ธุรกิจรับสร้างบ้าน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 14 Mar 2025 09:21:20 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 แสนสิริ รุกธุรกิจ ”รับสร้างบ้าน“ เปิดน่านน้ำรายได้ใหม่ https://positioningmag.com/1514686 Thu, 13 Mar 2025 12:27:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1514686 ถ้าพูดถึง “แสนสิริ” เราจะนึกถึงผู้พัฒนาโครงการบ้านจัดสรร หรือกระทั่งคอนโด เจาะกลุ่มกำลังซื้อระดับบน

ทว่าปี 2568 แสนสิริ ได้ประกาศลุย Business Model ใหม่ เจาะตลาดรับสร้างบ้านที่มีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตระดับ Double Digit (ตัวเลขสองหลัก) ทุกปี และจะกลายเป็นอีกหนึ่งน่านน้ำรายได้ให้กับแสนสิริ

วิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริ เตรียมเปิดตัว ต้นแบบ Crafted By Sansiri เป็นบริการรับสร้างบ้าน จากดีมานด์ต้องการปลูกบ้านบนที่ดินตนเองขยายตัวต่อเนื่อง

“ลูกค้าที่มีที่ดินอยู่แล้ว สามารถเข้ามาดูแบบบ้านของแสนสิริ แล้วนำไปสร้างบ้านได้ทันที”

ทั้งนี้ ข้อได้เปรียบของแสนสิริ คือ มีความพร้อมด้านบุคลากร และแรงงาน รวมไปถึงมีโรงงานพรีคาสต์ ที่มีกำลังผลิตมากพอที่จะซัพพลายวัสดุมาใช้ในธุรกิจรับสร้างบ้านได้

วิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

ตลอดจน ธุรกิจรับสร้างบ้าน บริษัทฯ แทบไม่มีต้นทุนที่ต้องแบกรับเอง ไม่ว่าจะเป็นค่าที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินของลูกค้าอยู่แล้ว รวมถึงค่าก่อสร้าง ลูกค้าก็แบ่งชำระเป็นงวด ๆ เช่น จ่ายล่วงหน้า 15% ตามขั้นตอน

ต่างจากการลงทุนพัฒนาโครงการเอง ที่ต้องแบกรับต้นทุนหลายส่วน อาทิ ต้นทุนที่ดิน ค่าก่อสร้าง

”เมื่อมองในแง่กำไรสุทธิของธุรกิจรับสร้างบ้านก็สูงถึง 20%”

เศรษฐสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี 2

สำหรับปี 2568 แสนสิริวางแผนเปิดตัว 29 โครงการใหม่ มูลค่า 52,000 ล้านบาท เน้นตลาดระดับบน รวมถึงขยายโครงการไปยังเมืองท่องเที่ยวและหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ ภูเก็ต พัทยา ชลบุรี และขอนแก่น

โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากหุ้นกู้ 60% สินเชื่อโครงการ (Project Finance) 25% และเงินกู้ระยะสั้น 15%

“ปีนี้แสนสิริ ตั้งเป้ารายได้ 40,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 39,000 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังต้องเฝ้าระวัง”

]]>
1514686
“ซีคอน” หันมารับโปรเจ็กต์ก่อสร้าง “หมู่บ้านจัดสรร” ดันยอดขายไตรมาส 1/2567 โต 15% https://positioningmag.com/1470879 Wed, 24 Apr 2024 07:44:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470879
  • บริษัทรับสร้างบ้าน “ซีคอน” เปิดไตรมาสแรกปี 2567 กวาดยอดขาย 570 ล้านบาท เติบโต 15% อานิสงส์รับโปรเจ็กต์ก่อสร้าง “หมู่บ้านจัดสรร” ให้ดีเวลอปเปอร์อสังหาฯ 2 รายคือ “สิงห์ เอสเตท” และ “เนอวานา”
  • แผนการตลาดกับลูกค้าบุคคลปีนี้ลงทุน “มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง” หยิบเพลง “LIVE and LEARN” มาโปรดิวซ์และขับร้องใหม่ผ่านฝีมือ “บอย โกสิยพงษ์” และ “ปั่นไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว” ประกอบโฆษณาครบรอบ 63 ปีซีคอน
  • “มนู ตระกูลวัฒนกิจ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 ของบริษัท กวาดยอดขายไปแล้ว 570 ล้านบาท เติบโต 15% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

    ปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทเติบโตได้ดี เกิดจากการรับงานรับเหมาก่อสร้างให้กับบริษัทผู้พัฒนาจัดสรรเสริมเข้ามา จากเดิมธุรกิจหลักคือการรับสร้างบ้านบนที่ดินส่วนตัวรายบุคคล ซึ่งปีนี้บริษัทได้เซ็นสัญญาก่อสร้างแล้ว 2 โครงการ คือ “เนอวานา คอลเล็กชัน กรุงเทพกรีฑา” บ้านระดับอัลตราลักชัวรีราคา 70-150 ล้านบาทของ บมจ.เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ และ “SHAWN วงแหวน-จตุโชติ” บ้านระดับไฮเอนด์ราคา 20-30 ล้านบาทของ บมจ.สิงห์ เอสเตท

    “มนู ตระกูลวัฒนกิจ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด

    “ตอนนี้ปัญหาของภาคอสังหาฯ คือขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง ทำให้เราเข้าไปเป็นตัวเลือกในการจ้างงาน” มนูกล่าว โดยนอกจากซีคอนจะมีแรงงานแล้ว ยังมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนเสา-คานกึ่งสำเร็จรูปของตนเอง 2 แห่งที่อ่อนนุชและลำลูกกา มีกำลังผลิตรวมสูงสุดเทียบเท่าการผลิตบ้านได้ 1,000 หลังต่อปี ซีคอนจึงสามารถตอบโจทย์ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบพรีคาสท์ช่วยสร้างบ้านให้กับลูกค้ากลุ่มบริษัทพัฒนาจัดสรรได้

    มูลค่าของโครงการรับเหมาก่อสร้างให้หมู่บ้านจัดสรรที่เซ็นดีลแล้วรวมกว่า 300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15% ของเป้ายอดขายรวมปี 2567 ที่ซีคอนตั้งไว้ 2,200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มนูระบุว่าบริษัทยังเจรจากับบริษัทอื่นๆ ต่อเนื่องเพราะศักยภาพยังสามารถรับลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มได้

     

    ปัจจัยลบ ‘ข่าว’ เศรษฐกิจฝืดทำมู้ดผู้บริโภคหด

    หากมองในกลุ่มลูกค้าหลักคือบุคคลธรรมดาที่จ้างสร้างบ้านบนที่ดินส่วนตัว มนูมองว่าปีนี้ตลาดน่าจะโตแค่ 3-5% ซึ่งปัจจัยลบมาจาก ‘ข่าว’ เศรษฐกิจฝืดที่แพร่สะพัดตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีก่อน ทำให้ลูกค้าไม่มี ‘sentiment’ หรืออารมณ์ความรู้สึกมั่นใจที่จะสั่งสร้างบ้าน

    “คนไทยเราอยู่ด้วย ‘ข่าว’ ค่อนข้างมาก เช่น ถ้ามีข่าวสงครามเกิดขึ้นที่ไหนแม้จะห่างไกลกับเรา แต่ยอดขายบริษัทผมจะตกทันที” มนูกล่าว “อย่างเรื่องเศรษฐกิจผมคิดว่ามันไม่ได้ไม่ดีไปทุกภาคธุรกิจ ธุรกิจท่องเที่ยวตอนนี้ก็ดีมาก ธุรกิจส่งออกก็เริ่มดีขึ้น แต่เพราะภาพรวมข่าวบอกว่าเศรษฐกิจแย่ มันก็ทำให้ sentiment ในตลาดไม่ดีไปด้วย”

    ซีคอน
    ตัวอย่างบ้านจริงที่ซีคอนก่อสร้าง (แบบบ้าน Loft 372)

    เมื่อถามถึงมาตรการรัฐกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในส่วนธุรกิจรับสร้างบ้านมีมาตรการสนับสนุนคือ ลูกค้าสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 1 หมื่นบาทต่อทุกจำนวนค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 1 แสนบาท เริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567 – 31 ธันวาคม 2568 มนูมองว่าที่ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ยังไม่เห็นผลชัดเจนต่อการตัดสินใจของลูกค้า แต่อาจจะต้องรออีกสักระยะในการประชาสัมพันธ์

     

    “มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง” ตอกย้ำการรับรู้แบรนด์

    ด้านการทำการตลาดของ “ซีคอน” ในปีนี้ มีการนำกลยุทธ์ มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง มาใช้งาน ด้วยความร่วมมือกับ “บอย โกสิยพงษ์” โปรดิวเซอร์เพลงชื่อดัง นำเพลง “LIVE and LEARN” มา rearrange ใหม่ในสไตล์ดนตรี Drum and Bass ที่ให้ความทันสมัยมากขึ้น และได้รับเกียรติจาก “ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว” นักร้องในตำนาน กับ “กลม เดอะวอยซ์” (อรวี พินิจสารภิรมย์) นักร้องคนรุ่นใหม่ มาร่วมกันขับร้องเพลงเวอร์ชันใหม่นี้ ประกอบ MV โฆษณาถ่ายทอดชีวิตของคนในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น

    โฆษณาและเพลงนี้ต้องการจะสื่อสารแบรนด์ซีคอน ที่เป็นธุรกิจรับสร้างบ้านอายุยาวนาน 63 ปี ก่อตั้งโดย “วิชัย ซอโสตถิกุล” และปัจจุบันส่งไม้ต่อจนมาถึงผู้บริหารรุ่นที่ 3 คือ “ไปรเทพ ซอโสตถิกุล” และ “มนู ตระกูลวัฒนกิจ” ที่สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการรับสร้างบ้านต่อเนื่องกันมานาน 6 ทศวรรษ

    ]]>
    1470879
    สุดอั้น! “สร้างบ้าน” ปี’65 ราคา “โลหะ” ทะยาน เตรียมปรับราคาก่อสร้างตามต้นทุน 5-8% https://positioningmag.com/1377450 Mon, 14 Mar 2022 10:56:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1377450 ใครจะ “สร้างบ้าน” ปีนี้ต้องเร่งตัดสินใจ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) คำนวณต้นทุนก่อสร้างปรับขึ้น 5-8% จากราคาน้ำมันและ “โลหะ” เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม นิกเกิล ขึ้นมาแล้วเฉลี่ย 50% บริษัทอั้นไม่ไหวเตรียมปรับราคาบ้านช่วงเมษายนนี้ กังวลปัญหาขาดแคลน “แรงงาน” และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่จะทำให้ต้นทุนก่อสร้างสูงขึ้นอีก

    “วรวุฒิ กาญจนกูล” นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เปิดเผยสถานการณ์ตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2565 คาดว่ามูลค่าตลาดเฉพาะกรุงเทพฯ-ปริมณฑล น่าจะยังเท่ากับปี 2564 ที่ 11,500 ล้านบาท เพราะแม้ว่าช่วงต้นปีตลาดจะกลับมาคึกคักขึ้น แต่หลังมีปัจจัยลบด้านค่าครองชีพเข้ามาช่วงเดือนมีนาคม ทำให้ตลาดชะลอตัว

    ปัจจัยลบของปีนี้เป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งทำให้ค่าน้ำมันพุ่ง และกระทบต่อเนื่องถึงราคาวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะกลุ่ม “โลหะ” เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม นิกเกิล ภาพรวมปรับขึ้นเฉลี่ย 50% มีผลกับต้นทุนค่าเหล็กก่อสร้าง ฝ้าเพดาน ท่อเหล็ก และสายไฟ

    วัสดุที่ราคาปรับขึ้นหนักที่สุดคือ “เหล็ก” ซึ่งราคาเมื่อต้นปี 2564 อยู่ที่ 17-18 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันขึ้นมาถึง 27-28 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว และมีแนวโน้มจะขึ้นเป็นเท่าตัว

    “เหล็ก” ปี 2565 อาจขึ้นราคาถึงเท่าตัวจากปีก่อน (Photo: Pixabay)

    จากต้นทุนวัสดุที่ขึ้นราคาดังกล่าว วรวุฒิประเมินว่าราคาบ้านปีนี้จะขึ้น 5-8% ซึ่งสมาคมฯ ได้พูดคุยกับบริษัทที่เป็นสมาชิกทั้งหมดให้ตรึงราคาไว้ก่อนในช่วงนี้ที่กำลังจะจัดงานมหกรรม “รับสร้างบ้านและวัสดุ FOCUS 2022” วันที่ 30 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 เพื่อช่วยกันกระตุ้นตลาด แต่คาดว่าหลังงานมหกรรม ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ราคาบ้านของแต่ละบริษัทจะทยอยปรับขึ้น

     

    กังวลต่อเนื่องเรื่อง “แรงงาน”

    วรวุฒิกล่าวต่อว่า อีกส่วนที่กังวลคือ “แรงงาน” ยังอยู่ในภาวะขาดแคลน โดยคาดว่าปีนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาก่อสร้างโครงการมากขึ้นกว่าปีก่อน ซึ่งจะทำให้ภาวะขาดแคลนหนักข้อขึ้นอีกเร็วๆ นี้ จึงอยากฝากถึงภาครัฐให้เปิดให้แรงงานข้ามชาติได้กลับเข้ามาในไทยอย่างถูกกฎหมาย

    อีกประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับแรงงาน คือการ “ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ” จากปัจจุบัน 331 บาทต่อวัน แต่รัฐมีแนวคิดจะขึ้นเป็น 492 บาทต่อวัน แม้ว่าขณะนี้แรงงานทักษะมีฝีมือจะได้รับค่าแรงเฉลี่ย 500-700 บาทต่อวันอยู่แล้ว แต่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับแรงงานไม่มีฝีมือ ก็จะทำให้ค่าแรงขึ้นยกแผงทั้งระบบ

    สมาคมฯ ประเมินว่า หากมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจริง แต่ขึ้นประมาณ 10-15% อาจไม่ส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างมากนัก แต่ถ้าหากปรับขึ้นถึง 30-40% จะมีผลต่อต้นทุนอย่างมาก และจะทำให้ราคาบ้านปรับขึ้นมากกว่า 10% ในปีนี้

     

    บ้านระดับบนเป็นแรงขับเคลื่อน

    ด้านธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2565 วรวุฒิกล่าวว่า บ้านระดับบน 10 ล้านบาทขึ้นไปจะยังคงมาแรง เพราะผู้มีรายได้สูงไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภาวะเศรษฐกิจ แต่จะอ่อนไหวกับภาวะการระบาดของ COVID-19 มากกว่า ตลาดจะสะดุดหากมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น

    ขณะที่สมาคมฯ เองพบว่า มีสมาชิกบริษัทรับสร้างบ้านในต่างจังหวัดสมัครเข้าเป็นสมาชิกสูงขึ้น จากในอดีตยังไม่เคยมี โดยเมื่อปี 2564 มีสมาชิกต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น 9 บริษัท จากจังหวัดนครราชสีมา, สกลนคร, มหาสารคาม, อุดรธานี และจันทบุรี ส่วนปี 2565 คาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้น 15 บริษัท จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, พัทลุง และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

    มองว่าบริษัทต่างจังหวัดเริ่มเป็นสมาชิกมากขึ้นเพราะการประชาสัมพันธ์ของสมาคมฯ ทำให้ทราบว่ามีข้อดีด้านความน่าเชื่อถือ ซึ่งส่งผลต่อเครดิตในการติดต่อสินเชื่อจากธนาคาร

    นอกจากนี้ ยังเกิดขึ้นจากกลุ่มลูกค้ามีกลุ่มที่ลูกหลานเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และต้องการสร้างบ้านให้พ่อแม่ที่ต่างจังหวัด หรือกลับไปสร้างงานสร้างอาชีพในต่างจังหวัดแทน หลังเกิดการระบาดของ COVID-19 จึงมีดีมานด์ต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น

     

    จัดงานแฟร์รับสร้างบ้าน โค้งท้ายราคาเดิม

    “อนันต์กร อมรวาที” อุปนายกฝ่ายกิจกรรมพิเศษ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมของสมาคมฯ เตรียมจัดงานมหกรรม “รับสร้างบ้านและวัสดุ FOCUS 2022” วันที่ 30 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 8 โดยจะเป็นงานแฟร์ที่ตรึงราคาสุดท้ายก่อนปรับขึ้นตามต้นทุนวัสดุ

    สร้างบ้าน

    ภายในงานมีบริษัทรับสร้างบ้านกว่า 30 บริษัทร่วมออกบูธ รวมแบบบ้านมากกว่า 1,000 แบบ ราคาตั้งแต่ 1 ล้านบาทถึงมากกว่า 100 ล้านบาท พร้อมด้วยบริษัทวัสดุ และธนาคารผู้ให้สินเชื่อในงาน คาดหวังว่างานนี้จะได้ยอดขายรวม 2,100 ล้านบาท เป็นอีกหนึ่งตัวเร่งมูลค่าตลาดทั้งปีนี้

    อนันต์กรยังให้ข้อมูลแบบบ้านและฟังก์ชันบ้านที่ผู้สั่งสร้างนิยมมากขึ้นในยุคนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตามได้ทัน เช่น

    • แบบบ้านโมเดิร์นยังมาแรงต่อเนื่อง
    • ที่จอดรถขั้นต่ำเพิ่มจาก 2 คันเป็น 3 คัน
    • ติดตั้ง EV Charger
    • โซลาร์รูฟท็อปได้รับความนิยม
    • ต้องการพื้นที่ห้องเก็บของมากขึ้น

    ปีนี้น่าจะเป็นอีกปีที่ท้าทายกับภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยตลาดระดับบนยังเป็นกุญแจหลักในการสร้างยอดขาย ขณะที่ตลาดระดับกลางลงมา ราคาบ้านต่ำกว่า 10 ล้านบาท จะมีความอ่อนไหวสูงกับค่าครองชีพและเศรษฐกิจฝืดเคือง ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเลื่อนแผนการก่อสร้างบ้านออกไปก่อนได้

    ]]>
    1377450
    WFH-เรียนออนไลน์ ส่งผลธุรกิจ “รับสร้างบ้าน” โตพุ่ง 65% คนต้องการบ้านใหม่ใหญ่กว่าเดิม https://positioningmag.com/1371822 Wed, 26 Jan 2022 11:25:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371822 “ซีคอน” ฉายภาพธุรกิจ “รับสร้างบ้าน” ปี 2564 ทั้งตลาดโตแรง 65% มูลค่าแตะ 20,000 ล้าน จากการ “ล็อกดาวน์” ทำให้สมาชิกครอบครัวอยู่บ้านพร้อมกัน ต้องการพื้นที่มากขึ้น บ้านหลังใหญ่เป็นที่นิยม ขณะที่สไตล์บ้านมินิมอลมาแรงจากรสนิยมคนรุ่นใหม่ ด้านธุรกิจรับสร้างบ้านตามแบบส่วนตัว “ซีคอนไอดี” อนาคตสดใส คนต้องการมีบ้านที่เป็นเอกลักษณ์

    ท่ามกลางวิกฤต มีธุรกิจที่ได้โอกาส ยกตัวอย่างเช่นธุรกิจ “รับสร้างบ้าน” แม้จะสะดุดบ้างเมื่อปี 2563 แต่กลับมาฟื้นแรงในปี 2564 เพราะคนต้องการต่อเติมบ้านหรือสร้างบ้านใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม

    “มนู ตระกูลวัฒนะกิจ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดภาพรวมตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านเมื่อปี 2563 ปีแรกที่เกิดสถานการณ์ COVID-19 มีมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท ลดลงราว -5% จากปีก่อนหน้า แต่เข้าปี 2564 ตลาดกลับมาโตแรงกว่า 65% มูลค่าขึ้นไปแตะ 20,000 ล้านบาท

    “มนู ตระกูลวัฒนะกิจ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด

    เหตุผลจากการล็อกดาวน์ทำให้สมาชิกครอบครัวอยู่บ้านพร้อมหน้ากัน พ่อแม่ทำงานจากบ้าน ลูกๆ เรียนออนไลน์ บางบ้านเป็นครอบครัวขยาย มีปู่ย่าตายายอาศัยอยู่ด้วย ทำให้พื้นที่ในบ้านไม่เพียงพอในการอยู่ร่วมกันทั้งวัน นำมาสู่การตัดสินใจต่อเติมบ้าน หรือสั่งสร้างบ้านใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเมื่อปีก่อน

    หากวัดเฉพาะบริษัทซีคอนเอง พบว่า บ้านหลังใหญ่ พื้นที่ใช้สอย 351 ตร.ม. ขึ้นไป ราคามากกว่า 7 ล้านบาท เติบโตถึง 85% ขณะที่การสั่งสร้างบ้านหลังเล็ก พื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า 200 ตร.ม. ลดลงมาก จนทำให้สัดส่วนบ้านใหญ่กลายเป็นสัดส่วนหลัก รายละเอียด ดังนี้

    • บ้านขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอย 351 ตร.ม. ขึ้นไป สัดส่วน 55%
    • บ้านขนาดกลาง พื้นที่ใช้สอย 200-350 ตร.ม. ขึ้นไป สัดส่วน 32%
    • บ้านขนาดเล็ก พื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า 200 ตร.ม. สัดส่วน 13%

    ซีคอนยังพบอีกเทรนด์ที่น่าสนใจคือ “แบบบ้าน” นิยมสั่งสร้างสไตล์ “มินิมอล” มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเจ้าของบ้านปัจจุบันเป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น และคนรุ่นใหม่เติบโตเร็วในสายอาชีพ ขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่อายุไม่เกิน 50 ปี รวมถึงมีกลุ่มนักลงทุน ‘รวยเร็ว’ จากตลาดคริปโตและตลาดหุ้น ซึ่งรสนิยมคนกลุ่มนี้จะเป็นแบบมินิมอล และแบบใหม่ๆ ที่ดูทันสมัย ทำให้ปีนี้ซีคอนมีการพัฒนาแบบบ้านสไตล์ “อะวองต์-การ์ด” มาให้เลือกด้วย

    เทรนด์บ้านสไตล์มินิมอลกำลังมาแรง

     

    ซีคอน ตั้งเป้าโต 30% ลุยธุรกิจสร้างตามแบบของลูกค้า

    สำหรับบริษัทซีคอน เมื่อปี 2564 ทำรายได้ไป 1,880 ล้านบาท เติบโต 26% ส่วนปี 2565 นี้ตั้งเป้ารายได้ 2,400 ล้านบาท เติบโต 30%

    เชื่อว่าน่าจะได้ตามเป้าเพราะเศรษฐกิจน่าจะเริ่มดีขึ้น และซีคอนมีกลยุทธ์การบุกหัวเมืองต่างจังหวัด เช่น ชลบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ อ.หัวหิน ซึ่งจะทำให้ได้ลูกค้ามากขึ้น รวมถึงมีธุรกิจ “ซีคอนไอดี” ที่กำลังมาแรงในพอร์ต

    ซีคอนไอดี เป็นบริการใหม่ของบริษัทที่เปิดเมื่อไตรมาส 2/2564 โดยบริการสร้างบ้านให้ตามแบบบ้านที่ลูกค้ามีดีไซน์มาเอง หรือรับปรึกษาทำแบบบ้านให้จากไอเดียความต้องการของลูกค้า จะต่างจากบริการปกติที่ซีคอนมีแบบบ้านสำเร็จรูปไว้ให้เลือก ลูกค้าสามารถปรับแต่งได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะยังไม่ถูกใจมากพอ

    รับสร้างบ้าน ซีคอน

    “สุรเชษฐ์ สายนุช” ผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการ บริษัท ซีคอน จำกัด กล่าวว่า ซีคอนไอดีเป็นที่นิยมมาก ปีก่อนทำรายได้ไป 180 ล้านบาท และปีนี้ตั้งเป้าที่ 500 ล้านบาท โตเกินเท่าตัว

    สาเหตุความนิยมมาจากความต้องการลูกค้ายุคนี้ต้องการบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองจริงๆ จึงนิยมจ้างสถาปนิกร่างแบบบ้านที่เป็นคอนเซ็ปต์ส่วนตัวและนำมาสั่งสร้าง มากกว่าการใช้แบบบ้านทั่วไป

    แม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายเล็กที่สร้างบ้านจำนวนน้อยหลังก็สนใจสั่งสร้างกับซีคอนไอดี เห็นเทรนด์นี้แล้วใน อ.หัวหิน ซึ่งมีการสร้างโครงการบ้านพักตากอากาศมาก

    ปีนี้จะมีการโฆษณาธุรกิจซีคอนไอดีให้มากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่ซีคอนเข้าไปบุกตั้งแต่ปี 2562 ใช้กลยุทธ์การตลาดที่ไม่ ‘hard sale’ เช่น การเปิดรายการให้ความรู้เรื่องบ้าน “สุมหัวเรื่องบ้านๆ” ในแอปฯ Clubhouse พร้อมไลฟ์ผ่าน YouTube และ Facebook ซึ่งช่องทางออนไลน์นั้นสร้างยอดขายให้บริษัทแล้วกว่า 30%

    ]]>
    1371822
    ธุรกิจ “รับสร้างบ้าน” ปี 2564 ส่งสัญญาณฟื้น 5% เศรษฐีได้จังหวะต่อราคาสร้างบ้าน https://positioningmag.com/1321483 Tue, 02 Mar 2021 09:08:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1321483 ธุรกิจ “รับสร้างบ้าน” ที่ชะงักไปเมื่อปีก่อน เริ่มกลับมาส่งสัญญาณเติบโตแล้วในปีนี้ คาดว่าทั้งปีมีสิทธิ์โตได้ 5% โดยเฉพาะกลุ่มระดับบนสร้างบ้านหลังละ 10 ล้านบาทขึ้นไป ดีมานด์ยิ่งมากเพราะอาศัยจังหวะนี้ต่อรองราคา สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเตรียมจัดงานแฟร์ 5 วันรองรับความต้องการลูกค้า วางเป้าขายภายในงาน 2,000 ล้านบาท

    “วรวุฒิ กาญจนกูล” นายก สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เปิดเผยสถานการณ์ตลาดธุรกิจ “รับสร้างบ้าน” ปี 2564 เห็นสัญญาณบวกกลับมาแล้วในช่วง 2 เดือนแรกของปี ทำให้ประเมินยอดขายรวมเฉพาะของบริษัทในสมาคมฯ 50 แห่งซึ่งบริการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล น่าจะเติบโตได้ 5% จากยอดขายรวมปีก่อนอยู่ที่ 11,500 ล้านบาท

    โดยปีที่ผ่านมา หลังเกิดสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ตลาดชะงักไปในช่วงครึ่งปีแรก และทำให้สมาคมฯ ไม่สามารถจัดงานแฟร์ประจำปีในช่วงเดือนมีนาคมได้ รวมทั้งปี 2563 ตลาดจึงติดลบประมาณ 5-10%

    “วรวุฒิ กาญจนกูล” นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) และ “อนันต์กร อมรวาที” กรรมการที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษและประชาสัมพันธ์ สมาคมฯ

    สำหรับปีนี้ วรวุฒิกล่าวว่า สัญญาณบวกที่กลับมาเชื่อว่าเกิดจากความมั่นใจของผู้ซื้อ หลังจากวัคซีนป้องกัน COVID-19 มีความชัดเจนซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีทางเศรษฐกิจ ลูกค้าที่ชะลอแผนการสั่งสร้างบ้านไปเมื่อปีก่อน เริ่มกลับมาดำเนินการต่อแล้ว

    โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ลงทุนสร้างบ้านหลังละ 10 ล้านบาทขึ้นไป กลุ่มนี้ปกติจะใช้เงินสดในการสั่งสร้างบ้านเกือบทั้งหมด ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องสินเชื่อ มักจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ หรือวิชาชีพรายได้สูง เช่น แพทย์ ทนายความ เมื่อเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในธุรกิจของตนจึงตัดสินใจได้ง่าย และอาศัยจังหวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดีเพื่อต่อรองราคา

    กระทั่งภาพรวมธุรกิจนี้ทั้งหมด ลูกค้าก็มักจะใช้สินเชื่อบ้านไม่ถึง 50% ส่วนใหญ่ใช้เงินสดในการก่อสร้าง ทำให้ไม่ถูกกระทบในแง่การขอสินเชื่อที่ธนาคารเข้มงวดมากขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับความมั่นใจของลูกค้าที่จะตัดสินใจเริ่มก่อสร้างมากกว่า

    วรวุฒิกล่าวต่อว่า จากความต้องการที่กลับมาของลูกค้า งานมหกรรมประจำปี “รับสร้างบ้าน FOCUS 2021” จึงมีการเพิ่มวันจัดงานจาก 4 วันเป็น 5 วัน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-14 มีนาคม 2564 ที่อิมแพค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี โดยหลังจากเปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้าตั้งแต่เดือนม.ค. 64 มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 3,000 คน มากกว่าปกติ 30%

    สมาคมฯ คาดว่างานปีนี้จะสร้างยอดขายภายในงานแตะ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงานเดียวกันในปี 2562 โดยปีนี้มีบริษัทร่วมออกบูธกว่า 30 แห่ง แบบบ้านกว่า 1,000 แบบ ราคาหลากหลายตั้งแต่ 1-100 ล้านบาท และให้ส่วนลดไม่ต่ำกว่า 10%

    บ้านสไตล์นอร์ดิกกำลังมาแรงในช่วงนี้ (ขอบคุณภาพจาก Q CON Home)

    โดยปกติบ้านที่ได้รับความสนใจกลุ่มใหญ่ที่สุดคือบ้านราคา 2-5 ล้านบาท แต่จากผลทางเศรษฐกิจ คาดว่าบ้านที่ราคาสูงขึ้นน่าจะได้รับความสนใจมากขึ้น ส่วนเทรนด์แบบบ้านที่ยังคงฮิตเสมอคือบ้านทรง “ยุโรป/คลาสสิก” ขณะที่แบบบ้านใหม่ๆ มาแรงในยุคนี้คือ “นอร์ดิก” เป็นบ้านหลังคาทรงจั่วที่ดูเรียบง่าย

    วรวุฒิยังกล่าวเชิญชวนผู้ที่สนใจสร้างบ้านให้เร่งตัดสินใจ เนื่องจากช่วงนี้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านยังตรึงราคากันอยู่ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังอาจมีการปรับราคาขึ้น เพราะราคาวัสดุก่อสร้างขึ้นยกแผงเฉลี่ย 5-10% โดยเฉพาะ “เหล็ก” ที่ปรับขึ้น 10-20% หลังจากผู้ผลิตใหญ่คือประเทศจีนจำกัดการเพิ่มซัพพลายจนราคาปรับสูง

    ]]>
    1321483
    “รับสร้างบ้าน” ก็ต้องไปออนไลน์ “ซีคอน” ชี้ปีนี้ผู้บริโภคเข้าหาผ่านดิจิทัลเพิ่ม 3.5 เท่า https://positioningmag.com/1290117 Thu, 30 Jul 2020 08:42:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1290117
  • ครึ่งปีแรก 2563 ของ “ซีคอน” ยอดขายตกจากปีก่อน -12.5% เนื่องจาก COVID-19 ทำลูกค้าชะลอตัดสินใจ
  • COVID-19 ส่งให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วขึ้น ลูกค้าติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 3.5 เท่า ยอดขายที่ติดต่อครั้งแรกผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มสัดส่วนเป็น 35% ของยอดรวม
  • แต่บริการรับสร้างบ้านก็ยังเป็นสินค้าที่ต้องได้พูดคุยและดูหน้างานจริง ทำให้ซีคอนสร้างบ้านตัวอย่างหลังที่ 2 ณ สาขางามวงศ์วาน เป็นกลยุทธ์ปิดการขาย สร้างแรงส่งให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น
  • “มนู ตระกูลวัฒนะกิจ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรก 2563 ยอดขายบริษัทลดลง -12.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยลดเหลือประมาณ 569 ล้านบาทเท่านั้น จากเป้าหมายรวมทั้งปี 1,400 ล้านบาท

    จากปัจจัยลบเดียวกับทั้งตลาดคือสถานการณ์ COVID-19 เนื่องจากปกติซีคอนจะได้ยอดขายส่วนใหญ่มาจากการออกบูธงานแฟร์เกี่ยวกับบ้าน แต่งานมหกรรมรับสร้างบ้านที่เดิมจะจัดในเดือนมีนาคม 2563 ถูกยกเลิกไปเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้ยอดขายส่วนนี้หายไป และลูกค้าส่วนใหญ่ยังชะลอการตัดสินใจสั่งสร้างบ้านไปก่อน ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนมียอดขายเข้ามาใหม่น้อยมาก

    “มนู ตระกูลวัฒนะกิจ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด

    อย่างไรก็ตาม พบว่าเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ยอดขายเริ่มเป็นปกติมากขึ้น และรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์ สามารถจัดอีเวนต์งานแฟร์ได้ตามปกติแม้จะจำกัดจำนวนผู้เข้าชมงานสูงสุด ทำให้งานแฟร์เกี่ยวกับบ้านอีก 3 ครั้งที่จะมีในเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน น่าจะจัดได้

    เชื่อว่าจะได้ยอดขายใกล้เคียงปกติ เพราะลูกค้ารับสร้างบ้านเป็นเรียลดีมานด์ ต้องการมีบ้านเพื่อแยกครอบครัวหรือปรับปรุงบ้านใหม่ รวมถึง 70% ของลูกค้าจ่ายเงินสดจึงมีปัญหาทางการเงินน้อย ส่วนยอดขายที่อาจจะลดลงเป็นกลุ่มลูกค้ากู้สินเชื่อบ้านซึ่งมักจะสั่งสร้างบ้านราคา 2-5 ล้านบาท กลุ่มนี้อาจจะไม่มั่นใจเศรษฐกิจและพับแผนสร้างบ้านใหม่ไปก่อน

    ภาพรวมของซีคอนมองว่าสามารถดันยอดขายทั้งปีไปแตะ 1,400 ล้านบาทได้ ซึ่งเป็นยอดขายเท่ากันกับปีก่อน ส่วนตลาดรับสร้างบ้านในส่วนของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน มนูกล่าวว่าสมาคมฯ ประเมินตลาดจะลดลง -10% จากมูลค่าตลาดปีก่อนอยู่ที่ 12,500 ล้านบาท

     

    ลูกค้าติดต่อผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้น 3.5 เท่า

    ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคจากผลกระทบของ COVID-19 ซีคอนพบว่ามีลูกค้าที่เข้ามาผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นสูงมาก จากยอดขายครึ่งปีแรก 569 ล้านบาท เป็นยอดขายจากลูกค้าที่ติดต่อครั้งแรกผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 200 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 35% เปรียบเทียบกับยอดขายปี 2562 ทั้งปีทำได้ 1,480 ล้านบาท เป็นลูกค้าจากออนไลน์เพียง 160 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.8% เท่านั้น เห็นได้ว่าสัดส่วนลูกค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 3.5 เท่าตัว

    อินสตาแกรมของซีคอน หนึ่งในช่องทางเข้าถึงลูกค้า

    “โชคดีที่เราพัฒนาช่องทางออนไลน์เสร็จหมดมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และไลน์ สามารถใช้ให้เหมาะกับพฤติกรรมคนแต่ละช่องทาง อย่างเฟซบุ๊กสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้ทันที อินสตาแกรมไว้โชว์รูปบ้านสวยๆ เมื่อเกิดวิกฤตครั้งนี้จนเราออกงานแฟร์ไม่ได้ ทำให้เรามีออนไลน์ไว้รองรับ” มนูกล่าว

    “แน่นอนว่าการขายอสังหาริมทรัพย์ ลูกค้ายังต้องได้เห็นของจริงด้วย และต้องเข้ามาพูดคุยรายละเอียดแบบกันก่อน แต่การประชาสัมพันธ์ผ่านออนไลน์จะเติบโตมากขึ้น เพราะออนไลน์ทำให้คนเห็นเราและติดต่อเราง่ายขึ้น”

     

    สร้างบ้านตัวอย่างใช้ Emotional ปิดการขาย

    การที่ยังต้องได้เห็น “ของจริง” ทำให้ซีคอนสร้างบ้านตัวอย่างหลังที่ 2 ที่ศูนย์ซีคอน สาขางามวงศ์วาน หลังจากบ้านตัวอย่างหลังที่ 1 ที่สาขาศรีนครินทร์ได้รับความนิยมมาก โดยหลังที่ 2 นี้ใช้งบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท เป็นบ้าน 3 ชั้นสไตล์โมเดิร์น ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น ก่อสร้างบนที่ดินขนาด 97 ตร.ว. อยู่ริมถนนใหญ่เห็นได้ชัดเจน

    บ้านตัวอย่างซีคอน ศูนย์งามวงศ์วาน

    มนูกล่าวว่า ปกติบริษัทรับสร้างบ้านมักจะพาลูกค้าชมไซต์ก่อสร้างที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อให้ลูกค้าเห็นโครงสร้างและวัสดุที่ใช้ แต่สุดท้ายแล้วพบว่าการมีบ้านตัวอย่างเป็นกลยุทธ์ ‘Emotional Sales’ ที่ดีกว่า เพราะลูกค้าไม่ได้เห็นแค่บ้านเปล่า แต่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจจน “ปิดการขาย” ได้ง่ายขึ้น

    เป็นวิธีการขายแบบใหม่ของบริการรับสร้างบ้าน จากปกติในตลาดจะมีเฉพาะเจ้าใหญ่และบริษัทต่างประเทศอย่างบ้านต้านแผ่นดินไหว SCG Heim หรือบริษัทเซกิซุยจากญี่ปุ่นที่จะสร้างบ้านตัวอย่างให้ชมแบบนี้

    ]]>
    1290117
    “รอแยลเฮ้าส์” ส่งแบบบ้าน “มินิมอล” เจาะคนรุ่นใหม่ ฮึดสู้เข็นเป้าโต 10% ท่ามกลาง COVID-19 https://positioningmag.com/1266763 Tue, 03 Mar 2020 10:22:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1266763 บริษัทรับสร้างบ้าน “รอแยลเฮ้าส์” กัดฟันวางเป้าปี’63 โต 10% แม้เผชิญสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ทุบความมั่นใจผู้ซื้อ โดยยังเดินกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ (25-39 ปี) ต่อเนื่อง ส่งแบบบ้านไซซ์เล็ก “มินิมอล” 4 แบบใหม่ลุยตลาด ด้านยอดขายปีก่อนตกแรง 20% จากสาขาภาคอีสานตกเป้า

    “โกศล โควิสุทธิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยเป้ายอดขายบริษัทปี 2563 วางเป้าที่ 1,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน แม้ว่าต้นปีจะมีสถานการณ์ ไวรัส COVID-19 ระบาดที่กระทบเศรษฐกิจโดยรวมและความมั่นใจผู้ซื้อ แต่บริษัทจะยังคงยืนเป้าเดิม โดยหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว

    ทั้งนี้ บริษัทเตรียมออกบูธใน งานรับสร้างบ้าน Focus 2020 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มีนาคมนี้ ซึ่งปกติถือเป็นมหกรรมการขายที่สำคัญของบริษัทรับสร้างบ้าน และรอแยลเฮ้าส์มักจะทำยอดขายในงานนี้เฉลี่ย 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีข้อสั่งการนายกฯ จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (3 มีนาคม 2563) ขอความร่วมมือเอกชน “งด” จัดกิจกรรมรวมคนหมู่มากโดยไม่จำเป็น จึงยังไม่แน่ใจว่างานรับสร้างบ้านดังกล่าวจะถูกเลื่อนออกไปหรือไม่

    โดยโกศลกล่าวว่า หากไม่สามารถจัดงานรับสร้างบ้านได้ อาจจะโยกงบส่วนนี้มาทำการตลาดออนไลน์ทดแทน และยอมรับว่าจะมีผลกระทบต่อยอดขายรวม

    “77% ของลูกค้ารอแยลเฮ้าส์จ่ายเป็นเงินสด ดังนั้นความสามารถทางการเงินจึงไม่เป็นปัญหามาก แต่เขาจะตัดสินใจสร้างหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก คือความมั่นใจต่ออนาคตของเศรษฐกิจภาพรวม” โกศลกล่าว พร้อมเสริมว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมาหลังมีไวรัสระบาด ทำให้ลูกค้าเริ่มชะลอการตัดสินใจออกไป

    “โกศล โควิสุทธิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด

    สำหรับกลุ่มราคาบ้านยอดนิยมของรอแยลเฮ้าส์ยังคงใกล้เคียงเดิม ได้แก่
    1)กลุ่มบ้านต่ำกว่า 5 ล้านบาท สัดส่วน 20%
    2)กลุ่มบ้าน 5-10 ล้านบาท 27%
    3)กลุ่มบ้าน 10-20 ล้านบาท 39%
    4)กลุ่มบ้านราคาสูงกว่า 20 ล้านบาท 14%

    รอแยลเฮ้าส์นั้นหันมาเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ วัย 25-39 ปีต่อเนื่องมาแล้ว 2-3 ปี จากในอดีตลูกค้าสั่งสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองมักจะอยู่ในวัย 50 ปีขึ้นไป เนื่องจากเห็นเทรนด์ลูกค้ากลุ่มนี้มีการเติบโตสูง ด้วยต้องการบ้านที่สื่อถึงความเป็นตัวเอง ไม่เหมือนใคร เป็นวัยที่มักจะเริ่มแต่งงานมีครอบครัวและต้องการแยกบ้านจากพ่อแม่

    ทำให้บริษัทเพิ่มแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นแล้ว 8 แบบ และปีนี้จะเพิ่มเซ็ตใหม่อีก 4 แบบในธีม Minimalist โดยเป็นบ้านไซซ์เล็กสไตล์มินิมอล พื้นที่ใช้สอย 100-200 ตร.ม. มีทั้งแบบ 1 ชั้นและ 2 ชั้น ฟังก์ชันกะทัดรัด เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องการบ้านใหญ่โตโอ่อ่าอย่างในอดีต และต้องการราคาจับต้องได้คืออยู่ในช่วงราคา 3-7 ล้านบาท

    แบบบ้าน Minimalist จาก รอแยลเฮ้าส์

    ด้านยอดขายรอแยลเฮ้าส์ปี 2562 อยู่ที่ 900 ล้านบาท ลดลง 20% จากปีก่อนหน้า โดยโกศลมองว่าเป็นปีปรับฐานตลาดหลังจากปี 2561 เติบโตดีมาก หากเจาะตามสาขาทั้ง 12 สาขาของบริษัท พบว่าปีก่อนสาขาที่ทำยอดไม่ได้ตามเป้าคือ สาขาโคราช และ สาขาอุบลราชธานี

    โกศลกล่าวว่าสาขาเหล่านี้อยู่ในภาคอีสาน ทำให้ความต้องการแบบบ้านจะแตกต่างจากคนกรุงเทพฯ หรือจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพฯ รวมถึงมีความอ่อนไหวต่อราคาสูง เนื่องจากรอแยลเฮ้าส์มักจะคำนวณราคาก่อสร้างสูงกว่าผู้รับเหมาทั่วไปราว 10% จากวัสดุที่ใช้ การรับประกันโครงสร้างบ้านนาน 20 ปี และการบริการต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลาสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจถึงข้อดีเหล่านี้ต่อไปในการเจาะตลาด

    รอแยลเฮ้าส์มีสาขาทั้งหมด 12 สาขา เป็นสาขาในกรุงเทพฯ 7 แห่ง และต่างจังหวัด 5 แห่ง คือ ชลบุรี นครปฐม สระบุรี โคราช และอุบลราชธานี ปีที่ผ่านมามียอดขายจากกรุงเทพฯ 85% และจากต่างจังหวัด 15%

    ]]>
    1266763
    “แลนดี้ โฮม” ตีตลาดรับสร้างบ้านกลุ่มบ้านหรู-บ้าน 2 ล้านต้น ตั้งเป้าโต 10% สวนเศรษฐกิจ https://positioningmag.com/1263298 Wed, 05 Feb 2020 09:09:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1263298
  • แลนดี้ โฮมโตสวนเศรษฐกิจ ตั้งเป้ายอดขายปี 2563 แตะ 2,000 ล้านบาท เติบโต 10%
  • วางกลยุทธ์ขยายตลาด “บน” และ “ล่าง” จับช่องว่างรับสร้างบ้านกลุ่มลักชัวรี 15-50 ล้านบาท และปรับแบบบ้านลงมาเหลือ 2 ล้านต้นๆ ตอบโจทย์ลูกค้า
  • ปรับแบรนด์ให้ทันสมัย ใช้โปรแกรมแนะนำแบบบ้านอัตโนมัติ ทดลองระบบ VR ชมบ้านตัวอย่าง อัปเดตความคืบหน้างานก่อสร้างได้เรียลไทม์
  • เศรษฐกิจไทยเติบโตชะลอตัวแต่ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมรับสร้างบ้านจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆ โดยข้อมูลจาก สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ระบุว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2562 มีมูลค่าตลาดประมาณ 12,500 ล้านบาท เติบโต 5% จากปีก่อนหน้า

    ขณะที่แลนดี้ โฮม บริษัทรับสร้างบ้านอายุ 32 ปีในมือผู้บริหารเจน 2 ของครอบครัวมณีรัตนะพรสามารถเติบโตได้มากกว่าตลาด

    “พรรัตน์ มณีรัตนะพร” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2562 บริษัททำรายได้ไป 1,800 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อนหน้า และปี 2563 นี้ยังคงตั้งเป้าโตต่อเนื่อง วางเป้ายอดขายไว้ที่ 2,000 ล้านบาท หรือโตประมาณ 10%

    ทีมผู้บริหารแลนดี้ โฮม: (จากซ้าย) “พานิช มณีรัตนะพร” ผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างและบริหารสำนักงาน, “พรรัตน์ มณีรัตนะพร” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย และ “ภัทรา มณีรัตนะพร” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์

    สาเหตุที่สามารถเติบโตได้เนื่องจากธุรกิจรับสร้างบ้านมักจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่มากนัก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มักจะมีที่ดินอยู่แล้วและใช้เงินสดมากกว่าการกู้สินเชื่อ

    อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการปรับตัวให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจเช่นกัน โดยปีนี้มีการเพิ่มแบบบ้านไซส์เล็ก กลุ่มราคาประหยัดต่ำกว่า 5 ล้านบาท เป็นบ้านชั้นเดียวพื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. ปรับฟังก์ชันวัสดุเพื่อทำราคาให้อยู่ในงบ 2 ล้านต้นๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด

    อีกกลุ่มสินค้าหนึ่งที่เพิ่มแบบบ้านเข้ามาคือบ้านระดับลักชัวรี 15-50 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อย มีความต้องการต่อเนื่อง

    บ้านไซส์เล็กราคา 2 ล้านต้นของแลนดี้ โฮม

    โดยพรรัตน์คาดว่าบ้านขนาดเล็กราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทจะมีสัดส่วนในพอร์ตมากขึ้นสำหรับปีนี้ โดยเพิ่มจาก 40% เป็น 50% ส่วนที่ลดลงไปคือบ้านขนาดกลางราคา 5-15 ล้านบาท สัดส่วนลดจาก 40% เหลือ 30% ขณะที่บ้านลักชัวรีราคามากกว่า 15 ล้านบาทน่าจะคงสัดส่วนที่ 20%

     

    เจาะตลาดลูกค้าบ้านหลังใหญ่ไม่ต้องหรู

    ด้าน “ภัทรา มณีรัตนะพร” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ แลนดี้ โฮม กล่าวต่อว่า กลุ่มบ้านราคามากกว่า 15 ล้านบาทเป็นตลาดใหม่ที่แลนดี้ โฮมเพิ่งเริ่มทดลองตลาดเมื่อ 3 ปีก่อน จากในอดีตที่บริษัทมีแบบบ้านเฉพาะกลุ่มราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท หลังเริ่มออกแบบบ้านเสนอลูกค้า พบว่าได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้ปีนี้จะลงงบการตลาดเจาะลูกค้าตลาดนี้มากขึ้น

    ภัทราฉายภาพว่า คู่แข่งในตลาดรับสร้างบ้านระดับลักชัวรีมีเพียง 3-4 ราย และเจ้าใหญ่ในตลาดจะเกาะกลุ่มบ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรีราคา 50-200 ล้านบาท หรือราคาตก ตร.ม.ละ 40,000 บาท เนื่องจากเป็นบ้านพร้อมตกแต่งเสร็จ เน้นลูกค้าที่ต้องการความหรูหรา แต่แลนดี้ โฮมเลือกเกาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าและคุมงบประมาณได้

    บ้านแลนดี้ โฮมระดับลักชัวรีราคามากกว่า 15 ล้านบาท

    “ของเราเริ่มต้นที่ตร.ม.ละ 25,000 บาท ไม่รวมตกแต่ง เพราะลูกค้าหลายรายมีบริษัทตกแต่งภายในที่เลือกมาเอง” ภัทรากล่าว “เราตีตลาดกลุ่มที่ต้องการบ้านหลังใหญ่แต่คุ้มค่า ไม่ต้องวิจิตรหรูหราแต่ดูดี”

     

    ปรับแบรนด์ให้ทันสมัยด้วยเทคโนโลยี

    อีกกลยุทธ์ที่แลนดี้ โฮมปรับอย่างต่อเนื่องคือสร้างแบรนด์ให้ทันสมัยและเป็นที่จดจำ โดยที่ผ่านมาบริษัทลงทุนสร้างโปรแกรมแนะนำแบบบ้านอัตโนมัติ ใน iPad สำหรับให้พนักงานขายใช้แนะนำลูกค้าในทั้ง 8 สาขาของแลนดี้ โฮม

    “ลักษณะไม่ใช่แค่เปิดรูปบ้านให้ดูใน iPad แต่ลูกค้าสามารถกรอกความต้องการของตัวเองเข้าไปได้ เช่น งบประมาณ จำนวนคนอยู่อาศัย โปรแกรมจะแนะนำแบบบ้านที่เหมาะสมให้ได้ทันที” พานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างและบริหารสำนักงาน แลนดี้ โฮม กล่าว

    ตัวอย่างผลงานบ้านสร้างเสร็จ (photo: Landy Home)

    นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมติดตามงานก่อสร้างในไซต์งานของลูกค้าเองได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งขณะนี้แลนดี้ โฮมบริการข้อมูลพร้อมกันอยู่ 150 ไซต์งาน

    ส่วนเทคโนโลยีใหม่ที่จะทดลองนำมาใช้ปีนี้คือ VR (Virtual Reality) พานิชกล่าวว่าบริษัทคัดเลือกแบบบ้านขายดี 10 แบบมาจัดทำเป็นภาพ VR และจะให้ลูกค้าทดลองใช้ได้ที่สาขาลาดพร้าว (สำนักงานใหญ่)

    “ปีนี้ไม่มีการเปิดสาขาใหม่แต่มาเน้นเรื่องสาขาที่มีอยู่ต้องดูแลลูกค้าได้ครบวงจร เพราะเราพบว่าลูกค้ามาติดต่อสาขาเพียง 1-2 ครั้งก่อนตัดสินใจสั่งสร้างบ้าน หลังจากนั้นลูกค้าจะอยู่ที่ไซต์งาน ดังนั้นจำนวนสาขาไม่ได้มีผลเท่าลูกค้าเข้ามาแล้วเลือกเราหรือเปล่า” พานิชกล่าวปิดท้าย

    ]]>
    1263298