิตา ศรีชวาลา (สกุลเดิม สิงห์สัจจเทศ)
Age : 28 ปี
Education :
– มัธยมศึกษาตอนปลายตอนปลาย โรงเรียนนานาชาติกรุงเทพ (ISB)
– ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยโรม สาขาการตลาดแฟชั่น ประเทศอิตาลี
Career Higlights : เริ่มทำงานเป็นผู้อำนวยการ ร้านอาหารออเรนเจอรี่ บริษัทฟีนิกซ์ 4 เมื่อปีปลายปี 2548
Status : สมรสกับกฤษน์ ศรีชวาลา ผู้อำนวยการบริหารบริษัทฟีนาเท็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นักลงทุนด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีบุตรชาย 1 คน และบุตรสาว 1 คน
Lifestyle :
– ชอบทำอาหาร, ออกกำลังกายเดินเร็ว และเข้าคอร์สโยคะที่คอนโดมิ เนียมของครอบครัว “ศรีชวาลา” สุขุมวิท 71 ที่มีทั้งหมดประมาณ 16
ชั้นแบ่งสัดส่วนให้ครอบครัวละ 1 ชั้น และมีสนามเด็กเล่นสำหรับสมาชิก เด็กๆ ของครอบครัว
– แบรนด์เสื้อผ้า MNG
– ช่วยงานมูลนิธิฟิโก้ ที่มุ่งพัฒนาโรงเรียนให้เด็กๆ