ช้อปปี้ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 30 Jan 2023 09:40:34 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ย้อนรอย ‘JD Central’ ยักษ์ใหญ่ที่กำลังโบกมือลาอีคอมเมิร์ซไทยตามรอย ‘11Street’ https://positioningmag.com/1417229 Mon, 30 Jan 2023 09:27:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1417229 หากพูดว่าตลาด อีคอมเมิร์ซ ไม่หมูก็คงไม่เกินจริงนัก เพราะมองจากข้างนอกก็คงจะเห็นว่าแต่ละแพลตฟอร์มนั้นเผาเงินทำการตลาดรวมถึงโปรโมชันต่าง ๆ กันหนักมาก นับเฉพาะแค่ ดับเบิลเดย์ ที่มีให้เห็นแทบทุกเดือนนักช้อปเคยชินกันไปแล้ว ดังนั้น สายป่าน ไม่ยาวจริงก็คงต้องยกธงขาวยอมแพ้ไป เหมือนที่ 11Street เคย และ JD Central ที่กำลังจะไป

ก่อนมี JD Central เคยมี 11Street มาก่อน

ย้อนไปเมื่อปี 2012 ผู้เล่นอีคอมเมิร์ซรายแรกสุดที่เข้ามาทำตลาดในไทยก็คือ ลาซาด้า (Lazada) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ทำตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกระทั่งในปี 2014 ลาซาด้าก็ได้ถูก อาลีบาบา (Alibaba) บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนมาซื้อไป ซึ่งนั่นก็ยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มในการที่จะ เผาเงิน ทำโปรโมชันในตลาดอีคอมเมิร์ซไทย

หลังจากที่ลาซาด้าทำตลาดได้ 2 ปี ช้อปปี้ (Shopee) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ ซี กรุ๊ป (Sea Group) สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นของภูมิภาคที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม Garena ที่คอเกมบ้านเราน่าจะคุ้นเคยกันดี อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ถือหุ้นใหญ่ใน Sea Group ก็คือ เทนเซ็นต์ (Tencent) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน พูดง่าย ๆ ว่า 2 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ต่างมีแบ็กจากจีนทั้งหมด

ถัดมาในปี 2016 ก็มีอีคอมเมิร์ซสัญชาติเกาหลีใต้ลองของเข้ามาทำตลาดในไทยโดยใช้ชื่อว่า อีเลฟเว่น สตรีท (11Street) ที่มี เอสเคเพลนเน็ท ถือหุ้นใหญ่ภายใต้กลุ่ม เอสเค เทลเลคอม ช่วงแรกใช้เงินกว่า 1,000 ล้านบาทในการลงทุน ในจำนวนนี้เป็นงบการตลาดมากถึง 300 ล้านบาท ถึงขนาดดึงซุปตาร์จากเกาหลี ซงจุงกิ ประกบนักแสดงสาว มิว–นิษฐา จิรยั่งยืน มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ที่สุดก็ต้อง ม้วนสื่อกลับบ้าน หลังเข้ามาเปิดธุรกิจเพียงสองปีเศษเท่านั้น

5 ปีในตลาดของ JD Central ยังห่างชั้นผู้นำ

หลังจากที่อีเลฟเว่น สตรีท ต้องยอมแพ้ มาปี 2018 ก็มีผู้เล่นคนใหม่เข้ามาในตลาดอีคอมเมิร์ซไทยซึ่งก็คือ JD Central (เจดี เซ็นทรัล) โดยที่หลายคนเชื่อว่าจะมาสามารถแข่งกับ 2 แพลตฟอร์มเจ้าตลาดได้ เพราะเป็นการร่วมทุนของ JD.Com อีคอมเมิร์ซเบอร์ 2 ของจีนที่อยู่ในตลาดนานกว่า 20 ปี และ เซ็นทรัล กรุ๊ป โดยการร่วมทุนครั้งนี้มีวงเงินกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 17,500 ล้านบาท ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยกลายเป็นพื้นที่ขับเคี่ยวของทุนยักษ์ใหญ่จากจีน

แน่นอนว่าการแข่งขันของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยนั้นดุเดือดมาก อย่างลาซาด้าเองก็ขาดทุนมาโดยตลอด หากนับเฉพาะปี 2017-2019 ลาซาด้า ขาดทุนสะสมถึง 6,920 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ลาซาด้านับเป็นอีคอมเมิร์ซรายเดียวที่สามารถทำกำไร โดยในปี 2020 มีกำไรที่ 226.9 ล้านบาท และในปี 2022 มีกำไรประมาณ 3,200 ล้านบาท จากรายได้รวม 38,000 กว่าล้านบาท ส่วนตัว ช้อปปี้ เองเฉพาะปี 2021 ขาดทุนประมาณ 4,900 กว่าล้านบาท จากรายได้ทั้งกลุ่มอยู่ที่เกือบ 43,000 ล้านบาท

ตัดมาที่ JD Central ที่เรียกได้ว่ายังห่างชั้นกับ 2 เจ้าใหญ่อย่างมาก แม้ว่าในปี 2021 แพลตฟอร์มพยายามจะรีแบรนด์ แถมยังได้ ก่อลาภ สุวัชรังกูร ผู้บุกเบิกตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ประเทศไทยทั้ง LINE MAN และ Gojek มานั่งตำแหน่งประธานบริหารฝ่ายการตลาดคนใหม่แทนที่ รวิศรา จิราธิวัฒน์ ที่ไปดำรงตำแหน่งประธานบริหารฝ่ายการตลาด บจก.สรรพสินค้าเซ็นทรัลแทน

แต่จากข้อมูลจากเว็บไซต์ ipricethailand.com ระบุว่า ในช่วง Q1/2022 JD Central มีผู้เข้าชมเว็บไซต์เพียง 2 ล้านกว่าราย ขณะที่ช้อปปี้มีอยู่ที่ 56 ล้านราย และลาซาด้าอยู่ในระดับ 36 ล้านราย ขณะที่ปี 2021 มีรายได้รวม 7,443 ล้านบาท ขาดทุน 1,930 ล้านบาท โดยปัจจุบัน ก่อลาภได้ย้ายไปเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารที่บริษัท โอ ช้อปปิ้ง จำกัด หลังจากที่ร่วมงานกับ JD CENTRAL ได้ประมาณ 1 ปี

เปิดใจ ‘ก่อลาภ’ กับภารกิจดัน ‘JD CENTRAL’ เทียบชั้น 2 เจ้าตลาด

2022 เริ่มเห็นสัญญาณไม่ดี

มาปี 2022 หลายคนน่าจะสังเกตว่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยไม่ค่อยคึกคัก หลังจากที่ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างมากในช่วงที่ COVID-19 ระบาด แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจทั่วโลกก็เจอกับปัญหาเงินเฟ้อ ดังนั้น จะเห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายรายได้รับผลกระทบ อย่าง Sea Group ก็ต้องปลดคนงาน พร้อมกับยุติการขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซใน 4 ประเทศ ได้แก่ ชิลี โคลอมเบีย เม็กซิโก และอาร์เจนตินา

ขณะที่ JD.com เองก็มีข่าวว่าบริษัทได้เลิกจ้างพนักงานกว่า 200 คน เพื่อลดค่าใช้จ่าย และได้เรียกผู้บริหารระดับสูงในไทยกลับประเทศจีนหลายราย หลังจากธุรกิจในไทยนั้นโตไม่ได้ตามเป้า โดยรวมแล้ว JD.Com ขาดทุนสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท จากการทำตลาดในประเทศไทยและอินโดนีเซีย

ส่งผลให้ในช่วงช่วงปลายปี 2022 มีข่าวว่า JD.com เตรียม ถอนตัวจากไทยและอินโดนีเซีย เพื่อขอกลับไปเน้นธุรกิจในจีนเป็นหลักจากเดิมที่เคยต้องการบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกระทั่งล่าสุด JD Central ได้ประกาศยุติกิจการในไทยโดยมีผล 3 มี.ค. 2023 เป็นต้นไป ปิดฉาก 5 ปีในตลาดอีคอมเมิร์ซไทย

JD.com เตรียมถอนตัวจากไทยและอินโดนีเซีย หลังจากนี้เน้นธุรกิจในจีนเป็นหลัก

ทิศทางออนไลน์ของเซ็นทรัลจากนี้

ที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลได้วางโรดแมปในการเข้าสู่อีคอมเมิร์ซเต็มตัว โดยก่อนที่จะร่วมทุนกับ JD.Com บริษัทได้เข้าซื้อ ออฟฟิศเมท ในปี 2012 แล้วเปลี่ยนโฉมออฟฟิศเมทเป็นบริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ในปี 2015 จากนั้นก็ล้างภาพจำออฟฟิศเมทที่จำหน่ายของใช้ในสำนักงานจนกลายเป็นแพลตฟอร์ม เซ็นทรัล ออนไลน์ (Central Online) อย่างเต็มตัว ซึ่งจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ใน Q1/2022 นั้นอยู่ที่ 2.5 ล้านราย นับเป็น อันดับ 3 ซึ่งสูงกว่า JD CENTRAL แพลตฟอร์มที่ร่วมทุนกับ JD.Com เสียอีก

และในส่วนของ Central App ก็มีอัตราการเติบโตของยอดดาวน์โหลดเพิ่มมากกว่า 60% จากปี 2021 และคาดว่าในปี 2022 จะมีสมาชิกมากกว่า 5 ล้านคน โดยในฝั่งของแพลตฟอร์มเซ็นทรัล ออนไลน์นี้ ทางเซ็นทรัลก็ได้วางตัวว่าจะเน้นจับ กลุ่มสินค้าพรีเมียม ซึ่งจะแตกต่างจากแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ ที่เน้นขายสินค้าแมสมากกว่า

สรุป คงไม่ใช่แค่เรื่องการแข่งขันที่ทำให้ JD.Com ตัดสินใจถอนตัวออกจากไทย แต่ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อตัวบริษัทแม่เอง รวมถึงตลาดอีคอมเมิร์ซไทยก็ชะลอการเติบโตลงหลังจากที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ COVID-19 ระบาด โดยศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดว่า ในปี 2023 ภาพรวมของตลาดอีคอมเมิร์ซแบบ B2C คาดว่าตลาดอาจขยายตัวราว 4-6% ซึ่งต่ำสุดเมื่อเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวเฉลี่ย 26% ต่อปี ดังนั้น หากยื้อต่อไปก็จะยิ่งเจ็บตัวเปล่า ๆ

]]>
1417229
ไม่ได้ไปต่อ! ‘Shopee’ ยุติกิจการดำเนินงานใน 4 ประเทศ อ้างความไม่แน่นอนของ ‘เศรษฐกิจ’ https://positioningmag.com/1399621 Fri, 09 Sep 2022 07:01:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1399621 ย้อนไปช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Sea Group บริษัทแม่ของ ช้อปปี้ (Shopee) อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ ได้ปลดพนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทยด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นฝั่งของ ShopeePay และ ShopeeFood ล่าสุด ไม่ใช่แค่ลดพนักงาน แต่ยุติกิจการใน 4 ประเทศ ได้แก่ ชิลี โคลอมเบีย เม็กซิโก และอาร์เจนตินา

แผนกอีคอมเมิร์ซของ Sea Group ได้แจ้งพนักงานว่ากำลังปิดการดำเนินงานใน 4 ประเทศ โดยในประเทศชิลี โคลอมเบีย และเม็กซิโก จะปรับเปลี่ยนไปเน้นที่รูปแบบ ธุรกิจข้ามพรมแดน แทน ส่วนในประเทศ อาร์เจนตินา จะเป็นการ ยุติกิจการทั้งหมด

Chris Feng หัวหน้าผู้บริหารของ Shopee ระบุถึงสาเหตุว่า “จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในปัจจุบัน บริษัทจำเป็นต้องมุ่งเน้นทรัพยากรไปที่การดำเนินงานหลัก และตัดสินใจที่จะเลือกทำธุรกิจแบบข้ามพรมแดนในเม็กซิโก โคลอมเบีย และชิลีแทน”

ย้อนไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Sea Group ได้ประกาศยุติกิจการของ Shopee ใน อินเดียและฝรั่งเศส และในเดือนมิถุนายนก็ได้ลดการจ้างงานทั้งในส่วนของแผนกอีคอมเมิร์ซและจัดส่งอาหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และการละตินอเมริกา นอกจากนี้ Shopee ได้ยกเลิกการจ้างงานหลายสิบตำแหน่งในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทของ Sea Group เพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากหน่วยเกมและอีคอมเมิร์ซได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดของ COVID-19 แต่ปัจจุบันหุ้นของบริษัทร่วงลงตั้งแต่นั้นมา และตอนนี้มีมูลค่าเพียง 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์

Source

]]>
1399621
เทียบไม้เด็ด ‘9.9’ ของ ‘Lazada-Shopee’ ก่อนศึกใหญ่โค้งสุดท้ายปลายปี https://positioningmag.com/1399177 Wed, 07 Sep 2022 02:52:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1399177 จากรายงานของ Digital 2022 July Global Statshot Report พบว่าประเทศไทยติดอันดับ 1 ประเทศช้อปปิ้งออนไลน์/สัปดาห์มากที่สุดในโลกประจำไตรมาส 1/2022 ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจหากเหล่า ‘อีมาร์เก็ตเพลส’ ต้องเจอการแข่งขันจาก ‘โซเชียลมีเดีย’ ล่าสุดก็มี ‘TikTok Shop’ ดังนั้น แคมเปญ ‘ดับเบิลเดย์’ จึงดูเหมือนจะเป็นจุดแข็งที่สุดที่จะใช้โกยลูกค้าในยุคที่สู้ศึกรอบด้านและเศรษฐกิจฝืดเคือง

Try & Buy ฟีเจอร์ใหม่น่าจับตาจาก Lazada

ก่อนจะไปส่องโปร 9.9 จาก ลาซาด้า (Lazada) ไปส่องฟีเจอร์ใหม่อย่าง Try & Buy ที่แพลตฟอร์มเพิ่งจะทดลองใช้ไปหมาด ๆ ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวถือว่าแก้ไข Pain Point ของอีคอมเมิร์ซที่ไม่ได้เห็นสินค้าจริงได้เป็นอย่างดี เพราะจากเดิมที่ผู้บริโภคอาจต้องไปหารีวิว หรือทดลองไปดูสินค้าจากหน้าร้านค่อยสั่งซื้อ แต่ฟีเจอร์ใหม่นี้จะส่ง สินค้าทดลอง ไปให้ใช้ฟรีถึงบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีสินค้ากว่า 300 รายการที่มีสินค้าทดลองให้ใช้ฟรี

นอกจากนี้ ลาซาด้ายังเพิ่มฟีเจอร์ Brands Membership Program สำหรับสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ของตัวเองบนแพลตฟอร์ม โดยแบรนด์สามารถมอบสิทธิพิเศษให้เมมเบอร์ที่มาสมัครได้ ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้ม ส่วนลดหรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ โดยตอนนี้มีแบรนด์เข้าร่วมใน Brands Membership Program แล้วประมาณ 200 ราย

9.9 Lazada คาดเพิ่มยอด 3 เท่า

ธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) ยอมรับว่าในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ แคมเปญใหญ่เป็นตัวกระตุ้นกำลังซื้อได้ เพราะ 52% ของผู้บริโภครอแคมเปญใหญ่ ๆ เพื่อซื้อของ และแคมเปญ 9.9 ที่จะถึงนี้ถือเป็นแคมเปญใหญ่สุดของช่วงไตรมาส 3 ก่อนจะไปสู่แคมเปญโค้งสุดท้ายอย่าง 11.11 และ 12.12

“เราคาดว่ายอดใช้จ่ายในแคมเปญ 9.9 นี้จะดีกว่าวันปกติ 2-3 เท่า และคาดว่าจะทำยอดขายได้ดีกว่าช่วง 6.6 ที่ผ่านมาด้วย โดยแคมเปญครั้งนี้เราจะเน้นไปที่ Lazmall ที่มีกว่า 9,000 แบรนด์เป็นหลัก”

สำหรับแคมเเปญ 9.9 จะเริ่มระหว่างวันที่ 9 – 11 กันยายน 2565 โดยมีโปรโมชัน

  • ส่วนลด 40 บาท ในทุก ๆ การใช้จ่ายมูลค่า 500 บาท จากลาซาด้าโบนัส โดยสามารถเก็บลาซาด้าโบนัสได้ตั้งแต่วันที่ 5 – 11 กันยายน และสามารถใช้โบนัสได้ในวันที่ 9 – 11 กันยายนนี้
  • คูปองส่วนลดสูงสุด 90%
  • คูปองส่วนลดจากลาซาด้า ลดสูงสุด 1,999 บาท
  • คูปองส่วนลดจากร้านค้า มูลค่าสูงสุด 999 บาท
  • ส่วนลดจากพาร์ตเนอร์ที่ร่วมรายการ มูลค่าสูงสุด 999 บาท
  • Crazy Brand Mega Offers ส่วนลดสูงสุด 90% จากแบรนด์ใน LazMall ตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีสองเฉพาะวันที่ 9 กันยายน
  • คูปองส่งฟรี

Shopee 9.9 คอนเซ็ปต์อัพไซส์

สุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดช้อปปี้ ประเทศไทย ยอมรับว่า การมาของโซเชียลคอมเมิร์ซนั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะโซเชียลมีเดียถือเป็นสิ่งพื้นฐานของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไปแล้ว โดยทาง Shopee ก็มีการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้มีความใกล้เคียงกับโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการ ไลฟ์สด หรือการใช้ แชท เพื่อพูดคุยกับร้านค้า

Penetration rate ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทยสูงถึง 78% และมีการซื้อสินค้าและบริการทาง online อย่างต่ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งเรามองว่าช้อปปี้ยังมีโอกาสเติบโตได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชาย, ผู้สูงอายุ และกลุ่มคนต่างจังหวัด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นจุดแข็งคือ แคมเปญเมกะเซลล์ ที่ทำให้แตกต่างจากโซเชียลคอมเมิร์ซ และสำหรับ 9.9 ที่จะถึงนี้ Shopee มีคอนเซ็ปต์คือ อัพไซส์ โดยมี

  • โค้ดลด 999 บาท
  • สินค้าราคาเริ่มต้น 9 บาท
  • ส่งฟรี
  • โค้ดรับเงินคืน 15% Coin
  • แฟลซเซลล์ลด 99%
  • ShopeeFood เริ่มต้น 9 บาท
  • Shopee E-service รับเงินคืนถึง 10% คอยน์, เติมเงิน เติมเน็ต Flash sale ลดสูงสุด 90% ราคาเริ่มต้น 1 บาท

นอกจากส่วนลดแล้ว ยังสามารถเล่นเกม Daily Prizes ลุ้นรับรางวัลกว่า 900 รางวัล  อาทิ ทองคำแท่ง, แพ็กเกจท่องเที่ยว รถฟอร์ด เรนเจอร์ รวมรางวัลมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และมีไลฟ์มาราธอน 9 ชั่วโมงใน Shopee Live Marathon

]]>
1399177
‘Shopee’ เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่ ‘ShopeeFood-ShopeePay’ ในไทยโดนหั่นออกครึ่งหนึ่ง! https://positioningmag.com/1388620 Tue, 14 Jun 2022 02:48:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1388620 กลายเป็นข่าวใหญ่ของวงการอีคอมเมิร์ซเมื่อ ช้อปปี้ Shopee ในกลุ่มบริษัท Sea Group ได้ทำการปลดพนักงานในตลาดต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ ShopeeFood ธุรกิจส่งอาหาร และ ShopeePay ธุรกิจด้านเพย์เมนต์ในไทยที่คาดว่าจะถูกหั่นพนักงานออกครึ่งหนึ่ง

มีรายงานว่า ยักษ์ใหญ่ในตลาดอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopee ได้ทำการปลดพนักงานในหลายประเทศลง โดยผลกระทบดังกล่าวนี้ส่งผลหนักต่อพนักงาน ShopeeFood และ ShopeePay ในหลายตลาด ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วยังมี ไต้หวัน บราซิล เม็กซิโก ชิลี และโคลอมเบีย

ทั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ Shopee ไม่ได้เปิดเผยถึงเหตุผลในการเลิกจ้างครั้งนี้ แต่ที่น่าตกใจคือ ในรายงานระบุว่า จำนวนพนักงานของ ShopeeFood และ ShopeePay ในประเทศไทย โดนปลดออกถึง ครึ่งหนึ่ง โดย บริษัทขอให้พนักงานกลับบ้านและรออีเมลแจ้งการเลิกจ้าง โดยแหล่งข่าววงในยืนยันว่า มีการปลดจริง โดยพนักงานล็อตแรกที่ถูกปลดจะมีผลทันทีวันพุธนี้ (15 มิถุนายน 2565)

สำหรับเหตุการณ์ลดคนงานครั้งใหญ่นี้ เกิดหลังจากที่มีข่าวหลุดออกมาว่า Shopee จะปิดกิจการในอินเดีย โดยเลิกจ้างพนักงานกว่า 300 คนในประเทศ หลังจากที่เข้าไปทำตลาดได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้ Shopee ยังถอนตัวออกจาก ตลาดฝรั่งเศส หลังจากดำเนินธุรกิจได้ 5 เดือน

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ Sea Group ไตรมาส 1/2022 รายได้รวมของทั้งกลุ่มบริษัท (GAAP Revenue) อยู่ที่ 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 64.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรขั้นต้น อยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 81.3%

ส่วน Shopee ที่ถือเป็นบริษัทในเครือมีรายได้ (GAAP Revenue) 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 64.4% ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อโดยรวมอยู่ที่ 1.9 พันล้านออเดอร์ เพิ่มขึ้น 71.3% และมีมูลค่าการขาย (GMV) 17.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 38.7%

ด้านผลประกอบการของ Shopee ในไทย จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังคงขาดทุนต่อเนื่อง

  • ปี 2562 รายได้ 1,986 ล้านบาท / ขาดทุน  4,745 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้ 5,812 ล้านบาท / ขาดทุน 4,170 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 13,322 ล้านบาท / ขาดทุน 4,972 ล้านบาท

Source

]]>
1388620
Shopee เตรียมถอนตัวออกจาก ‘อินเดีย’ หลังเจอความไม่เเน่นอนของตลาด-กฎเข้มงวด https://positioningmag.com/1379535 Tue, 29 Mar 2022 04:11:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379535 Shopee แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ ที่มีบริษัทเเม่อย่าง Sea Ltd. บิ๊กเทคฯ จากสิงคโปร์ เตรียมถอนตัวออกจากตลาดค้าปลีกในอินเดีย หลังเริ่มดำเนินการมาเพียงไม่กี่เดือน โดยให้เหตุผลถึงความไม่แน่นอนของตลาดโลก

การถอนตัวจากตลาดอินเดียของ Shopee ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังการประกาศถอนตัวออกจากฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และหลังจากที่รัฐบาลอินเดียสั่งห้ามแอปพลิเคชันเกมยอดนิยมของ Sea อย่าง ‘Free Fire’ ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดของ Sea ที่จดทะเบียนในตลาดนิวยอร์กลดลงถึง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันเดียว และทำให้นักลงทุนบางส่วนลดการถือครองหุ้นลง

Shopee ระบุในแถลงการณ์ว่าบริษัทจะทำงานเพื่อสนับสนุนชุมชนผู้ขายและผู้ซื้อในท้องถิ่น เเละทีมงานในพื้นที่ของเราเพื่อให้กระบวนการนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

Reuters รายงานว่า คำชี้แจงดังกล่าวครอบคลุมเฉพาะกิจกรรมค้าปลีก ไม่ใช่ธุรกิจเกมในอินเดีย

ทั้งนี้ บริษัทมีมูลค่าประมาณ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากแตะถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2021 จากกระแสการช้อปปิ้งออนไลน์และความบันเทิงที่เกิดขึ้นในช่วงโรคระบาดโควิด-19 

Shopee เริ่มดำเนินการในตลาดอินเดียเมื่อเดือนตุลาคม 2021 โดยเป็นส่วนหนึ่งในเเผนการผลักดันธุรกิจไปสู่ระดับนานาชาติเเละขยายตลาดไปสู่ยุโรป 

ตลาดอีคอมเมิร์ซของอินเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเเข่งขันที่ดุเดือด มีเจ้าใหญ่ที่ครองตลาดอยู่ทั้ง Amazon เเละ Flipkart ของ Walmart

ขณะเดียวกันธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็ต้องเผชิญกับกฎระเบียบที่เข้มงวดในอินเดีย ซึ่งมีการกำหนดข้อจำกัดต่างๆ เพื่อปกป้องผู้ค้าปลีกรายย่อยมานานหลายปี

ผู้ค้าปลีกออฟไลน์จำนวนไม่น้อย กล่าวหาว่าบรรดาบริษัทต่างชาติ มักไม่ทำตามกฎเกณฑ์นั้นและเสนอโปรโมชันส่วนลดจำนวนมาก ซึ่งกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา ซึ่งก็เป็นข้อกล่าวหาที่บริษัทรายใหญ่ต่างปฏิเสธ

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Shopee ต้องเจอการคว่ำบาตรจากผู้ค้ารายย่อยในอินเดีย โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (28 มี..) เว็บไซต์ Shopee ในอินเดียยังคงเปิดดำเนินการอยู่ และเสนอส่วนลดและข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจให้กับลูกค้า เเละยังมีการเปิดรับสมัครงานหลายตำเเหน่งในอินเดีย

 

ที่มา : Reuters 

]]>
1379535
แค่ ‘Double Day’ มันน้อยไป! ‘ช้อปปี้’ เปิดสงครามแคมเปญ ‘กลางเดือน’ ดูดลูกค้า https://positioningmag.com/1376622 Tue, 08 Mar 2022 05:31:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1376622 หากพูดถึงโปรโมชันของเหล่า ‘อีคอมเมิร์ซ’ เชื่อว่าแคมเปญ ‘ดับเบิล เดย์’ ไม่ว่าจะ 2.2, 3.3 หรือ 11.11 กลายเป็นภาพจำและเป็นมาตรฐานไปแล้ว ทำให้ผู้บริโภคหลายคนตั้งตาที่จะรอช้อปตามช่วงเวลานั้น ๆ แต่ดูเหมือนว่าแคมเปญใหญ่แค่ครั้งเดียวต่อเดือนจะไม่พออีกต่อไปแล้ว แต่ต้องมี 2 ครั้ง/เดือน เพื่อดึงกำลังซื้อของผู้บริโภคในยุคเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้

เมื่อผู้บริโภคเฝ้ารอแต่ Double Day

ตั้งแต่คนไทยรู้จักกับ อีคอมเมิร์ซ หนึ่งในแคมเปญที่กลายเป็นเงาตามตัว ก็คือ 11.11 หรือ วันคนโสด ที่กลายเป็นวัฒนธรรมของนักช้อปไปแล้ว ด้วยการลด แลก แจก แถม แบบบ้าคลั่ง ทำให้แคมเปญดังกล่าวสามารถเพิ่มยอดขายได้หลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับวันธรรมดา

จากความสำเร็จดังกล่าวเลยทำให้แบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่หรือแม้แต่โลกของ ‘ออฟไลน์’ ต่างต้องผุดแคมเปญ 11.11 มาเพื่อแย่งลูกค้าบ้าง และจากนั้นผู้ให้บริการอีมาร์เก็ตเพลสรายใหญ่ก็ไม่หยุดแค่วันที่ 11.11 แต่กลับอัดแคมเปญ Double Day ในช่วงครึ่งปีหลังแทบทุกเดือน และในที่สุดก็กลายเป็นแคมเปญที่มี ทุกเดือน แม้ว่าปกติช่วงต้นปีจะไม่ใช่ ไฮซีซั่น ของการช้อปปิ้งก็ตาม

คำถามคือ Double Day ได้กลายเป็น ดาบ 2 คม ทำร้ายตัวอีคอมเมิร์ซเองไปแล้วหรือไม่ เพราะ ช้อปปี้ เองยอมรับว่า ผู้บริโภคเลือกที่จะรอช้อปในวัน Double Day ไปซะอย่างนั้น ทำให้ยอดขายมักกระจุกตัวในวันเหล่านั้น แม้ว่าจะมีการจัดโปรโมชันย่อย ๆ ทุกวันก็ตาม

“ตอนนี้แคมเปญดับเบิลเดย์เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคจดจำไปแล้ว ผู้บริโภคเริ่มดูที่โปรโมชันเป็นหลัก ทำให้ยอดขายกระจุกตัวสุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าว

สุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส ช้อปปี้ (ประเทศไทย)

วันเดียวไม่พอ ต้องมี 2 วัน

ในเมื่อผู้บริโภคเทไปรอช้อปปิ้งในวัน Double Day บวกกับกำลังซื้อที่ลดลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การอัดแคมเปญเพิ่มเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดี ทำให้ปีที่ผ่านมา ตลาดอีคอมเมิร์ซเริ่มมีการเคลื่อนไหว โดยทั้ง 3 ผู้ให้บริการเบอร์ใหญ่ ต่างก็ได้ออกแคมเปญ Mid-month sale ไม่ว่าจะเป็นลาซาด้า, ช้อปปี้ และเจดี เซ็นทรัล

แม้ไม่มีเหตุผลชัดเจนนักว่าทำไมถึงต้องเป็นวันที่ 15 แต่หากลองพิจารณาในหลาย ๆ ปัจจัยอย่างแรกคือ จดจำง่าย เพราะหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับช่วง Mid-Year Sale กันเป็นอย่างดี รวมถึง เงินเดือน ที่บางคนได้เป็นราย 15 วัน นอกจากนี้ การทำแคมเปญช่วงกลางเดือนไม่มีทางไปทับกับช่วง Double Day แน่นอน

โดยช้อปปี้ เปิดเผยว่าได้ทดลองทำแคมเปญ Shopee mid-month sale มาแล้ว 1 ปี โดยได้ผลตอบรับใกล้เคียงแคมเปญ Double Day เลยทีเดียว แต่ ยังไม่เป็นที่จดจำ ดังนั้น ช้อปปี้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น 3.15 Consumer Day ซึ่งเป็น First Mega Campaign แรกของปี พร้อมดึง ‘ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่’ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่พร้อมโปรโมตแคมเปญ

“เราออกแคมเปญช่วงกลางเดือนเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภคที่รอโปรโมชันดี ๆ และเพิ่มยอดขายให้ร้านค้า ซึ่งการทำโปรโมชันจากนี้ไม่จำเป็นต้องรอปลายปีอีกต่อไป เพราะคนใช้อีคอมเมิร์ซในชีวิตประจำวันแล้ว”

เปิดตัวแอมบาสเดอร์ตั้งแต่ต้นปี

ถือเป็นอีกความเคลื่อนไหวใหม่ ที่เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ตั้งแต่ต้นปี เพราะปกติการเปิดตัวซุป’ตาร์มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ มากจะอยู่ในช่วงปลายปีที่เป็นช่วงไฮซีซั่น ที่ผ่านมา ช้อปปี้เองเคยดึงคู่จิ้นอย่าง ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ และ ‘ญาญ่า- อุรัสยา เสปอร์บันด์’ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ตั้งแต่ปี 2018 จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนแกนมาเน้นความแมสยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น ‘โรนัลโด้’ ที่มาพร้อมท่าเต้นสุดแสนเป็นเอกลักษณ์มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคให้กับแพลตฟอร์ม จากนั้นช้อปปี้ก็เน้นที่ความแมสมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการคว้าเอา ‘แจ๊ส ชวนชื่น’ ตามด้วย ‘แก๊ง 3 ช่า’ ที่ประกอบด้วย ‘หม่ำ-เท่ง-โหน่ง’ นอกจากนี้ก็มี ‘กิ๊ก สุวัจนี’ นางร้ายยุค 90 รวมถึง ‘เฉินหลง’ แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคคนล่าสุด

และสำหรับ ใหม่ ดาวิกา แม้จะไม่ใช่สายฮา แต่ก็ถือว่าเป็นนางเอกที่คนทั้งประเทศรู้จัก ทำให้ช้อปปี้เลือกใช้เพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นการท้าชนเบลล่า ราณี แคมเปน’ แบรนด์แอมบาสเดอร์คนปัจจุบันของ ลาซาด้า

อีคอมเมิร์ซยังโตได้แม้จะช้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าตลาดอีคอมเมิร์ซ 2565 น่าจะมีมูลค่าตลาดราว 5.65 แสนล้านบาท ขยายตัว 13.5% (YoY) ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดเมื่อเทียบกับในช่วง 3 ปีก่อนหน้า (ปี 2562-2564) ที่ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 40% เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจหากจะเริ่มอัดแคมเปญใหญ่เป็น 2 ครั้ง/เดือน

โดย สุชญา มองว่าอีคอมเมิร์ซคงไม่เติบโตอย่างหวือหวา เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มหันมาใช้อีคอมเมิร์ซมากขึ้นจากที่มี COVID-19 เป็นตัวขับเคลื่อน แต่ก็ยังมีโอกาสสร้างการเติบโตในต่างจังหวัด รวมไปถึงการสร้างการเติบโตจากคำสั่งซื้อ และระยะเวลาการใช้งานบนแพลตฟอร์ม

“ช่วงโควิดสินค้า FMCG ขายดี พอเริ่มชินกับสถานการณ์ ต้องอยู่บ้านมากขึ้นสินค้ากลุ่มเอนเตอร์เทนเมนต์ เช่น เกม, ต้นไม้ ก็ขายดี แต่ตอนนี้พฤติกรรมเริ่มกลับสู่สภาวะเหมือนก่อนโควิด ไม่ได้มีเทรนด์ชัดเจน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ เขาหาของดีราคาถูก และต่อไป เทรนด์การแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซอาจจะแข่งขันกันในหลายปัจจัย เช่น การสร้าง Loyalty, Frequency, Wallet Share, Retention เป็นต้น”

]]>
1376622
Shopee Hotel มาแล้ว! จองที่พัก Agoda และ Booking.com ได้บนช้อปปี้ https://positioningmag.com/1360580 Fri, 05 Nov 2021 16:07:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1360580 ช้อปปี้ จับมือ อโกด้า และ Booking.com เปิดตัว Shopee Hotel จองโรงแรมได้ง่ายๆ บนช้อปปี้! พร้อมพบกับดีลสุดพิเศษ รับเงินคืนสูงสุด 300 Coins เมื่อจองที่พัก หรือส่วนลดสูงสุด 60% สำหรับโรงแรมและที่พักที่ร่วมรายการ

เมื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ช้อปปี้ จึงร่วมมือกับ อโกด้า (Agoda) และ Booking.com เปิดตัว Shopee Hotel ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานช้อปปี้สามารถเข้าถึง ค้นหา และจองที่พักที่มีให้เลือกสรรอย่างมากมายและหลากหลายตามความต้องการ จากอโกด้า และ Booking.com กว่าล้านแห่งทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท บ้านพัก หรืออพาร์ตเมนต์ โดย Shopee Hotel จะทำการเปิดตัวใน 7 ตลาด ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

การเปิดตัว Shopee Hotel ในครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อรองรับความต้องการของการท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เริ่มมีท่าทีว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประกอบกับการวางแผนการเดินทางของคนไทยในช่วงสิ้นปีที่กำลังจะถึงนี้

จากข้อมูลการค้นหาของอโกด้า ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่ามีการค้นหาที่พักภายในประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาถึง 57% และผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวในต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นถึง 37% ซึ่ง Shopee Hotel จึงช่วยตอบโจทย์พร้อมส่งมอบความคุ้มค่า และข้อเสนอสุดพิเศษในการเดินทางให้กับผู้ใช้งาน ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้โรงแรมพันธมิตร

Photo : Shutterstock

และผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลากหลายแห่งเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด, ช้อปปี้ ประเทศไทย กล่าวว่า

“ช้อปปี้มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวระดับโลกอย่าง อโกด้า และ Booking.com เพื่อเปิดตัว Shopee Hotel ที่จะมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานของเราในการเลือกผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยวอันหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์สุดยิ่งใหญ่แห่งปีอย่าง Shopee 11.11 Big Sale โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเปิดตัว Shopee Hotel ในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้ฟื้นตัวและกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยการส่งเสริมและโปรโมตแนวคิดการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน ผ่านความร่วมมือกับโรงแรมและผู้ประกอบการพันธมิตร สุดท้ายนี้ช้อปปี้ขอเชิญชวนทุกท่านได้เปิดประสบการณ์และสนุกไปกับการท่องเที่ยวอีกครั้งอย่างปลอดภัย ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า และสิทธิพิเศษอีกมากมายเมื่อจองที่พักผ่าน Shopee Hotel”

เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวของ Shopee Hotel ในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์สุดยิ่งใหญ่ที่ทุกคนรอคอย Shopee 11.11 Big Sale ช้อปปี้ได้เตรียมแคมเปญพิเศษในระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษและดีลสุดคุ้มเมื่อชำระเงินผ่าน ShopeePay อาทิ สิทธิ์ในการรับเงินคืนสูงสุด 300 Shopee Coins เมื่อจองโรงแรมบนแอปช้อปปี้ และส่วนลดสูงสุดถึง 60% ระหว่างวันที่ 1-15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เมื่อจองโรงแรมที่ร่วมรายการ เช่น จามส์เฮาส์, โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน, หรรษา สมุย, เดอะแคมป์สเตอร์ กาญจนบุรี และอีกมากมาย

]]>
1360580
เปิดวิสัยทัศน์ ‘Sea Thailand’ กับการปรับตัวสู่ ‘Digital Nation’ ในอีก 10 ปีข้างหน้า https://positioningmag.com/1358728 Wed, 27 Oct 2021 11:17:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1358728 หากพูดถึงการปรับตัวใช้งานดิจิทัลของคนไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าก้าวกระโดดมาก เพราะได้ COVID-19 เป็นตัวเร่ง แต่แค่นั้นจะเพียงพอหรือเปล่า หากพูดถึงการอยู่รอดอย่างยั่งยืนในอีก 10 ปีข้างหน้า Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการ การีนา (Garena) ช้อปปี้ (Shopee) และซีมันนี่ (SeaMoney) ได้ออกมาเผยถึงมุมมองภาพอนาคตยุคดิจิทัลหลัง COVID-19 ผ่านงาน Sea Story 2021: Digital Visionary ในงานเสวนาหัวข้อ “Accelerated Transitions to the Digital Nation”

เศรษฐกิจดิจิทัลไทยโต แต่ขาดแรงงาน

เศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Internet Penetration ในประเทศไทยซึ่งอยู่ที่ 96.5% และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม แม้การมาของ COVID-19 จะทำให้การปรับใช้ดิจิทัลเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็ฉุดเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่มีผู้ตกงานกว่า 2.5 ล้านคน และผู้ว่างงานแฝงกว่า 4 ล้านคน กว่าสถานการณ์จะดีขึ้นอาจต้องรอไปถึงกลางปีหน้า

ขณะที่ความต้องการจ้างงานในอนาคตก็มองหากลุ่มที่มีทักษะงานทางดิจิทัลมากขึ้นเพื่อลดต้นทุน รวมถึงต้องการสกิลเซตที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยมีแรงทักษะทางดิจิทัลที่ 55% หรือกว่า 17 ล้านคนที่ยังขาดทักษะ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคมีเฉลี่ยที่ 66% โดยสิงคโปร์มีสูงสุดที่ 75%

และเมื่ออ้างอิงรายงาน IMD World Digital Competitiveness Ranking 2021 พบว่า ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันเป็นอันดับที่ 38 จาก 64 ประเทศทั่วโลก โดยมีปัจจัยด้าน Technology (อันดับที่ 22) เป็นจุดแข็ง และมีปัจจัยด้าน Knowledge (อันดับที่ 42) และด้าน Future Readiness (อันดับที่ 44)

“นี่ถือเป็นความน่ากังวล จะทำอย่างไรให้คนเพิ่มทักษะดิจิทัลที่เหมาะสมให้คนครึ่งประเทศ ถ้ายังละเลยจะยิ่งทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง ดังนั้น ต้องรีเลิร์น รีสกิลแรงงาน ไม่เช่นนั้นจะถูกแทนที่ด้วยออโตเมชั่น” มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) กล่าว

Aging Society โอกาสและปัญหาสำคัญในอีก 10 ปี

การเข้าสู่สังคมสูงวัย หรือ Aging Society เป็นสิ่งที่หลายคนเริ่มตระหนักแล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ ประชากร 40% เป็นวัยเกษียณ ดังนั้น คนกลุ่มนี้จะมีความระมัดระวังในการจับจ่ายมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อในประเทศจะลดลง เกิดปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ถือเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของไทย ดังนั้น จะเพิ่มคุณภาพของแรงงานที่น้อยลงอย่างไร

อย่างไรก็ตาม อาจจะเห็นธุรกิจที่โตก้าวกระโดดในอีก 10 ปีข้างหน้า เช่น Healthtech, Medtech เพราะจะมาตอบโจทย์ผู้สูงวัย เพราะแม้ว่ากลุ่มผู้สูงวัยจะระวังเรื่องการจับจ่าย แต่เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น

ตอบโจทย์ Segment of One ด้วยดิจิทัล

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร Future Tales Lab by MQDC กล่าวว่า ในอดีต ธุรกิจจะคำนึงถึงความสามารถในการแข่งขัน 3 ด้าน ได้แก่ ความเร็ว คุณภาพที่สูง ต้นทุนที่ต่ำ แต่ปัจจุบันและใน 10 ปีข้างหน้าจะต้องขับเคลื่อนองค์กรด้วยดาต้าหรือข้อมูลให้ได้ เพราะความต้องการคนที่เปลี่ยนไปไม่สามารถแบงเป็นกลุ่มหรือ Segment ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เป็น Segment of One นอกจากนี้ต้อง ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้ นี่คือความต้องการใหม่ที่เกิดขึ้น

ดังนั้น Digital Adoption จะเป็นตัวช่วยสำคัญ เพราะปัจจุบันองค์กรเริ่มเห็นเรื่องข้อมูล เนื่องจากทุกอย่างออนไลน์ ขณะที่ 62% ของคนไทยต้องการนำดิจิทัลมาใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าสะดวก ดังนั้น จะเห็นว่ามี Digital Tools มาเสิร์ฟความต้องการผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อย ๆ

มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย)

“ต่อจะไปเห็นการทำงานของออฟไลน์ออนไลน์ (O2O) ที่ไร้รอบต่อ มีการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง business landscape ที่เป็นไปได้มากขึ้น เพราะโอกาสเปิดกว้างมากขึ้น เนื่องจากโลกไม่มีพรมแดนอีกต่อไป”

นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่านของแรงงานรุ่นใหม่ องค์กรก็ต้องปรับตัวสู่ Hybrid Work Place หรือแม้กระทั่งการทำงานในโลกเสมือนจริง (Metaverse) เพราะ COVID-19 ทำให้แรงงานรู้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องทำงานในออฟฟิศ ดังนั้น องค์กรก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจนำไปสู่การลาออกครั้งใหญ่ของ Gen Z ที่ต้องการ Work-Life Balance

ตั้งเป้าสร้าง Digital Talent 10 ล้านคน ใน 10 ปี

ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา Sea (Group) ได้ประกาศยุทธศาสตร์ 10 in 10 ตั้งเป้าสร้าง ‘Digital Talent’ 10 ล้านคน ใน 10 ปี โดยปัจจุบัน Sea (ประเทศไทย) สามารถเข้าไปเสริมสร้างทักษะดิจิทัลด้านต่าง ๆ ให้แก่คนไทยได้ราว 3.8 ล้านคน โดยในปีนี้ Sea (ประเทศไทย) จัดโครงการต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นที่ Mega Trends คือ “E-commerce for All” หรือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนและเพิ่มศักยภาพ SMEs ด้วยอีคอมเมิร์ซ

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร Future Tales Lab by MQDC

เนื่องจากอีคอมเมิร์ซเป็นเครื่องมือสำคัญ โดยจะเห็นว่าตอนนี้การค้าขายบนโลกออนไลน์เป็นช่องทางในการหารายได้เพิ่มเติม สะท้อนให้เห็นได้จากจำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซที่เป็นนักเรียนนักศึกษา แม่บ้าน และพนักงานบริษัทที่มีงานประจำอยู่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ในปัจจุบัน การใช้จ่ายเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์จำนวนมาก

ทั้งนี้ ช้อปปี้ (ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ) มีการเติบโตทั้งในแง่คำสั่งซื้อและความเข้มแข็งของฐานผู้ใช้งาน โดยมีกว่า 1,400 ล้าน Gross Order ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เติบโตราว 127% จากช่วงเดียวกันของปี 2563

]]>
1358728
Shopee เตรียมบุกตลาดอีคอมเมิร์ซ ‘ยุโรป’ เล็งเปิดตัวใน ‘โปแลนด์’ https://positioningmag.com/1350787 Wed, 08 Sep 2021 07:05:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1350787 อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่เเห่งอาเซียนอย่าง ‘Shopee’ (ช้อปปี้) เตรียมการสยายปีกบุกตลาดยุโรป เล็งเปิดตัวในโปเเลนด์ 

เเหล่งข่าวบอกกับ Reuters ว่า Shopee มีเเผนจะเปิดให้บริการในประเทศโปแลนด์เร็วนี้ๆ โดยกำลังอยู่ระหว่างเปิดรับสมัครพนักงานฝ่ายขาย

Shopee เป็นเเบรนด์อีคอมเมิร์ซในเครือของ Sea Limited บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสิงคโปร์ ซึ่งมีบริการหลากหลาย ทั้งเกมออนไลน์อย่าง Garena เเละธุรกิจให้บริการทางการเงิน อย่าง AirPay, ShopeePay, SPayLater

การเปิดตัวของ Shopee ที่โปเเลนด์ จึงเป็นก้าวเเรกของการขยายตลาดอีคอมเมิร์ซในยุโรป หลังจากเคยส่ง Garena มาบุกเบิกตลาดเกมเเล้ว ได้รับกระเเสตอบรับที่ดีมาก

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Reuters เพิ่งรายงานข่าวว่า Shopee กำลังเตรียมจะเปิดตัวในอินเดียซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกเเละมีการเเข่งขันสูง หลังจากที่ได้ทุ่มขยายธุรกิจในโซนละตินอเมริกา มาตั้งเเต่ช่วงต้นปี

นอกจากนี้ Shopee มีเเผนจะขยายธุรกิจไปทั่วโลก เพื่อทดสอบตลาดใหม่ๆ ที่มีเเนวโน้มจะเติบโตได้ โดยมีกระเเสข่าวว่าบริษัทกำลังจะเข้าไปเปิดบริการที่อาร์เจนตินาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ Shopee เป็นผู้เล่นหลักในตลาดอีคอมเมิร์ซของภูมิภาคอาเซียน โดยมีรายได้ราว 1.2 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสล่าสุดที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.. 64

ขณะที่ Euromonitor ประเมินว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในโปแลนด์มีมูลค่า 1.6 หมื่นล้านยูโร ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับตลาดในประเทศตะวันตกอื่นๆ ที่มีเจ้าใหญ่อย่าง Amazon ครองตลาดอยู่

Amazon เองก็กำลังจะเปิดตัวที่โปแลนด์ในปีนี้ ส่วน Allegro อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของประเทศก็กำลังพัฒนาบริการของตัวเอง เพื่อรับคู่เเข่งรายใหม่ งานนี้การที่ Shopee จะบุกเข้าตลาดโปแลนด์ได้นั้นจึงไม่ง่ายนัก

ต้องรอดูว่าการปูทางขยายธุรกิจไปยังยุโรปเเละในหลายทวีปทั่วโลกครั้งนี้ของ Shopee จะเป็นอย่างไรต่อไป…

 

 

ที่มา : Reuters , Straitstimes , Techinasia 

]]> 1350787 ย้อนรอยพรีเซ็นเตอร์ ‘ช้อปปี้-ลาซาด้า เมื่อ ‘สายฮา’ ปะทะ ‘สายเกา (หลี)’ https://positioningmag.com/1348205 Mon, 23 Aug 2021 14:59:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1348205 ใครที่พลาดช้อปในช่วง 8.8 ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะใกล้ถึงมหกรรมช้อปปิ้ง 9.9 ซึ่งถือเป็น Mega แคมเปญของ ‘ลาซาด้า’ ซึ่งแน่นอนว่าคู่แข่งไม่ยอมอยู่เฉยแน่นอน โดย ‘ช้อปปี้’ ก็ดึงซุปตาร์ในตำนาน ‘เฉินหลง’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์มหกรรม 9.9 แย่งซีนกันซะแล้ว ดังนั้นไปย้อนรอยเหล่า ‘พรีเซ็นเตอร์’ ของบรรดามาร์เก็ตเพลสว่าเคยใช้งานใครไปแล้วบ้าง

จาก โรนัลโด ส่งไม้ต่อ เฉินหลง

หากย้อนไปเมื่อปี 2562 ช่วงก่อนจะจัดมหกรรม 9.9 Super Shopping Day ของ ‘ช้อปปี้’ (Shopee) ก็ได้คว้าเอาไอคอนระดับโลกอย่าง ‘คริสเตียโน โรนัลโด’ นักฟุตบอลชื่อดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์โดยหวังว่า โรนัลโดจะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกเพศทุกวัย

แน่นอนหากวัดจากจำนวนผู้ติดตามโรนัลโดใน Instagram ที่ปัจจุบันมีกว่า 299 ล้านคน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นที่รู้จักของคนทุกวัยจริง ๆ ประกอบกับท่าเต้นสนุก ๆ ที่หลายคนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าโรนัลโดจะออกสเต็ปแดนซ์ ก็สามารถดึงดูดคนดูพุ่งทั่วโลก 35 ล้านวิวเลยทีเดียว กลายเป็นว่า โรนัลโดช่วยสร้างยอดขายร้านค้าในไทยในช่วง Shopee 9.9 Super Shopping Day โตถึง 480 เท่า!

มาปี 2563 ช้อปปี้ก็ได้คว้าเอาซุปตาร์ระดับตำนานของโลกที่แมสยิ่งกว่าโรนัลโดก็คือ อีกหนึ่งคน ‘แจ็คกี้ ชาน’ หรือ ‘เฉินหลง’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในมหกรรม 9.9 Super Shopping Day ปี 63 นี้ และแน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ สเต็ปแดนซ์ สนุก ๆ ที่เข้ากับคาแรกเตอร์ของเฉินหลงได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะนอกจากการแสดงภาพยนตร์ เฉินหลงเองก็ชื่นชอบทั้งการร้องและเต้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เพราะเป็นที่รู้จักของคนไทยและทั่วโลกมายาวนาน คนรู้จักทุกเพศทุกวัย และปัจจุบันผลงานของเฉินหลงก็ยังออกมาให้แฟน ๆ ได้ติดตามเกือบทุกปี อีกทั้งยังเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่ดี มีความบันเทิงในตัว ตรงกับคอนเซ็ปต์ของช้อปปี้ ดังนั้น ช้อปปี้เลยเลือกดึงเฉินหลงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์

หรือสายฮา คือทางที่ใช่?

สำหรับโรนัลโดและเฉินหลงเป็นพรีเซ็นเตอร์สำหรับตลาดภูมิภาค แต่สำหรับพรีเซ็นเตอร์ในไทยนั้น ช้อปปี้เคยใช้คู่จิ้นอย่าง ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ และ ‘ญาญ่า- อุรัสยา เสปอร์บันด์’ แต่มาปี 2563 ช้อปปี้ก็เริ่มเปลี่ยนแกนมาเน้นความแมสยิ่งขึ้นด้วยการคว้าเอา ‘แก๊ง 3 ช่า’ ที่ประกอบด้วย ‘หม่ำ-เท่ง-โหน่ง’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ใหม่ในไทยช่วงมหกรรม 11.11 และที่ขาดไม่ได้ ‘ท่าเต้น’ สนุก ๆ ที่ยังมีเหมือนเดิม

ผ่านไปถึงมหกรรม 12.12 ช้อปปี้ก็ดึง ‘กิ๊ก สุวัจนี’ นางร้ายยุค 90 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังยาวนานจนถึงปัจจุบัน และเสียงหัวเราะกับท่าเบะปากอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครจากละคร ‘ไทรโศก’ จนกลายเป็นมีมที่ชาวเน็ตยังใช้จนทุกวันนี้ ถือว่าเป็นอีกพรีเซ็นเตอร์ที่แหวกแนวมากสำหรับช้อปปี้ นอกจากนี้ ในแคมเปญช้อปปี้ Low Price 9 บาท ทางช้อปปี้ก็เลือกที่จะใช้งานตลกซุปตาร์อย่าง ‘แจ๊ส ชวนชื่น’ มาโปรโมตแคมเปญพร้อมกับเพลงสนุก ๆ เช่นเคย

จะเห็นว่านับตั้งแต่ได้แก๊ง 3 ช่ามา ช้อปปี้ก็มาสายฮาไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าการใช้ศิลปินตลกช่วยนำแบรนด์ให้เข้าถึงใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะเป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีภาพจำที่ชัดเจน ยิ่งปัจจุบันอีคอมเมิร์ซเข้าถึงคนต่างจังหวัดแล้ว ดังนั้น การใช้พรีเซ็นเตอร์ยิ่งแมสก็ยิ่งดีต่อการสื่อสารและการสร้างภาพจำให้แบรนด์

ลาซาด้าเน้น สายเกา+สายวาย

ตัดภาพมาที่ ‘ลาซาด้า’ (Lazada) ที่หากพูดถึงเหล่าพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์นั้นล้วนแต่เป็น ‘ตัว Top’ ทั้งสิ้น โดยในปี 63 ก็คว้าซุปตาร์ระดับเอเชียอย่าง ‘ลีมินโฮ’ ที่ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยบุคลิกสดใส อบอุ่น พร้อมมอบพลังบวกให้ทุกคนมาช่วยต่อยอดการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์

และมาในปี 64 นี้ ลาซาด้าก็ยังคงคว้าซุปตาร์เกาหลีที่เป็น ‘สามี (มโน) แห่งชาติ’ ของสาว ๆ อย่าง ‘ฮยอนบิน’ มาเป็น Brand Ambassador ระดับภูมิภาคคนใหม่ ซึ่งเพิ่งจะโด่งดังสุด ๆ กับบท สหายผู้กอง รีจองฮยอก ในซีรีส์ที่ ปักหมุดรักฉุกเฉิน (Crash Landing on You)

นอกจากในระดับภูมิภาคแล้ว ในประเทศไทยลาซาด้าก็จะเน้นเฉพาะซุปตาร์ตัวท็อปที่กำลังเป็นกระแส อย่างในช่วงปี 62 ละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ ดังเป็นพลุแตก เกิดกระแส ‘ออเจ้า’ ไปทั่วไทย ลาซาด้าก็ไม่พลาดที่จะคว้า ‘เบลล่า-ราณี แคมเปน’ หรือ ‘แม่การะเกด’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในไทย นอกจากนี้ยังสมทบด้วย ‘ต่อ ธนภพ’ พระเอกขวัญใจเหล่าวัยรุ่น

มาปี 64 ลาซาด้าก็เลือกจะหยิบนักแสดงรุ่นใหม่โดยเฉพาะสาย ซีรีส์วาย อย่าง ‘ไบร์ท – วชิรวิชญ์ ชีวอารี และ วิน – เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร’  ‘พีพี – กฤษฏ์ อำนวยเดชกร และ บิวกิ้น – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล’ ซึ่งทั้ง 4 คนต่างก็มีฐานแฟนคลับวัยรุ่นติดตามเป็นจำนวนมาก

หากพิจารณาจากฐานลูกค้าของลาซาด้าที่กว่า 70% เป็น Gen Y (อายุระหว่าง 21-37 ปี) และถึง 52% ของผู้ใช้ยังเป็น ผู้หญิง อีกทั้งอนาคต Gen Z อายุระหว่าง 8-20 ปี ก็จะยิ่งมีส่วนสำคัญในอนาคต ดังนั้น การที่ลาซาด้าใช้งานเหล่าซุปตาร์สายสวย-หล่อน่าจะเข้าถึงฐานลูกค้าดั้งเดิม รวมถึงยังสร้างภาพจำให้กับฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ให้มาสนับสนุนและสร้างภาพของแบรนด์ได้ไม่ยาก

Konvy ดึงพระเอกหน้าฟ้าประทาน ชา อึนอู

หากพูดชื่อแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสอย่างลาซาด้า ช้อปปี้ แน่นอนว่าคงคุ้นเคยกันดี แต่สำหรับ ‘คอนวี่’ (Konvy) หลายคนคงยังไม่คุ้นโดยเฉพาะเหล่าคุณผู้ชาย ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะคอนวี่เป็นอีคอมเมิร์ซสำหรับสินค้าความสวยความงามโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีอายุได้ 9 ปีแล้ว

และเพื่อฉลองครบรอบ 9 ปี คอนวี่ก็ทุ่มงบการตลาดมูลค่ากว่า 90 ล้านบาทในการเปิดตัวโลโก้และหนังโฆษณาตัวใหม่ พร้อมทั้งดึง ชา อึนอู ที่มีฉายา หน้าฟ้าประทาน มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และด้วยหน้าตาที่หวานบวกกับลักษณะนิสัยสดใส ร่าเริง เอาใจใส่คนรอบข้าง ก็ยิ่งตอบโจทย์การวางแบรนด์โพสิชันนิ่งที่ต้องการสื่อสารว่าเป็น ‘คนที่ดูแล เอาใจใส่’ และสะท้อนถึง ‘ความงาม’ ได้อีกด้วย

JD CENTRAL ขอฉีกใช้มาสคอต

จะเห็นว่าทั้งช้อปปี้และลาซาด้าต่างก็มีพรีเซ็นเตอร์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไม่ซ้ำหน้า ขณะที่ JD CENTRAL ก็เคยมีการทำการตลาดสร้างการรับรู้ โดยมี เต๋อ ฉันทวิชช์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ในปีแรก

แม้ว่าข้อดีคือการได้ฐานแฟนคลับที่ติดตามตัวศิลปิน แต่สัญญาก็ต่อแบบปีต่อปี ดังนั้น JD CENTRAL จึงมองว่าผู้บริโภคอาจสับสน ดังนั้น การมีพรีเซ็นเตอร์ไม่ใช่เรื่อง จำเป็นที่สุด เลยเลือกที่จะใช้ น้อง Joy มาสคอตของแบรนด์ในการสื่อสาร เพื่อบ่งบอกถึง Brand Creator และจะเป็นภาพที่ติดอยู่กับแบรนด์ตลอดไปแทน อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ว่า JD CENTRAL อาจจะมีไม้เด็ดอื่น ๆ ที่มากกว่าการใช้พรีเซ็นเตอร์ อาจต้องรอดูกันใน 9.9 นี้

คงบอกไม่ได้ว่าการใช้พรีเซ็นเตอร์หรือไม่ใช้จะดีกว่ากัน และจะใช้พรีเซ็นเตอร์ประเภทไหนถึงจะดีกับแบรนด์ที่สุด เพราะขึ้นอยู่กับแบรนด์ต้องการจะสื่อสารให้ภาพจำของตัวเองออกมาเป็นในทิศทางไหน แต่หากจะอยากได้ยอดขายการใช้แค่พรีเซ็นเตอร์คงไม่พอ ดังนั้น จากนี้คงจะเห็นอีกหลายกลยุทธ์โดยเฉพาะ โปรโมชัน มาอัดกันเพื่อดึงลูกค้าแน่นอน สำหรับลูกค้าก็เตรียมตัวเตรียมเงินให้พร้อมรอช้อป 9.9 ได้เลย

]]>
1348205