ยักษ์ใหญ่ E-commerce ของจีนอย่าง JD.com เตรียมถอนตัวจากธุรกิจร่วมทุนในประเทศไทยและอินโดนีเซีย หลังใช้เม็ดเงินไปมหาศาลเกือบๆ 5 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทกำลังหาผู้สนใจที่ต้องการซื้อหุ้นในบริษัทร่วมทุนของ 2 ประเทศนี้ และหลังจากนี้บริษัทได้กลับไปเน้นธุรกิจในจีนเป็นหลักด้วยกลยุทธ์ขายสินค้าราคาถูกและมีคุณภาพ
South China Morning Post รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า JD.com ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกออนไลน์ของจีนเตรียมที่จะถอนตัวออกจากธุรกิจร่วมทุนในไทยและอินโดนีเซีย หลังจากที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ล่าสุดบริษัทกำลังหาผู้ที่สนใจซื้อหุ้นในกิจการ 2 ประเทศต่อจากนี้ หลังจากที่บริษัทได้ร่วมทุนกับ Provident Capital Partners ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนบริษัทนอกตลาดหุ้น (Private Equity) ในการทำธุรกิจในอินโดนีเซียในปี 2015 รวมถึงการร่วมทุนกับกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศไทยในปี 2017 เพื่อที่จะบุกตลาด E-commerce ที่แข่งขันดุเดือดในประเทศไทย
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ JD.com ต้องถอนตัวออกจาก 2 ประเทศในอาเซียน เนื่องจากบริษัทได้ใช้เม็ดเงินไปมากถึง 10,000 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 49,471 ล้านบาท เพื่อที่จะตีตลาดอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทย นอกจากนี้ตลาด E-commerce ใน 2 ประเทศยังเริ่มเติบโตช้าลง
ก่อนหน้านี้สถานการณ์ของบริษัทร่วมทุนโดย JD.com ก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก โดยในอินโดนีเซีย แหล่งข่าวของ South China Morning Post ได้รายงานว่าบริษัทร่วมทุนดังกล่าวได้ปลดพนักงานออกถึง 200 คน ขณะที่ในประเทศไทยทาง JD.com ได้เรียกผู้บริหารระดับสูงกลับประเทศจีนหลายรายหลังจากที่ธุรกิจในไทยนั้นโตไม่ได้ตามเป้า
นอกจากนี้สถานการณ์การเข้าปราบปรามกลุ่มเทคโนโลยีในประเทศจีน และต้องดำเนินนโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน หรือ Common Prosperity ยังทำให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทนั้นเพิ่มสูง ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีในประเทศจีนต้องประเมินการลงทุนนอกประเทศว่ามีความสำคัญ หรือสร้างรายได้ให้กับบริษัทหรือไม่ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นบริษัทจีน ไม่ว่าจะเป็น Tencent เริ่มลดการลงทุนใน Sea Group บริษัทแม่ของ Shopee และ Garena และหันกลับไปโฟกัสธุรกิจในจีน เช่นเดียวกับกรณีของ JD.com ที่เกิดขึ้น