ชุดชั้นใน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 24 Jan 2023 08:44:42 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ซาบีน่า’ เตรียม ‘รีแบรนด์’ ลงสนามแฟชั่น อยากเติบโตต้อง “เป็นมากกว่าชุดชั้นใน” https://positioningmag.com/1416438 Tue, 24 Jan 2023 07:55:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1416438 หากให้คุณผู้หญิงนึกถึงแบรนด์ชุดชั้นในเชื่อว่าชื่อของ ซาบีน่า (SABINA) ต้องขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ โดยที่ผ่านมา ซาบีน่าถือเป็นแบรนด์ที่ปรับตัวได้เก่งแบรนด์หนึ่งในช่วงที่เกิดการระบาดของ COVID-19 ด้วยการปรับไลน์การผลิตชุดชั้นในมาผลิตหน้ากากผ้าชั่วคราว และในปี 2023 ปีที่หลายคนมองว่าเป็นปีแห่งการเริ่มใหม่ ซาบีน่าเองก็พร้อมรีแบรนด์ใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอีก 10 ปี

อยากเติบโตต้องเป็นมากกว่าชุดชั้นใน

ดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อ้างอิงจากยูโรมอนิเตอร์ ตลาดชุดชั้นใน มีมูลค่า 22,236 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 23.34% ของตลาดเสื้อผ้าแฟชั่น โดยซาบีน่ามีส่วนแบ่งตลาด 12.8% เป็น อันดับ 2 ของตลาด ทั้งนี้ ชุดชั้นในที่มีแบรนด์กินสัดส่วนประมาณ 50% ส่วนอีก 50% เป็นตลาด Non-Brand ซึ่งโอกาสของตลาดชุดชั้นในคือ กินตลาด Non-Brand และ ต้องเป็นมากกว่าชุดชั้นใน เพื่อกินสัดส่วนตลาดแฟชั่น

ดังนั้น ซาบีน่าจะเพิ่ม สินค้าที่มากกว่าชุดชั้นใน เป็นเสื้อผ้าที่ใส่ภายนอกได้ แต่ที่จะยังคง DNA ของแบรนด์ เช่น ชุดว่ายน้ำ ชุดกีฬา นอกจากนี้จะมี เน้นไอเทมที่ผู้หญิงอยากได้ เช่น ยางรัดผม โดยจะเริ่มทยอยออกของใหม่ ๆ ทุกไตรมาส ปัจจุบันสัดส่วนสินค้าที่ไม่ใช่ชุดชั้นในมีประมาณ 5%

“ตอนนี้คนเดินช้อปเขาต้องการบรรยากาศ ต้องการภาพรวม เราเลยต้องนำเสนออะไรที่มากกว่าชุดชั้นใน โดยเราวางไว้ 2 ส่วน ได้แก่ Everyday Wear หรือของที่ใช้ได้ทุกวัน และ Seasonal คอลเลกชั่นที่ออกเฉพาะเทศกาล เช่น ชุดว่ายน้ำ ถ้าชอบต้องรีบซื้อเพราะของอาจไม่มี”

เตรียมรีแบรนด์รับการเติบโต 10 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ในปี 2023 ซาบีน่าจะ รีแบรนด์ใหม่ โดยเริ่มจากการเปลี่ยน โลโก้ ให้มีความง่าย ชัดเจน มั่นคง และ เฟรนด์ลี่กว่าโลโก้เก่า พร้อมรับการเติบโตอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะต้องยอมรับว่าโลโก้เก่าที่เป็นตัวเขียน อ่านยาก สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามแบรนด์ โดยเฉพาะกับลูกค้าต่างชาติ

“ลูกค้าไทยคิดเป็นสัดส่วน 80-90% ต้องยอมรับว่าแบรนด์เรายังไม่ใช่เป้าหมายของนักท่องเที่ยว ไม่ใช่ไพออริตี้แรกที่เขามองหา แต่เราพยายามจะสื่อสารให้เขามาลอง ซึ่งส่วนนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร”

 

โลโก้ใหม่ซาบีน่า

นอกจากนี้ ซาบีน่ายังมองถึงการแตก ซับแบรนด์ เนื่องจากมองว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันนั้น ไม่ยึดติดแบรนด์ ความลอยัลตี้ลดลง พร้อมจ่ายแพงหากเจอสินค้าที่ถูกใจ ดังนั้น จะมีไลน์สินค้าที่ไม่ทับกัน เริ่มแตกเป็นแบรนด์อื่น เช่น MAD MOISELLE เพื่อจับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้ ซาบีน่าจะยังมีการ Collab กับแบรนด์อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้สินค้า เช่น SABINA x Gentlewomen เป็นต้น และการผลิตสินค้าจากนี้จะไม่ผลิตจำนวนมาก แต่จะผลิตซ้ำหากได้รับความนิยม

“ลอยัลตี้ต่ำมีดีมีเสียเพราะเขาจะไปจากเราได้ และเขาก็กลับมาหาเราได้ ถ้ากลุ่มลูกค้ากลุ่ม 50 ปีขึ้นไป ยังมีลอยัลตี้ แต่กลุ่มเด็ก ๆ 30 ลงมาเขาซื้อเพราะแค่รู้สึกคลิ๊ก แพงกว่าก็ซื้อ ดังนั้น เราจะมีสินค้าไฮแฟชั่นที่เสิร์ฟคนกลุ่มนี้ ในอนาคตก็มีความเป็นได้ที่จะแตกเป็นซับแบรนด์ แต่ตอนนี้เราทำเพื่อเพิ่มความหลากหลายก่อน”

SABINA x Gentlewomen

ลงทุนอีก 50-100 ล้านสร้างฐานการเติบโต

นอกจากการรีแบรนด์เพื่อรองรับการเติบโตในอีก 10 ปีข้างหน้าแล้ว บริษัทก็ได้ลงทุนเพิ่มอีก 50-100 ล้านบาท ในด้านเครื่องจักรที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานหลังบ้าน มีการพัฒนาระบบสมาชิก โปรโมชัน และบริการหลังการขาย เพื่อต่อยอดไปสู่การขยายตลาดต่างประเทศในอนาคต

เราเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนหลังจากใช้เทคโนโลยีและการนำข้อมูลมาช่วยประกอบการตัดสินใจ โดยเฉพาะ ค่าใช้จ่ายที่ลดลงอย่างมาก ช่วยให้เราไม่สูญเปล่าในเชิงการผลิต และจากนี้ต้องนำมาใช้ในกระบวนการอื่น ๆ เช่น แผนกบัญชี หน้าร้าน นอกจากนี้เรายังมองว่าโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศที่ซื้อออนไลน์เป็นหลัก”

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)

Braless คอลเลกชั่นใหม่รับพฤติกรรมหลังโควิด

สำหรับคอลเลกชั่นใหม่ของปี 2023 ที่จะออกมาทำตลาดคือ Braless ที่มีจุดเด่นที่ความ เบา (Skin Light) นุ่ม (Cloud on) และเย็น (Air Flow) เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เนื่องจากอยู่แต่บ้านทำให้ชินกับความสบาย และในเมื่อต้องออกมาทำงานอีกครั้ง ผู้บริโภคจึงมองหาบราที่สบาย ไม่อึดอัด จากเมื่อก่อนจะเน้นที่ แฟชั่นก่อนฟังก์ชัน

“หลังจากโควิดเกิดผู้บริโภคมองหาบราที่ใส่แล้วสบายตัว ชอบแบบง่าย ๆ ไม่ต้องมีโครง จากสมัยก่อนบราต้องเน้นช่วยให้ทรงสวยก่อน แต่ตอนนี้ขอสบาย แล้วถ้าใส่แล้วสวยด้วยยิ่งถูกใจ”

นอกจากนี้ ซาบีน่าจะเน้นผลักดันสินค้ากลุ่ม ความยั่งยืน (สินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล) ให้ได้สัดส่วน 5% เพราะถือเป็นอีกเทรนด์ในปีนี้

ตั้งเป้ารายได้ New High เหนือปี 2019

ในปี 2019 ก่อนเกิดการระบาดของ COVID-19 ซาบีน่าทำรายได้

  • 3,295 ล้านบาท กำไร 413 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • 2020 ที่เจอการระบาดใหญ่ทำให้รายได้บริษัทลดลงเหลือ 2,914 ล้านบาท กำไร 277 ล้านบาท
  • 2021 บริษัทมีรายได้ 2,656 ล้านบาท กำไร 294 ล้านบาท
  • 2022 ในช่วง 9 เดือนแรกมีการเติบโต 26.9% เมื่อเทียบกับเวลาเดียวกันของปี 2021 คาดว่าภาพรวมปี 2022 จะทำรายได้ เท่ากับปี 2019

อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 นี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะทำ New High เหนือปี 2019 โดยมั่นใจว่าจะ เติบโตขึ้นอย่างน้อย 10% จากรายได้ 3,295 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และปัจจัยหนุนจากนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังส่งผลดีกับส่วนของ OEM หรือการรับจ้างผลิต ปัจจุบันซาบีน่ามีรายได้จาก 3 ส่วนหลัก ได้แก่

  • ช่องทางค้าปลีก (65%)
  • Non Store-Retailing เช่น ออนไลน์, ป๊อปอัพสโตร์ (25%)
  • OEM (10%)

“ในปี 2019 เรามีสาขาประมาณ 600 สาขา แต่ปัจจุบันเหลือ 526 สาขา โดยสาขาไหนที่ไม่ทำกำไรเราปิดหมด โดยปีนี้เรามีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 5 สาขา นอกนั้นจะเน้นไปที่ป๊อปอัพสโตร์ เพราะการขายของซาบีน่าจากนี้จะไม่รอลูกค้ามาหา แต่ต้องออกไปหาลูกค้า”

ปัจจัยที่คุมไม่ได้และการสื่อสารที่สุดของความท้าทาย

ความท้าทายสำคัญของซาบีน่าคือ สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ อย่างในปี 2022 ประเทศไทยมีปริมาณน้ำฝนเยอะเกือบ 900 ลูกบาศก์เมตร ทำให้การขายแบบป๊อปอัพสโตร์และเอาต์ดอร์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก นอกจากนี้ อีกสิ่งที่ซาบีน่ามองว่าเป็นความท้าทายคือ การสื่อสาร

การสื่อสารเป็นสิ่งที่ทำให้ซาบีน่าพ้นวิกฤตและประสบความสำเร็จได้ โดยภายในองค์กรมีการกำหนดเป้าหมายขององค์กรใน 3 กลุ่ม ได้แก่ ยอดขาย กำไร และค่าใช้จ่าย โดยให้แต่ละหน่วยงานเลือกว่าจะซัพพอร์ตเป้าหมายไหน ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ ช่วยให้องค์กรพ้นวิกฤต

“อะไรที่มันวางแผนได้มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่คุมไม่ได้เราไม่รู้จะคาดการณ์อย่างไร แน่นอนว่าทุกคนได้รับผลกระทบ โจทย์คือเราจะปรับตัวอย่างไรได้เร็วกว่าเขา ดังนั้น การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ ทำอย่างไรให้บนกับล่างมันมีช่องว่างน้อยที่สุด”

สุดท้าย ดวงดาวมองว่า ที่ซาบีน่าฟื้นตัวได้เป็นเพราะการปรับตัว โชคดีที่ซาบีน่าปรับตัวเร็วกว่าคนอื่น และเราก็ปรับตัวทุกวัน ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ อย่างการไลฟ์ขายของที่ไม่เคยทำ ปัจจุบันก็ไลฟ์ขายบน TikTok วันละ 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ ธุรกิจต้องเน้นจับมือ ไปคนเดียวไปไม่รอด

]]>
1416438
Jockey ปฏิวัติวงการชุดชั้นใน ส่ง Jockey For Her บราไร้โครงยุคใหม่ สบายเหมือนไม่ได้ใส่บรา! https://positioningmag.com/1389553 Thu, 30 Jun 2022 13:00:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1389553

ในยุคนี้ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าแฟชั่น หรือเทรนด์การแต่งหน้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วงการชุดชั้นในก็มีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย ผู้บริโภคเริ่มมองหาสินค้าที่ “ดีต่อใจ” มากขึ้น ต้องการความสะดวกสบาย มากกว่าความหวือหวา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เราได้เห็นวิวัฒนาการของตลาดชุดชั้นในอย่างมาก จากปัจจัยทั้งผู้บริโภคเองที่ต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์การสวมใส่สบาย ไม่ต้อมีลูกเล่นมากนัก อีกทั้งการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ยิ่งทำให้สาวๆ หลายคนอยู่บ้านมากขึ้น พฤติกรรมการเลือกชุดชั้นในจึงเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

จากแต่เดิมที่สาวๆ ย่อมชื่นชอบชุดชั้นในที่ดันทรง มีฟองน้ำ มีดีไซน์สวยงาม มีโครง เพื่อเสริมให้ร่างกาย และหน้าอกดูอึ๋มขึ้น แต่ปัจจุบันสาวๆ ต่างมองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ความสบายอย่างแท้จริง ยิ่งเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ยิ่งต้องการชุดชั้นในที่ใส่แล้วสบายมากที่สุด เป็นมิตรต่อหน้าอกมากที่สุด

ต้องบอกว่าเทรนด์ของชุดชั้นในไร้โครง ไร้ตะเข็บ จะเรียกว่า “บราไร้โครง” หรือบราไร้ตะเข็บ ได้มาแรงอย่างมากในช่วงปลายปีที่ผ่านมานี้ ใครที่ได้ลองเข้าวงการนี้แล้วล่ะก็ รับรองว่าออกยากมาก เพราะทุกคนจะต้องติดใจกับความสบายแบบสุดๆ ซึ่งบราไร้โครงยุคใหม่ก็ยังนำนวัตกรรมการผลิตใหม่ๆ มาปรับใช้ ให้ได้บราที่สวมใส่สบายและยังใส่แล้วหน้าอกสวยอีกด้วย

ล่าสุด Jockey (จ๊อกกี้) แบรนด์สัญชาติอเมริกามีประวัติยาวนานมากว่า 146 ปี เปิดตัวชุดชั้นในสำหรับผู้หญิงใหม่ล่าสุด  Jockey For Her (จ๊อกกี้ ฟอร์ เฮอร์) คอลเลกชั่น “สปริง/ซัมเมอร์ 2022” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Infinite Comfort” (อินฟินิต คอมฟอร์ต) ที่มอบความสบายแบบไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยบราไร้โครงหลากสไตล์ สไตล์ พร้อมคุณสมบัติไม่กดรัด ไม่อึดอัด กระชับทรงสวย และซัพพอร์ตได้ดี พร้อมใส่สาวๆ ใส่สบายได้ตลอดวัน

แต่เดิมเราจะรู้จัก Jockey ในฐานะแบรนด์กางเกงชั้นในชายอันดับ 1 ของประเทศไทย แต่ Jockey ยังมีกลุ่มชุดชั้นใน และชุดออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงอีกด้วย จุดเด่นอยู่ที่การสวมใส่สบาย การเปิดตัวบราไร้โครงจึงเป็นการตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น ตอบโจทย์เทรนด์การสวมใส่บราของผู้หญิงที่เปลี่ยนไป

Jockey For Her คอลเล็กชั่นนี้ประกอบด้วยกางเกงชั้นในไร้ขอบ และบราไร้โครง 5 รุ่นด้วยกัน โดยรุ่นที่เป็นไฮไลท์ คือรุ่น 360°Fit Soft Cup เป็นรุ่นที่โดดเด่นที่สุดในคอลเลกชั่น ถูกพัฒนาจาก 360°Fit รุ่นแรกให้สวมใส่สบายมากขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ The No-Bra Bras ให้ความรู้สึกสบายเหมือนไม่ได้ใส่บรา ใครที่ได้ลองต้องบอกเป้นเสียงเดียวกันว่านุ่มที่สุด สบายที่สุด

รุ่นนี้มาพร้อมเนื้อผ้าที่ผ่านการออกแบบคิดค้นขึ้นเป็นพิเศษให้มีเนื้อเนียนละเอียด สัมผัสนุ่มสบาย อ่อนโยนต่อผิวใช้เทคโนโลยี Bonding ผ้าเนื้อนุ่ม รีดเรียบด้วยความร้อน ใส่สบาย ไม่บาดผิว ฟิกซ์ฐานใต้อกโดยไม่ตรงใช้โครงเหล็ก สบายขั้นสุดด้วยการตัดเย็บแบบไร้ตะเข็บ แต่มีตะขอ 3 ระดับ ที่ช่วยให้สวมใส่ชุดชั้นในไร้โครงสะดวกมากขึ้น สายบรามีความยืดหยุ่นรับกับรูปร่าง ทำให้ไม่อึดอัดไม่กดทับบริเวณบ่า

นอกจากนี้ยังมีดีไซน์หน้ายู หลังยู เพื่อรับกับทรวงอก เก็บกระชับทุกสัดส่วน แถมยังประกอบด้วยฟองน้ำยางพารา ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นคืนรูปได้ดี นุ่มเหมือนทรวงอกจริงๆ นอกจากใส่สบายแล้ว ยังช่วยเสริมหน้าอกให้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นด้วย

ความพิเศษของ 360°Fit Soft Cup นอกจากจะเป็นชุดชั้นในที่ใส่ข้างในแล้ว ยังสามารถใส่บราไร้โครงตัวนี้เป็นเสื้อสไตล์ครอปท็อปได้ เพิ่มความเป็นสาวมั่นสุดเฉี่ยวได้ เพียงแค่ใส่บราแมทช์คู่กับ Blazer เท่ๆ สักตัว พร้อมกับกางเกงเอวสูง ก็ได้ลุคเก๋ๆ เพิ่มขึ้นแล้ว

คอลเล็กชั่น 360°Fit Soft Cup มีด้วยกันทั้งหมด 4 สี เอาใจสาวๆ ทุกสไตล์ ได้แก่ สีดำ, สีน้ำตาล, สีเขียว แลสีชมพูพีช  ตัวบราไร้โครงจำหน่ายในราคา 1,190 บาท ส่วนกางเกงชั้นในราคา 450 บาท

ชุดชั้นในกลายเป็นไอเท็มสำคัญประจำตัวสาวๆ สามารถเสริมความมั่นใจ และความสบายในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การเลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เนื้อผ้านุ่มสบายจึงเป็นอีกทางเลือกสำคัญของการเลือกชุดชั้นในยุคนี้

สาวๆ คนไหนที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดได้ที่  https://bit.ly/3vgOpTh

]]>
1389553
Adidas แก้ทุกปัญหา “สปอร์ตบรา” ปรับสายได้ ไม่เสียดผิว “ผู้หญิง” เลิกเจ็บอกเมื่อเล่นกีฬา https://positioningmag.com/1373365 Wed, 09 Feb 2022 06:46:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373365 ยังคงเดินตามกลยุทธ์ออกสินค้ากีฬาที่เข้าใจ “ผู้หญิง” อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Adidas ยกเครื่องไลน์ “สปอร์ตบรา” แก้ทุกปัญหาที่ผู้หญิงเจอ ทั้งความไม่พอดีตัว วัสดุเสียดสีผิว และไม่ระบายอากาศ หวังให้ผู้หญิงหมดกังวลกับการออกกำลังกาย

ผู้หญิงที่ออกกำลังกายหลายคนน่าจะเคยเจอปัญหาเดียวกัน นั่นคือการตามหา “สปอร์ตบรา” ที่พอดีตัว กระชับ แต่สายไม่กดทับ และวัสดุไม่เสียดสีผิว สปอร์ตบราที่มีคุณสมบัติครบไม่ได้หาได้ง่ายๆ ยิ่งแต่ละคนมีรูปร่างต่างกันแล้ว ยิ่งทำให้สปอร์ตบราที่ออกแบบมาให้ ‘one size fit all’ นั้นเป็นไปไม่ได้

เมื่อสปอร์ตบราไม่พอดี สิ่งที่ตามมาคือความเจ็บปวดจากการเล่นกีฬา บราหลวมเกินไปทำให้หน้าอกยังคงเหวี่ยงไปมาจนเจ็บเมื่อออกกำลัง แต่บราที่แน่นเกินไปก็จะทำให้เจ็บบริเวณสายคาดหรือถึงกับหายใจลำบาก สิ่งเหล่านี้คืออินไซต์ผู้หญิงที่ Adidas นำมาศึกษาและออกแบบบราคอลเลกชันใหม่

สปอร์ตบรา
บราสำหรับวิ่ง TLRD Impact Training High Support Bra สามารถปรับสายได้ทั้งบนไหล่และใต้อก

Adidas ร่วมกับ สถาบันวิจัยชีวกลศาสตร์ทรวงอกแห่งมหาวิทยาลัยพอร์ธสมัธ ค้นพบจากงานวิจัยว่า เมื่อผู้หญิงออกกำลังด้วยการวิ่ง หน้าอกผู้หญิงที่ไม่ได้รับการโอบกระชับอย่างเหมาะสมจะกระแทกขึ้นลงระดับเดียวกับที่นักแข่งรถ F1 รู้สึกถึงแรง G ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อและผิวหนังเสียหาย ความเจ็บปวดเหล่านี้ทำให้ เด็กผู้หญิงวัยเรียน 46% รู้สึกว่าหน้าอกเป็นอุปสรรคต่อการเล่นกีฬา และส่งผลต่อเนื่องทำให้ผู้หญิงมากมายไม่ต้องการออกกำลังกาย

“เมื่อ 17 ปีก่อนที่เราเริ่มวิจัยเรื่องการโอบรับหน้าอกผู้หญิงเพื่อการกีฬา ขณะนั้นมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแค่ 6 เรื่อง เทียบกับงานวิจัยเรื่องรองเท้ากีฬาที่มีเป็นพันๆ เรื่อง” ศาสตราจารย์โจแอนนา เวคฟิลด์-สเคอร์ หัวหน้าทีมวิจัยที่มหาวิทยาลัยพอร์ธสมัธกล่าว “การเคลื่อนไหวของหน้าอกในการเล่นกีฬายังคงเป็นหัวข้อวิจัยที่ถูกมองข้าม”

สปอร์ตบรา

จากการศึกษาร่วมกัน ในที่สุด Adidas เปิดตัวคอลเลกชันใหม่แยกย่อยเป็นดีไซน์ 43 แบบเพื่อให้เหมาะกับรูปร่างผู้หญิงที่ต่างกัน แต่จัดกลุ่มได้ 4 หมวดตามการใช้งาน ดังนี้

  • RUN บราสำหรับวิ่ง สามารถปรับระดับสายได้ทั้งสายคาดไหล่และสายคาดใต้อก ทำให้พอดีตัวทุกส่วน พร้อมเสริมวัสดุโฟมที่ไหล่ทำให้สัมผัสนุ่มขึ้น
  • TRAIN บราสำหรับกิจกรรมปานกลางจนถึงหนัก เช่น ออกกำลังกาย HIIT, ปีนผา, แอโรบิก มีหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งบรามีโครงสายปรับระดับได้ บราที่สามารถปลดตะขอใต้อกได้เพื่อผ่อนคลายได้ทันทีหลังเล่นกีฬา หรือบราที่มีเทคโนโลยีระบายอากาศช่วงอกได้ดีขึ้น
  • STUDIO บราที่เหมาะกับการเล่นโยคะ รองรับกิจกรรมระดับเบา ได้แรงบันดาลใจจากชุดบัลเลต์ ดีไซน์ให้วัสดุกลืนไปกับผิวราวกับเป็นผิวชั้นที่สอง รู้สึกเรียบลื่นกับทุกท่วงท่า
  • EVERYDAY บราสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ออกแบบผ้าไร้ขอบ เรียบลื่น ช่วยโอบรับกิจกรรมทั่วไปตั้งแต่การไปซื้อของชำจนถึงนั่งเล่นบนโซฟา

เอมี่ ชาร์ลตัน ผู้อำนวยการอาวุโสด้านออกแบบผลิตภัณฑ์ Adidas กล่าวว่า ทางทีมหวังว่าคอลเลกชันนี้จะทำให้ผู้สวมใส่ได้ประสบการณ์การใส่สปอร์ตบราที่โอบกระชับมากกว่า และไม่ถูกฉุดรั้งจากบราเมื่อจะเล่นกีฬาที่ตนเองชื่นชอบ ทำให้ผู้หญิงเล่นกีฬากันมากขึ้นเพราะไม่ต้องเจ็บปวดกับการเคลื่อนไหวของหน้าอกอีก

POWERIMPACT LUXE TRAINING MEDIUM SUPPORT BRA บราสำหรับเทรนนิ่ง มีตะขอใต้อก ปลดได้ทันทีเมื่อออกกำลังกายเสร็จ

ด้านการตลาดคอลเลกชันใหม่นี้ Adidas ดึงตัวพรีเซ็นเตอร์ 5 คนรอบโลกมาประชาสัมพันธ์ ได้แก่ “มิเคลา ชิฟฟริน” นักสกีระดับแชมป์โลกชาวอเมริกัน “เจสซามิน สแตนลีย์” ครูสอนโยคะและผู้สนับสนุนแนวคิดคิดเชิงบวกกับรูปร่าง “ลิซ่า มารีควายี” นักวิ่งชาวเยอรมัน แชมเปี้ยนระดับยุโรป “เอลลี่ โกลด์ชไตน์” นักแสดงและนางแบบชาวอังกฤษ และ “โรล่า” นางแบบและนักแสดงชาวญี่ปุ่น

พร้อมกับการออกคอลเลกชัน Adidas ยังออกมินิไซต์ใหม่เพื่อโชว์ผลิตภัณฑ์ และมีฟังก์ชันให้สาวๆ วัดไซส์สปอร์ตบราได้โดยไม่ต้องไปที่ร้านด้วย (https://www.adidas-support-starts-here.com/)

เมื่อปีที่แล้ว Adidas เพิ่งเปิดแคมเปญ Watch Us Move สนับสนุนการเล่นกีฬาของผู้หญิง โดยออกมาพร้อมผลิตภัณฑ์ตัวแรกในแคมเปญ เป็นกางเกงกีฬารัดรูปที่มีเทคโนโลยีรองรับการซึมเปื้อนของประจำเดือน แก้ปัญหาความกังวลในวันมามากของผู้หญิง ปีนี้แบรนด์มากับคอลเลกชันสปอร์ตบรา น่าสนใจว่าปีต่อๆ ไปจะมีผลิตภัณฑ์ผู้หญิงใดออกมาอีก ในตลาดที่มีผู้หญิงเล่นกีฬาและออกกำลังกายมากขึ้นเรื่อยๆ

]]>
1373365
ต้านกระแสไม่ไหว! “วาโก้” เตรียมผลิตหน้ากากขาย ราคาชิ้นละ 129 บาท https://positioningmag.com/1300304 Wed, 07 Oct 2020 05:06:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300304 จากการระบาดของโรค COVID-19 เมื่อต้นปี วาโก้ได้มีนโยบายปรับแผนการผลิตชุดชั้นในเพื่อมาผลิตหน้ากากผ้าแจกฟรี และมอบเสร็จสิ้นเมื่อ เม.ย. 63 ที่ผ่านมา ผลตอบรับดีจนตอนนี้วาโก้ได้ผลิตเพื่อจัดจำหน่ายแล้ว

จากการปรับแผนการผลิตชุดชั้นในเพื่อหันมาผลิตหน้ากากผ้าแจกฟรีเมื่อต้นปี วาโก้ได้ผลิตหน้ากากผ้าออกมา 3 รูปแบบคือ แบบผ้าสเปเซอร์, แบบผ้าฝ้ายเส้นใยโพลีเอสเตอร์เพอร์มา และแบบผ้าฝ้ายผสมสแปนเด็กซ์

โดยส่งผ่านองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชนเพื่อมอบให้กับประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อาทิ โรงพยาบาล สถานีตำรวจ มูลนิธิฯ สื่อมวลชน กลุ่มลูกค้า และพนักงานวาโก้ 11 ประเทศทั่วโลก ทั้งวาโก้ญี่ปุ่น และวาโก้อเมริกาที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักรวมจำนวนกว่า 200,000 ชิ้น

หน้ากากของวาโก้ใช้เนื้อผ้าสเปเซอร์ ผลิตจากเส้นใย Nylon 70% ขนาดเล็กระดับ Microfiber มีความละเอียดสูง มีส่วนผสมของ Spandex Melt 30% หลอมละลายยึดติดเข้ากับโครงสร้างผ้าซึ่งถักแบบ 2 ชั้น (Interlock Knit) ด้วยเครื่องถักที่มีความหนาแน่นสูง ทำให้ผ้ามีความอ่อนนุ่ม ไม่รุ่ย ไม่รัน ไม่ม้วน ยืดหยุ่นตัวดี

เเบรนด์วาโก้ หันมาผลิตหน้ากากาอนามัย ในช่วง COVID-19

ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากสีและสารเคมีอันตราย มอก.2346:2550 และผ่านการทดสอบการผ่านของอากาศ (Air Permeability Test) เป็นไปตามข้อกำหนดของสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้ค่าการผ่านอากาศได้น้อยกว่า 50 cm³/cm²/sec. จึงมีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 และยังช่วยลดการกระจายของเชื้อโรค สามารถซักทำความสะอาดและนำกลับมาใช้ซ้ำได้

ก่อนหน้านี้วาโก้ได้ทำการผลิตเพื่อแจกฟรี ตอนนี้ได้ผลิตเพื่อจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไปแล้ว มีจำหน่ายแล้วที่วาโก้ช็อปทุกสาขา และเคาน์เตอร์วาโก้ที่ร่วมรายการ ราคาชิ้นละ 129 บาท

แบรนด์ชุดชั้นในได้ลงมาจับตลาดหน้ากากผ้ากันยกใหญ่ “ซาบีน่า” เอง ก่อนหน้านี้ก็ได้ปรับไลน์การผลิตมาผลิตหน้ากากผ้า แล้วมีการจัดจำหน่ายอย่างจริงจัง จนได้รับผลตอบรับดี ตอนนี้จำหน่ายตามตู้จำหน่ายอัตโนมัติของ “เวนดิ้งพลัส” ด้วย

]]>
1300304
Uniqlo ลุยตลาดหน้าร้อน เปิดตัว “ผ้าปูที่นอน AIRism” ระบายอากาศ-ดูดซับเหงื่อ วัสดุเดียวกับชุดชั้นใน https://positioningmag.com/1288161 Thu, 16 Jul 2020 07:46:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1288161 Uniqlo ฟาสต์แฟชั่นยอดนิยม ต่อยอดพัฒนานวัตกรรม AIRism ขยายฐานลูกค้าต่อเนื่อง ล่าสุดหันมาผลิตผ้าปูที่นอนชูจุดเด่นคลายร้อนเพื่อตีตลาดในช่วงซัมเมอร์

AIRism เป็นนวัตกรรมสิ่งทอที่ Uniqlo ถือลิขสิทธิ์อยู่ มีคุณสมบัติช่วยระบายความร้อนได้ดี ผ้าเนื้อเย็น แห้งเร็วเเละสามารถซักเพื่อใช้ซ้ำได้ ประสบความสำเร็จจากการนำมาพัฒนาโปรดักต์ชุดชั้นในเเละในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ก็ได้ถูกนำมาผลิตเป็น “หน้ากากผ้า” ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

สำหรับสินค้าในกลุ่มเครื่องนอน AIRism จะเน้นให้ความสบายในช่วงสภาพอากาศร้อนและชื้น ช่วยระบายอากาศในช่วงฤดูร้อนเเละดูดซับเหงื่อได้ดี มีน้ำหนักเบา สามารถซักในเครื่องซักผ้าเเล้วนำมาใช้ใหม่ได้เร็วขึ้น

โดยตอนนี้ ผ้าปูที่นอน AIRism จะทดลองวางจำหน่ายที่ สิงคโปร์ ก่อน จากนั้นค่อยขยายไปประเทศอื่นต่อไป ซึ่งมีให้เลือกทั้งสีขาว สีน้ำตาล สีชมพูและเทา ในขนาดเตียงเดี่ยว ควีนไซส์ และคิงไซส์พร้อมปลอกหมอน ราคาอยู่ที่ 49.90 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1,135 บาท)

 

ที่มา : hypebeast

 

 

]]>
1288161
ขายหน้ากากแล้วรุ่ง! “ซาบีน่า” เจาะลูกค้าองค์กรรับผลิตหน้ากากผ้า เตรียมวางขายเดือนพ.ค. https://positioningmag.com/1277824 Mon, 11 May 2020 06:41:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1277824 ซาบีน่า” ปรับไลน์การผลิตจากชุดชั้นในเป็นหน้ากากผ้า ปรับตัวสู้ COVID-19 ล่าสุดรุกเจาะลูกค้าองค์กรรับผลิตหน้ากากผ้าดันออเดอร์ทะลัก 5 ล้านชิ้น พร้อมวางจำหน่ายหน้ากากผ้า Triple Mask แบรนด์ SABINA เดือน พ.ค.นี้

ขายหน้ากากผ้ารับ New Normal

ในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ “ซาบีน่า” ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนต้องปรับตัวสู้วิกฤต ด้วยการปรับไลน์การผลิตชุดชั้นใน มาผลิตหน้ากากผ้าชั่วคราว ในตอนแรกได้ผลิตหน้ากากผ้าสำหรับแจกฟรี รวมถึงบริจาคแก่โรงพยาบาลต่างๆ จนถึงตอนนี้ซาบีน่าได้เริ่มทำตลาดหน้ากากผ้าอย่างจริงจังแล้ว

ซาบีน่าพลิกกลยุทธ์รับวิถีชีวิNew Normal ซึ่งหน้ากากผ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เตรียมเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร รับผลิตให้หน่วยงานต่างๆ ล่าสุดมีคำสั่งผลิตเข้ามาแล้วกว่า 5 ล้านชิ้น ประกาศรับออเดอร์ต่อเนื่อง หวังทำตลาดจริงจัง

พร้อมเตรียมวางจำหน่ายหน้ากากผ้Triple Mask (ทริปเพิ้ล มาส์ก) ภายใต้แบรนด์ SABINA” ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ชูคุณสมบัติพิเศษช่วยป้องกันแบคทีเรียและฝุ่น เน้นกระตุ้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ หลังจากช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีการเปิดตัวสินค้าหน้ากากผ้าแนวแฟชั่นภายใต้คอลเลกชั่น ThaiFruit สดใสด้วยลวดลายผลไม้ไทยรับกระแสซัมเมอร์ วางขายพร้อมชุดชั้นในเจาะลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น ดันยอดขายช่องทางออนไลน์พุ่งเท่าตัว

บุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยว่า

“จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้หน้ากากผ้ากลายเป็นของใช้จำเป็นในการชีวิตประจำวัน บริษัทฯ จึงเดินหน้าทำตลาดหน้ากากผ้าอย่างจริงจัง โดยแบ่งการผลิตออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การรับผลิต (OEM) ให้กับองค์กรต่างๆ ซึ่งตอนนี้มายอดสั่งผลิตรวมแล้วกว่า 5 ล้านชิ้น รวมถึงการผลิตหน้ากากนาโนป้องกันไรฝุ่นภายใต้แบรนด์ “วิน-มาสก์” จำนวน 2 แสนชิ้นให้กับโรงพยาบาลศิริราช โดยหลังจากนี้ บริษัทฯ จะรุกทำตลาดองค์กร (Corporate) เพื่อผลิตหน้ากากผ้าให้กลุ่มเป้าหมาย เช่น โรงพยาบาล ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมถึงบริษัทห้างร้าน และหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการหน้ากากผ้าคุณภาพดีสำหรับแจกจ่ายให้กับพนักงานในองค์กรหรือลูกค้า”

รับ OEM และขายปลีกด้วย

ตอนนี้นี้โรงงานผลิตของซาบีน่าทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย ยโสธร, ชัยนาท, บุรีรัมย์, พุทธมณฑลสาย 5 และท่าพระ ได้ปรับมารองรับการผลิตหน้ากากผ้าทั้งหมด อีกทั้งสามารถรองรับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากการรับผลิตของลูกค้าองค์กร ยังมีการผลิตหน้ากากผ้าภายใต้แบรนด์ SABINA วางจำหน่ายหน้ากากผ้า Triple Mask (ทริปเพิ้ล มาส์ก) ในเดือนพฤษภาคม คุณสมบัติเฉพาะจะเป็นหน้ากากผ้าพรีเมียม ปกป้อง 3 ชั้น ด้วยนวัตกรรม Magic Silver Innovation ที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย และได้รับการรับรองมาตรฐาน SEK จากประเทศญี่ปุ่น สามารถซักและนำมาใช้ซ้ำได้ จะวางขายในราคาชิ้นละ 100 บาท

โดยเริ่มขายผ่านช่องทางออนไลน์ตลอดจนจุดขายพิเศษใหม่ๆ และเตรียมพร้อมวางขายหน้าร้านเมื่อจุดขายเปิดทำการตามปกติ

]]>
1277824
“ซาบีน่า” ตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ เปิดไลน์หน้ากากผ้านาโนเต็มสูบ ชดเชยยอดชุดชั้นในซบเซา https://positioningmag.com/1272077 Tue, 07 Apr 2020 10:24:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1272077 “ซาบีน่า” เดินหน้าปรับไลน์การผลิตหน้ากากผ้านาโนกันไรฝุ่น วินมาสก์” เต็มรูปแบบ ตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ รับการชะลอตัวของตลาดชุดชั้นในจากวิกฤต COVID-19 ผลิตส่งมอบศิริราช 1 แสนชิ้น

ลุยหน้ากากผ้าเต็มตัว

ซาบีน่าเดินหน้ารับมือ COVID-19 เปิดไลน์ผลิตหน้ากากผ้าเต็มรูปแบบ หลังโมเดลโรงงานยโสธรประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ออเดอร์ทะลัก ได้จัดตั้งเป็นหน่วยธุรกิจใหม่เสริมทัพช่วงยอดขายชุดชั้นในชะลอตัว ร่วมมือโรงพยาบาลศิริราช ผลิตหน้ากากผ้านาโนกันไรฝุ่น (วินมาสก์) เป้าหมายผลิตครบ 1 แสนชิ้น

บุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า

“หลังจากซาบีน่าเริ่มผลิตหน้ากากผ้า เพื่อรองรับความต้องการใช้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ โดยมีโรงงานยโสธรเป็นต้นแบบในการเปิดไลน์ผลิต ปรากฏว่าหน้ากากผ้าของซาบีน่าได้รับความสนใจและมีหน่วยงานต่างๆ ติดต่อให้บริษัทฯ ผลิตให้เป็นจำนวนมาก จึงตัดสินใจยกระดับการผลิตหน้ากากผ้าจากไลน์ผลิตขึ้นเป็นหน่วยธุรกิจหรือ Business Unit ใหม่ เพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และเพื่อให้กระบวนการผลิตและขั้นตอนการทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

ซาบีน่าได้รับความไว้วางใจจากโรงพยาบาลศิริราชให้ร่วมผลิตหน้ากากผ้านาโนกันไรฝุ่น หรือวินมาสก์ (WIN-MASKS) ซึ่งเป็นหน้ากากนวัตกรรม คิดค้นร่วมกันระหว่างศูนย์ความเป็นเลิศชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีล้านนา และศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่น โรงพยาบาลศิริราช ได้ต่อยอดนวัตกรรมผ้ากันไรฝุ่นที่มีอยู่เดิม พัฒนาเป็นหน้ากาก WIN-MASKS มีประสิทธิภาพการกรองอนุภาค ที่สามารถป้องกันหรือกรองฝุ่นละอองฝอยขนาด 5 ไมครอนได้ สามารถป้องกันการซึมผ่านของละอองฝอยเสมหะ หรือสารคัดหลั่งที่เป็นของเหลวจากภายนอกสู่ผู้สวมใส่ และจากผู้สวมใส่สู่ภายนอก มีความกระชับ สามารถสวมใส่ได้แนบกับใบหน้า ป้องกันอากาศจากภายนอกเข้าได้  มีการซึมผ่านของอากาศได้ดี ทำให้มีการระบายของอากาศได้ดีและไม่ทำให้การหายใจลำบาก และสามารถซักซ้ำได้โดยไม่สูญเสียคุณสมบัติตามที่กล่าวข้างต้น

ในส่วนของการรับผลิตหน้ากากผ้านั้น บริษัทยินดีรับผลิตให้หน่วยงานต่างๆ ที่ติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการตัดสินใจแยกเป็นหน่วยธุรกิจใหม่นั้น สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและการปรับตัวของธุรกิจ แม้ว่ารายได้อาจจะไม่สามารถชดเชยกับยอดขายชุดชั้นในที่หายไปในช่วงการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่วันนี้พนักงานของซาบีน่าทุกคนยังมีงานทำ รวมทั้งยังมีขวัญและกำลังใจในการทำงานท่ามกลางภาวะวิกฤต

]]>
1272077
“วาโก้” หยุดผลิตชุดชั้นในชั่วคราว หันมาผลิตหน้ากากอนามัยแจกฟรี https://positioningmag.com/1270588 Sat, 28 Mar 2020 10:37:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1270588 วาโก้ ขอเปลี่ยนสายการผลิตชุดชั้นใน มาเป็นผลิตหน้ากากอนามัยด้วยเช่นกัน เพื่อต่อสู้กับวิกฤต COVID-19 เบื้องต้นมีการแจกฟรีกับประชาชน และองค์กรภาครัฐ

ยังคงได้เห็นทิศทางขององค์กรน้อยใหญ่ ในการปรับตัวรับกับสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 พบว่ามีน้ำใจหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ในการช่วยเหลือทุกคนให้ผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตชุดชั้นในวาโก้ ได้ออกนโยบายเร่งด่วนด้วยการหยุดผลิตชุดชั้นใน เพื่อหันมาผลิตหน้ากากอนามัยจากผ้าสเปเซอร์แจกฟรี

หน้ากากอนามัยนี้ได้เป็นการการผลิตเพื่อแจกให้กับประชาชน และองค์กรภาครัฐ ในช่วงที่มียอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 อย่างต่อเนื่อง

]]>
1270588
“ซาบีน่า” ปรับแผนรับ COVID-19 เปลี่ยนโรงงานชุดชั้นใน เปิดสายการผลิตหน้ากากผ้า https://positioningmag.com/1269633 Tue, 24 Mar 2020 08:23:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1269633 ซาบีน่าประกาศปรับแผนรับมือ COVID-19 เปิดไลน์ผลิตหน้ากากผ้า นำร่องที่โรงงานยโสธร หลังเริ่มต้นผลิตเพื่อแจกจ่ายให้พนักงาน ก่อนจะมีหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงโรงพยาบาลในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงติดต่อขอให้ผลิตเพิ่ม

ณะที่โรงงานอื่นๆ เริ่มเปิดสายการผลิตหน้ากากผ้าสำหรับหน่วยงานที่ทำหน้าที่บริการประชาชน เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนและหน้ากากมีราคาแพง เน้นคุณภาพของผ้าที่ได้รับการรับรองในระดับมาตรฐาน ปลอดภัยต่อการใช้งาน เตรียมพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมพนักงานขายในห้างสรรพสินค้า หลังกรุงเทพมหานครและอีกหลายจังหวัด สั่งปิดห้างเพื่อสกัด COVID-19

บุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า

“เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนหน้ากากอนามัยในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โรงงานผลิตชุดชั้นในของซาบีน่าได้เริ่มเปิดสายการผลิตหน้ากากผ้าโดยเฉพาะ โดยเริ่มต้นที่โรงงานซาบีน่า จังหวัดยโสธร เป็นโรงงานนำร่อง จากจุดเริ่มต้นที่ผลิตสำหรับแจกจ่ายให้กับพนักงานภายในโรงงาน หลังจากทางกระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้มีความเสี่ยงหรือมีอาการเข้าข่ายต้องสงสัยสามารถใช้หน้ากากผ้าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส”

นอกจากโรงงานซาบีน่าที่จังหวัดยโสธรแล้ว โรงงานอื่นๆ เช่น โรงงานซาบีน่า สาขา พุทธมณฑลสาย 5 ได้เริ่มผลิตหน้ากากผ้ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้เปิดสายการผลิตอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งโมเดลของโรงงานยโสธร เป็นโมเดลที่ได้รับกระแสตอบรับจากทั้งในจังหวัดยโสธรและจังหวัดใกล้เคียง 

ล่าสุดทางโรงงานได้รับการติดต่อให้ผลิตหน้ากากผ้าจากหน่วยงานราชการ รวมถึงโรงพยาบาลและสถานบริการด้านสาธารณสุข ทำให้ตัดสินใจเปิดสายการผลิตใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับผลิตหน้ากากผ้า ด้วยวัสดุเกรดเอ ภายใต้มาตรฐานการผลิตของซาบีน่า

วัสดุของหน้ากากผ้าได้รับมาตรฐานการรับรองด้านความปลอดภัยจาก OEKO-TEX Standard ที่ให้ความมั่นใจว่าวัตถุดิบปลอดสารและไม่เป็นอันตรายเมื่อสัมผัสร่างกาย สามารถนำไปซักแล้วใส่ซ้ำได้ ให้กับหน่วยงานต่างๆ รวมถึงหน่วยงานบริการประชาชนได้ในวงกว้างมากขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนหน้ากากและหน้ากากมีราคาแพง

]]>
1269633
ทนพิษบาดแผลไม่ไหว! Victoria’s Secret ขายบริษัท ซีอีโอลงจากตำแหน่ง https://positioningmag.com/1266240 Fri, 28 Feb 2020 03:52:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1266240
  • หลังรายได้บริษัทลดลงต่อเนื่อง ในที่สุด Victoria’s Secret ตัดสินใจขายหุ้น 55% ของบริษัทให้ไพรเวท อิควิตี้ ในราคาต่ำจนน่าตกใจ
  • ส่งผลต่อ Leslie Wexner อดีตซีอีโอและประธานบริษัทของ L Brands วัย 82 ปี ยอมลงจากตำแหน่งหลังบริหารบริษัทมาหลายทศวรรษ
  • ธุรกิจของ L Brands อดีตบริษัทแม่ จะมี Bath and Body Works เป็นธุรกิจหลักแทน
  • Victoria’s Secret ยังครองมาร์เก็ตแชร์สูงสุดในตลาดชุดชั้นในสหรัฐฯ แต่สัดส่วนนั้นลดลงไปอย่างชัดเจน โดยมีผู้ท้าชิงที่มาแรงคือ Savage X Fenty ของ Rihanna
  • L Brands บริษัทแม่ของธุรกิจชุดชั้นใน Victoria’s Secret ตัดสินใจขายหุ้นส่วนใหญ่ 55% ให้กับบริษัทไพรเวท อิควิตี้ Sycamore Partners มูลค่าดีล 525 ล้านเหรียญสหรัฐ นั่นทำให้บริษัท Victoria’s Secret จะถูกแยกออกไปเป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ แม้ว่า L Brands จะยังถือหุ้นอยู่ 45%

    การซื้อขายหุ้นครั้งนี้ส่งผลให้ Leslie Wexner วัย 82 ปี อดีตประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้กุมบังเหียน L Brands มานานหลายทศวรรษ ต้องลงจากตำแหน่ง แต่จะยังอยู่ในตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ต่อไป

    โดย Wexner แถลงในข่าวประชาสัมพันธ์การซื้อขายหุ้นว่า บริษัทเชื่อว่า Sycamore มีความเข้าใจและประสบการณ์อย่างลึกซึ้งในธุรกิจรีเทล และจะนำทางบริษัทนี้ให้กลับไปสู่การเติบโตและการทำกำไรเช่นในอดีตได้ ด้วยมุมมองที่สดใหม่กว่าในการทำธุรกิจ

    ทั้งนี้ หลังจาก L Brands ตัดขายหุ้นใหญ่ในบริษัทชุดชั้นในออกไป ทำให้ Bath and Body Works กลายเป็นธุรกิจหลักของบริษัทแทน

    การขายหุ้นส่วนใหญ่ของ Victoria’s Secret ในราคาเพียง 525 ล้านเหรียญ นับว่าเซอร์ไพรส์ตลาดพอสมควร เพราะมูลค่าดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนเพียง 15% ของยอดขาย 7,370 ล้านเหรียญเมื่อปี 2018 สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุน “เป็นต่อ” ในการต่อรองดีลนี้มากเพียงใด

    Victoria’s Secret เผชิญสภาวะรายได้ลดลงมานานหลายปี โดยเกิดจากผู้บริโภคเสื่อมความนิยมในแบรนด์ แต่เดิมแบรนด์นี้เป็นไอคอนของตลาดชุดชั้นใน ด้วยภาพลักษณ์แบรนด์และสินค้าชุดชั้นในที่เซ็กซี่ ขี้เล่น มีเหล่า “นางฟ้า Victoria’s Secret” เป็นภาพแบรนด์ที่ชัดเจน นั่นคือเหล่านางแบบผอมสูงขายาว หุ่นแบบที่ผู้หญิงหลายคนฝันใฝ่

    แฟชันโชว์ของ Victoria’s Secret ที่เคยเป็นจุดขายกลับกลายเป็นจุดบอดของแบรนด์

    แต่ต่อมากระแสสังคมได้เปลี่ยนไป จากที่นิยาม “ความงาม” มีเพียงรูปแบบเดียว กลายเป็นการโอบกอดความงามหลากหลายแบบของผู้หญิง แบรนด์ชุดชั้นในใหม่ๆ ชูคอนเซ็ปต์สินค้าที่ครอบคลุมหุ่นของผู้หญิงทุกประเภท มีการใช้นางแบบพลัสไซส์ และดีไซน์สินค้าที่เรียบง่ายขึ้น ขณะที่ Victoria’s Secret ยังยืนยันแนวทางของตัวเอง แถมซีอีโอยังแสดงความเห็นเหยียดเพศหญิง รวมถึงมีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวพันกับ Jeffrey Epstein นักการเงินผู้ถูกจับข้อหาค้าประเวณี

    เมื่อภาพลักษณ์แบรนด์และสินค้าไม่ตรงใจผู้บริโภค ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ Victoria’s Secret ลดลงจาก 32% ในปี 2013 เหลือ 24% ในปัจจุบัน แม้จะยังเป็นอันดับ 1 ของตลาดสหรัฐฯ แต่ก็มีแนวโน้มที่รายได้และส่วนแบ่งตลาดจะลดลงเรื่อยๆ หากไม่เร่งกู้สถานการณ์ โดยล่าสุดยอดขายสาขาเดิม (same-store growth) ลดลงไปอีก 10% เมื่อไตรมาส 4 ที่ผ่านมา

     

    View this post on Instagram

     

    A post shared by badgalriri (@badgalriri) on

    สำหรับแบรนด์ผู้ท้าชิงซึ่งกำลังมาแรงในสหรัฐฯ คือ Savage X Fenty ที่ก่อตั้งโดยศิลปินดัง Rihanna แบรนด์นี้เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่าปี 2019 ที่ผ่านมา แบรนด์นี้น่าจะโกยรายได้ไปแล้ว 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังได้รับเงินลงทุนสะสมแล้ว 70 ล้านเหรียญ รวมถึงน่าจะกลายเป็นแบรนด์หลักในตลาดโลกเร็วๆ นี้ ด้วยพลังโซเชียลมีเดียที่ Rihanna มี

    Source: CNN, Forbes

    ]]>
    1266240