นักวิเคราะห์จาก Bank of America สถาบันการเงินในสหรัฐฯ ได้วิเคราะห์ถึงราคาตั๋วเครื่องบินในทวีปเอเชียว่าจะมีราคาแพงอีกสักระยะ แม้ว่าราคาจะขึ้นมาจากปี 2019 ราวๆ 25-30% แล้วก็ตาม สาเหตุสำคัญคือปริมาณเที่ยวบิน และต้นทุนอื่นๆ ของสายการบินที่ยังสูง
Bank of America สถาบันการเงินในสหรัฐฯ ได้ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับราคาตั๋วเครื่องบินในทวีปเอเชียว่ายังจะมีราคาแพงไปอีกระยะ โดยรายงานดังกล่าวชี้ว่าราคาตั๋วเครื่องบิน ณ ปัจจุบันมีราคาสูงกว่าปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิดราวๆ 25-30%
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินในเอเชียยังสูง เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาคือเรื่องของความต้องการเที่ยวบินที่ยังสูง แต่ปริมาณเที่ยวบินของสายการบินกลับยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยปริมาณเที่ยวบินต่างประเทศเฉลี่ยนั้นยังอยู่ราวๆ 85% ของปี 2019 ด้วยซ้ำ
ขณะที่ในสหรัฐอเมริกานั้นการแข่งขันของสายการบินได้เริ่มกลับมาแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี 2023 ขณะที่การแข่งขันของสายการบินในทวีปเอเชียอาจต้องใช้ระยะเวลายาวนานกว่า
ในรายงานของ Bank of America ยังชี้เหตุผลอื่นๆ ว่าทำไมราคาตั๋วเครื่องบินในทวีปเอเชียยังแพงอยู่
- เศรษฐกิจในเอเชียกลับมาเติบโตเหมือนปกติอีกครั้ง
- ต้นทุนของสายการบินยังสูง โดยเฉพาะราคาน้ำมันเครื่องบิน
- การส่งมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ล่าช้า ขณะเดียวกันสายการบินเตรียมปลดประจำการเครื่องบินเก่าด้วย
- สายการบินหลายแห่งเริ่มที่จะต้องนำเครื่องบินเข้าซ่อมแซมบำรุงรอบใหญ่อีกครั้ง
- การฝึกพนักงานใหม่ รวมถึงการจัดการภาคพื้นดินของสนามบิน
อย่างไรก็ดีมีปัจจัยที่ทำให้ราคาตั๋วลดลงมาบ้างคือปัจจัยจากความต้องการที่อัดอั้นนั้นได้ลดลงมาพอสมควรแล้ว นอกจากนี้การควบคุมค่าใช้จ่ายขององค์กรต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ปัจจัยหนึ่งที่ถูกตัดออกคือเรื่องการเดินทาง และยังรวมถึงปัญหาเรื่องของเงินเฟ้อและรายได้ของครัวเรือน
ขณะเดียวกันสายการบินในเอเชียคาดว่าเฉลี่ยอาจเพิ่มปริมาณเที่ยวบินอีก 10-15% ในช่วงหน้าหนาว และปริมาณเที่ยวบินจะสูงสุดในช่วงเดือนมีนาคม 2024 แม้ว่าในอนาคตหลายปัจจัยจะผ่อนคลายมากขึ้น แต่ในรายงานดังกล่าวยังคาดว่าอัตรากำไรของสายการบินในเที่ยวบินต่างประเทศจะสูงกว่าปี 2019 เฉลี่ยอยู่ราวๆ 10-20% ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าได้
รายงานดังกล่าวยังชี้ถึงปริมาณนักท่องเที่ยวของจีนที่ออกมานอกประเทศจีนว่าจะอยู่ที่ 64% ในเดือนมีนาคม 2024 ขณะที่ สิงคโปร์ อินเดีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกินค่าเฉลี่ยที่ 85% แสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนอาจต้องใช้เวลามากกว่าคาด