นักท่องเที่ยวจีน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 05 Dec 2025 08:35:22 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไทย ลุยดึง “นักท่องเที่ยวจีน“ ตั้งเป้า 2 ล้านคน ช่วงไฮซีซั่นปลายปี https://positioningmag.com/1550346 Thu, 04 Dec 2025 10:46:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1550346 อรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระทรวงฯ ได้เปิดเกมรุก “Quick Win” หวังพลิกภาพการท่องเที่ยวไทยช่วงไฮซีซั่น

โดยตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาอย่างน้อย 2 ล้านคนใน 3 เดือน พร้อมเปิด “เส้นทางท่องเที่ยววิถีใหม่” เพื่อชิงกระแสจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไปหลังโควิด

จับ 6 เทรนด์ท่องเที่ยวคนจีน

ทั้งนี้ กระทรวงท่องเที่ยวฯ จับเทรนด์นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ที่ต้องการประสบการณ์มากกว่าการช้อปปิ้งแบบเดิม โดยแตกไลน์เป็น 6 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

1. สำรวจเส้นทางวัฒนธรรม: เน้นการเที่ยวชุมชน วัดวาอาราม เพื่อสัมผัสเสน่ห์ดั้งเดิมของไทย

2. กินดื่มเที่ยวชิล ๆ: ปักหมุดร้านอาหารท้องถิ่น สร้างโอกาสให้ชุมชนเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว

3. การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมกีฬา: เช่น ปีนผา, ขี่จักรยาน, และการเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัว อย่าง มวยไทย

4. ชมเส้นทางชมธรรมชาติ: นำเสนอแหล่งท่องเที่ยว Unseen เช่น ทะเลหมอกในพะเยา, แพะเมืองผี (แกรนแคนยอนเมืองไทย)

5. นำเที่ยวแบบครอบครัว: ออกแบบกิจกรรมที่หลากหลาย ปลอดภัย และได้ความรู้สำหรับทุกวัยในครอบครัว

6. โรดทริป (Road Trip): เจาะกลุ่มนักขับรถด้วยเส้นทางเชื่อมต่อ ไทย-จีน-ลาว ที่ปลอดภัยและได้รับความนิยม

อรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

กลยุทธ์การสื่อสารรูปแบบใหม่: สร้างกระแสผ่าน Super App และคอนเทนต์คุณภาพ

แผน Quick Win เน้นการใช้การสื่อสารที่ทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยร่วมมือกับแพลตฟอร์มชั้นนำของจีน อาทิ

  • Dianping/Meituan : ปักหมุดร้าน-สถานที่เที่ยวให้ติดอันดับค้นหา
  • Xiaohongshu : ใช้ Influencer + แฮชแท็ก #泰好了放假游 เพื่อปลุกภาพลักษณ์ “ไทย = เที่ยวง่าย ปลอดภัย ถ่ายรูปสวย”
  • WeTV : เปิดพื้นที่ให้รายการจีนที่มาถ่ายในไทย หวังปั่นยอดเข้าถึงหลักร้อยล้านวิว

ทั้งหมดคือกลยุทธ์ตีตลาด “Generation Z และ Young Travelers” ของจีน ซึ่งกลุ่มนี้ตัดสินใจจากคอนเทนต์สั้น + รีวิวบนโซเชียลเป็นหลัก

เซ็น MOU กับ 2 มณฑล 6 เมืองของจีน

ขณะเดียวกัน ไทยจับมือเซ็น MOU กับ 2 มณฑล รวม 6 เมืองเที่ยวตัวท็อปของจีนอย่าง ซานย่า ไหโข่ว หนานจิง ซูโจว และหางโจว

เพื่อเปิดเส้นทางแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวโดยตรง แบบไม่ต้องรอแคมเปญใหญ่จากส่วนกลาง เป็นการเจาะตลาดแบบ “เมืองถึงเมือง” ซึ่งมาแรงมากในจีนตอนนี้

ปิดจุดอ่อน ไทยทำ Green Zones ย้ำความปลอดภัย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไทยรู้ดีว่าความกังวลเรื่อง “ความปลอดภัย” เป็น Pain Point อันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีน จึงทำระบบ SOS แจ้งเหตุฉุกเฉินแบบเรียลไทม์ ร่วมกับแพลตฟอร์ม Wei! Taiguo

  • แจ้งเหตุได้จากมือถือ
  • ดูสถานะความช่วยเหลือได้ทันที
  • เริ่มใช้ใน 27 เมืองท่องเที่ยวหลัก

“การดำเนินการทั้งหมดนี้ มีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างแคมเปญสื่อสารคุณภาพ ที่จะดึงเสน่ห์ดั้งเดิมของไทย ทั้งความงดงาม รอยยิ้ม น้ำใจ และการต้อนรับแบบไทย กลับคืนสู่สายตานักท่องเที่ยวชาวจีน และบรรลุเป้าหมาย 2 ล้านคน ตามที่ตั้งไว้”

]]>
1550346
คุยกับ CEO วีรันดา ‘ไทย’ ยังเป็น Destination ที่มี ‘เสน่ห์’ อยู่หรือไม่ https://positioningmag.com/1548892 Wed, 26 Nov 2025 13:20:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1548892 คุยกับ ‘ภวัฒภ์ องค์วาสิฏฐ์’ CEO บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ถึงมุมมอง ‘ไทย’ ยังเป็น Destination ที่มี ‘เสน่ห์’ อยู่หรือไม่ และอนาคตธุรกิจท่องเที่ยวไทยจะเป็นอย่างไรในวันนี้ที่ต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน รวมถึงวิธีคิดการพาองค์กรเดินหน้าต่อบนเส้นทางที่มีหลายปัจจัยยังไม่แน่นอน

 

ก่อนหน้านี้ธุรกิจท่องเที่ยวไทย ถือเป็นเครื่องยนต์หลักสำหรับขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต แต่ตอนนี้กำลังอ่อนกำลังลง จากความท้าทายหลายเรื่องทั้งสภาพเศรษฐกิจโลก ความไม่เชื่อมั่นในเรื่องปลอดภัย จากข่าวการลักพาตัวของดาราจีน และเหตุแผ่นดินไหว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยลดลงชัดเจน

 

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทยที่หายไปตั้งแต่ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา จนปัจจุบันก็ยังไม่ฟื้นคืนมาอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อรวมกับการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตอนนี้มีกระแสพูดถึงในประเด็น ประเทศไทยกำลังจะเสียแชมป์ด้านการท่องเที่ยวให้กับ ‘เวียดนาม’

 

ภาพเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ของธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่ถูกสั่นคลอน

CEO วีรันดา ยืนยันว่า เขายังเชื่อมั่นใน ‘ศักยภาพ’ ของธุรกิจนี้ในบ้านเรา พร้อมยืนยันไทยยังเป็น Destination ที่มี ‘เสน่ห์’ และมี ‘จุดเด่น’ ที่หลากหลายสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้หลงรักและกลับมาเที่ยวซ้ำ ขณะที่บางประเทศไปครั้งเดียว ไม่ไปซ้ำอีก

 

“แต่ละประเทศมีคาแรกเตอร์ต่างกัน ไทยมี Soft power แข็งแรงและหลากหลาย ทั้งอาหาร, วัฒนธรรม, สิ่งแวดล้อม, เสน่ห์ของคนไทย, Hospitality และช้อปปิ้งมอลล์ ผมไม่คิดว่า ไทยด้อยกว่าที่อื่นตรงไหน ส่วนการที่หลายคนมองไทยจะแพ้เวียดนามเรื่องท่องเที่ยว ผมว่าเป็นการมองที่ไกลไป ต้องมองในเชิงลึก เพราะเวียดนามใกล้กับจีน ทำให้ข้ามพรมแดนได้ง่าย ทำให้มีจำนวนเยอะขึ้น เหมือนกับคนมาเลเซียมาเที่ยวไทยเพิ่ม ก็มีผลมาจากคนข้ามดินแดน”

 

ในฐานะนักลงทุน เขาจึงมองธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมของไทยยังมีโอกาสอยู่ แค่ใครจะมองเห็นและจับมาเป็นจุดแข็ง เพื่อชิงโอกาสทางธุรกิจได้

 

‘Positioning’ และ ‘จุดแข็ง’ ต้องชัด

 

สำหรับวีรันดาเองวาง Positioning ชัดเจน นั่นคือ การเป็น Lifestyle Destination เน้นเรื่องดีไซน์ และ ‘Instagrammable’ การออกแบบและตกแต่งให้สามารถถ่ายลงอินสตาแกรมได้ รวมถึงให้ความสำคัญกับการส่งมอบประสบการณ์ คุณค่า ในราคาเข้าถึงได้

 

นั่นจึงทำให้วีรันดาเติบโตได้ เห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทฯ ช่วง 9 เดือน ปี 2568 ที่มีรายได้รวม 1,103 ล้านบาท เติบโต 14% กำไรสุทธิ 57 ล้านบาท เติบโต 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนแนวโน้มช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไฮซีซันของการท่องเที่ยว ทาง CEO วีรันดาเชื่อว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจากรัฐบาลช่วงไตรมาสสุดท้าย ปี 2568 จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมจากการได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากมาตรการ ‘เที่ยวดีมีคืน 2568’ ที่เริ่มตั้งแต่ 29 ต.ค. – 15 ธ.ค. 2568 ให้นำค่าใช้จ่ายจากการเข้าพักในโรงแรมและค่าอาหารมาลดหย่อนภาษีได้ 20,000 บาท

 

นอกจากนี้ การที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดึง ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า Blackpink’  มาทำหน้าที่ Amazing Thailand Ambassador จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยได้

 

และแม้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะชะลอตัว ก็มีตลาดยุโรป อเมริกา และอินเดียที่โตต่อเนื่องโดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดแห่งความหวังในอนาคตของไทย เนื่องจากจำนวนประชากรกลุ่มระดับกลางมีการขยับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น บวกกับด้วยอินเดียใกล้ไทย เดินทางง่าย ถ้ามีบินไฟลต์ตรงยิ่งจะให้เดินทางมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้นอีก

 

“ปีนี้เราตั้งเป้าโต 20% อาจไม่ถึงเป้าเดิมที่วางไว้ 25% แต่ทั้งหมดผมมองเป็นภาพบวกนะ หลังจากนี้จะดีขึ้น”

 

AI อีกตัวแปรสำคัญของธุรกิจ

 

อีกส่วนที่ถือเป็นความท้าทายใหม่ของธุรกิจโรงแรม หนีไม่พ้นเรื่อง AI จากเมื่อก่อนการเข้าถึงลูกค้าจะผ่าน Google search เป็นหลัก แต่ตอนนี้ AI และโซเชียล มีเดียอื่น อาทิ TikTok และ IG ฯลฯ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แถมมีให้เลือกใช้หลายตัว 

 

ดังนั้น จุดที่ต้องทำ คือ ต้องให้ชื่อและเรตติ้งของโรงแรมติดอันดับเมื่อลูกค้าเสิร์ชหาผ่าน AI หรือโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางวีรันดาศึกษาและให้ความสำคัญมาระยะหนึ่งแล้ว

 

“เรื่อง AI และโซเชียลอื่นสำคัญ เช่นเดียวกับการใช้อินฟลูฯ หลัง ๆ เองเราใช้อินฟลูฯ ที่เป็นต่างชาติเยอะขึ้น เพราะนอกจากคนไทยเห็น คนประเทศเขาก็เห็น และเราทำแล้วเวิร์คด้วย เพราะเน้นโรงแรมที่เป็นดีไซน์ เน้นรูปถ่าย สถานที่สวยคนชอบแชร์อยู่แล้ว

 

“ส่วนสงครามราคา เราเห็นมาตลอด แต่ผู้ประกอบการจะเลือกใช้ให้เหมาะกับตลาดมากขึ้น เช่น ภูเก็ต ไม่มีใครลงราคาให้นะ และเดี๋ยวนี้มี AI มาตั้งราคาให้ด้วย คือ จะเช็กราคาคู่แข่งในตลาดขึ้นราคาแล้ว ถ้าห้องเหลือน้อย AI จะเปลี่ยนราคาขึ้นให้เลย อันนี้เป็นเรื่องน่าจับตามอง”

 

‘มุ่งมั่นอย่ายอมแพ้’ คาถาฝ่าความท้าทาย

 

มาถึงช่วงท้ายของการพูดคุย เราถามภวัฒภ์ว่า มี ‘หลักคิด’ อะไรเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาหรือความท้าทาย ซึ่งเขาตอบว่า Perseverance ต้องพากเพียร มุมานะ และอย่ายอมแพ้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

 

เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ในช่วงเวลาไหน ปัญหามีเป็นปกติอยู่แล้ว และเขาเชื่อว่า ‘ทุกปัญหามีทางออก’ เพียงต้องพยายามและหาทางไปเรื่อย ๆ แม้จะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่จะทำให้ไปต่อไป อย่างช่วงเกิดโควิด-19 ซึ่งกระทบธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมอย่างหนัก

 

ช่วงนั้นทางวีรันดาหันมาโฟกัสตัวเอง ทำให้องค์กร Lean มีไขมันน้อยที่สุด ขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อม เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายและโอกาสมา ทำให้วีรันดาสามารถวิ่งได้ดีและเร็วกว่าคนอื่น

 

ส่วนผู้นำที่ดี ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร? 

 

ทาง CEO วีรันดา ไม่ได้จำกัดความไว้ แต่มองว่าผู้นำที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ดี ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและทำให้วีรันดาผ่านวิกฤตมาได้หลายต่อหลายครั้ง 

 

“แต่ละวิกฤตสอนไม่เหมือนกัน แต่บทเรียนที่ได้เรียนรู้หลัก ๆ คือ มาแบบไหนก็ต้องอยู่ได้ ต้องปรับตัวให้เร็ว และทันสถานการณ์ คนต้องรู้จักยืดหยุ่น ทำให้ได้หลายหน้าที่ อีกอย่างที่ผมพยายามถ่ายทอดให้ทีม คือ ความคิดแบบเจ้าของ หรือ Entrepreneur เพราะเมื่อมีจะทำให้เราทุ่มเท มองรอบด้าน และเป็นนักสู้มากขึ้น

 

“อย่างช่วงโควิดผมลงมาดูรายละเอียดทุกอย่างอย่างใกล้ชิด ทั้งค่าใช้จ่าย การจัดการหารายได้ และกลยุทธ์การตลาดหนึ่งในการปรับตัวที่สำคัญคือ เราต้องเน้นลูกค้าชาวไทยมากขึ้น ทำ แพ็กเกจโปรโมชั่นที่เข้าถึงได้ง่าย ทำไลฟ์ขายวอเชอร์โรงแรมเป็นเจ้าแรกๆ และปรับรูปแบบการทำงานของทีมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงคำชี้แนะอย่างใกล้ชิดกับทีมงานเพื่อความรวดเร็วในการทำงานและผ่านช่วงที่ท้าทายนี้ไปได้”

]]>
1548892
โรงแรมเจาะทัวร์จีน จ่อ ‘ขายกิจการ’ หลายแห่ง รับนักท่องเที่ยวจีนหดหนัก https://positioningmag.com/1542806 Wed, 15 Oct 2025 03:16:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1542806 สถานการณ์คนจีนเที่ยวไทย ยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ช่วง 9 เดือนแรก ปี 2568 นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย มีจำนวน 3.41 ล้านคน ลดลงราว 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY)

อัตราการเข้าไทยที่หดตัว “กดดัน” ธุรกิจโรงแรมที่เจาะนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์จีน

โรงแรมเจาะทัวร์จีน ยอดร่วง 50%

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยว่า ปี 2568 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยราว 5 ล้านคน ลดลงจากปี 2567 ที่มี 7 ล้านคน และต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด (ปี 2562) ที่เคยมีจำนวน 10 ล้านคน

ส่งผลให้โรงแรมที่พึ่งพาทัวร์จีน ยอดเข้าพักลดลง 50% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่หัวเมืองหลัก อาทิ กรุงเทพฯ และ ภูเก็ต แรงกระแทกสำคัญมาจากปัญหาความเชื่อมั่นด้านปลอดภัย และพฤติกรรมการท่องเที่ยวคนจีนที่เปลี่ยนมาเที่ยวเอง (FIT) มากขึ้น

“โรงแรมที่พึ่งพาทัวร์จีน โดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็ก เริ่มขาดสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น จากรายได้ลดลง แต่ต้นทุนคงที่ อาทิ ค่าพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ”

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA)
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA)

พบโรงแรมเจาะทัวร์จีนขายกิจการโรงแรมเพิ่ม

วุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด หรือ UHG ผู้บริหารโรงแรมเครือเดอะควอเตอร์ กล่าวว่า แม้ปัจจุบันจะมีนักท่องเที่ยวรัสเซีย อินเดีย และยุโรปเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถทดแทนนักท่องเที่ยวจีนได้ทั้งหมด

ขณะที่ช่วงวันหยุดยาว Golden Week ของจีน ปี 2568 มียอดเข้าพักลดลง 15% (YoY) ปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว บางส่วนเลือกเที่ยวในประเทศ ส่วนกลุ่มที่ออกมาต่างประเทศก็เลือกไปประเทศอื่นแทนไทย เช่น กลุ่มงบน้อยอาจเลือกเวียดนาม กลุ่มงบประมาณสูงเลือกไปญี่ปุ่น เป็นต้น

วุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด หรือ UHG

เมื่อถามถึงโรงแรมที่เจาะนักท่องเที่ยวจีน วุฒิพล ให้ความเห็นว่า กลุ่มที่ปรับตัวรับนักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม FIT ยังไปได้ดีในหลายพื้นที่ อาทิ สีลม ศาลาแดง ซึ่งได้อานิสงส์จากการเปิดตัว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพาร์ค

แต่หากยังเจาะเพียงทัวร์จีน ค่อนข้างลำบาก เพราะปัจจุบัน ทัวร์จีนหายไป และทดแทนด้วยกลุ่ม FIT เกือบหมดแล้ว

“เราพบว่า โรงแรมเจาะทัวร์จีน ขนาด 100-200 ห้อง หลายแห่ง เริ่มเข้ามาเสนอขายโรงแรมให้กับบริษัทฯ จากช่วงก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน”

]]>
1542806
จีนเที่ยวไทย ปี 68 เหลือ 5 ล้านคน กระทบโรงแรมเจาะทัวร์จีน ยอดเข้าพักหาย 50% https://positioningmag.com/1531016 Wed, 23 Jul 2025 11:20:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1531016 เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (1 ม.ค. – 13 ก.ค. 68) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย จำนวน 17.7 ล้านคน ลดลง 5.62% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)

โดยนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
  • มาเลเซีย 2.45 ล้านคน
  • จีน 2.43 ล้านคน
  • อินเดีย 1.26 ล้านคน
  • รัสเซีย 1.06 ล้านคน
  • เกาหลีใต้ 8.16 แสนคน
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA)
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA)

[นักท่องเที่ยวจีน หดตัวเหลือ 5 ล้านคน/ปี จากช่วงพีกสุด 10 ล้านคน/ปี]

อย่างไรก็ตาม ไทยกำลังเผชิญปัญหา ”นักท่องเที่ยวจีน“ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ชะลอตัวลงอย่างหนัก แม้จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ทั้งอินเดีย และรัสเซีย เข้ามาค่อนข้างมาก แต่ไม่สามารถทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนได้

โดยประเมินว่าปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยประมาณ 5 ล้านคน จากปี 2567 มีจำนวนเกือบ 7 ล้านคน และช่วงก่อนโควิดปี 2562 มีจำนวนมากกว่า 10 ล้านคน

“ในปีนี้ มีเพียงช่วง ม.ค. เดือนเดียวที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยสูงกว่าปีก่อน หลังจากนั้นลดลงจากปีก่อนทุกเดือน จากผลกระทบช่วง ก.พ. 68 เกิดกระแสลักพาตัว ซิงซิง นักแสดงชาวจีน และ มี.ค. 68 มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมียนมา กระทบตึกสูงใน กทม.“

นักท่องเที่ยวจีน ศาลเจ้าพ่อเสือ กรุงเทพ
นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวจีน บริเวณศาลเจ้าพ่อเสือ กรุงเทพฯ

[โรงแรมเจาะทัวร์จีน ยอดเข้าพักดิ่ง 50% ต่อเดือน]

ในด้านโรงแรมที่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะเมื่อเจาะกลุ่มทัวร์จีน ซึ่งเผชิญอัตราการเข้าพักหดตัวกว่า 50% ต่อเดือน

ทั้งนี้ ปัจจุบันการเดินทางแบบกรุ๊ปทัวร์ เสื่อมความนิยมลง เหลือสัดส่วนเพียง 20% จากในอดีตเคยเป็นพอร์ตฯใหญ่ และนักเดินทางจีนรุ่นใหม่ หันมาเดินทางแบบเที่ยวเอง (FIT) มากกว่า

นักท่องเที่ยวจีน เขากังวลด้านความปลอดภัย ต้องทำให้เขาเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยปลอดภัย ไม่ใช่แค่พูดว่าประเทศเราปลอดภัยเฉย ๆ แต่ต้องลงมือทำให้เห็น เช่น ตามจับขบวนการค้ามนุษย์อย่างเข้มข้น แล้วทำข่าวประชาสัมพันธ์ หรือกระทั่งการจัดการเรื่องการโก่งราคานักท่องเที่ยว เป็นต้น หากทำได้ ปี 2569 นักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มกลับมา

“ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนตอนนี้หายไป 34% แล้ว แต่หากไม่นับรวมเดือน ม.ค. ช่วงก่อนเกิดเหตุลักพาตัวดาราจีน เท่ากับหดตัวสูงถึง 50%”

ตึกสูง กทม. กรุงเทพ โรงแรม
อาคารสำนักงานและโรงแรมใน กทม.

[ท่องเที่ยวชะลอตัว ธุรกิจโรงแรมหืดจับ สภาพคล่องสะดุด]

จากสถานการณ์การท่องเที่ยวชะลอตัวลง ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรม อยู่ในภาวะยากลำบากมากขึ้น เมื่อรายได้ลดลง แต่รายจ่ายยังเดินหน้าต่อเนื่อง ทั้งค่าบุคลากร ค่าไฟ และค่าภาษีที่ดิน ส่งผลให้เกิดภาพ ธุรกิจโรงแรมขาดสภาพคล่องทางเงินมากขึ้น

“อยากให้ภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาลดภาระทางการเงินหรือยืดหยุ่นนโยบาย ให้กับธุรกิจโรงแรม ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น (มิ.ย.-ส.ค.) โดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็กในต่างจังหวัด”

]]>
1531016
แอร์เอเชีย หันจับนักท่องเที่ยวอินเดีย-เส้นทางบินในประเทศ รับมือตลาดจีนซบยาว https://positioningmag.com/1516227 Wed, 26 Mar 2025 14:17:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516227 “สันติสุข คล่องใช้ยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ. ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ช่วงก่อนเกิดโควิด ปี 2562 “คนจีน” เคยขึ้นแท่นอันดับ 1 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากสุด ที่ประมาณ 10 ล้านคน ของนักท่องท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนไทยทั้งหมด 40 ล้านคน

 

ขณะที่ ปี 2567 มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยเพียง 6.7 ล้านคน ส่วนปี 2568 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเป็น 8 ล้านคน

ทว่าช่วง 3 เดือนนี้ (ม.ค.-มี.ค. 68) มีคนจีนมาไทยเพียง 1.5 ล้านคน หากเมนเทนเท่านี้ครบ 4 ไตรมาส ยอดนักท่องเที่ยวจีนจะได้เพียง 6 ล้านคน ไม่เท่าปีก่อนด้วยซ้ำ 

 

ในส่วนของ ”แอร์เอเชีย“ ช่วงต้นปี-ปัจจุบัน ยอดนักท่องเที่ยวจีนเหลือ 2 แสนคน คิดเป็นสัดส่วน 10% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจากไฟลต์บินระหว่างประเทศ จากเดิมเคยครองสัดส่วนสูงถึง 20% โดยกลุ่มที่หายไปส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์

 

ปัจจัยหลักการหดตัวลงอย่างรุนแรงมาจากความไม่เชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในไทย ต่อเนื่องจากกรณีลักพาตัว “ซิงซิง” ดาราจีน โดยใช้ไทยเป็นเส้นทางค้ามนุษย์ รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวต่อเนื่อง

 

“ที่น่าห่วง คือ นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นตลาดสำคัญของไทยหดตัวอย่างรุนแรง แต่ประเทศอื่น ๆ ในเอเชียกลับขยายตัวสูง อาทิ ญี่ปุ่นที่มีตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนแซงไทยครั้งแรกในปีก่อน ส่วนเวียดนาม ช่วงต้นปีนี้มีคนจีนไป 7 แสนคน เพิ่มขึ้น 200% ตลอดจนมาเลเซียก็ได้อานิสงส์จากจุดนี้“

 

จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ปี 2568 แอร์เอเชีย ลดไฟลต์บินเส้นทางระหว่างจีน-ไทย เหลือสัดส่วน 17% (จาก 30% ช่วงก่อนโควิดในปี 2562) ของจำนวนไฟลต์บินระหว่างประเทศทั้งหมด

 

“อาการนักท่องเที่ยวจีนต้นปี 2568 เข้าขั้นโคม่า ภาครัฐต้องเข้ามาสนับสนุน ททท. เพื่อให้โปรโมตประเทศไทยกับคนจีน เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น และต้องทำทันที โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ต้องลุ้นสถานการณ์อีกที”

 

สันติสุข กล่าวต่อไปว่า จากนักท่องเที่ยวจีนที่หดตัวลง ทำให้แอร์เอเชีย ต้องหันจับตลาดใหม่ทดแทน อาทิ 

  • อินเดีย เพิ่มจำนวนไฟลต์บินสัดส่วน 18% จากเดิมสัดส่วน 8% ของจำนวนไฟลต์ บินอินเตอร์ฯ
  • เอเชียตะวันออก อาทิ เกาหลีใต้ ไต้หวัน เพิ่มจำนวนไฟลต์บินสัดส่วน 16% จากเดิมสัดส่วน 15% ของจำนวนไฟลต์บินอินเตอร์ฯ
  • อาเซียน อาทิ เวียดนาม ลาว กัมพูชา เพิ่มจำนวนไฟลต์บินสัดส่วน 49% จากเดิมสัดส่วน 46% ของจำนวนไฟลต์บินอินเตอร์ฯ

“ททท. คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย ปี 2568 จะฟื้นตัวเท่าช่วงก่อนเกิดโควิดปี 2562 หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน โดยหลายตลาด เช่น อินเดีย มาเลเซีย ไต้หวัน รัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย พบว่า ยอดนักท่องเที่ยวทำนิวไฮในปี 2567“

 

ขณะเดียวกัน อีกกลยุทธ์สำคัญ คือ การให้น้ำหนักการบินในประเทศ (Domestic) เพิ่มเป็น 65% ส่วนต่างประเทศเหลือ 35% ซึ่งที่ผ่านมาตลาดในประเทศ มีดีมานด์ดี และทำอัตรากำไร (Margin) ดีกว่าตลาดต่างประเทศราว 2 เท่าตัว ซึ่งปีที่ผ่านมาแอร์เอเชียครองมาร์เก็ตแชร์เที่ยวบินในประเทศถึง 40% 

 

โดยปี 2568 ประเมินว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางในประเทศ จะทะลุ 200 ล้านคน แซงช่วงก่อนโควิดที่มีจำนวน 173 ล้านคน ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา

 

ทั้งนี้ แอร์เอเชีย มีแผนเพิ่มเครื่องบินอีก 6 ลำ ทำให้ในสิ้นปีนี้ มีจำนวนเครื่องบิน 66 ลำ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเที่ยวบินที่ปัจจุบันกลับมาประมาณ 80% และมีโอกาสให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น

 

 

สำหรับปี 2568 แอร์เอเชียตั้งเป้ามีผู้โดยสาร 23-24 ล้านคน ส่วนอัตราขนส่ง    ผู้โดยสาร (LOAD FACTOR) อยู่ที่ 90% ส่วนการเติบโตรายได้วางไว้ 15% (จากการขยายฝูงบิน) 

 

จากปี 2567 มีจำนวนผู้โดยสาร 21 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10% โดยมี LOAD FACTOR 91% เพิ่มขึ้น 1 จุด และทำรายได้ทุบสถิติอยู่ที่ 49,436 ล้านบาท เติบโต 20% และกำไรสุทธิ 3,468 ล้านบาท เติบโต 647% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY)

]]>
1516227
นักท่องเที่ยวจีนในไทยฟื้นตัวแค่ 60% ช้ากว่าหลายประเทศในเอเชีย https://positioningmag.com/1510079 Sat, 08 Feb 2025 02:59:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1510079 ในปี 2567 ที่ผ่านมา การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนในไทยช้ากว่าในหลายประเทศในเอเชีย (เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด ปี 2562) ดังนี้

  • ไทย มีนักท่องเที่ยวจีน 6.73 ล้านคน ฟื้นตัว 60.4%
  • ญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวจีน 6.98 ล้านคน ฟื้นตัว 72.8%
  • เกาหลีใต้ มีนักท่องเที่ยวจีน 4.16 ล้านคน ฟื้นตัว 73.5%
  • เวียดนาม มีนักท่องเที่ยวจีน 3.74 ล้านคน ฟื้นตัว 87.2%
  • สิงคโปร์ มีนักท่องเที่ยวจีน 2.89 ล้านคน ฟื้นตัว 86%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) ประเมินว่า ทั้งปี 2568 นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยจะมีจำนวน 7.5 ล้านคน เติบโต 11.4% (YoY) หรือฟื้นตัว 68% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดในปี 2562 ที่มีจำนวน 11.1 ล้านคน

ทั้งนี้ คนจีนยังมองประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวแรก ๆ เพราะแพ็กเกจและตั๋วโดยสารเครื่องบินจากจีนมาไทยยังไม่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ

ทว่า การเจาะตลาดจีนปี 68 ถือว่าไม่ง่ายด้วยไทยมี 4 ปัจจัยท้าทายสูง

1.ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยต่ำ

จากผลสำรวจพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนโดย Oliver Wyman มองว่า ประเทศไทยซึ่งเป็นที่นิยมมายาวนาน กลับได้รับความนิยมลดลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนมีความกังวลด้านความปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น

สะท้อนได้จากกรณีที่เกิดขึ้นกับดาราจีนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้คนจีนมีการยกเลิกการเดินทางมาเที่ยวในไทย หรือมองหาจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวใหม่  

2.เศรษฐกิจจีนเปราะบาง

โดยมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า กำลังซื้อชาวจีนบางกลุ่มยังไม่ฟื้นตัว และค่าเงินหยวนที่ผันผวนในทิศทางอ่อนค่า ทำให้ในปี 2568 ทิศทางการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของคนจีนอาจยังไม่กลับสู่ระดับก่อนโควิดปี 2562 (จำนวน 155 ล้านทริป)

และคนจีนจะมีการเปรียบเทียบจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับงบประมาณ ซึ่งก็อาจมีผลต่อการเดินทางมาท่องเที่ยวที่ไทย

โดยในช่วงที่ผ่านมา ประเทศที่มีค่าเงินที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวนมีอัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนดีกว่าไทยที่มีค่าเงินแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวน

3.การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่สูง

สะท้อนได้จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนในหลายประเทศดีกว่าไทย และในปี 2567 ประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสูงกว่าไทยแล้ว

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลายประเทศใช้นโยบายวีซ่าฟรีเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ข้อมูลจาก VisaIndex พบว่า

  • มี 44 ประเทศที่คนจีนสามารถเดินทางไปเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า
  • มี 36 ประเทศที่สามารถขอวีซ่าได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางสะดวกและมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น

4.เทรนด์ท่องเที่ยวคนจีนเปลี่ยนไป

โดยมีความต้องการที่หลากหลาย ประกอบกับสื่อสังคมออนไลน์มีผลต่อการเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว ทำให้การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนไม่ใช่เรื่องง่าย

การเดินทางท่องเที่ยวของคนจีนมีการปรับเปลี่ยนไปมากหลังโควิด อาทิ การเดินทางท่องเที่ยวเอง หรือกรุ๊ปทัวร์ขนาดเล็ก ซึ่งมีความคล่องตัวในการท่องเที่ยว ระยะเวลาการตัดสินใจวางแผนเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 1 เดือน (ผลจากมาตรการวีซ่าฟรี)

มองหาจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ระหว่างท่องเที่ยวอย่างแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

สะท้อนได้จาก การเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวรองๆ อย่างจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวกาตาร์เติบโตกว่าปี 2562 หรือสายการบินระหว่างจีนกับประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวรองๆ เพิ่มขึ้น

และจากข้อมูลของ Dragon Trial พบว่า การจองทริป หรือการค้นหาข้อมูลของนักท่องเที่ยวจีนมีความหลากหลายและแนวโน้มไปยังตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือจะเพิ่มมากขึ้น

]]>
1510079
ผลสำรวจเผยชาวจีนอยากท่องเที่ยวต่างประเทศแต่ยังไม่ได้จองตั๋วในปีนี้มากถึง 40% มองประเทศไทยทำแคมเปญการตลาดได้ดี https://positioningmag.com/1471162 Thu, 25 Apr 2024 10:55:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471162 Dragon Trail Research ได้เปิดเผยผลสำรวจชาวจีนเกี่ยวกับมุมมองการท่องเที่ยวในเดือนเมษายนว่า ชาวจีนมากถึง 40% มีแผนที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ยังไม่มีการจองตั๋วแต่อย่างใด ขณะที่ผู้จองตั๋วและมีการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศมีเพียงแค่ 5% เท่านั้น ขณะเดียวกันก็มองว่าประเทศไทยนั้นทำการตลาดแคมเปญได้ประทับใจ

Dragon Trail Research สำรวจชาวจีนมากถึง 1,015 ราย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งเมืองใหญ่และเมืองรองทั่วประเทศ และสอบถามโดยตั้งคำถามว่ามีแผนที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2024 นี้หรือไม่ พบว่า 40% มีแผนที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ยังไม่มีการจองตั๋วแต่อย่างใด รองลงมาคือไม่แน่ใจว่าปีนี้จะได้ท่องเที่ยวต่างประเทศหรือไม่ 27% ขณะที่ 18% ได้มีการจองตั๋วทริปต่างประเทศแล้ว 10% นั้นไม่มีแผนออกนอกประเทศจีน ที่เหลืออีก 5% ได้เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว

ในเรื่องของความปลอดภัยในแต่ละประเทศ สำหรับประเทศไทย ชาวจีนที่ได้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ 39% ไม่แน่ใจในเรื่องความปลอดภัยของประเทศไทย 34% มองว่าไม่ปลอดภัย ที่เหลืออีก 24% เชื่อมั่นว่าปลอดภัย

ประเทศไทยในมุมมองของชาวจีนที่ตอบแบบสอบถามของบริษัทที่ปรึกษาดังกล่าวถือว่าปลอดภัยต่ำกว่าหลายประเทศ เช่น อียิปต์ เม็กซิโก ด้วยซ้ำ แม้ว่าผลสำรวจในเดือนเมษานี้แสดงให้เห็นว่าชาวจีนเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในความปลอดภัยของประเทศไทยก็ตาม

ขณะที่แผนการเดินทางนอกเหนือจากทวีปเอเชียของชาวจีนที่ตอบแบบสอบถามดังกล่าวนั้นลดลงเหลือ 60% จากเดิมมากถึง 75% ในปี 2023 ที่ผ่านมา โดยทวีปยุโรปยังเป็นเป้าหมายหลักของชาวจีน

ข้อมูลจาก Dragon Trail Research

สิ่งที่ดึงดูดให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศนั้น ในแบบสอบถามมีคำตอบ เช่น วิวทิวทัศน์ที่หลากหลาย วัฒนธรรมที่แตกต่าง ผู้คนของแต่ละท้องถิ่น และอาหารแปลกใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับชาวจีนนั้นกว้างไกลมากขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการใช้จ่ายประเทศนั้น ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 10,000 ถึง 30,000 หยวนต่อทริป ชาวจีนส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสอบถาม 73% มองถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารการกินในต่างแดนเป็นหลัก รองลงมาคือสินค้าของประเทศนั้นๆ ขณะที่สินค้าประเภทเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้า เครื่องประดับ เป็นสัดส่วนรองลงมา

แพลตฟอร์มที่ชาวจีนไว้หาข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวส่วนใหญ่คือ Xiaohongshu โดย Dragon Trail Research แนะนำให้แบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทำแคมเปญการตลาดผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นหลักในปี 2024 นี้

นอกจากนี้ในผลสำรวจของ Dragon Trail Research ยังชี้ว่าการทำการตลาดของประเทศไทย ที่เกี่ยวกับด้านท่องเที่ยวนั้นสามารถสร้างความประทับใจให้กับชาวจีนได้ โดยประเทศมีอันดับรองลงมาคือ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มัลดีฟ เป็นต้น

]]>
1471162
ข้อมูลเผย จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนอาเซียนช่วงตรุษจีน เกินระดับก่อนการแพร่ระบาดโควิดแล้ว https://positioningmag.com/1463485 Wed, 21 Feb 2024 07:21:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463485 ข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวเผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนท่องเที่ยวในอาเซียนช่วงตรุษจีน เกินช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิดแล้ว ขณะที่ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกันแต่ยังไม่พ้นระดับสูงสุดในปี 2019

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ได้เข้ามาท่องเที่ยวรวมกันในทวีปเอเชียในช่วงวันตรุษจีนเกินจำนวนช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิดไปแล้ว และยังรวมถึงปริมาณการใช้จ่าย โดยเฉพาะจุดหมายปลายทางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือแม้แต่ไทย

ข้อมูลจาก Trip.com ได้เผยว่า ปริมาณชาวจีนที่ได้จองทริปการเดินทางมายัง สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมถึงไทย ในช่วงวันที่ 10-17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด ในขณะที่ประเทศอื่นๆ อย่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ทางด้านข้อมูลการเช่ารถของนักท่องเที่ยวชาวจีนจาก Trip.com ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น 53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019

การจองห้องพักจากแพลตฟอร์มท่องเที่ยว LY.com ในช่วงวันที่ 10-13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในไทยนั้นมีปริมาณการจองเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากนักท่องเที่ยวชาวจีน ขณะที่สิงคโปร์นั้นเพิ่มขึ้น 9 เท่า

ขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายของชาวจีนอ้างอิงข้อมูลจาก Alipay นั้น ในไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมกันเพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด และมากถึง 7 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ผ่านมา แต่ถ้าหากเทียบการใช้จ่ายรวมทั้งหมด ยังคิดเป็น 82% เมื่อเทียบกับช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน ได้เปิดเผยการเดินทางระหว่างประเทศ จีนมีการเดินทางเข้าและออกประมาณ 13.52 ล้านเที่ยว ซึ่งอยู่ระดับ 90% เมื่อเทียบกับปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด

ปัจจัยสำคัญนั้นมาจากการเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ที่มีฟรีวีซ่าก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว

ข่าวดีดังกล่าวถือเป็นมาในท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจแดนมังกรอาจพบกับปัญหาเงินฝืด 

]]>
1463485
เกือบเต็มลำ! ผู้โดยสาร “การบินไทย” เส้นทางเข้า-ออก “จีน” เด้งแตะ 90% หลังเปิด “ฟรีวีซ่า” https://positioningmag.com/1446401 Mon, 02 Oct 2023 09:40:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1446401 “การบินไทย” เผยอัตราผู้โดยสารบนเที่ยวบินระหว่างประเทศจีนกับไทยสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังรัฐบาลเปิด “ฟรีวีซ่า” ให้กับนักท่องเที่ยว “จีน” โดยพบว่าอัตราผู้โดยสารขึ้นไปแตะ 90% ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เตรียมเพิ่มจำนวนเที่ยวบินไปกลับจีนรองรับดีมานด์

“กรกฎ ชาตะสิงห์” ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เที่ยวบินระหว่างประเทศจีนกับไทยมีอัตราผู้โดยสารต่อเที่ยวขึ้นไปมากกว่า 90% ตั้งแต่ที่รัฐบาลประกาศนโยบาย “ฟรีวีซ่า” ชั่วคราวให้กับนักท่องเที่ยวจีน

“เราเห็นการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญของจำนวนชาวจีนที่เดินทางมาไทย” กรกฎกล่าว

ประเทศไทยกำลังตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพื่อช่วยฟื้นกำลังซื้อในประเทศ โดยรัฐบาลเริ่มออกนโยบายและเปิดโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ที่จะช่วยรองรับนักท่องเที่ยว

ขณะที่การบินไทยนั้นเตรียมแผนให้สอดคล้องกับดีมานด์จากชาวจีนแล้วเช่นกัน โดยเมื่อเดือนก่อนเพิ่งประกาศเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทย-จีนขึ้นเป็น 56 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากเดิม 49 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และจะเริ่มเพิ่มจำนวนไฟลท์ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 ปัจจุบันการบินไทยมีเที่ยวบินเข้าสู่ 5 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจว คุนหมิง และเฉิงตู

สำหรับนโยบาย “ฟรีวีซ่า” ให้กับชาวจีนนั้น เริ่มตั้งแต่ 25 กันยายน 2566 ไปจนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 รัฐบาลไทยเลือกกำหนดนโยบายนี้ในช่วงดังกล่าว เพื่อหวังจะดึงนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเทศกาลวันหยุดสำคัญๆ ตั้งแต่วันชาติจีนในเดือนตุลาคม เทศกาลปีใหม่ช่วงสิ้นปี และเทศกาลตรุษจีนช่วงเดือนมกราคม

กรกฎกล่าวว่า ช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 มีผู้โดยสารบนไฟลท์การบินไทยที่เข้าออกประเทศจีนในสัดส่วนเพียง 50% ของที่เคยมีในช่วงก่อนเกิดโควิด-19

สายการบินยังมีความมั่นใจต่อการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมายังประเทศไทยในระยะยาว แต่ยังคงชั่งน้ำหนักอยู่ว่าการบินไทยควรจะเพิ่มจำนวนไฟลท์บินเข้าออกจีนขึ้นไปสูงเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 หรือไม่

“เรากำลังประเมินอยู่ว่าจำนวนผู้โดยสารจีนจะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะกลับไปเพิ่มจำนวนเที่ยวได้เท่ากับเมื่อปี 2562” กรกฎกล่าว

ข่าวการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานใหม่ขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยว โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน ประเทศไทยเริ่มเปิดใช้อาคาร “SAT-1” อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งใช้เม็ดเงินลงทุนไปกว่า 35,000 ล้านบาท

อาคาร SAT-1 จะช่วยรองรับผู้โดยสารเพิ่มได้สูงสุด 15 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันมีสายการบิน 2 สายแรกที่เข้าไปใช้บริการ คือ AirAsia X และ VietJet

“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวในงานพิธีเปิดใช้อาคาร SAT-1 เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า รัฐบาลนี้กำลังผลักดันการท่องเที่ยว เพราะเป็นเครื่องยนต์ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาของประเทศได้ “การท่องเที่ยวสามารถสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับคนไทยได้อย่างรวดเร็ว” เศรษฐากล่าว

Source

]]>
1446401
ผลสำรวจจาก Oliver Wyman เผย เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ทำชนชั้นกลางไม่อยากท่องเที่ยวต่างแดนในช่วงนี้ https://positioningmag.com/1445602 Tue, 26 Sep 2023 09:58:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445602 ผลสำรวจจากบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังอย่าง Oliver Wyman ที่ได้สำรวจชนชั้นกลางจีน พบว่า 54% ไม่อยากท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงระยะอันใกล้นี้ โดยสาเหตุสำคัญนั้นมาจากเรื่องสภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงผลสำรวจจาก Oliver Wyman บริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง ซึ่งทำสำรวจนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นชนชั้นกลาง พบว่าชนชั้นกลางจีนที่เคยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากถึง 54% ไม่อยากท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงระยะอันใกล้นี้

ผู้สำรวจที่เข้าเกณฑ์ของ Oliver Wyman จะต้องมีรายได้ต่อเดือนไม่น้อยกว่า 30,000 หยวน และเคยท่องเที่ยวต่างประเทศก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งผลสำรวจในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา 62% นั้นมองว่าไม่อยากเดินทางท่องเที่ยวในระยะอันใกล้นี้

ขณะเดียวกันในปี 2024 นักท่องเที่ยวจีนที่ไม่อยากออกท่องเที่ยวนั้นมีแค่ 9% แต่ผลสำรวจล่าสุดของ Oliver Wyman พบว่านักท่องเที่ยวมากถึง 22% ไม่มีแผนที่อยากท่องเที่ยวในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจในเดือนมิถุนายนซึ่งมีแค่ 6% เท่านั้น

Imke Wouters พาร์ตเนอร์ของ Oliver Wyman ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่จัดทำสำรวจดังกล่าว ได้กล่าวว่า ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีนกำลังจะกลับมาอีกครั้งหลังพรมแดนเปิด อาจต้องใช้เวลานานมากกว่าที่เราคาดไว้

ในผลสำรวจเดือนกันยายนยังชี้ว่า ผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 19% ที่กล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่ 32% มองว่าความอยากไปท่องเที่ยวต่างประเทศลดลง เนื่องจากเหตุผลทางด้านสภาวะเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวลง

แม้ว่าในไตรมาส 2 GDP ของจีนจะโตถึง 6.3% ก็ตาม แต่ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนเองได้ประสบปัญหาสภาวะฟื้นตัวช้ากว่าที่หลายฝ่ายมองไว้ ซึ่งเหตุผลหลักมาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจจีนช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาดังกล่าวได้สร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของชาวจีนอย่างมาก

นอกจากนี้ชาวจีนที่ได้ตอบแบบสำรวจดังกล่าวถึง 35% ยังต้องการที่จะเที่ยวในประเทศจีนมากขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจกระทบต่อประเทศที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีน เช่น ประเทศไทย หรือหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจจีนนั่นเอง

]]>
1445602