กูเกิล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 06 Aug 2024 05:30:06 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ศาลสหรัฐฯ ฟัน ‘กูเกิล’ ผูกขาดบริการ ‘เสิร์ชเอนจิ้น’ https://positioningmag.com/1485216 Tue, 06 Aug 2024 04:31:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1485216 หากพูดถึงบริการ เสิร์ชเอนจิ้น ชื่อของ กูเกิล (Google) เป็นชื่อแรกที่อยู่ในหัวคนทั่วโลกแน่นอน ขนาดในไทยยังมีคำว่า “ไม่รู้อะไรให้ถามกูเกิล” จนในปี 2020 ก็ได้มีการฟ้องกูเกิลว่า ผูกขาดบริการเสิร์ชเอนจิ้น ล่าสุด ศาลฯ ได้ตัดสินว่า กูเกิลผูกขาดจริง

ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตัดสินคดีที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (Department of Justice) ได้ตัดสินว่า กูเกิลได้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ โดยกูเกิลได้ ทุ่มเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ในการทำสัญญาพิเศษเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในฐานะ ผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้นสำหรับสมาร์ทโฟนและเว็บเบราว์เซอร์ของโลก สัญญาดังกล่าวทำให้กูเกิลมีอำนาจในการปิดกั้นคู่แข่งที่อาจเกิดขึ้น เช่น Bing และ DuckDuckGo ของ Microsoft ปัจจุบัน กูเกิลครองตลาดการค้นหาออนไลน์ประมาณ 90% และ 95% บนสมาร์ทโฟน

สัญญาดังกล่าวทำให้เมื่อผู้ใช้ต้องการค้นหาข้อมูลกูเกิลมักจะเป็นแพลตฟอร์มที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจโฆษณาออนไลน์ขนาดใหญ่ของกูเกิลเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกูเกิลสามารถเรียกเก็บค่าบริการโฆษณาในราคาที่สูง ซึ่งสะท้อนถึงอำนาจผูกขาดในระบบการค้นหา

“หลังจากพิจารณาและชั่งน้ำหนักคำให้การของพยานและพยานหลักฐานอย่างรอบคอบแล้ว ศาลได้ข้อสรุปดังนี้ Google เป็นผู้ผูกขาด และได้ดำเนินการเพื่อรักษาการผูกขาดเอาไว้ Google ละเมิดมาตรา 2 ของพระราชบัญญัติเชอร์แมน” อมิต เมห์ตา ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ กล่าว

การตัดสินดังกล่าวถือเป็น ความพ่ายแพ้ในคดีต่อต้านการผูกขาดครั้งที่สองของกูเกิล หลังจากที่คณะลูกขุนศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในแคลิฟอร์เนีย ตัดสินว่า กูเกิลเพลย์สโตร์ (Google Play Store) เข้าข่าย ผูกขาดตลาด ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ผู้บริโภคและนักพัฒนาแอปพลิเคชัน

อย่างไรก็ตาม กูเกิลมีแนวโน้มที่จะ ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งหมายความว่าอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีกว่าจะเกิดบทลงโทษ แต่ Rebecca Allensworth ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัย Vanderbilt มองว่า คำตัดสินนี้อาจพลิกโฉมวิธีที่กูเกิลเปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงเครื่องมือค้นหาได้ โดยส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำข้อตกลงมูลค่าสูงกับผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้ให้บริการออนไลน์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคดี

นอกจากนี้ อาจมีแนวทางแก้ไขอื่น ๆ อีกเช่น ศาลอาจบังคับให้กูเกิล เพิ่มหน้าจอตัวเลือก เพื่อให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ที่มีให้บริการ รวมถึงบริษัทมีแนวโน้มที่จะต้องเจอ ค่าปรับ แต่ก็อาจเป็นเพียงเรื่องเล็กสำหรับบริษัทที่มีกำไรมหาศาลอย่างกูเกิล

แม้ว่า กูเกิลจะถูกฟันว่าผิดข้อหาผูกขาดตลาด แต่ Adam Kovacevich ผู้ก่อตั้งกลุ่มสนับสนุนเทคโนโลยี Chamber of Progress และอดีตผู้อำนวยการนโยบายของกูเกิล ออกมาให้ความเห็นว่า ผู้ชนะจากการตัดสินไม่ใช่ผู้บริโภคหรือบริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็ก แต่คือ Microsoft เพราะ Microsoft ลงทุนด้านการค้นหามาหลายทศวรรษแล้ว แต่คำตัดสินในวันนี้ได้เปิดประตูสู่คำสั่งศาลให้ Bing ได้ขึ้นมาเป็นตัวเลือก

Source

]]>
1485216
รู้จัก ‘WIZ’ สตาร์ทด้านอัพไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ที่ ‘Google’ กำลังทุ่ม 2.3 หมื่นล้านเหรียญเพื่อปิดดีล! https://positioningmag.com/1482847 Tue, 16 Jul 2024 09:48:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1482847 Alphabet เจ้าของ Google อยู่ในการเจรจาเพื่อซื้อ Wiz สตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สําหรับคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในราคาประมาณ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์  ซึ่งถ้าดีลดังกล่าวสำเร็จ จะถือเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่สุดของ Alphabet

สำหรับ Wiz ถือเป็นบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอิสราเอลที่ทำธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ โดยมี Assaf Rappaport เป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ก่อตั้ง Adallom ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งถูกขายให้กับ Microsoft ในราคา 320 ล้านเหรียญ เมื่อประมาณเกือบ 10 ปีก่อน

หลังจากขายธุรกิจไปได้ 3 ปี เขาก็ลาออกจาก Adallom เพื่อรวมตัวกับเพื่อน ๆ เพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ จนมาปี 2020 ได้ก่อตั้ง Wiz ที่ให้บริการด้านระบบรักษาความปลอดภัยบน คลาวด์ โดยตลาดคลาวด์มีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านเหรียญ และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 20%

Assaf Rappaport

หลังก่อตั้งได้ 9 เดือน Wiz สามารถระดมทุน Series A มูลค่า 100 ล้านเหรียญ และ 5 เดือนจากนั้น ก็สามารถระดมทุน Series B มูลค่า 120 ล้านเหรียญ ภายในเวลา 18 เดือน บริษัทสามารถทำรายได้ถึง 100 ล้านเหรียญ และเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนปี 2023 สามารถสร้างรายได้ประมาณ 350 ล้านเหรียญ ซึ่งช่วยให้ได้รับการลงทุนเพิ่มเติม 1 พันล้านเหรียญ เดือนพฤษภาคม 2024 ด้วยการประเมินมูลค่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญ ส่งผลให้ Wiz เป็น บริษัทซอฟต์แวร์ที่เติบโตเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา

โดยจุดเด่นของ Wiz คือ ช่วยให้ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มองเห็นภาพรวมของระบบคลาวด์ทั้งหมด ขณะที่กลยุทธ์ของ Wiz จะเน้นมุ่งไปที่ บริษัทยักษ์ใหญ่ โดยจะระดมทุนมหาศาลเพื่อเร่งการจ้างงานและเร่งเครื่องการเติบโตของบริษัท ปัจจุบัน 40% ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 เป็นลูกค้าของบริษัท อาทิ Fox, Morgan Stanley และ LVMH 

ล่าสุด Alphabet บริษัทแม่ของ Google ได้เจรจากับ Wiz หลังจากที่บริษัทระดมทุนได้ โดย Alphabet อาจเสนอเงินสูงถึง 2.3 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อซื้อบริษัท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าที่ประเมินเกือบ 2 เท่า และหากดีลสำเร็จ ดีล ดังกล่าวกลายเป็นดีลที่มีมูลค่าสูงสุดของบริษัท แซงหน้าดีลการซื้อ Motorola ที่มีมูลค่า 1.25 หมื่นล้านเหรียญ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว  อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นและการเจรจาอาจล่มได้

ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2022 Alphabet ได้ซื้อบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ Mandiant ในราคา 5.4 พันล้านเหรียญ เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ จัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ดีขึ้นและสนับสนุนธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง โดย Google พยายามจะดันรายได้ในฝั่ง Google Cloud เพื่อเป็นการกระจายรายได้นอกเหนือจากธุรกิจโฆษณา และแม้ว่ายอดขายบนคลาวด์จะเติบโตขึ้น แต่ก็ประสบปัญหาในการแข่งขันกับบริการที่คล้ายคลึงกันจาก Microsoft และ Amazon

“การซื้อ Wiz แสดงให้เห็นว่า Google กําลังเดิมพันครั้งใหญ่ในพื้นที่ความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อเสริมธุรกิจ  คลาวด์” Dan Ives กรรมการผู้จัดการและนักวิเคราะห์วิจัยหุ้นอาวุโสที่ Wedbush กล่าว

CNN / Forbes / CCN

]]>
1482847
Google เตรียมทำลายข้อมูลผู้ใช้งานโหมด ‘ท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตน’ หลังถูกฟ้องเป็นคดีความและอาจเรียกค่าเสียหายได้ https://positioningmag.com/1468670 Tue, 02 Apr 2024 06:03:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1468670 กูเกิล (Google) เตรียมที่จะทำลายข้อมูลผู้ใช้งานในโหมด ‘ท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตน’ หรือ Incognito Mode หลังถูกฟ้องเป็นคดีความ โดยบริษัทได้เก็บข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2016 แม้ว่าบริษัทจะยืนยันว่าไม่ได้นำไปใช้งานเพื่อระบุตัวตนของผู้ใช้งานก็ตาม

Google เตรียมที่จะทำลายข้อมูลผู้ใช้งานในโหมดท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตน หรือ Incognito Mode หลังบริษัทได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา แม้ว่าบริษัทจะกล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถที่จะสืบถึงการใช้งานของผู้ใช้งานได้ก็ตาม

ผู้ใช้งานที่ฟ้อง Google ชี้ว่ายักษ์ใหญ่ไอทีรายนี้ได้วิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงเก็บ Cookies แม้ว่าผู้ใช้งานจะใช้งาน Incognito Mode หรือโหมดการท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตนในเว็บเบราว์เซอร์อื่น ซึ่งทำให้บริษัทสามารถรู้ถึงพฤติกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหารโปรด งานอดิเรก พฤติกรรมการซื้อของ จนถึงเรื่องส่วนตัวได้

นอกจากนี้ในคดีดังกล่าวยังมีอีเมลภายในของ Google ที่ถูกนำไปใช้ในคดีแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ที่ใช้โหมดท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตนนั้นได้ถูกติดตามจากพฤติกรรมการค้นหาและการโฆษณาเพื่อที่จะวัดปริมาณการเข้าชมเว็บและใช้วัดผลในการขายโฆษณา

ข้อมูลการใช้งาน Incognito Mode นั้นถูกเก็บตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมานั้นมีระดับหลายพันล้านข้อมูล

Jorge Castaneda โฆษกของ Google กล่าวในแถลงการณ์ว่า บริษัทยินดีที่จะยุติคดีนี้ และยินดีที่จะลบข้อมูลทางเทคนิคเก่าๆ ที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับบุคคลใดๆ และบริษัทไม่ได้นำข้อมูลไปใช้เพื่อระบุตัวตน

ไม่เพียงเท่านี้ในการยอมความ Google จะต้องเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการรวบรวมข้อมูลใน Incognito Mode ช่วง 5 ปีหลังจากนี้ และในโหมดดังกล่าวบริษัทจะต้องบล็อกคุกกี้ของบุคคลที่สามเป็นค่าเริ่มต้นรวมถึงต้องแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบถึงการเก็บข้อมูลว่ามีอะไรบ้าง

โดยประเด็นดังกล่าวตามหลังมาจากที่ Google ได้ยอมความในคดีความที่ถูกฟ้องร้องหมู่ในกรณีความเป็นส่วนตัว ซึ่งคดีความได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งทนายของโจทก์ประเมินว่าความเสียหายนั้นอยู่ในช่วง 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 7,800 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ดีคดีความดังกล่าว แม้ผู้ใช้งานจะไม่ได้รับความเสียหาย แต่คดีความดังกล่าวถ้าหากมีผู้เสียหายก็สามารถที่จะฟ้องร้องรายบุคคลเพื่อเรียกค่าเสียหายกับ Google ได้

ประเด็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้นได้ถูกยกเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำข้อมูลของผู้ใช้งานมาวิเคราะห์การใช้งาน ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งนั้นต้องยอมความในเรื่องดังกล่าว และมีการจ่ายค่าเสียหาย เช่น กรณีที่ Facebook ต้องจ่ายเงินในกรณีของ Cambridge Analytica หรือแม้แต่กรณีของ Google ในครั้งนี้

ที่มา – CNN, France 24, CNET

]]>
1468670
ย้ายด้วย! ‘Google’ เตรียมใช้ ‘อินเดีย’ เป็นฐานผลิตสมาร์ทโฟน Pixel ภายในไตรมาส 2 https://positioningmag.com/1463754 Fri, 23 Feb 2024 04:43:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463754 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายรายของสหรัฐฯ พยายามที่จะกระจายซัพพลายเชนของตัวเองออกจากจีน เนื่องจากปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้ อินเดีย กลายเป็นประเทศที่เนื้อหอมสุด ๆ โดยล่าสุด Google ก็เตรียมขยายฐานการผลิตสมาร์ทโฟน Pixel ในอินเดียภายในไตรมาส 2 ของปี

Google วางแผนที่จะเริ่มผลิตสมาร์ทโฟน Pixel ในอินเดียภายในไตรมาส 2 นี้ โดยจะเริ่มผลิต Pixel 8 Pro ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ตามด้วยการผลิต Pixel 8 ประมาณกลางปี ​​2024 ซึ่งแผนการขยายฐานการผลิตในอินเดียนั้นไม่ได้มีแค่เหตุผลด้านปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนเท่านั้น แต่ตลาดสมาร์ทโฟนอินเดียก็ยังน่าสนใจอีกด้วย หาก Google ต้องการไปให้ถึงเป้าหมายที่จะมียอดขายกว่า 10 ล้านเครื่องในปีนี้

ในปีที่ผ่านมา ตลาดสมาร์ทโฟนของอินเดียรักษาเสถียรภาพด้วยยอดจัดส่งโดยรวม 148.6 ล้านเครื่อง ลดลงเล็กน้อย -2% ตามข้อมูลของบริษัทวิจัย Canalys โดย Samsung ยังรักษาตำแหน่งผู้นำในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 20% มียอดจัดส่ง 7.6 ล้านเครื่อง ส่วน Xiaomi เป็นเบอร์ 2 ด้วยยอดจัดส่ง 7.2 ล้านเครื่อง ตามมาด้วย Vivo ครองตำแหน่งที่ 3 ด้วยยอดจัดส่ง 7 ล้านเครื่อง

นอกจากนี้ ตามรายงานของ Counterpoint Research ระบุว่า ในปี 2023 อินเดียกลายเป็น ตลาดสมาร์ทโฟนอันดับ 5 ของโลก ที่มียอดขาย iPhone เกิน 10 ล้านเครื่องในปีเดียว ทำให้อินเดียกลายเป็นตลาดสำคัญสำหรับ Apple โดย Tim Cook CEO ของ Apple เคยกล่าวไว้ว่า “อินเดียเป็นตัวแทนของโอกาสอันยิ่งใหญ่”

ที่ผ่านมา อินเดียได้เสนอสิ่งจูงใจแก่บริษัทต่าง ๆ ในการจัดตั้งโรงงานผลิตในประเทศ โดยมีบริษัทไอทีดัง ๆ อย่าง Dell, HP และ Lenovo เป็นหนึ่งใน 27 บริษัทที่ได้รับการอนุมัติเมื่อเดือนพฤศจิกายนให้ผลิตฮาร์ดแวร์เทคโนโลยีในอินเดียภายใต้โครงการจูงใจที่เชื่อมโยงกับการผลิต

Source

]]>
1463754
CEO ของ Google บอกพนักงานว่ายังมีการปลดพนักงานเพิ่มในปีนี้ ให้เหตุผลปรับโครงสร้างบริษัทไม่ให้ซับซ้อน https://positioningmag.com/1459297 Thu, 18 Jan 2024 03:54:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1459297 Sundar  Pichai ซึ่งเป็น CEO ของ Google ได้ส่งจดหมายถึงพนักงาน โดยได้กล่าวว่าปีนี้จะยังมีการปลดพนักงานเพิ่ม โดยเขาให้เหตุผลถึงการปรับโครงสร้างบริษัทไม่ให้ซับซ้อน และยังรวมถึงการลงทุนของบริษัทที่ต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล

The Verge รายงานข่าวโดยอ้างอิงจดหมายของ Sundar  Pichai ซึ่งเป็น CEO ของ Google ที่ได้ส่งให้กับพนักงานในบริษัท โดยหัวเรือใหญ่ของ Google กล่าวว่าในปี 2024 นี้บริษัทอาจต้องมีการปลดพนักงาน เพื่อที่จะปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงรีดประสิทธิภาพขององค์กรด้วย

จดหมายดังกล่าว Sundar ได้กล่าวว่า “เรามีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานและบริษัทจะลงทุนในสิ่งที่สำคัญมากในปีนี้ แต่ในการลงทุนดังกล่าวต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล และมันเป็นเรื่องที่น่าลำบาก” ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้น CEO ของ Google เตรียมที่จะปรับโครงสร้างองค์กรอีกครั้ง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นตามมาจากบริษัทได้ปลดพนักงานฝ่ายขายโฆษณาเป็นจำนวนหลักหลายร้อยคน รวมถึงพนักงานของ Youtube ราวๆ 100 ราย

CEO รายดังกล่าวยังได้กล่าวเสริมว่าการปลดพนักงานในปีนี้ทำไปเพื่อปรับโครงสร้างในองค์กร รวมถึงลดความซับซ้อนขององค์กรลง และการปลดพนักงานครั้งนี้จะไม่เหมือนกับการปลดพนักงานในปี 2023 ที่ผ่านมาที่บริษัทได้ปลดพนักงานไปมากถึง 12,000 คน

Sundar ยังกล่าวว่าบางทีมนั้นอาจได้รับผลกระทบจากการปลดพนักงานดังกล่าว และเขาก็ทราบดีว่ามันยากมากที่จะเห็นเพื่อนร่วมงานและทีมได้รับผลกระทบจากปลดพนักงานในปีนี้

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็น Google หรือแม้แต่ Amazon ยังมีการปลดพนักงานจำนวนมาก โดยสาเหตุสำคัญนั้นมาจากความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังรวมถึงต้นทุนทางการเงินจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังสูง ส่งผลทำให้บริษัทหลายแห่งยังต้องปรับลดพนักงาน

]]>
1459297
‘กูเกิล’ ยอมจ่าย 2.5 พันล้านบาท/ปี ให้ ‘สื่อแคนาดา’ หลังรัฐบาลออกกฎหมายให้จ่าย ‘ค่าข่าว’ บนแพลตฟอร์ม https://positioningmag.com/1453911 Thu, 30 Nov 2023 02:44:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1453911 หลังจากที่ กูเกิล (Google) เสิร์ชเอนจิ้นรายใหญ่ของโลกได้ประกาศว่าจะ ถอดลิงก์ข่าวสำหรับผู้ใช้ในแคนาดา ออกจากบริการในเครือได้แก่ Search, News, Discover หลังกฎหมายฉบับใหม่ Online News Act (Bill C-18) ที่แพลตฟอร์มต้องจ่ายเงินให้สื่อโดยตรง มีผลบังคับใช้

ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กฎหมาย Bill C-18 ของแคนาดา เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อให้บริษัท แพลตฟอร์มออนไลน์แบ่งรายได้จากโฆษณาให้กับสื่อมวลชน ซึ่งหลังจากที่แคนาดาประกาศเรื่องกฎหมายกังกล่าว ทำให้ Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram เลือกจะถอดลิงก์ข่าวออกจากแพลตฟอร์ม

เช่นเดียวกับทาง Google ที่เคยมีแผนจะถอดลิงก์ข่าวออกจากแพลตฟอร์มหากมีการบังคับใช้ พร้อมกับระบุว่า Google ได้เจรจากับสื่อในแคนาดา 150 ราย ให้เข้าโครงการ Google News Showcase เพื่อนำพาดหัวข่าวไปแสดงในแอปต่าง ๆ ของ Google และสร้างทราฟฟิกคนเข้าไปอ่านต่อในเว็บไซต์ ซึ่งสื่อสามารถหารายได้จากโฆษณาบนเว็บของตัวเองหรือผ่านการสมัครสมาชิก

แต่ล่าสุด Google ก็ยอมตกลงกับรัฐบาลแคนาดา โดยบริษัทจะบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์แคนาดาต่อปี (ราว 2,500 ล้านบาท) ให้กับอุตสาหกรรมข่าวของประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ของแคนาดาที่กำหนดให้บริษัทเทคโนโลยีต้องจ่ายเงินให้กับสื่อ เพื่อสนับสนุนธุรกิจข่าว

“Google ได้ตกลงที่จะสนับสนุนนักข่าวอย่างเหมาะสม รวมถึงการสื่อสารมวลชนในท้องถิ่น น่าเสียดายที่ Meta ยังคงสละความรับผิดชอบต่อสถาบันประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง” Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าว

เพื่อเป็นการตอบโต้ Meta ที่ถอดลิงก์ข่าว ทางรัฐบาลแคนาดาได้ระบุว่าจะหยุดโฆษณาบน Facebook และ Instagram เพื่อตอบสนองต่อจุดยืนของ Meta

ทั้งนี้ แคนาดาไม่ใช่ประเทศแรกที่มีกฎหมายลักษณะนี้ เพราะมีออสเตรเลียเริ่มทำมาก่อน และผ่านกฎหมายแบบนี้สำเร็จในปี 2021 แต่จะมีความผ่อนปรนมากกว่าของแคนาดา และ Meta เองก็มีการบล็อกข่าวจากแพลตฟอร์มในออสเตรเลียในช่วงสั้น ๆ หลังจากที่ประเทศผ่านกฎหมายที่จะบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีจ่ายเงินให้ผู้เผยแพร่เนื้อหาที่ใช้เรื่องราวข่าวของตน และต่อมาได้ทำข้อตกลงกับผู้จัดพิมพ์ชาวออสเตรเลีย

]]>
1453911
Google ประกาศผลิตโทรศัพท์มือถือในประเทศอินเดีย ชี้เป็นก้าวสำคัญของบริษัทในแดนภารตะ https://positioningmag.com/1448684 Thu, 19 Oct 2023 08:40:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1448684 กูเกิล ประกาศที่จะผลิตโทรศัพท์มือถือในประเทศอินเดีย โดยจับมือกับพาร์ตเนอร์ทั้งในและนอกอินเดีย จะเริ่มต้นผลิตโทรศัพท์ในรุ่น Pixel 8 ในปีหน้า (2024) และยังเป็นการส่งสัญญาณว่ายักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรายนี้ได้ให้ความสำคัญกับตลาดอินเดียเพิ่มมากขึ้นหลังจากนี้

Rick Osterloh รองประธานอาวุโสฝ่ายอุปกรณ์และบริการของ Google กล่าวในงานของบริษัทว่า “บริษัทจะเริ่มการผลิตโทรศัพท์มือถือในอินเดีย ทั้ง Pixel 8 และ Pixel 8 Pro ซึ่งถือเป็นโทรศัพท์รุ่นล่าสุดจาก Google และคาดว่าจะวางจำหน่ายได้ในปี 2024”

รองประธานอาวุโสฯ รายดังกล่าวยังได้กล่าวเสริมว่า นี่เป็นก้าวแรกในการขยายการผลิตของเราที่อินเดีย เพื่อตอบสนองความต้องการอุปกรณ์ Pixel ในอินเดีย และที่สำคัญคือเป็นก้าวสำคัญของ Google ในความมุ่งมั่นที่มีต่อประเทศอินเดีย”

ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก Google ได้ประกาศความร่วมมือกับ HP เพื่อผลิต Chromebook ในประเทศอินเดียมาแล้ว

อินเดียถือเป็นตลาดสำคัญของ Google เนื่องจากจำนวนประชากรมหาศาล รวมถึงแผนของรัฐบาลอินเดียที่วางเป้าหมายของประเทศให้เปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล ในช่วงที่ผ่านมา Google ได้ลงทุนในบริษัทอินเดียมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Jio และ Bharti Airtel สองบริษัทด้านโครงข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศ

ไม่ใช่แค่ Google เท่านั้น ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทหลายแห่งได้สนใจที่จะใช้อินเดียเป็นแหล่งผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Apple ที่มีทั้งการปั้นอินเดียให้เป็นฮับการผลิตสินค้าของบริษัทอีกแห่ง หรือแม้แต่การเปิดสาขาของ Apple Store ภายในประเทศ

นอกจากนี้ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย รวมถึงรัฐบาลท้องถิ่นของอินเดียยังวางแผนที่จะให้อินเดียกลายเป็นฮับการผลิตสินค้าไฮเทค โดยให้สิทธิประโยชน์หลายอย่างเพื่อทำให้บริษัทเทคโนโลยี หรือผู้ผลิตสินค้าหลายรายย้ายกำลังการผลิตมาที่อินเดีย

ที่มา – Reuters, Techcrunch

]]>
1448684
พนักงาน ‘กูเกิล’ รับไม่ได้ หลังบริษัท “ลดคน” แต่ “ไม่ลดค่าตอบแทนซีอีโอ” ที่ได้เกือบ 7.8 พันล้าน เพื่อลดต้นทุน https://positioningmag.com/1429525 Thu, 04 May 2023 06:47:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1429525 นับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั่วโลก ก็ได้เริ่มปรับลดคนเนื่องจากการเติบโตไม่ได้พุ่งเหมือนช่วงที่โควิดระบาด โดย Google ก็เป็นหนึ่งในบริษัทเหล่านั้น ซึ่งได้ลดคนมากถึง 12,000 ตำแหน่ง แต่หลังจากที่มีการเปิดเผยถึงรายได้ของ ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของบริษัท ก็ทำให้ชาว Googler ไม่พอใจอย่างมากที่ผลกระทบกลับมาตกที่พนักงาน

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการเปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ซันดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ซีอีโอ ของ กูเกิล (Google) ได้รับค่าตอบแทนสูงถึง 226 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 7,800 ล้านบาท โดยเขาถือเป็นหนึ่งใน CEO ที่ได้รับค่าตอบแทนสูงสุดในอเมริกา

ขณะที่ผู้บริหารคนอื่น ๆ รวมถึงรองประธานอาวุโสฝ่ายความรู้และข้อมูลของ Google และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจต่างก็มีรายได้ประมาณ 37 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.3 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กูเกิลได้ประกาศอนุมัติการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 70,000 ล้านดอลลาร์

ทั้งค่าตอบแทนระดับบริหารที่มีมหาศาล และการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 7 หมื่นล้าน ทำให้พนักงานมองว่า บริษัทมีเงินสดมากเกินพอที่จะครอบคลุมการดำเนินงานและการลงทุน แต่บริษัทกลับปลดพนักงานถึง 12,000 ตำแหน่ง แทนที่จะลดค่าตอบแทนของซีอีโอ

ซื้อหุ้นคืน 7 หมื่นล้านดอลลาร์ แสดงว่า บริษัทเคารพผู้ถือหุ้นภายนอกมากกว่าพนักงานกูเกิลเอง” หนึ่งในข้อความที่มีการโพสต์

แม้ว่าค่าตอบแทนของซันดาร์ พิชัย หากเฉพาะส่วนที่เป็นเงินเดือนจะอยู่ที่ 2 ล้านดอลลาร์, ค่าตอบแทนอื่น ๆ อีก 4.3 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีค่ารักษาความปลอดภัยส่วนตัวราว 6 ล้านดอลลาร์ แต่อีกราว 200 กว่าล้านดอลลาร์มาจากหุ้นของบริษัท ซึ่งเขาจะได้รับทุก ๆ 3 ปี แต่พนักงานส่วนใหญ่ก็ยังมองว่าไม่ยุติธรรม

ซึ่งหลังจากที่รายได้ของซันดาร์ถูกเปิดเผย ก็ได้มีการทำมีมเปรียบเทียบพิชัยกับ ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอ ของ Apple ที่ยอม ลดค่าตอบแทนกว่า 40% ขณะที่ อีริค หยวน (Eric Yuan) ซีอีโอของ Zoom ได้ยอม ลดเงินเดือนลง 98% และจะไม่รับโบนัส หลังจากบริษัทได้ปลดพนักงาน 1,300 ตำแหน่ง

“การประหยัดค่าใช้จ่ายใช้ได้กับทุกคนในองค์กร ยกเว้นกับตำแหน่ง VPS และ CEO ที่ทำงานหนักของเรา” หนึ่งในข้อความมีมที่เกิดขึ้น

ปกติแล้วพนักงานของ Google จะมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 280,000 ดอลลาร์ นั่นหมายความว่าเงินเดือนของพิชัยมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 800 เท่า

]]>
1429525
‘Google’ เลื่อนจ่าย ‘โบนัส’ บางส่วน เนื่องจากต้องรัดเข็มขัดสู้วิกฤตศก. https://positioningmag.com/1416146 Fri, 20 Jan 2023 06:28:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1416146 ต้องยอมรับว่าปีที่ผ่านมาไม่ใช่ปีที่ดีนักของเหล่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก ทำให้ต้องมีการปรับลดจำนวนพนักงาน รวมถึงบางบริษัทเองต้องลดการจ่ายโบนัสและการปรับขึ้นเงินเดือน เช่นเดียวกับ Google บริษัทลูกของ Alphabet ที่ต้องเลื่อนจ่ายโบนัสบางส่วนให้กับพนักงาน

โดยปกติแล้ว กูเกิล (Google) จะจ่ายโบนัสให้พนักงานภายในวันที่ 15 มกราคม อย่างในปี 2021 บริษัทก็แจกโบนัสพนักงานทั่วโลกถึงคนละ 1,600 ดอลลาร์ หรือกว่า 50,000 บาท อย่างไรก็ตาม ในปี 2022 ที่ผ่านมา จากภาวะตกต่ำของเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้บริษัทต้องรัดเข็มขัด ส่งผลให้พนักงานบางส่วนจะได้รับโบนัสที่ 80% ในเดือนมกราคมนี้ ส่วนอีก 20% เลื่อนจ่ายไปก่อน โดยคาดว่าจะได้อีกทีในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน

“เราได้แจ้งพนักงานล่วงหน้าตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่าเราจะจ่ายโบนัสล่วงหน้า 80% และส่วนที่เหลือจะจ่ายในช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายน”

ที่น่าสนใจคือ กูเกิลประกาศถึงนโยบายการจ่ายโบนัสใหม่ โดยนับตั้งแต่ปี 2024 การจ่ายโบนัสจะถูกเลื่อนไปภายในเดือนมีนาคมแทน ซึ่งนโยบายดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทพยายามที่จะจำกัดการใช้จ่ายท่ามกลางความต้องการที่ชะลอตัวในวงกว้างและสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

นโยบายลดการใช้จ่ายเริ่มเห็นตั้งแต่ปีก่อน Sundar Pichai CEO ของ Google ที่จำต้องลิกจ้างพนักงานกว่า 200 คนในแผนกวิทยาศาสตร์สุขภาพ, ยกเลิกการพัฒนา Google Pixelbook รุ่นใหม่ และเลิกให้บริการเกมดิจิทัล Stadia โดยทั้งหมดที่ทำเพื่อให้บริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น 20%

ทั้งนี้ Alphabet มีกำหนดจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ โดยนักวิเคราะห์คาดว่ารายได้จะเติบโตน้อยกว่า 2% จากปีก่อนหน้า ตามรายงานของ Refinitiv ขณะที่กำไรต่อหุ้นคาดว่าจะลดลงเหลือ 1.18 ดอลลาร์จาก 1.53 ดอลลาร์ จากที่มูลค่าหุ้นของบริษัทได้ลดลง 31% ในปีที่ผ่านมา

CNBC / Reuters

]]>
1416146
‘YouTube’ เจอพิษ ‘TikTok’ และสงคราม ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ทำรายได้ไตรมาสแรกพลาดเป้า ฉุดหุ้นร่วง 4% https://positioningmag.com/1383054 Wed, 27 Apr 2022 06:13:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383054 ‘อัลฟาเบท’ (Alphabet) บริษัทแม่ของ ‘Google’ และ ‘YouTube’ ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกซึ่งต่ำกว่าที่หลาย ๆ คนคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทตกลง 4% โดยภาพรวมทั้งปีหุ้นของบริษัทตกลงไปแล้วถึง 18% ร่วงสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2564

รายได้ของ Alphabet ในไตรมาสแรกของปีปิดที่ 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะทำรายได้ 6.81 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยช่วงไตรมาสแรกของปี 64 Alphabet สามารถเติบโตได้ถึง 34% หลังจากที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งจากการระบาดใหญ่

โดยบริษัทรายงานรายได้โฆษณาจากฝั่งของ Google ที่ 5.46 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นจาก 4.46 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ส่วนรายได้จาก YouTube ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยปิดที่ 6.9 พันล้านดอลลาร์ พลาดเป้าของนักวิเคราะห์ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจาก TikTok ครองส่วนแบ่งตลาดวิดีโอโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทหยุดการขายโฆษณาในรัสเซีย เนื่องจากสงคราม

สืบเนื่องจากภาวะสมครามรัสเซีย-ยูเครน ทางบริษัทได้ระงับการให้บริการ Google ในรัสเซีย ส่งผลให้การขยายตัวของรายได้ในภูมิภาคยุโรปซึ่งรวมถึงตะวันออกกลางและแอฟริกา ชะลอตัวลงสู่ระดับ 19% ในไตรมาสแรก จาก 33% ของปีก่อน

Ruth Porat CFO กล่าวว่า YouTube เติบโตเพียงเล็กน้อย การชะลอตัวดังกล่าวสะท้อนถึงความยากลำบากเมื่อเทียบกับเวลาเดียวของปีที่แล้ว ด้าน Sundar Pichai CEO เปิดเผยว่า ฟีเจอร์ Shorts มียอดรับชมกว่า 3 หมื่นล้านครั้ง/วัน ซึ่งเติบโตเป็นสองเท่าในไตรมาสก่อนหน้าและสี่เท่าของปีก่อน

ส่วนรายได้อื่น ๆ ของ Google ซึ่งรวมถึงฝั่งฮาร์ดแวร์, Play Store และรายได้ที่ไม่ใช่โฆษณาบน YouTube อยู่ที่ 6.81 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อยเล็กน้อย ส่วนแผนกอื่น ๆ อย่าง Waymo หน่วยรถยนต์ไร้คนขับ มีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากปีก่อนหน้าปิดที่ 440 ล้านดอลลาร์ จาก 198 ล้านดอลลาร์ 

สำหรับธุรกิจที่โดดเด่นในช่วงไตรมาสแรกนี้ ได้แก่ คลาวด์ โดยเติบโตขึ้น 44% และทำลายสถิติเกินคาด เนื่องจากองค์กรขนาดใหญ่จำนวนมากขึ้นเปลี่ยนการเก็บข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลของตนเองไปไว้บนคลาวด์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงขาดทุนจากการดำเนินงาน 931 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 974 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ กำไรต่อหุ้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 24.62 ดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 30.69 ดอลลาร์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ของเรฟินิทีฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 25.91 ดอลลาร์ หุ้นของ Alphabet ลดลง 18% สำหรับปี โดยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พฤษภาคม 2564

Source

]]>
1383054