กระทรวงศึกษาธิการ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 28 Jul 2021 05:27:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รู้จักโครงการ ‘The Educator’ โดย ‘AIS Academy’ กับภารกิจนำเทคโนโลยีดิจิทัลยกระดับ “ครู” สู่ยุค 2021 https://positioningmag.com/1344249 Thu, 29 Jul 2021 04:00:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1344249

การเรียนออนไลน์ (Learn Form Home) ในบ้านเราเริ่มเป็นที่รู้จัก และมีให้เห็นตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงระลอกแรกในปี 2020 แต่ถึงอย่างนั้นการเรียนในรูปแบบนี้ยังพบอุปสรรคอีกมากมาย โดยเฉพาะสื่อการสอนและวิธีการสอนของครูที่ยังปรับตัวไม่ทันกับเทคโนโลยี ส่งผลให้นักเรียนได้รับความรู้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ AIS Academy ลุกขึ้นมากระตุกสังคมโลกการศึกษาอีกครั้ง ให้หวนคิดและถึงเวลาที่ดิจิทัลเทคโนโลยีจะเข้าไปเปลี่ยนหน้าตา รูปแบบวิธีการสอน รวมถึงยกระดับครูไทย ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

ไม่ใช่ครูทุกคนที่พร้อมสอนออนไลน์

ดร. ดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าคุณครูในแต่ละพื้นที่ของไทยมีความแตกต่างและหลากหลาย อย่างไรก็ตามในแต่ละพื้นที่ก็พยายามและความมุ่งมั่นที่จะจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์เพื่อทดแทนการสอนแบบปกติ ดังนั้น ครูจึงพยายามพัฒนาตนเอง พยายามปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดกับการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะสกิลทางด้านดิจิทัลและภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็น 2 ทักษะที่คุณครูในปัจจุบันจำเป็นต้องเรียนรู้ แต่สิ่งสำคัญกว่าคือ จิตวิญญาณของความเป็นครูและหัวใจของการเรียนรู้ เพราะครูต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตการเป็นครูเพื่อพัฒนาตนเอง

“ยุคนี้คุณครูเองต้องทำงานหนักมาก เพราะบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องเทคโนโลยีมากนัก ดังนั้น จึงมีการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ครูก็พยายามปรับตัวเรียนรู้เพื่อที่จะสอนนักเรียน สิ่งสำคัญคือ หัวใจของการเรียนรู้”

ความยั่งยืนที่แท้จริงต้องมากกว่าแค่ในองค์กร

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอไอเอสเล็งเห็นเรื่องดิจิทัลทรานซ์ฟอร์มเมชั่นตั้งแต่ก่อนการระบาดของ COVID-19 เมื่อองค์กรได้ผ่านการทำดิจิทัลทรานซ์ฟอร์มเมชั่น มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงการทำงานและการเรียนการสอนภายในองค์กร แต่การทำเฉพาะภายในอาจเป็น ‘ความยั่งยืนที่ไม่ยั่งยืน’ เท่ากับการช่วยให้สังคมภายนอกเติบโตไปด้วยกันจึงเกิดเป็นโครงการ THE EDUCATORS THAILAND โดย AIS Academy

“ประโยชน์ของดิจิทัลจะทำให้การเรียนการสอนสามารถทำได้ทั่วถึงและครอบคลุมพื้นที่ที่ห่างไกลและโรงเรียนที่มีข้อจำกัดด้านจำนวนคุณครู ขณะที่ครูเองก็พยายามปรับตัว ดังนั้น ถ้ามีอาวุธช่วยครูก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศ เพื่อให้นักเรียนเข้าถึงการศึกษาได้อย่างทัดเทียม”

เจาะลึกโครงการ THE EDUCATORS THAILAND

สำหรับโครงการ THE EDUCATORS THAILAND เพื่อต่อยอดการศึกษาของไทย ด้วยการให้ความสำคัญกับคุณครู บุคลากรต้นน้ำ ผ่านความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ในการพัฒนาหลักสูตรและต่อยอดทักษะการออกแบบสื่อการเรียนการสอนยุคใหม่ให้สอดรับกับการศึกษายุคดิจิทัลแบบครบวงจร ตั้งแต่ การวางโครงสร้างหลักสูตร เครื่องมือสื่อการสอน และการวัดประเมินผลผู้เรียน

โครงการดังกล่าวนั้นเปิดกว้างให้บุคลากรด้านการศึกษาจากภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น นักการศึกษา ครูผู้สอน บุคลากรด้านการศึกษาทุกสังกัด และนักศึกษาฝึกสอน สามารถเข้าร่วม Un Learn และ Re Learn ทักษะการสอน โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 คน

“เราเห็นว่าคุณครูกว่า 90% ที่เข้าร่วมโครงการของเรามีความพร้อมและความตั้งใจในการเรียนรู้อย่างมาก” ดร.สุพจน์ ศรีนุตพงษ์ หัวหน้าส่วนงานการจัดการความรู้ด้านเทคนิค AIS กล่าว

สำหรับเนื้อหาภาคทฤษฎีที่จะทำการสอนมีทั้งหมด 5 หลักสูตร ได้แก่

1. ภูมิทัศน์ของการเรียนในอนาคต องค์ประกอบของการเรียนออนไลน์ สื่อการสอนออนไลน์ ระบบ LMS และอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียน

2. การวิเคราะห์เนื้อหา และวิธีการเรียนออนไลน์

3. กลยุทธ์การสอนออนไลน์ การสอนแบบผู้เรียนอิสระ การสอนโดยใช้กิจกรรมกลุ่ม การออกแบบการสอน

4. การผลิตวิดีโอออนไลน์ สำหรับการศึกษา

5. การวัดประเมินผลออนไลน์ การวัดความรู้ การวัดทักษะ การวัดทัศนคติ

ทั้งนี้ หลักสูตรดังกล่าวถูกออกแบบและพัฒนาโดย AIS Academy ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยบุคลากรชั้นนำในวงการ โดยเป็นหลักสูตรเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมโครงการ THE EDUCATORS THAILAND เท่านั้น เมื่อผู้เรียนผ่านการอบรมหลักสูตรจะได้รับใบประกาศนียบัตร และ Digital Credential Badge ซึ่งเป็นมาตรฐานการรับรองคุณวุฒิระดับสากล

นอกจากนี้ยังมีเวิร์คช้อปการผลิตนวัตกรรมการเรียนรู้รูปแบบใหม่ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้เตรียมความพร้อมในการผลิตผลงานในการแข่งขันชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศ พระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรม-ราชกุมารี โดยจะมีการประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประจำปี 2564 ในวันที่ 15 ธ.ค.

กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล กลุ่มบริษัท AIS และ Intouch, กรรมการ บริษัท เลิร์นดิ จำกัด กล่าวว่า ทาง AIS Academy ยังมีภารกิจในการนำองคูความรู้ต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้กับอีกหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคสังคม เพราะเชื่อว่าเป็นการช่วยยกระดับอีโคซิสเต็มส์ให้เติบโตไปด้วยกันในทุกด้านด้วยเทคโนโลยี ดังนั้น เอไอเอสอยากจะเป็นตัวช่วยในการจุดประกายให้ภาคเอกชนต่าง ๆ นำจุดแข็งมาช่วยให้ประเทศสามารถฟื้นฟูจาก COVID-19 และมีความสามารถในการแข่งขันได้

“ระหว่างทางที่เราพัฒนาเราอยากเห็นการยกระดับขีดความสามารถและ Mindset แม้โครงการจะจบในช่วงสิ้นปี แต่เชื่อว่าคนที่เข้าโครงการจะนำประสบการณ์ไปส่งต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเรื่องการศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญ และเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยลดความเหลื่อมล้ำ”

 

]]>
1344249
สิงคโปร์ ห้ามครูใช้ Zoom ในการเรียนการสอน หลังโดนเเฮกเกอร์ป่วน ปล่อยภาพไม่เหมาะสม https://positioningmag.com/1272859 Sun, 12 Apr 2020 10:08:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1272859 กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ ห้ามครูใช้ Zoom เเอปพลิเคชันประชุมผ่านวิดีโอที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงนี้ สำหรับการเรียนการสอนของโรงเรียนที่บ้านหรือโฮมสคูลอย่างเป็นทางการ หลังเกิดเหตุไม่เหมาะสม

สื่อท้องถิ่น รายงานว่า สัปดาห์เเรกของการเรียนที่บ้านในช่วงมาตรการปิดเมืองของสิงคโปร์ เกิดกรณีมีภาพอนาจาร ปรากฎขึ้นบนหน้าจอเเละชายเเปลกหน้าเเสดงความเห็นลามก ระหว่างการสตรีมคาบเรียนวิชาภูมิศาสตร์ ที่มีนักเรียนหญิงกำลังเรียนอยู่

บริษัท Zoom Video Communications Inc กำลังประสบปัญหาเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในการใช้เเอปพลิเคชัน Zoom หลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว โดยจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 200 ล้านคน ตั้งแต่เดือน มี.ค. เมื่อผู้คนทั่วโลกต้องเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต สำนักงานและโรงเรียนทั่วโลก หันมาทำงานเเบบ Work from Home หรือเรียนจากบ้าน เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

“สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมาก” Aaron Loh เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของกระทรวงศึกษาธิการระบุ พร้อมจะมีการเเจ้งตำรวจให้ดำเนินการสืบสวนต่อไป อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าว

“เพื่อเป็นการป้องกันไว้ล่วงหน้า ครูของเราทุกคนจะต้องระงับการใช้งาน Zoom จนกว่าปัญหาความปลอดภัยจะหมดไป”

โดยทางการสิงคโปร์ เเนะนำให้ครูผู้สอนกำหนดให้นักเรียนต้องล็อกอินอย่างปลอดภัยทุกครั้งก่อนเข้าห้องเรียนออนไลน์ เเละห้ามเเชร์ลิงก์ให้กับบุคคลอื่น

ด้าน Janine Pelosi หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Zoom ระบุคำเเถลงขอโทษในอีเมลว่า บริษัทเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเละจะมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องมือการศึกษาบนเเพลตฟอร์มที่ปลอดภัยต่อไป

ก่อนหน้านี้ ไต้หวันและเยอรมนี มีคำสั่งห้ามใช้ Zoom ในหน่วยงานรัฐเเละการเรียนออนไลน์ไปแล้ว ขณะที่กูเกิลก็ประกาศห้ามใช้เเอปฯ นี้ กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในองค์กร มาตั้งเเต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

อ่านเพิ่มเติม : ไต้หวัน สั่งห้ามหน่วยงานรัฐ ประชุมออนไลน์ผ่าน Zoom จากความกังวลเรื่องความปลอดภัย

Zoom กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้ในเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย เช่น ไม่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ซึ่งอาจจะทำให้โดนดักฟังหรือสอดเเนมข้อมูล รวมถึงการกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลให้ต้องผ่านประเทศจีน อีกทั้งยังมีปัญหา Zoom-bombing ที่มี “แขกไม่ได้รับเชิญ” ปรากฏตัวออกมาระหว่างการประชุมออนไลน์ เป็นต้น

สำหรับการแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านี้ ทาง Zoom ได้เปิดตัวแผน 90 วัน เพื่อยกระดับความปลอดภัยเเละความเป็นส่วนตัว เเละได้ดึงตัว Alex Stamos อดีตหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Facebook มาร่วมงานในฐานะที่ปรึกษา

ทั้งนี้ การเเข่งขันเพื่อชิงตลาดของแอปพลิเคชันประชุมทางไกลกำลังดุเดือด เมื่อ Zoom ต้องเจอคู่แข่งรายใหญ่ที่ก่อตั้งมานานอย่าง WebEx ของ Cisco, Google Hangouts และ Microsoft Teams เเต่ด้วยความที่ Zoom
ใช้งานง่ายจึงทำให้เข้าถึงผู้คนได้มากกว่าในช่วงวิกฤต COVID-19 โดย Zoom ได้กลายมาเป็นหนึ่งในแอปฯ ที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุดบน App Store

ที่มา : Reuters , BBC 

 

]]>
1272859
กระทรวงศึกษาธิการ จับมือ กรุงศรี ออโต้ ส่งเสริมการเรียนรู้ข้อมูลดิจิตอลของเยาวชนผ่านกิจกรรมลูกเสือไทย https://positioningmag.com/53653 Fri, 26 Nov 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=53653

กรุงเทพฯ – กระทรวงศึกษาธิการ ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกรุงศรี ออโต้ ผู้นำสินเชื่อ ยานยนต์ครบวงจร ในโครงการ “กรุงศรี ออโต้ มอบคอมพิวเตอร์เพื่อลูกเสือและยุวกาชาดไทย” เพื่อมอบคอมพิวเตอร์ 790 เครื่อง มูลค่า 1 ล้านบาทแก่โรงเรียนที่ขาดแคลน สนับสนุนการจัดกิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาด และพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของเยาวชนไทยในยุคดิจิตอล

นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของโครงการ กล่าวว่า ในปัจจุบันจำนวนสถานศึกษาทั่วประเทศตั้งแต่ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา มีมากกว่า 40,000 แห่ง และมีจำนวนไม่น้อยที่อยู่ห่างไกลความเจริญและห่างไกลจากการรับข้อมูลข่าวสาร ที่เป็นปัจจุบันทำให้ขาดคุณภาพและความเสมอภาคทางการศึกษา ตลอดจนการพัฒนาการเรียนรู้ การที่ กรุงศรี ออโต้ ได้มองเห็นปัญหาและเข้ามามีส่วนร่วมในนามของภาคประชาชนในการจัดโครงการนี้ จะช่วยให้สถานศึกษานำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมหาศาล ทั้งครูผู้สอนและผู้เรียนสามารถนำไปใช้ในการเรียน การสอน โดยสามารถใช้เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าที่ดีเยี่ยมเปรียบเสมือนย่อห้องสมุดขนาดใหญ่ไว้ในโรงเรียนขนาดเล็ก ทั้งยังช่วยติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลก สามารถรับ – ส่งข่าวสารอย่างรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ทันสมัยและได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น และยังใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อย่างหลากหลายวิธี

“การจัดโครงการ “กรุงศรี ออโต้ มอบคอมพิวเตอร์เพื่อลูกเสือ และยุวกาชาดไทย” โดยการบริจาคคอมพิวเตอร์ให้แก่ลูกเสือ ยุวกาชาด ที่มีความขาดแคลนในเรื่องสื่อการเรียนการสอน นับเป็นการส่งเสริมนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กไทย ผ่านกิจกรรมการศึกษาในช่องทางต่างๆ รวมถึงช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา ความรู้ความสามารถของเด็กไทย ตลอดจนการเข้าถึงแหล่งข้อมูลอันทันสมัย โครงการ “กรุงศรี ออโต้ มอบคอมพิวเตอร์เพื่อลูกเสือและยุวกาชาดไทย” ที่สำนัก การลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนักเรียน ได้จัดขึ้นร่วมกับกรุงศรี ออโต้ ถือเป็นความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ระหว่างองค์กรภาครัฐและเอกชน การส่งเสริมให้มีการใช้คอมพิวเตอร์และโปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อเป็นสื่อ การสอนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มประโยชน์ในการเรียนการสอนได้อย่างดียิ่งขึ้น พร้อมกับเป็น การส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมเพื่อให้เติบโตเป็นพลเมืองดี ของสังคมและประเทศชาติ”
นายนิวัตร นาคะเวช รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า โครงการนี้จะจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แก่สถานศึกษาในเครือข่ายของสำนักการลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนักเรียน เพื่อประกอบการเรียน การสอนตามหลักสูตรและกิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาดสำหรับนักเรียนและนักศึกษา อาทิ หน่วยลูกเสือจราจร หน่วยลูกเสือบรรเทาสาธารณภัย หน่วยลูกเสือประชาธิปไตย หน่วยลูกเสือคุณธรรม หน่วยลูกเสือต่อต้านยาเสพติด และการบำเพ็ญประโยชน์ของยุวกาชาด

“ปัจจุบันการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นสื่อการสอนในห้องเรียนมีมากขึ้น โดยนอกจากจะใช้เป็นแหล่งค้นคว้าข้อมูลสำหรับกิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาด แล้ว ยังสามารถลงโปรแกรมสำเร็จรูปเช่นการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยสอนการฝึกทักษะระเบียบแถว สัญญาณ และการผูกเงื่อนแบบต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นประโยชน์ ในการพัฒนากิจกรรมลูกเสือและยุวกาชาดต่อไป”

โครงการ “กรุงศรี ออโต้ มอบคอมพิวเตอร์เพื่อลูกเสือและยุวกาชาดไทย” มีระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2553 – 1 กรกฎาคม 2554 กรุงศรี ออโต้ จะมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ (ใช้แล้ว) พร้อมลงโปรแกรมอีเลิร์นนิ่ง (e-learning) และโปรแกรมสำเร็จรูปพื้นฐานที่ใช้ในกิจกรรมลูกเสือและ ยุวกาชาด ให้แก่สถานศึกษาทั่วประเทศในเครือข่ายของสำนักการลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนักเรียน จำนวนทั้งสิ้น 790 เครื่อง โดยจะทยอยส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ รวม 2 ครั้ง คือ เดือนธันวาคม 2553-มกราคม 2554 และเดือนมีนาคม-มิถุนายน 2554

นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ กรุงศรี ออโต้ กล่าวว่า “กรุงศรี ออโต้ มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ โดยตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาของประชาชนในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักการลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจการนักเรียน จัดโครงการ “กรุงศรี ออโต้ มอบคอมพิวเตอร์เพื่อลูกเสือและยุวกาชาดไทย” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้ของลูกเสือ และยุวกาชาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิตอล ซึ่งนอกเหนือจาก การเรียนรู้ตามหลักสูตรแล้ว กิจกรรมลูกเสือและยุวกาชาดถือว่าเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนสังคมได้เป็นอย่างดี

“เรามุ่งหวังว่าโครงการ “กรุงศรี ออโต้ มอบคอมพิวเตอร์เพื่อลูกเสือและยุวกาชาดไทย” นี้จะเป็นส่วนหนึ่ง ในการส่งเสริมวินัยและการพัฒนากิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาด ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนต่อไป” นายไพโรจน์กล่าวสรุป

]]>
53653
ไมโครซอฟท์ประกาศผลเยาวชนคนเก่ง ในโครงการ “Microsoft IT Youth Challenge 2008” https://positioningmag.com/45939 Tue, 03 Feb 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=45939

กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศผลรางวัลชนะเลิศโครงการ “ไมโครซอฟท์ ไอที ยูธ แชลเลนจ์ 2008 – Microsoft IT Youth Challenge 2008” โครงการประลองทักษะความรู้ด้านไอทีสำหรับเยาวชนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ได้สุดยอด 14 ผลงานเด่นจาก 824 ผลงานทั่วประเทศ พร้อมมอบทุนการศึกษารวมมูลค่า 240,000 บาท

โครงการ “ไมโครซอฟท์ ไอที ยูธ แชลเลนจ์ 2008 – Microsoft IT Youth Challenge 2008” ถือเป็นความร่วมมืออย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 ระหว่างบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนไทยมีความสนใจและใฝ่รู้ทางด้านเทคโนโลยี ส่งเสริมทักษะพื้นฐานด้านไอทีแก่เยาวชนไทยให้ได้พัฒนาศักยภาพของตนทั้งด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย โดยนำความรู้จาก 3 สาระวิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ผนวกกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาก่อให้เกิดนวัตกรรมทางการศึกษาที่มีคุณค่าและเกิดจิตสำนึกที่ดีต่อการพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเยาวชนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศที่ส่งผลงานเข้าร่วมถึง 824 ชิ้น จากนักเรียน 2113 คน ล่าสุด คณะกรรมการได้ประกาศผลรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1-3 ในแต่ละระดับชั้นจำนวน 14 ผลงาน

ซึ่งในปีนี้มีการจัดแบ่งหัวข้อในการแข่งขันสำหรับ 4 ระดับชั้นภายใต้แนวคิด “วิถีไทยกับเทคโนโลยี” ดังนี้
1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น (ป.1-ป.3) ส่งผลงานที่พัฒนาด้วยโปรแกรม ‘Microsoft Paint’ ภายใต้หัวข้อ “การละเล่นพื้นบ้าน”
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4-ป.6) ส่งผลงานที่พัฒนาด้วยโปรแกรม ‘Microsoft Movie Maker’ ภายใต้หัวข้อ “ภูมิปัญญาชาวบ้าน”
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-ม.3) ส่งผลงานที่พัฒนาด้วยโปรแกรม ‘Microsoft Excel’ ภายใต้หัวข้อ หัวข้อ “เกมส์คณิตศาสตร์”
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6) ส่งผลงานออกแบบเว็บที่พัฒนาด้วยโปรแกรม ‘Microsoft FrontPage’ ภายใต้หัวข้อ “วิทยาศาสตร์ ”

คุณสายใจ บุณยโชติมา ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Microsoft IT Youth Challenge 2008 เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ Unlimited Potential ในด้านที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการศึกษา (Transforming Education) ที่มุ่งนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปบูรณาการและประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาให้กับโรงเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการศึกษา ซึ่งจะส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน รวมทั้งส่งเสริมให้นักเรียนตระหนักถึงศักยภาพที่แท้จริงของตนเองผ่านการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ”

“ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญของการเรียนรู้และสร้างโอกาสใหม่ๆ รวมทั้งยังลดช่องว่างทางการศึกษา เยาวชนปัจจุบันมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนจะช่วยให้นักเรียนมีความสนใจในเนื้อหาวิชาเรียนมากขึ้น ดังนั้น การส่งเสริมให้พวกเขาได้แสดงความสามารถทางด้านเทคโนโลยีจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะกระตุ้นการใฝ่รู้และส่งเสริมให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างและความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งจะพัฒนาไปสู่การเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ไม่สิ้นสุดต่อไป กิจกรรม Microsoft IT Youth Challenge นับเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เปรียบเสมือนเวทีแสดงความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของเยาวชน ซึ่งผลงานต่างๆ ที่ได้รับรางวัลในวันนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถและศักยภาพของเยาวชนไทยเราเป็นอย่างดี” คุณสายใจ กล่าวเพิ่มเติม

นายวินัย รอดจ่าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายทางการศึกษา โดยกำหนดไว้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต ผมขอยกข้อที่เกี่ยวข้องกับเราได้แก่ การส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาที่เน้นการพัฒนาเนื้อหาสาระและบุคลากรให้พร้อมรองรับและใช้ประโยชน์จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างคุ้มค่า และการส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศเชิงสร้างสรรค์อย่างชาญฉลาดเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.2542 ซึ่งได้บัญญัติให้มีคำว่า “เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา” อันหมายถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยส่งเสริมและพัฒนากระบวนการเรียนรู้และเทคโนโลยีสารสนเทศ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะตามพระราชบัญญัติฯ ถือว่าการให้เยาวชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี เป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน โดยเฉพาะการให้เยาวชนได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำด้วยตนเอง ได้ฝึกคิด ฝึกใช้ชีวิตและทำงานเป็นกลุ่ม ในนามกระทรวงศึกษาธิการต้องขอขอบคุณไมโครซอฟท์ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนและจัดกิจกรรม Microsoft IT Youth Challenge ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่ 5 แล้ว โดยกิจกรรม ดำเนินมาด้วยดี เพราะมีปัจจัยที่สำคัญคือการเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกระดับชั้นพร้อมครูที่ปรึกษาได้ทำงานร่วมกัน การเข้ามาช่วยเหลือของภาคเอกชนถือเป็นการดี อันจะก่อให้เกิดแบบอย่างของสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน”

ทั้งนี้ ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในโครงการ “ไมโครซอฟท์ ไอที ยูธ แชลเลนจ์ 2008 – Microsoft IT Youth Challenge 2008” จะได้รับโล่ห์เกียรติยศจากกระทรวงศึกษาธิการพร้อมทุนการศึกษาทีมละ 30,000 บาท สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จะได้รับโล่ห์เกียรติยศจากกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทุนการศึกษาทีมละ 20,000 บาท และทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 จะโล่ห์เกียรติยศจากกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทุนการศึกษาทีมละ 10,000 บาท

รายชื่อโรงเรียนที่ได้รับรางวัลโครงการ Microsoft IT Youth Challenge 2008
ระดับประถมศึกษาปีที่ 1-3 Program Paint

รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนบ้านโนน
รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
รองชนะเลิศอันดับที่ 2 โรงเรียนบ้านนาไพร

ระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 Program Movie Maker
รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนอนุบาลบ้านเอี่ยมสุข
รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนบ้านห้วยปอ
รองชนะเลิศอันดับที่ 2 โรงเรียนเจริญสุขวิทยา

ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 Program Excel
รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย
รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนไพโรจน์วิชชาลัย
รองชนะเลิศอันดับที่ 2 โรงเรียนวารีเชียงใหม่
รองชนะเลิศอันดับที่ 2 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
รองชนะเลิศอันดับที่ 2 โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา

ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 Program Front page
รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
รองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนแม่สะเรียงบริพัตรศึกษา
รองชนะเลิศอันดับ 2 โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา

]]>
45939
กระทรวงไอซีที จับมือกระทรวงศึกษาฯ เดินสายติวเข้มการป้องกันภัยแฝงอินเทอร์เน็ตทั่วไทย https://positioningmag.com/41513 Wed, 11 Jun 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=41513

กระทรวงไอซีที เดินหน้าสร้างความตระหนักถึงภัยแฝงจากอินเทอร์เน็ตในกลุ่มเยาวชน พร้อมให้ความรู้ถึงวิธีป้องกันด้วยโปรแกรมไอซีที เฮาส์คีปเปอร์แก่ครู อาจารย์และผู้ปกครองทุกภูมิภาคทั่วไทย ยืนยันโปรแกรมมีประโยชน์ต่อการอบรมเยาวชนให้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งป้องกันภัยแฝงจากโลกไซเบอร์ได้แน่ หากครู อาจารย์และผู้ปกครองให้ความร่วมมือติดตั้งโปรแกรม

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เผยถึงความคืบหน้าของโครงการไอซีที เฮาส์คีปเปอร์ (ICT House Keeper) ว่า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ โดยมอบหมายให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมเฮาส์คีปเปอร์และที่ปรึกษาโครงการ จัดการสัมมนาในหัวข้อ “การป้องกันภัยแฝงจากการใช้อินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ และเกมคอมพิวเตอร์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน” ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็น ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง เยาวชนและประชาชนทั่วไป เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงภัยแฝงจากอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์และเกมคอมพิวเตอร์ที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวและสถานศึกษามีการนำโปรแกรม เฮาส์คีปเปอร์มาใช้ป้องกันเว็บไซต์และเกมที่ไม่เหมาะสมจากบุตรหลานและนักเรียนอย่างจริงจัง

“ผลตอบรับจากการจัดสัมมนา ครั้งที่ 1 ณ โรงเรียนพรตพิทยพยัต ลาดกระบัง กรุงเทพฯ อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะมีผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า 500 คน และในครั้งที่ 2 ณ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้สนใจร่วมงานกว่า 350 คน ซึ่งในส่วนของการแจกจ่ายซีดีรอมโปรแกรมเฮาส์คีปเปอร์ ก็มีผู้ปกครองและสถานศึกษาหลายแห่งทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียงแจ้งความจำนงต่อกระทรวงฯ ว่าจะใช้ติดตั้งในคอมพิวเตอร์สำหรับเด็กและเยาวชนแล้วจำนวนมาก นอกจากนี้ กระทรวงไอซีที ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการฯ จัดการสัมมนาเพื่อให้ความรู้และเป็นช่องทางในการเผยแพร่ซีดีรอมโปรแกรมต่อไปอีก โดยในวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน นี้ จะจัดสัมมนาครั้งที่ 3 ที่จังหวัดอุบลราชธานี ครั้งที่ 4 ในวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2551 ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และครั้งที่ 5 จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2551 ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนครั้งที่ 6 จะจัดที่กรุงเทพฯ”

นายธานีรัตน์ฯ กล่าวต่อไปว่า ผู้ที่สนใจติดตั้งโปรแกรมเฮาส์คีปเปอร์ นอกจากจะสามารถรับได้ในการอบรมสัมมนาทั้ง 6 ครั้งที่กระทรวงฯจัดขึ้นแล้ว ยังสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมดังกล่าวจากเว็บไซต์ของกระทรวงฯได้ (www.mict.go.th ) ซึ่งโปรแกรมเฮาส์คีปเปอร์นี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ปกครองและสถานศึกษาสามารถปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและกำหนดเวลาในการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือเล่นเกมสำหรับเยาวชนได้เท่านั้น ผู้ปกครองยังสามารถตรวจดูการใช้งานคอมพิวเตอร์ของบุตรหลานได้อีกด้วย รวมทั้งช่วยให้ผู้ปกครองนำข้อมูลไปใช้ในการอบรม บุตรหลานให้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ที่แท้จริงต่อไป

]]>
41513
กระทรวงศึกษาธิการ พัฒนาอีเลิร์นนิงคอนเท้นท์ skooolthai.net จากอินเทลเสร็จสมบูรณ์ https://positioningmag.com/40608 Fri, 25 Apr 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=40608

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ และ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันเปิดเผยถึงความคืบหน้าของการจัดทำเนื้อหาอีเลิร์นนิงคอนเท้นท์ skooolthai.net ซึ่งเป็นสื่อเรียนรู้อินเทอร์แอคทีฟสาขาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ว่า ขณะนี้ได้จัดทำเป็นภาษาไทยเสร็จครบถ้วนแล้ว โดยสพฐ. ได้นำสื่ออีเลิร์นนิง ดังกล่าวเผยแพร่ให้โรงเรียนในสังกัดกว่า 100 โรงเข้าไปใช้ประโยชน์แล้วก่อนจะขยายสู่โรงเรียนที่เหลือทั่วประเทศต่อไป ทั้งนี้ การพัฒนาสื่อเรียนรู้อีเลิร์นนิงคอนเท้นท์ที่สพฐ. ได้รับมอบลิขสิทธิ์จากอินเทลและพัฒนาขึ้นเป็นภาษาไทยดังกล่าว สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของสพฐ. ในการพัฒนาเครื่องมือเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียนไทยให้ทันสมัย และสร้างโอกาสการเรียนรู้ที่เท่าเทียมกันให้กับเด็กไทยทั่วประเทศ

สื่อเรียนรู้อีเลิร์นนิงคอนเทนท์ skooolthai.net ฉบับภาษาไทยนี้ มีเนื้อหาทั้งหมด 189 เรื่อง ครอบคลุมเนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์และวิชาวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษา ใช้ได้ทั้งครู นักเรียน และผู้ปกครอง สื่อเรียนรู้คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ซึ่งแบ่งเป็นสาขาวิชาย่อยๆ ได้แก่ ชีววิทยา เคมี และฟิสิกส์ นั้น แต่ละหัวข้อของเนื้อหา แบ่งออกเป็นบทเรียนและแบบฝึกหัดเพื่อให้นักเรียนทบทวนความเข้าใจ ทั้งนี้นำเสนอในรูปแบบของเว็บไซต์ที่เป็นอินเตอร์แอคทีฟ มีภาพเคลื่อนไหวและเสียงประกอบบรรยายเนื้อหาที่น่าสนใจและเข้าใจได้ง่าย

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า “โครงการความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นอีกโครงการหนึ่งของอินเทล ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการมีส่วนร่วมพัฒนาระบบการศึกษาของไทยให้ทันสมัย สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน และตรงตามเจตนารมณ์ของสพฐ. และกระทรวงฯ ที่ต้องการให้เด็กไทยโดยเฉพาะนักเรียนที่อยู่ไกลจากตัวเมือง และยังขาดแคลนครู ได้มีสื่อสำหรับการเรียนรู้ที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยตัวเอง สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ได้เตรียมแนะนำสื่อการเรียนรู้นี้ให้เป็นที่รู้จักแก่นักเรียนและครูทั่วประเทศ และสนับสนุนให้มีการนำไปใช้งานให้เป็นประโยชน์ในการเรียนการสอน โดยในขณะนี้ สพฐ. ได้นำสื่อการเรียนรู้ชุดนี้ไปใช้ในโรงเรียนนำร่องทั่วประเทศกว่า 100 โรงแล้ว และจะมีการประชาสัมพันธ์สื่อการเรียนรู้ skooolthai.net ผ่านหน่วยงานต่างๆ ของสพฐ. และกระทรวงฯ เพื่อให้ครอบคลุมโรงเรียนในสังกัดสพฐ.ทั่วประเทศ”

นอกจากนั้น สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการประชาสัมพันธ์และนำ สื่ออีเลิร์นนิงคอนเท้นท์ skooolthai.net ไปใช้เพื่อเสริมการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนไทยทั่วประเทศ โดยการพัฒนาเครือข่ายเพื่อให้โรงเรียนในสังกัดสพฐ. สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และสามารถนำสื่ออีเลิร์นนิง คอนเทนท์ skooolthai.net มาใช้เพื่อการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า “ดิจิทัลคอนเทนท์ skooolthai.net จะเป็นประโยชน์อย่างมากแก่ครูและนักเรียน เนื่องจากเนื้อหามีลักษณะมัลติมีเดียที่เป็นภาษาไทย และยังมีผู้จัดทำขึ้นไม่มากนักนี้จะเป็นสื่อที่ช่วยเสริมการเรียนรู้และช่วยให้วิชาที่ยากต่อการทำความเข้าใจ เช่น วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย และเหมาะสมกับนักเรียนไทยในปัจจุบัน ซึ่งสื่อแบบมัลติมีเดียสามารถดึงความสนใจของพวกเขาได้มากขึ้น นักเรียนสามารถเข้าไปดูสื่อ skoool™ ของประเทศอื่นๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้เช่นกัน”

“อินเทลขอสนับสนุนสพฐ. ในการนำแพลตฟอร์มอีเลิร์นนิ่ง skoool™ นี้ไปพัฒนาต่อในระยะยาว เพื่อให้เป็นสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น ทั้งนี้อินเทลได้เริ่มนำสื่อการเรียนรู้นี้ไปใช้ในการอบรมครูไทยภายใต้โครงการ Intel® Teach และยังจะร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ในการเผยแพร่ skooolthai.net ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เพื่อประโยชน์สำหรับเยาวชนและระบบการศึกษาในวงกว้างต่อไป”

การจัดทำสื่อเรียนรู้อีเลิร์นนิง คอนเทนท์ skooolthai.net ในประเทศไทยเกิดขึ้นจากความร่วมมือของบริษัท อินเทล และ สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้โครงการ skoool ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Intel World Ahead ส่วนคอนเทนท์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ skoool™ ประสบความสำเร็จมาแล้วในประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ แอฟฟริกาใต้ ตุรกี สเปน ซาอุดิอาระเบีย และสวีเดน และได้รับรางวัลมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก การจัดทำโครงการดังกล่าวได้มีการปรับเนื้อหาความรู้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตรที่ใช้สอนภายในโรงเรียนสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาฯ รวมถึงครูและผู้ปกครอง เพื่อช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงแหล่งข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ และลดความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ท่านสามารถค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ skoool™ ในประเทศต่างๆ ได้ที่ www.skoool.com

เกี่ยวกับอินเทล
ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมซิลิกอน อินเทลได้พัฒนาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และริเริ่มสิ่งต่างๆ เพื่อสร้างความก้าวหน้าในการทำงานและการดำรงชีวิตของผู้คน ผู้สนใจสามารถค้นหา ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทอินเทล ได้ที่เว็บไซต์ http://www.intel.com/pressroom และ blogs.intel.com

]]>
40608
มูลนิธิการศึกษาของออราเคิลจับมือกระทรวงศึกษาธิการ ขยาย “Think.com” สู่ภาคใต้ของไทย https://positioningmag.com/40356 Tue, 15 Apr 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=40356

มูลนิธิการศึกษาของออราเคิล (Oracle Education Foundation) ภายใต้ความร่วมมือจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการขยายชุมชนออนไลน์ “Think.com” สู่ภาคใต้ของไทย

“มูลนิธิการศึกษาของออราเคิลและกระทรวงศึกษาธิการมุ่งมั่นที่จะขยายขอบเขตโครงการให้ครอบคลุมนักเรียนและครู-อาจารย์ทั่วประเทศ โดยล่าสุดเราได้เปิดตัวเว็บไซต์ “Think.com” ใน 4 จังหวัดใหญ่ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงราย ขอนแก่น และระยอง” คุณณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียน และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ “Think.com” เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย โดยปัจจุบันเรามีโรงเรียนที่เข้าเป็นสมาชิกในชุมชนออนไลน์ 400 แห่ง และนักเรียน 40,000 คน”

ในปีนี้ ออราเคิลได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในการขยาย “Think Camp” ไปสู่ภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย โดย Think Camp เป็นโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเปิดโอกาสโดยตรงให้แก่คณาจารย์และนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็น ตลอดจนการฝึกใช้ “Think.com” ทั้งนี้คณาจารย์และนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ Think Camp จะมีโอกาสได้เรียนรู้จากครู-อาจารย์ นักการศึกษา และนักเรียนที่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการใช้ประโยชน์จาก “Think.com” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน

ในระหว่างพิธีเปิดโครงการ Think Camp ที่ภูเก็ต ดร.ภานุพงษ์ วันจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาทักษะและการเรียนรู้ ICT ภูเก็ต กล่าวว่า “Think.com” นับเป็นชุมชนออนไลน์ระดับโลกที่เปิดโอกาสให้นักเรียนและอาจารย์จากสถานศึกษาต่างๆ สามารถติดต่อสื่อสารและแบ่งปันความรู้ร่วมกัน โดยจะช่วยให้นักเรียนบรรลุเป้าหมายในด้านการศึกษาและอาชีพการงานในอนาคต การผนวกรวม “Think.com” ไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนในห้องเรียนจะช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ร่วมกันได้อย่างเหมาะสม”

อาจารย์ วิชัย สีสุด อาจารย์ผู้สอนวิชาอาชีพและเทคโนโลยี จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กล่าวว่า “ปัจจุบัน ครู-อาจารย์ของไทยกำลังเรียนรู้วิธีการใช้ “Think.com” กันมากขึ้น แต่ปัญหาก็คือ จะประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนและกระบวนการสอนในห้องเรียนอย่างไรจึงจะเกิดประสิทธิผล โครงการ Think Camp ช่วยแก้ไขปัญหานี้ด้วยการเสริมสร้างความรู้ ทักษะ และจัดหาเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ให้แก่อาจารย์ เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม”
ประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้เริ่มใช้เว็บไซต์ “Think.com” โดยที่นักเรียนและครู-อาจารย์ของไทยจะสามารถประสานงานร่วมกับนักเรียนและคณาจารย์กว่า 359,503 คน จาก 44 ประเทศทั่วโลก

“Think.com” เป็นส่วนหนึ่งในความมุ่งมั่นระดับโลกของมูลนิธิการศึกษาของออราเคิลสำหรับการพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 โดยออราเคิลได้ลงทุนในโครงการส่งเสริมการศึกษาและร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการของไทย เพื่อช่วยให้นักเรียนได้รับการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นซึ่งจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในการทำงานในระบบเศรษฐกิจระดับโลกต่อไป

ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เว็บไซต์ “Think.com” ถูกใช้งานโดยนักเรียนนักศึกษาและคณาจารย์กว่า 192,636 คน จากสถานศึกษา 3,904 แห่งในออสเตรเลีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน ศรีลังกา สิงคโปร์
มาเลเซีย และประเทศไทย

เกี่ยวกับมูลนิธิการศึกษาของออราเคิล
มูลนิธิการศึกษาของออราเคิล (Oracle Education Foundation) สนับสนุนโครงการ ThinkQuest และ Think.com ซึ่งเป็นโครงการออนไลน์ที่ให้บริการฟรีสำหรับแวดวงการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา นอกจากนี้ยังมอบทุนการศึกษาและเงินทุนสนับสนุนให้แก่โรงเรียนและองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรบางแห่ง เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันผ่านระบบออนไลน์ทั่วโลก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม http://www.oraclefoundation.org

เกี่ยวกับออราเคิล
ออราเคิล (ชื่อย่อในตลาดหุ้นแนสแด็ก-จีเอส: ORCL) เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายซอฟต์แวร์ระดับองค์กรรายใหญ่ที่สุดของโลก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับออราเคิล สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.oracle.com

เครื่องหมายการค้า
ออราเคิล เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของบริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น และ/หรือบริษัทในเครือ บริษัทอื่นๆ เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ

]]>
40356
กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับไมโครซอฟท์ ผลักดันครูไทยพัฒนาศักยภาพไอซีทีสู่ระดับสากล https://positioningmag.com/39936 Tue, 18 Mar 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=39936

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา (แถวหน้า-ที่ 3 จากขวา) เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ และนางสาวปฐมา จันทรักษ์ (แถวหน้า-ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมอบโล่ห์เกียรติคุณและเงินรางวัลให้กับครูที่ชนะเลิศในโครงการ “Innovative Teachers Leadership Award 2007” จำนวน 10 ท่าน โดยการนำเสนอผลงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาบูรณาการในการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ครูทุกท่านจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประชุมและนำเสนอผลงานเข้าประกวดในระดับนานาชาติ ในงาน “Microsoft Regional Innovative Teacher’s Conference 2008” ณ เมืองฮานอย ประเทศเวียดนามในเดือนเมษายนศกนี้

]]>
39936
ประกาศผล ในโครงการ “Innovative Teachers Leadership Award” https://positioningmag.com/39428 Fri, 22 Feb 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=39428

หลังจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ และ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดโครงการ “Innovative Teachers Leadership Award 2007” โดยเปิดโอกาสให้ครูผู้สอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั่วประเทศ ให้ส่งผลงานด้านการนำเทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนเข้าร่วมประกวด ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากครูทั่วประเทศ โดยมีครูสนใจส่งผลงานเข้าประกวดถึงกว่า 800 ผลงาน ล่าสุด คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงศึกษาธิการ และบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศผลรางวัลชนะเลิศสำหรับครูตัวแทนในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปเมื่อเร็วๆ นี้ และจะมีการประกาศผลชนะเลิศในเขตพื้นที่ ภาคกลางและภาคใต้ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ โดยครูที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับถ้วยเกียรติยศจากกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาทจากบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากนี้ จะได้เป็นตัวแทนครูจากประเทศไทยเข้าร่วมประชุม และนำเสนอผลงานของครูเพื่อประกวด ในระดับนานาชาติในงาน“Microsoft Regional Innovative Teacher’s Conference 2008” ณ เมืองฮานอย ประเทศเวียดนามในเดือนเมษายนศกนี้

ครูที่ได้รับรางวัล Innovative Teachers Leadership Award ประจำปี 2550 ได้แก่
• ภาคเหนือ
1. อาจารย์ประทิน ตั้งใจ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
(ผลงานเศรษฐกิจพอเพียงกับการใช้พลังงาน)

2. อาจารย์ปราโมทย์ ศรีดี โรงเรียนจุฬาลงภรณราชวิทยาลัย พิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
(ผลงานสื่อการเรียนรู้ วิชา ฟิสิกส์ กลศาสตร์การเคลื่อนที่)
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

3. อาจารย์ธาตรี พิมพ์บึง โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม จังหวัดขอนแก่น
(ผลงานบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน แบบผสมผสาน เรื่องไฟฟ้า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3)

4. อาจารย์ดรุณี ทุมมากรณ์ โรงเรียนบ้านขามเปี้ย จังหวัดอุบลราชธานี
(ผลงานไอที-ศิลปะ ชวนนักรักอ่าน)

โครงการ Innovative Teachers Leadership Award จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้บุคลากรครูได้ตระหนักและสนใจการ บูรณาการไอซีทีเข้ากับแนวทางการสอนของตน เพื่อประโยชน์ต่อแวดวงการศึกษาไทย พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในเชิงปฏิบัติมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้ากับการเรียนรู้ในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุดของไมโครซอฟท์ภายใต้ชื่อ Partners in Learning ซึ่งมีเป้าหมายในการลดช่องว่างการเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อมุ่งไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้

]]>
39428
กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับไมโครซอฟท์ พัฒนาศักยภาพไอซีทีสำหรับนักเรียนพิการ https://positioningmag.com/39314 Thu, 14 Feb 2008 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=39314

จากภาพ : ซ้ายสุด อาจารย์วราพรณ์ ปัญญาประโชติ โรงเรียนศรีสังวาลย์ จังหวัดนนทบุรี ที่ 2 จากซ้าย คุณปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ 3 จากซ้าย ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ขวาสุด อาจารย์เสถียร อุสาหะ จากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ

กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับไมโครซอฟท์ ประเทศไทย พัฒนาหลักสูตร “ส่งเสริมศักยภาพและการใช้ ICT สำหรับนักเรียนพิการ” นำร่องจัดอบรมครูผู้แทนเกี่ยวกับการใช้โปรแกรม ICT Accessibility 50 คน ก่อนขยายผลสู่โรงเรียนเรียนร่วม 5,000 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพการศึกษาอย่างเท่าเทียมสู่นักเรียนพิการ

ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายใน การพัฒนาการศึกษาของไทยให้ก้าวไกลทัดเทียมนานาประเทศ โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมศักยภาพของบุคลากร ซึ่งในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกๆ ด้านนั้น จำเป็นต้องพัฒนาให้บุคลากรมีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและมีการนำไปใช้งาน อย่างกว้างขวางเพื่อให้ทักษะดังกล่าวแพร่ขยายออกไปและให้เกิดการพัฒนาที่มากยิ่งขึ้น ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ร่วมกับบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการพัฒนาหลักสูตร “ส่งเสริมศักยภาพและการใช้ ICT สำหรับนักเรียนพิการ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกอบรมหลักสูตรนี้ให้กับครู และบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนเรียนร่วม (โรงเรียนที่มีคนพิการเรียนร่วม) เพื่อจะได้มีความรู้ในการประยุกต์ใช้ไอซีที สำหรับการเรียนการสอนและอำนวยความสะดวกนักเรียนพิการในโรงเรียนและนอกโรงเรียน อันจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพด้าน ICT และเสริมสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างนักเรียนพิการและนักเรียนปกติ ให้มีการเข้าถึงสารสนเทศด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไมโครซอฟท์ให้ความสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพของคนทุกคน โดยเฉพาะในด้านของการ Transform Education ซึ่งจะเป็นการนำเอาเทคโนโลยีมาเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการศึกษาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งไมโครซอฟท์ให้การสนับสนุนทั้งในด้านให้ความรู้ และการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จะให้ การสนับสนุนการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันและการทำงาน ซึ่งการพัฒนาโปรแกรมเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “Unlimited Potential” ของไมโครซอฟท์ ที่มุ่งส่งเสริมการศึกษา รวมทั้งขยายช่องทางในการเรียนรู้ กระตุ้นการสร้างงานสร้างโอกาสขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของประชากรทั่วโลก 5 พันล้านคน และ 1 พันล้านคนที่ไม่ตระหนักความสำคัญของเทคโนโลยี ภายในปี พ.ศ. 2558 อีกทั้งลดช่องว่างทางการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้ทุกคนมีการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างเท่าเทียมกัน ไมโครซอฟท์จึงริเริ่มกิจกรรมและโครงการต่างๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของกระทรวงศึกษาธิการ และให้ความใส่ใจกับบุคลากรทางการศึกษาเกี่ยวกับการนำไอซีทีไปใช้กับการเรียนการสอนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นปรกติหรือมีลักษณะพิเศษใดๆ ก็ตาม โดยเปิดโอกาสให้ผู้พิการที่มีปัญหาทางสายตาหรือผู้พิการทางการเคลื่อนไหวได้มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป โดยการนำโปรแกรม ICT Accessibility ซึ่งเป็นโปรแกรมสนับสนุนการใช้งานคอมพิวเตอร์สำหรับผู้มีปัญหาในการเคลื่อนไหว หรือมองเห็นมาสนับสนุนการทำงานของพวกเขาเหล่านั้น ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะว่าต้องเป็นผู้พิการทางสายตา หรือร่างกายเท่านั้น สำหรับผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ หรือบกพร่องทางด้านสายตา หรืออาจจะแขนหักก็สามารถเรียนรู้ที่จะใช้โปรแกรมนี้ช่วยในการทำงาน หรือสื่อสาร กับผู้อื่นได้ ไมโครซอฟท์เชื่อว่าคนเราทุกคนมีศักยภาพซึ่งไร้ขีดจำกัดซ่อนอยู่ แต่ด้วยโอกาสที่มีจำกัด จึงทำให้แสดงความสามารถออกมาได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งเชื่อว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้ผู้คนสามารถปลดปล่อยศักยภาพไร้ขีดจำกัดเหล่านั้นของตนได้

สำหรับเนื้อหาของหลักสูตร “ส่งเสริมศักยภาพและการใช้ ICT สำหรับนักเรียนพิการ” ประกอบไปด้วย
1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคนพิการจำแนกตามประเภทความพิการ
2. เครื่องมือ (Tools) ในโปรแกรมปฏิบัติการ Microsoft Windows ที่ช่วยคนพิการ
3. เครื่องมือ (Tools) ในโปรแกรมประยุกต์ (Application software) ของไมโครซอฟท์ที่ช่วย คนพิการ
4. เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก (Assistive Technology) และแหล่งเรียนรู้บน Internet สำหรับคนพิการ

ในปัจจุบันสถานศึกษาส่วนใหญ่มีการนำฟังก์ชั่นที่สนับสนุนการใช้งานสำหรับคนพิการน้อยมาก ดังนั้น การเรียนรู้ในหลักสูตรนี้จะช่วยให้สถานศึกษาสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้เรียน ขณะนี้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้มอบให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการอบรมวิทยากรแกนนำของหลักสูตรดังกล่าวให้กับตัวแทนครูจากสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) และสำนักงานบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โดยวิทยากรที่ให้ความรู้ในการอบรมครั้งนี้คือผู้ทรงคุณวุฒิจากวิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ทั้งนี้ ได้จัดอบรมครูแกนนำจำนวน 2 รุ่น รุ่นละ 25 คน ซึ่งรุ่นแรกได้อบรมไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และรุ่นที่ 2 อบรมในวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์นี้

“การอบรมครูในหลักสูตร “ส่งเสริมศักยภาพและการใช้ ICT สำหรับนักเรียนพิการ” จำนวน 50 ท่านในครั้งนี้ ถือเป็นโครงการนำร่อง เพื่อให้ครูเหล่านี้ได้นำความรู้ที่ได้ไปขยายผลต่อเพื่อนครู และนักเรียนใน โรงเรียนเรียนร่วมอีก 5,000 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างเท่าเทียมกันระหว่างนักเรียนปรกติกับนักเรียนพิการ ถือเป็นการลดช่องว่างทางการศึกษา และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีการพัฒนาศักยภาพทางการเรียนรู้ได้อย่างกว้างไกล” ดร.จรวยพร กล่าวปิดท้าย

]]>
39314