คนรักสุขภาพ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 07 Jun 2022 06:44:32 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Powershot คว้ารางวัล Best Product of the year 2022 และ Icon Brand ASEAN 2022 ตอกย้ำตัวจริงเรื่องสุขภาพ และความงาม https://positioningmag.com/1386951 Wed, 08 Jun 2022 04:00:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386951

ตลาดสุขภาพ และความงามยังคงมีการเติบโต และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้เห็นทั้งแบรนด์ใหญ่ แบรนด์เล็ก แบรนด์ SME รวมไปถึงเหล่าบรรดา Influencer ดารา นักแสดง เน็ตไอดอลหลายคนก็หันมาจับธุรกิจนี้กันถ้วนหน้า ความท้าทายอยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้ผู้บริโภคไว้วางใจในแบรนด์

เพราะตลาดนี้มีสินค้ามากมายหลายแบรนด์ แต่ละแบรนด์ก็ล้วนโฆษณาถึงจุดแข็ง และคุณประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วเราจะเชื่อมั่นแบรนด์ไหนได้ ว่าให้คุณประโยชน์ หรือทานแล้วได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจจริงๆ สิ่งที่จะช่วยตอบคำถามได้ดีก็คือ รางวัลจากเวทีต่างๆ ที่จะช่วยการันตีความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้


คว้า 2 รางวัล การันตีด้วยคุณภาพ

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อแบรนด์ “พาวเวอร์ชอต (Powershot)” กันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นธุรกิจของ “กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ” พิธีกรสาวผู้มากความสามารถ คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมาหลาย 10 ปี ได้ผันตัวในมาดนักธุรกิจเต็มตัว

Powershot ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2562 จากความตั้งใจของกาละแมร์ ที่อยากจะมีสุขภาพดีขึ้น จึงหันมาสนใจในเรื่องของการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ตั้งแต่การออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และการเลือกอาหารการกิน จนเกิดเป็นแบรนด์ Powershot ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ และเป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด

ปัจจุบัน Powershot เป็นแบรนด์อาหารและอาหารเสริมที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป็นที่นิยมในประเทศไทยอย่างกว้างขวางการันตีจากยอดขายมากกว่า 52 ล้านซอง ภายในเวลาเพียง 2 ปี พร้อมทีมส่งออกที่กำลังพาแบรนด์บุกตลาดต่างประเทศโดยนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ Powershot กลายเป็นแบรนด์มาแรงที่ได้รับการยอมรับในกลุ่มคนรักสุขภาพและความงามอย่างรวดเร็ว

ล่าสุด Powershot ได้คว้ารางวัลการันตีคุณภาพผลิตภัณฑ์เพิ่มอีก 2 รางวัล ได้แก่

รางวัล Best Product of the year 2022 เป็นรางวัลความสำเร็จมาตรฐานธุรกิจ และรางวัลองค์กรธุรกิจที่มีผลงานยอดเยี่ยม จากสภาเครือข่ายสถาบันส่งเสริมพัฒนาธุรกิจ และเศรษฐกิจแห่งประเทศไทยในโครงการเสริมสร้างการพัฒนาธุรกิจ

รางวัล Icon Brand ASEAN 2022 เป็นรางวัลสุดยอดธุรกิจ และผลิตภัณฑ์แห่งปี

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Powershot เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้กวาดรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้วทั้งสิ้น 11 รางวัล ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น เป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสุขภาพ และความงามอย่างแท้จริง

  1. รางวัล Product of the year award 2020 จาก Business+ (CMMU) รางวัลประเภท “กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินเพื่อสุขภาพ”
  2. Product innovation award 2020 จาก Business+ (CMMU) รางวัลประเภท “สินค้าไลฟ์สไตล์ ประเภทสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม”
  3. รางวัล “มาตรฐาน SME Start Up 2020” จาก SME Start up Awards ครั้งที่ 4 จัดโดย สสว.
  4. รางวัล Best product of the year 2021 จากโครงการเสริมสร้างการพัฒนาธุรกิจรางวัลประเภท ”ความสำเร็จมาตรฐานธุรกิจ”
  5. รางวัลธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมแห่งปี Best Awards Asean Brand 2021 จากงานนวัตกรรมธุรกิจอุตสาหกรรมและการบริการจัดการที่ยอดเยี่ยม จัดโดยสภาสื่อมวลชนไทย
  6. รางวัลคุณภาพยอดเยี่ยมอาเซียน AEC Quality Awards 2021 จากโครงการส่งเสริมพัฒนายกระดับคุณภาพมาตรฐานยอดเยี่ยมสู่อาเซียน โดยสภาเครือข่ายอาเซียน-ประเทศไทย
  7. รางวัลเชิดชูเกียรติ นักบริหาร-นักธุรกิจหญิงไทย-อาเซียน 2564 (CEO Women Thai Asean Awards 2021)

นอกจากนี้ยังมีรางวัลอันทรงเกียรติจากองค์กรระดับเอเชีย Asia Pacific Enterprise ถึง 2 รางวัลในปี 2564 ได้แก่ รางวัล Inspirational Brand Award และ รางวัล Master Entrepreneur Award – Ms. Patcharasri Benjamas จาก Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2021 ถือเป็นแบรนด์ที่อายุน้อยที่สุดที่เคยได้รับรางวัลนี้


การันตีผลลัพธ์เชิงชีวภาพ

จากวิสัยทัศน์ในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในด้าน Innovative Health & Beauty Supplement เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดสู่ผู้บริโภค กาละแมร์จึงร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางคิดค้นผลิตภัณฑ์ Powershot เพื่อตอบโจทย์คนรักสุขภาพ และความงามให้ครบทุกด้าน

โดยมีผลิตภัณฑ์ยอดนิยม ที่ตอบโจทย์ครบทุกเซกเมนต์ ทุกความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ได้แก่

  • เซเลฟูส (Cele Foos) ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และเรื่องนอนไม่หลับ มีสารสกัดและส่วนผสมจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ 24 ชนิด, อะเซโรลาเชอร์รี่มีวิตามินมากกว่าส้มถึง 80 เท่า, เอลเดอร์เบอร์รี่ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
  • เกิร์ลบอส (Girl Boss) ผสาน 3 คอลลาเจน เปปไทด์ ไดเปปไทด์ ไตรเปปไทด์ วิตามิน C และ E ที่ช่วยดูแลผิว ผม และข้อต่อ
  • บี เนอร์ จี (B Ner G) ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ความจำ มีวิตามินบีรวม ถั่งเช่า อิโนซิทอลและทอรีน
  • ไวต้า ฟิซ (Vita Fiz) กินกันไว้ก่อน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน มีสารสกัดและวัตถุดิบจากธรรมชาติ 39 ชนิด อุดมไปด้วยวิตามิน A, B, C, D, E, K และ Zinc
  • ไลอ้อน คิงส์ (LION KINGS) ช่วยเพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ดีด รับประทานได้ทั้งหญิงและชาย ประกอบด้วยสารสกัดและวัตถุดิบจากธรรมชาติ 25 ชนิด เช่น เห็ดหลินจือ ถั่งเช่า โสม ทอรีน
  • ไลอ้อน ควีน (Lion Queen) ตัวช่วยเพิ่มความสดชื่น รับประทานได้ทั้งหญิงและชาย มีสารสกัดและวัตถุดิบจากธรรมชาติ 15 ชนิด เช่น ถั่งเช่า, โสม, ชาเขียว, มะเขือเทศ, และโกจิเบอร์รี่
  • เซเล นูว์ (Cele Neu) เสริมสร้างสุขภาพและภูมิคุ้มกัน ในระดับลึกถึงระดับเซลล์มีสารสกัดและวัตถุดิบจากธรรมชาติ 42 ชนิด อะเซโรลาเชอร์รี่ และเอลเดอร์เบอร์รี่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันพร้อม วิตามินซี และวิตามินบี1 และบี2
  • พาวโปรตีน (Pow Protein) โปรตีนจากพืช 3 ชนิดช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และมีใยอาหารสูง ช่วยลดคลอเลสเตอรอล มีวิตามิน 11 ชนิด และสารสกัดจากธรรมชาติ สารสกัดจากชาเขียว
  • โบเทรา วี (Botera V) ตัวช่วยเรื่องใบหน้า ช่วยกระตุ้นผิวให้เต่งตึง และเสริมสร้างเส้นผมให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวหน้ากระชับ ทำให้ดูอ่อนกว่าวัยและเปล่งปลั่งมากขึ้น มีสารสกัดจากทับทิมสเปน เซราไมด์จากข้าว วิตามิน C และ E

ผลิตภัณฑ์จากพาวเวอร์ชอตทุกตัวปราศจากน้ำตาล ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ แคลอรี่ต่ำ และมีผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้ด้วยการวิจัยลงลึกถึงระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ที่ได้มาตรฐานระดับโลกอย่าง บริษัท เซลล์ดีเอ็กซ์ จำกัด (CellDX – Cellular Dynamics Exploration) เป็นห้องปฏิบัติการเภสัชวิทยาเชิงระบบของโรงพยาบาลศิริราช

โดยผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ในเซลล์ตัวแทนอวัยวะในร่างกายทั้งเซลล์ปอด เซลล์ตับ เซลล์สมอง และเซลล์เต้านม นาน 6 เดือนพบว่า ผลิตภัณฑ์ Powershot ทุกตัวที่ส่งทดสอบมีฤทธิ์เชิงชีวภาพจริง และมีสรรพคุณในเชิงเภสัชวิทยาจริง Powershot เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่ส่งผลิตภัณฑ์ไปทำการวิจัยลงลึกถึงระดับเซลล์ สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคอีกขั้น

แต่เดิมกาละแมร์เป็นพรีเซ็นเตอร์หลักของ Powershot แต่ในปีนี้ยิ่งตอกย้ำความปังขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ ได้แก่ แจ็ค-เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ (แจ๊ค แฟนฉัน) ด้วยตัวแทนของผู้ที่หันมาใส่ใจในสุขภาพจนดูดีในแบบของตัวเอง ด้วยคาแรกเตอร์ที่เข้าถึงง่าย เป็นกันเอง, ครอบครัวเจ-เจตริน วรรธนะสิน ตัวแทนครอบครัวสุขภาพดีที่ใส่ใจสุขภาพและมีความมั่นใจในทุกผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ และดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์ ตัวแทนสาวผิวสวย พรีเซ็นเตอร์สินค้า Girl Boss พรีเมียมคอลลาเจน

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ Powershot มีจำหน่ายที่ ร้าน 7-11, Makro, Lotus’s, Tops, CJ More – Nine Beauty, Jiffy, Watsons, EveandBoy, Beautrium รวมถึงช่องทางออนไลน์ Line: @Hipowershot, Facebook, IG, TikTok: Hipowershot, และแพลตฟอร์ม Shopee, Lazada, JD Central, และ Konvy

นอกจากนี้พาวเวอร์ชอตยังมีกิจกรรมแจกทองครั้งใหญ่คืนกำไรให้ลูกค้า “ดื่มดีมีทอง แจกทอง 1 ล้าน” เพียงซื้อสินค้าพาวเวอร์ชอตสูตรใดก็ได้ ลุ้นรับทองคำมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท ร่วมสนุกง่ายๆเพียงแค่เขียนชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ให้ชัดเจน ลงบนซองหรือฉลากพาวเวอร์ชอต ส่งมาที่ตู้ปณ. 98 ไปรษณีย์หลักสี่ กรุงเทพฯ ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. – 19 ส.ค. 65 จับรางวัลทุกๆสัปดาห์ที่ 2 และ 4 ของเดือน งานนี้ไม่จำกัดยอดสั่งซื้อขั้นต่ำ ไม่จำกัดจำนวนซอง ยิ่งส่งมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก!

ซื้อสินค้าได้ที่ Line @Hipowershot หรือร้านค้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ 7-11, Makro, Lotus’s, Tops, CJ More – Nine Beauty, Jiffy, Watsons, EveandBoy, Beautrium รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ Shopee, Lazada, JD Central, และ Konvy

]]>
1386951
Nike มองรายได้ปีนี้ “ดีเกินคาด” ปรับเป้ายอดขายเพิ่ม คนเเห่ซื้อออนไลน์พุ่ง เทรนด์สุขภาพอยู่ยาว https://positioningmag.com/1311261 Sat, 19 Dec 2020 14:17:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1311261 เเบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Nike พลิกฟื้นขาดทุนกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง มองว่ารายได้รวมของปีนี้ จะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังยอดขายออนไลน์เติบโตอย่างมากจากวิกฤตโรคระบาด

การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้คนใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เเละหันมาทำกิจกรรมต่างๆ เช่น วิ่งหรือขี่จักรยาน ทำให้ชุดกีฬาของเเบรนด์ต่างๆ ได้รับความนิยมขึ้นอย่างมาก โดยในช่วงล็อกดาวน์ มีผู้เข้าใช้งาน
เเอปพลิเคชันของ Nike จำนวนมากเเละมีการสั่งซื้อสินค้าต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้ส่วนนี้มาช่วยพยุงยอดขายสาขาที่หดหายไป

Jessica Ramirez นักวิเคราะห์ฝ่ายค้าปลีกของ Jane Hali & Associates ให้ความเห็นว่า การทุ่มลงทุนในอีคอมเมิร์ซของ Nike ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา สร้างความได้เปรียบครั้งใหญ่ เหนือคู่แข่งสำคัญอย่าง Adidas เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเเปลงเข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้น

ความพร้อมเเละการใช้งานง่ายของเว็บไซต์ Nike รวมถึงการรวบรวมข้อมูลสินค้าและบริการที่สอดรับความต้องการของลูกค้า ช่วยให้สามารถกำหนดเป้าหมายไปยังผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม เเม้ในช่วงที่ผู้คนต้องประหยัดเเละระะมัดระวังการใช้จ่าย

ยอดขายออนไลน์ของ Nike เติบโตถึง 84% โดยเฉพาะในตลาดอเมริกาเหนือที่เติบโตมากกว่า 100% และพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกก็เติบโตเป็นอัตราเลขสองหลัก สอดคล้องกับกระเเสการออกกำลังกายกลางเเจ้งในหลายพื้นที่ ได้เริ่มกลับมาอีกครั้ง ก็มีส่วนทำให้ยอดขายของ Nike ฟื้นตัวขึ้นจากช่วงวิกฤตได้ดี

Nike รายงานผลประะกอบการงวดไตรมาส 2/63 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2020 มีรายได้เพิ่มขึ้น 9% มาอยู่ที่ 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ที่ 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.25 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 78 เซ็นต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกำไรต่อหุ้นไว้ที่ 62 เซ็นต์

ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารก็ลดลง 2% สู่ระดับ 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 นั้นทำให้ Nike ไม่ต้องใช้ทุ่มงบโฆษณา หรือจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดมากเท่ากับปีก่อน ๆ

จากปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตเหล่านี้ ทำให้ Nike ได้ปรับคาดการณ์รายได้ในปีปฏิทิน 2021 (มิ.. 2020-.. 2021) จากเดิมที่คาดกว่าจะโตเเค่หลักเดียวเเต่ตอนนี้คาดว่าจะโตได้ถึงสองหลักอย่างเเน่นอน โดยกลุ่มลูกค้าที่บริษัทจะมุ่งตีตลาดต่อไปนั่นก็คือกลุ่มวัยรุ่นนั่นเอง

 

ที่มา : Reuters, Nike 

]]>
1311261
รอชิม! Starbucks ส่งเมนูอาหาร-เครื่องดื่ม “Plant-based” เจาะใจคนรักสุขภาพในเอเชียเเละไทย https://positioningmag.com/1296308 Thu, 10 Sep 2020 09:42:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1296308 เทรนด์อาหาร “Plant-based” ที่มีส่วนผสมจากพืชและไม่มีเนื้อสัตว์เจือปน กำลังได้รับความนิยมทั่วโลกในช่วง 2-3 ปีนี้ เชนธุรกิจอาหารจำนวนไม่น้อย กำลังมองหาโอกาสตีตลาด ด้วยการนำมาสร้างสรรค์เมนูใหม่

เมื่อช่วงต้นปีนี้ Starbucks เชนร้านกาแฟรายใหญ่ ประกาศเตรียมเพิ่มเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่เป็น Plant-based เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค สอดรับพฤติกรรมการทานอาหารวีแกนของคนรักสุขภาพ ไปพร้อมๆ กับการยกระดับผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายในร้านให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มตีตลาดในแคนาดา ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และเริ่มให้บริการในประเทศจีน ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ล่าสุด Starbucks ได้เริ่มขยายเจาะกลุ่มลูกค้าในภูมิภาค “เอเชียเเปซิฟิก เเล้ว โดยตั้งเเต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป บริษัทจะมีการปรับเเผนเเละเพิ่มเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่เป็น Plant-based ซึ่งผลิตจากบริษัท Impossible Foods , Oatly และ Beyond Meat Inc เพื่อตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

Starbucks มองว่า เป็นโอกาสสำคัญที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดในฮ่องกง สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ ไต้หวันและไทย ตามรสนิยมและความชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจอาหารที่ผลิตจากพืชเป็นหลัก

โดยจะเริ่มทดลองตลาด Plant-based ในรูปแบบเครื่องดื่มตามฤดูกาล 2 เมนูก่อน คือ Oatmilk Cocoa Macchiato และ Almondmilk Hazelnut Latte วางจำหน่าย 8 พื้นที่ ได้แก่ ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย

Photo : Starbucks เมนู Oatmilk Cocoa Macchiato

ส่วนเมนูอาหารจะวางขายใน 5 พื้นที่ โดยมีเมนูที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ฮ่องกง :  Maize Impossible Sandwich, the Spiced Impossible Puff เเละ vegan chocolate bread stick
  • นิวซีเเลนด์ : Mince & Cheese Pie
  • สิงคโปร์ : Impossible Wrap
  • ไต้หวัน : Beyond Meat Bolognese Penne, the Beyond Meat Sausage Sandwich เเละ the Beyond Meatball Sandwich
  • ไทย : Beyond Meat Sandwich
Photo : Starbucks เมนู Impossible Wrap ที่จะวางขายในสิงคโปร์

Starbucks  เปิดเผยว่า เมนู Plant-based ของแบรนด์จะมุ่งไปที่การพัฒนารสชาติให้ถูกปากคนในพื้นที่และใช้พืชในท้องถิ่นเป็นวัตถุดิบ

อย่างไรก็ตาม การออกเมนู Plant-based ในเอเชียแปซิฟิก ถือเป็นความท้าทายของ Starbucks ที่จะต้องเอาใจผู้บริโภคที่ต้องการรสชาติและตัวเลือกใหม่ในวิถีการกินดื่มของผู้คนในเอเชียที่มีความหลากหลาย โดยจากข้อมูลของ Euromonitor ระบุว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของ นม Plant-based” เพราะเป็นตัวเลือกที่ได้รับการยอมรับในวัฒนธรรมอาหารอยู่แล้ว

สำหรับตลาด Plant-based Food ในประเทศไทย ก็เริ่มมีเชนร้านอาหารนำเนื้อทำจากพืชมาปรุงเป็นเมนูหลัก เช่น Sizzler ในเครือไมเนอร์ หรือร้านฌานาในเครือฟู้ดแพชชั่น รวมถึงมีนำเข้าจากต่างประเทศมาวางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งด้วย

ปัจจุบัน Plant-based Food มีมูลค่ารวมทั่วโลก 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีแนวโน้มเติบโตขึ้นไปเป็น 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 5 ปี เนื่องจากผู้บริโภคเห็นข้อดีของวัตถุดิบอาหารรูปแบบนี้มากขึ้น

 

ที่มา : Reuters , Inside Retail , Starbucks

]]>
1296308
เครื่องดื่มชูกำลัง สำหรับคนรักสุขภาพ !!? โปรดักต์ใหม่ของอดีตนักการตลาด Red Bull https://positioningmag.com/1168473 Sat, 05 May 2018 02:29:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1168473 Huib Van Bockel อดีตนักการตลาดเรดบูล (Red Bull) เปิดตัว Tenzing เครื่องดื่มชูกำลังใหม่ที่มีจุดขายรักสุขภาพ แค่จั่วหัวมาก็ท้าทายสุด ๆ เพราะเป็นโปรดักต์ที่ช่างขัดแย้งกับกลุ่มเป้าหมายเสียเหลือเกิน แต่ยุคนี้อะไรก็เป็นไปได้ แถมมือการตลาดประสบการณ์สูงทำแบรนด์ระดับโลกมาแล้ว ยิ่งทำให้น่าติดตามมากขึ้นว่า กลยุทธ์การตลาดของโปรดักต์ใหม่แบรนด์นี้จะเป็นอย่างไร

Huib Van Bockel เป็นอดีตนักการตลาดเรดบูล กำลังเปิดตัวแคมเปญ Tenzing เครื่องดื่มชูกำลังใหม่ล่าสุด โดยชูคอนเซ็ปต์เพื่อสุขภาพ แถมยังตอบโจทย์นโยบายภาษีความหวานที่เป็นประเด็นของเครื่องดื่มในยุคนี้อีกด้วย

โดยเขากล่าวว่า “ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราคือ การค้นหาเครื่องดื่มที่ไม่ได้ใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แต่สามารถสร้างความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าแก่ผู้บริโภคได้

ไอเดียของเขาเริ่มต้นมาจากการมองปัญหาของประชากรในปัจจุบัน ที่มีจำนวนไม่น้อยในโลกที่เผชิญภาวะโรคอ้วน และเป็นเหตุให้หลายประเทศนำมาตรการด้านภาษีมาใช้เพื่อควบคุมเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ที่เรียกว่า Sugar-Sweetened Beverage Tax หรือนโยบายจัดเก็บภาษีความหวาน

โดยปัจจุบันมีประชากรที่จัดว่ามีไขมันมากเกิน มากถึง 4,500-5,500 ล้านคน และในจำนวนนี้จัดอยู่ในกลุ่มที่มีน้ำหนักตัวเกินถึง 2,800-3,500 ล้านคน

ผู้ผลิตส่วนใหญ่คิดเหมือน ๆ กันในการหาทางออก ด้วยการเลี่ยงไปใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนของภาษีที่ถูกเรียกเก็บในอัตราสูงขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคที่ยังติดหวานตอบรับสินค้าเหมือนเดิม นั่นเท่ากับสิ่งที่รัฐบาลหลายประเทศพยายามแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพของประชากรไม่ได้ถูกแก้ไข เพราะการทำเช่นนี้ผู้บริโภคก็ยังต้องเสี่ยงกับการบริโภคเครื่องดื่มจากสารที่ให้ความหวานทดแทนที่อาจจะทำลายสุขภาพมากขึ้น    

ทำให้ทันทีที่ Huib Van Bockel ประกาศเปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อสุขภาพ ทำให้เขาได้รับการตอบรับจากกลุ่มคนรักสุขภาพในลอนดอนเป็นอย่างดี ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของ Mintel ที่ระบุว่า มีผู้บริโภคถึง 71% ที่กำลังมองหาเครื่องดื่มที่ไม่ใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล

ในขณะที่อีกมากกว่าครึ่ง หรือ 58% มีความกังวลเกี่ยวกับเครื่องดื่มที่มีระดับน้ำตาลสูง ซึ่งแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังโดยทั่วไป ยังไม่สามารถสลัดภาพลักษณ์เหล่านี้ได้ เพราะทุกแบรนด์ต่างติดอยู่กับการรักษารสชาติและสูตรเครื่องดื่มที่ผู้บริโภคยอมรับแล้ว ซึ่งยังสะท้อนให้เห็นด้วยว่าตลาดยังไม่มีการปรับตัวให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภค

Huib Van Bockel เองก็ใช้เวลาถึง 8 ปี ในฐานะนักการตลาดของเรดบูล ซึ่งระหว่างนั้นก็ค้นหาคำตอบให้ตัวเอง เพื่อหาสูตรและวิธีการทำธุรกิจในแบบของตัวเอง เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติและมีน้ำตาลต่ำ

Tenzing คือคำตอบของ Huib Van Bockel ในฐานะเครื่องดื่มชูกำลังที่มีส่วนผสมของเกลือและแร่ธาตุจากภูเขาหิมาลัย ชาเขียว กรีนคอฟฟี่ และน้ำมะนาว และมีระดับน้ำตาลเท่ากับน้ำมะพร้าวคือ 4.9 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ซึ่งต่ำกว่าซอฟต์ดริ้งค์ส่วนใหญ่ที่จะมีน้ำตาลประมาณ 11 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร หรือมีสารให้ความหวานเพียงพอเพื่อให้ได้ระดับความหวานที่เท่ากัน

นั่นหมายความว่า Tenzing มีรสหวานน้อยกว่าเครื่องดื่มอื่น ที่มีอยู่ในท้องตลาด

เคยเป็นมือการตลาดเรดบูลทั้งที ไม่มีพลาดเรื่องกิจกรรมการตลาด

Tanzing จัดแคมเปญเปิดตัวในเดือนเมษายนนี้ และจะใช้เวลา 10 สัปดาห์กับการจัดงานกลางแจ้ง (Outdoor) และใช้สื่อดิจิทัลอย่าง YouTube, Facebook และ Instagram นอกจากนี้ยังได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับนิตยสาร Time Out เพื่อเผยแพร่โฆษณา และทำงานร่วมกันในกิจกรรม และจุดขายที่เรดบูลใช้ เพื่อนำเสนอและสื่อสารให้ผู้บริโภครู้ว่า Tenzing เป็นเครื่องดื่มที่มีคุณภาพมากกว่าเครื่องดื่มอื่นตามท้องตลาด

นอกจากนี้ยังเห็นว่า สำหรับแบรนด์ใหม่แล้ว การใช้สื่อนอกบ้าน (OUT OF HOME MEDIA) เช่น ป้ายบิลบอร์ด ป้ายโฆษณา หรือแม้แต่โฆษณาที่อยู่บนรถเมล์ ก็สามารถดึงดูดความสนใจแก่ผู้พบเห็นได้มีประสิทธิภาพ  รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์ก็ยังมีความสำคัญไม่แพ้สื่อดิจิทัล เพราะถึงแม้ว่าเฟซบุ๊กจะทำให้คนรู้จักแบรนด์ได้เพราะใช้กันแพร่หลายทั่วโลก แต่สื่อสิ่งพิมพ์สามารถถ่ายทอดและบอกเล่าเรื่องราวได้ลึกซึ้งกว่า   

แต่หมัดเด็ดของ Huib Van Bockel คือการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดตัวเครื่องดื่ม ซึ่งเขาเชื่อว่านโยบายภาษีจะช่วยให้แบรนด์เติบโตได้ดี ด้วยการให้เหตุผลว่า

“ถ้าต้องการเริ่มต้นธุรกิจ คุณจะต้องติดตามกระแสที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง และตอนนี้เรากำลังขับเคลื่อนไปพร้อมกับกระแสนั้น เพราะฉะนั้น การทำธุรกิจใหม่ๆ จำเป็นต้องเปิดหู เปิดตา และ “เปิดใจ” ไว้เสมอ”

นี่คือคำแนะนำทิ้งท้ายจากอดีตนักการตลาดจากกระทิงแดง ที่สั่งสมประสบการณ์การทำงานและนำมาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง.

Source

]]>
1168473
ออกกำลังกายว่ายาก กระตุ้นให้คนออกกำลังยากกว่า โจทย์ใหญ่ Fitbit ต้องใช้ลูกเล่น จับกลุ่มเด็ก-ผู้หญิง https://positioningmag.com/1167929 Tue, 01 May 2018 07:58:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1167929 หลังจากเปิดตัว Fitbit Ionic ตอนต้นปีไปได้ไม่นาน ฟิตบิต (Fitbit) ต้องขยับเอ็กเซอร์ไซส์ต่อเนื่อง บุกตลาดอีกระลอก เพื่อเติมเต็มและหาทางตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้นว่า เหตุผลอะไรที่ควรจะใช้ “สมาร์ทวอทช์” อย่างฟิตบิต

รอบนี้จึงต้องเปิดตัวจับตลาดที่กว้างขึ้น ด้วย Fitbit Versa สำหรับกลุ่มเฮลธ์คอนเซิร์น รักสุขภาพและชอบไปฟิตเนสและ Fitbit Ace สำหรับกลุ่มเด็ก ๆ ที่พ่อแม่ห่วงใยสุขภาพ และอยากเติมเต็มชีวิตแบบสมาร์ทดิจิทัลเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของชีวิตลูกรัก

ฟิตบิต เวอร์ซ่า (Fitbit Versa) ใช้ดีไซน์ใหม่ และสีสันให้เลือกทั้งแนวหวานและแบบมาตรฐานโดนสีดำ ทั้งหน้าปัดและสาย พร้อมฟีทเจอร์สำหรับการดูแลสุขภาพและการออกกำลังเพิ่มขึ้น รวมทั้งระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานขึ้นกว่า 4 วัน เช่น โหมดตอบกลับข้อความ(Quick Replies)เพื่อตอบสนองด้านเวิร์กไลฟ์ และการติดตามข้อมูลสุขภาพสำหรับลูกค้าผู้หญิง (Female Health Tracking)เรื่องของการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเรื่องประจำเดือน ดีไซน์หน้าปัดสีโรสโกลด์และสายสีหวาน รองรับกลุ่มสาว ๆ โดยเฉพาะ

หมัดสองที่ตามมาติด ๆ คือ การเปิดตัวรุ่นที่ต่ำลงกว่ารุ่น Iconic ราคาขายเรือนละ 8,490 บาท (Fitbit Ionic ราคา 11,690 บาท) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ฟิตบิต ไม่ได้หวังแค่ยอดขายที่มากขึ้น แต่ต้องการดึงลูกค้าจากแบรนด์คู่แข่งให้เปลี่ยนใจมาทดลองใช้ด้วยราคาที่จูงใจมากกว่าเมื่อเทียบกับการใช้งานต่าง ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามานี้

ขณะที่ไฮไลต์ของฟิตบิต เอซ (Fitbit Ace) สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพสำหรับเด็ก เจาะกลุ่มครอบครัว เป็นโปรดักส์ที่ฟิตบิต พัมนาขึ้นด้วยความเชื่อว่า เด็กรุ่นใหม่สนใจเทคโนโลยีมากกว่าของเล่นทั่วไป จึงสร้างฟิตบิต เอซ มาตอบสนอง แต่เพิ่มการใช้งานสำหรับการดูแลเด็กในครอบครัวลงไป เช่น ระบบจีพีเอสเพื่อติดตามตัว ออกแบบให้กันน้ำเพื่อเหมาะกับการใช้งานของเด็กให้ใช้ติดตัวได้ตลอด

นับเป็นความพยายามที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของฟิตบิต กลายเป็นสินค้าที่แทรกเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของคนทุกกลุ่มได้อย่างกลมกลืน เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน

อเล็กซานเดอร์ฮีลีย์ ผู้จัดการการตลาดบริหารด้านผลิตภัณฑ์เปิดเผยถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รอบนี้ว่า

“การกลับมาตีตลาดสุขภาพในไทยครั้งนี้ ถือว่าฟิตบิตเตรียมตัวมาอย่างดีมาก อย่างแรกคือ จับตลาดตลาดอยู่หลังจากที่เคยปล่อย ฟิตบิต ไอออนิค (Fitbit Ionic) เข้ามาสำรวจตลาดสุขภาพในไทย แล้วพบว่าคนไทยเริ่มสนใจสุขภาพกันมากขึ้น การหาตัวช่วยในเรื่องของสุขภาพเป็นสิ่งคนไทยต้องการและฟิตบิตก็พยายามเข้ามาตอบรับกับความต้องการนี้”

ขณะที่ หลุยส์ ลายย์ ผู้จัดการประจำประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผลิตภัณฑ์ฟิตบิท ก็มั่นใจว่า สถานการณ์ทั่วโลกที่มีเรื่องของโรคอ้วนมากขึ้น หรือแม้กระทั่งเรื่องของผู้หญิงอย่างประจำเดือนที่สามารถต่อยอดไปยังโรคร้ายอีกหลายๆ โรคได้ ก็เป็นระบบที่ฟิตบิตเชื่อว่า สิ่งที่คิดมาจับต้องได้ และทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์จะเป็นที่ตอบรับของตลาดมากขึ้น

“อย่างที่บอกว่าฟิตบิตพยายามเข้ามาเป็นตัวช่วยในเรื่องของสุขภาพและชีวิตประจำวัน พร้อมค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในแต่ละบุคคลด้วย โดยฟิตบิตได้แสดงให้เห็นว่าได้ก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดแรกไปแล้ว นั่นก็คือการที่ฟิตบิตสามารถใช้ได้กับทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นเอนดรอยด์, IOS และวินโดวส์” หลุยส์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้จะออกรุ่นใหม่ทำตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่จนถึงตอนนี้ ฟิตบิต ก็ยังไม่สามารถรองรับภาษาไทย ซึ่งผู้บริหารฟิตบิตยอมรับว่าระบบภาษาเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะภาษาไทย ซึ่งบริษัทอยากเปิดใช้งานเมื่อระบบพร้อมจริง ๆ กับเรื่องของระบบเพย์เมนท์ที่ใส่เข้ามาในเครื่องเป็นระบบ NFC ซึ่งเป็นคนละแนวโน้มกับการชำระเงินดิจิทัลในตลาดไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตด้วยการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดมากกว่า ทำให้ระบบนี้ในฟิตบิตมีความสำคัญต่อผู้ใช้ลดลงไปมาก

ทำไม Fitbit Ace เลือกเล่นกับเด็ก

แต่สำหรับระบบการใช้งานที่ตอบโจทย์เรื่องครอบครัว อาจจะเป็นส่วนเสริมที่สร้างแนวโน้มที่ดีต่อการทำตลาดของฟิตบิตได้บ้าง เพราะฟิตบิตเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่พยายามพัฒนาให้ทั้งครอบครัวสามารถมีส่วนร่วมกับฟิตบิตได้ เช่น การแข่งกันการออกกำลังกาย โดยมีบัญชีฟิตบิตเป็นแบบรายครอบครัวเพื่อคอยอัพเดทสุขภาพของคนในครอบครัว ซึ่งสามารถแยกบัญชีกันได้ชัดเจน การติดตามตัวป้องกันเด็กพลัดหลง เป็นต้น และด้วยราคาที่จับต้องได้

นอกจากประเด็นที่พ่อแม่ทั้งหลายมักทุ่มเทให้ลูกได้ทั้งหมดแล้ว จากผลวิจัยพบว่า มีเด็กถึง 20% ของประชากรเด็กในโลกที่น้ำหนักเกิน ฟิตบิต จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการให้พ่อแม่มีตัวช่วยประเมินพฤติกรรมและเป็นเครื่องมือช่วยให้รู้ว่าลูก ๆ ได้ออกกำลังแค่ไหน มีสุขภาพอย่างไร ผ่านอุปกรณ์ชิ้นนี้ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นที่พ่อใจต่อเด็กและกลุ่มพ่อแม่

ที่สำคัญ ทั้งการหาวิธีการเอาชนะการออกกำลังที่น่าเบื่อ การผลิตสินค้าที่หลากหลายมีดีไซน์ให้เลือกมากขึ้นในราคาที่ถูกลง เพิ่มลูกเล่น เน้นการเข้าถึง และจับกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน ทำให้ตอนนี้ ฟิตบิต น่าจกลายเป็นสมาร์ทวอทช์ที่เปิดตัวรุกจนล้อมผู้บริโภคไว้แล้วหลายกลุ่ม พร้อมกับเปิดจำหน่ายทั้งออฟไลน์ออนไลน์ผ่าน B2S ร้านดอทไลฟ์คิงพาวเวอร์พาวเวอร์บาย วีมาร์ท และลาซาด้าแต่ไม่มีร้านนาฬิกาแม้จะได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ เพราะยุคนี้ดิจิทัลไลฟ์สไตล์คือตัวนำ ใครที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้โดยไม่ต้องทำเหมือนเดิม ก็มีโอกาสเกิดเป็นที่รู้จักในตลาดเท่าเทียมกัน.

]]>
1167929
แอนลีนต้องสาวขึ้น ทุ่ม 300 ล้าน หยิบ มอฟแม็กซ์ ปัดฝุ่น จับกลุ่มเป้าหมายคนรักสุขภาพ ไม่ใช่แค่นมคนแก่ https://positioningmag.com/1157843 Tue, 20 Feb 2018 14:44:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1157843 บริษัท ฟอนเทียร่า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมจากนิวซีแลนด์ รุกตลาดไทยและอาเซียนรอบใหม่ มองโอกาสจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ใช้งบ 300 ล้านบาท ส่งผลิตภัณฑ์ Anlene MovMax สู่ตลาดไทย ในฐานะนมแบรนด์เดียวที่ดูแลทั้งกระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อ หรือมีสรรพคุณเพื่อดูแลการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยหวังว่าจะช่วยเพิ่มยอดขาย 15-20% ภายในสิ้นปี 2561 นี้

พอล แอนดรูว์ ริชาร์ดส กรรมการผู้จัดการ กลุ่มประเทศไทยอินโดจีนฟิลิปปินส์ บริษัท ฟอนเทียร่า แบรนด์ส (ประเทศไทย) จำกัด ให้ภาพรวมตลาดนมในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า มีปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์นมเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4-5% ทุกปี โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่สุดของแอนลีน และผู้บริโภคไทยก็หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ

ปัจจุบันแอนลีนเป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งของตลาดนมสำหรับผู้ใหญ่ในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูง 40% จากมูลค่าตลาดกว่า 2,500 ล้านบาท ทำยอดขายแซงหน้าเมื่อเทียบกับในภูมิภาคเดียวกันอีก 5 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมา ลาว และกัมพูชา แอนลีนยังมีคาดหวังที่จะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนมเพื่อสุขภาพที่ดีต่อไป และเลือกที่จะส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีนวัตกรรมเพื่อสุขภาพเพิ่มเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ดังเช่นการหยิบ Anlene MovMax กลับมารีลอนช์ในรอบ 22 ปีในครั้งนี้

สุพัตรา โปรณานันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และการตลาด กล่าวว่า การเป็นผู้นำตลาดนมผู้ใหญ่เป็นเรื่องท้าทายของแอนลีน เพราะคนรุ่นใหม่จะสนใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าแอนลีนจะเป็นคำตอบของผู้บริโภคทุกกลุ่ม บริษัทจึงต้องพยายามเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยการสร้างความเข้าใจและกระตุ้นการรับรู้ถึงฟังก์ชันที่เป็นส่วนผสมในนมให้มากที่สุด   

ด้วยงบประมาณมากกว่า 300 ล้านบาทครั้งนี้ นอกจากการรีลอนช์ ปรับโฉมให้เข้ากับยุคสมัย Anlene MovMax (แอนลีน มอฟแม็กซ์) สูตรใหม่ถูกเพิ่มเติมให้เป็นนมที่มีมากกว่าแคลเซียมสูง โดยมีทั้งคอลลาเจน และโปรตีน เสริมทั้งกระดูก (แคลเซียม, วิตามินดี และฟอสฟอรัส) ข้อต่อ (คอลลาเจน, วิตามินซี และวิตามินอี) และกล้ามเนื้อ (โปรตีน และแมกนีเซียม) เพื่อเพิ่มคุณประโยชน์สำหรับร่างกายทั้งหมด รวมทั้งคงเน้นเรื่องไขมันต่ำ และโคเลสเตอรอลต่ำ ไว้ด้วย

นอกจากสูตรใหม่แล้ว แอนลีนยังเปิดตัวแคมเปญการตลาด ‘WeAreMore’ พร้อมทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชิงรุกแบบ 360 องศา เพื่อตอกย้ำแบรนด์ และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้นและมากขึ้น โดยเลือกใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ใหม่ถึง 2 คน ได้แก่ ลีเดีย – ศรัณย์รัชต์ ดีน สำหรับเป็นตัวแทนสื่อถึงคนที่ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นได้มากกว่าแค่รูปร่างหน้าตาและ ป้าจิ๊ อัจฉราพรรณ (พุทธิอร) ไพบูลย์สุวรรณ ตัวแทนของคนที่ใช้ชีวิตแบบเป็นได้มากกว่าตัวเลขของอายุ

ทั้งนี้แคมเปญ #WeAreMore หรือให้คุณเป็นได้มากกว่า เป็นแคมเปญที่แอนลีนใช้ในการเปิดตัวในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยเริ่มที่ฟิลิปปินส์และมาเลเซียเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดตัวที่ไทยล่าสุดในเดือนนี้

แคมเปญนี้ยังถือเป็นการต่อยอดแบรนด์ หลังจากที่แอนลีนปูฐานด้านโภชนาการกระดูกมาหลายปี จากผลิตภัณฑ์นมที่ผู้บริโภครับรู้ว่าเป็นนมแคลเซียมสูง ซึ่งแอนลีนทำตลาดโดยเน้นเป็นนมสำหรับผู้ใหญ่ รวมไปถึงกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องเน้นเสริมเรื่องแคลเซียม 

การรับรู้ถึงฟังก์ชันของนมแอนลีนว่ามีแคลเซียมสูง และเป็นมากกว่านมปกติมีทั้งผลบวกและลบ ทำให้แทนที่นมแอนลีนจะจับตลาดผู้ใหญ่ได้กว้างตามที่มุ่งหวังตั้งแต่ต้น ที่ผ่านมาจึงมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยกลับมองว่าแอนลีนเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนสูงอายุมากกว่า

กลุ่มผู้บริโภคผู้ใหญ่ทั่วไป ที่แอนลีนคาดหวังว่าน่าจะมาเป็นลูกค้าได้ ก็เลยมีจำนวนไม่น้อยที่ยังเลือกดื่มผลิตภัณฑ์นมทั่วไปแทน ดังนั้นแม้แอนลีนจะทำส่วนแบ่งได้ดีในกลุ่มนมแคลเซียมสูง แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากตามที่คาดหวัง

การรีลอนช์ใหม่ครั้งนี้ แอนลีนจึงต้องแก้ถึง 2 โจทย์ นั่นคือ การเป็นนมที่มากกว่าปกตินั้นดีอย่างไรแล้ว แท้จริงแล้วเหมาะกับใครได้บ้าง โดยเสริมโจทย์ที่ว่าทำไมคนที่ดื่มนมจึงควรเลือกนมแอนลีนด้วยฟังก์ชั่นที่มากกว่า โดยครั้งนี้แอนลีนเลือกโฟกัสไปที่คุณประโยชน์ของการเสริมสร้างระบบกระดูกข้อต่อและกล้ามเนื้อทั้งระบบของร่างกาย เพราะมีทั้งแคลเซียม โปรตีน และคอลลาเจน

ที่สำคัญ ยอมจ้างแบรนด์แอมบาสเดอร์พร้อมกัน 2 คน เพื่อแยกกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันอย่างชัดเจน เพราะมีทั้งคนสูงวัยที่ดูแลใส่ใจสุขภาพ และวัยผู้ใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลร่างกายอย่างจริงจังนั่นเอง

ใครที่คิดว่าจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างลีเดีย และป้าจิ๊ ก็เตรียมตัวทดลองชิมผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ได้ เพราะตามแคมเปญการตลาดดครั้งนี้ นอกจากแอนลีนจะส่ง TVC ตัวใหม่ออกไปแนะนำสินค้า สื่อนอกบ้าน ก็ยังมีสื่อดิจิทัล พร้อมกับผลักดันให้มีการทดลองผลิตภัณฑ์โดยจัดให้ชิมทั้งในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมทั้งตามอาคารสำนักงาน พร้อมกับตั้งเป้าแจกสินค้าตัวอย่างให้ถึงมือผู้บริโภคกว่า 2 ล้านคน แถมด้วยการเดินสายทำกิจกรรมตรวสุขภาพให้กับคนไทยทั่วประเทศอีก 200,000 คนภายในสิ้นปีนี้ด้วย 

ชิมแล้วถูกใจ แอนลีนก็เตรียมขยายเพิ่มช่องทางจำหน่ายไว้รอ โดยจัดให้ทั้งผลิตภัณฑ์ผงแบบซองและนมยูเอชทีอีกหลายขนาด วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ โชห่วยทั่วประเทศ 

สำหรับบริษัทฟอนเทียร่า แบรนด์ส (ประเทศไทย) นอกจากเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์แอนลีน นมสำหรับผู้ใหญ่ ยังมีผลิตภัณฑ์ในเครือแบรนด์อื่น ได้แก่ แอนมัม (Anmum) นมเพื่อสตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ภายใต้แบรนด์แองเคอร์ (Anchor) และเชสเดล (Chesdale) อาทิ ชีส เนย และครีม.

]]>
1157843