หลังจาก จีน ผ่อนคลายนโยบายควบคุมการระบาดของ COVID-19 มากขึ้น สิ่งที่ประชาชนชาวจีนโหยหาที่สุดคงไม่พ้น การเที่ยว หลังจากต้องอยู่แต่ในประเทศนาน 3 ปี อย่างไรก็ตาม การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนจากนี้ก็ไม่เหมือนเดิม แต่เน้นที่การท่องเที่ยวกับธรรมชาติมากขึ้นและเดินทางเป็นครอบครัว
เน้นสัมผัสธรรมชาติและไปเป็นครอบครัว
ตามข้อมูลของ สถาบันวิจัยการท่องเที่ยวขาออกของจีน ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวจีนที่เปลี่ยนไปว่า เมืองสำคัญ ๆ ในยุโรป เช่น เวนิส ปารีส และมาดริด ไม่ใช่ตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวจีนอีกต่อไป
โดยหลังจากที่เดินทางไปต่างประเทศไม่ได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนจากเน้นไปแลนด์มาร์กท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ไปสู่ การท่องเที่ยวสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้นและเน้นกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น เช่น การตั้งแคมป์ นอกจากนี้ ยังเน้นการเดินทางเป็น ครอบครัว
“ในช่วง 3 ปีของการปิดประเทศ ทุกคนต้องเดินทางในประเทศ รวมถึงคนรวยด้วย ซึ่งช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ นี่จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ” Wolfgang Georg Arlt ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ COTRI กล่าว
ยังใช้บริการกรุ๊ปทัวร์แต่ไปแบบกรุ๊ปเล็ก
นักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่ (55%) ยังเลือกจองการเดินทางต่างประเทศ ผ่านบริษัททัวร์ แต่การท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ ๆ แบบเดิมจะลดน้อยลง เพราะ คนจีนต้องการความเป็นส่วนตัวและความเป็นอิสระมากขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวแบบ private group ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด จะยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นไปอีก
เนื่องจากการแพร่ระบาด บริษัททัวร์หลายแห่งได้ปิดตัวลงหรือลดความจุลง นี่ถือเป็นโอกาสสำหรับน้องใหม่ที่กำลังเข้ามาในตลาดทัวร์ แต่ต้องสร้างความแตกต่างโดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวอย่างที่ระบุไปในข้างต้น ว่านักท่องเที่ยวจีนไม่ได้สนใจจะไปที่แลนด์มาร์กสำคัญ ๆ อีกต่อไป เขาต้องการความแตกต่าง และเขาไม่อยากไปที่ท่องเที่ยวซ้ำ ๆ ซึ่งจะยิ่งช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนหน้าใหม่
“ทัวร์แบบกลุ่มจะยังคงเป็นตัวเลือกแรกของพวกเขา แต่เขาอยากไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ใช่แลนด์มาร์กสำคัญ ๆ อีกต่อไป เช่น นักท่องเที่ยวชาวจีนอายุน้อยอาจชอบไปร้านกาแฟท้องถิ่นที่พวกเขาเห็นในโซเชียลมีเดียมากกว่า” ไซเมียน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาองค์กรของ Fliggy กล่าว
ต้องสู้กับท่องเที่ยวภายในประเทศ
ในปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศเกือบ 170 ล้านครั้ง ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน และจากการศึกษาของเว็บไซต์ Ctrip.com แพลตฟอร์มจองการเดินทางของจีนพบว่า เฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก มีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวต่างประเทศทะลุ 127.5 พันล้านดอลลาร์
ส่วนในปี 2566 นี้ คาดว่าการเดินทางออกนอกประเทศของจีนจะฟื้นตัวประมาณ 2 ใน 3 เมื่อเทียบกับปี 2562 หรือมีการข้ามพรมแดนจากจีนประมาณ 110 ล้านครั้ง อย่างไรก็ตาม การเดินทางในช่วงต้นปียังไม่ฟื้นตัวมากนัก เนื่องจากสายการบินที่ปิดไปนานทำให้ยังไม่มีความพร้อม โดยเฉพาะในส่วนของ นักบิน ส่งผลให้ในช่วงวัน 6-12 ก.พ. มีเที่ยวบินระหว่างประเทศจากจีนเติบโตเพียง 9% เมื่อเทียบกับปี 2562
อย่างไรก็ตาม ในจีนเองก็พยายามจะดึงให้คนจีนท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้มีการปรับปรุงคุณภาพและข้อเสนอที่หลากหลายของการเดินทางภายในประเทศ ดังนั้น การแข่งขันไม่ได้อยู่แค่กับประเทศอื่น ๆ แต่ต้องแข่งขันกับตลาดในประเทศด้วย โดยกลุ่มโรงแรม Accor ประมาณการว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนราว 3 ใน 4 จะยังคงอยู่ในประเทศ เพราะขีดความสามารถในการเดินทางระหว่างประเทศยังไม่อยู่ในระดับเดียวกันกับปี 2019
ปัจจุบัน ประเทศไทยถือเป็นปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวจีน โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์มีนักท่องเที่ยวชาวจีนราว 180,000 คน และคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวจีนมากถึง 15 ล้านคน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด