นักท่องเที่ยวชาวจีน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 09 Oct 2023 12:54:07 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ปริมาณชาวจีนท่องเที่ยวภายในประเทศช่วง Golden Week กลับมาเติบโตกว่าปี 2019 เล็กน้อยแล้ว https://positioningmag.com/1447261 Mon, 09 Oct 2023 07:11:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447261 ปริมาณชาวจีนท่องเที่ยวภายในประเทศช่วง Golden Week กลับมาเติบโตก่อนช่วงเวลาแพร่ระบาดของโควิดเล็กน้อยแล้ว หลังจากที่จีนต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจพักใหญ่ อย่างไรก็ดีหลายตัวเลขนั้นยังน่ากังวลไม่น้อยเนื่องจากต่ำกว่าเป้าที่รัฐบาลจีนได้วางไว้ด้วยซ้ำ

กระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของจีนได้เปิดเผย จำนวนการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วง Golden Week อยู่ที่ 826 ล้านเที่ยว เติบโต 4.1% ทำให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว 753,430 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 3.83 ล้านล้านบาท

โดยรายได้จำนวนดังกล่าวถือว่าเติบโตจากปี 2019 แล้ว 1.5% ถือเป็นการกลับมาเติบโตครั้งแรก หลังการแพร่ระบาดของโควิด

การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจีนนั้นดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจีนได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงเดือนธันวาคมของปี 2022 ที่ผ่านมา หลังใช้ยาแรงด้วยมาตรการโควิดเป็นศูนย์มาเป็นระยะเวลายาว และมาตรการดังกล่าวกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงเศรษฐกิจจีนเองด้วย

ช่วง Golden Week นั้นเป็นช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ตามประเพณีของจีน รวมถึงยังเป็นวันหยุดประจำชาติในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ในปีนี้รัฐบาลจีนได้ประกาศวันหยุดตั้งแต่วันศุกร์ที่ 29 กันยายน จนถึงวันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม ซึ่งระยะเวลาที่ยาวมากขึ้นถึง 8 วันทำให้ชาวจีนได้เดินทางท่องเที่ยว มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย

ปกติแล้วช่วง Golden Week ของชาวจีนจะมีระยะเวลาเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น

อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวที่ถือว่าต่ำกว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของจีนได้กล่าวกับ CCTV สื่อในประเทศจีนว่าตัวเลขการเดินทางของชาวจีนน่าจะอยู่ที่ราวๆ 896 ล้านครั้ง และรายได้จากการท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ราวๆ 782,500 ล้านหยวน

จากบทวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ที่ออกเมื่อเช้าวันจันทร์ (9 ตุลาคม) ยังได้ชี้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางภายในประเทศจีนนั้นมีจำนวนน้อยกว่าช่วงเดือนพฤษภาคม โดยมองว่าความต้องการในการท่องเที่ยวลดลง แต่ในช่วง Golden Week ของจีนแสดงให้เห็นว่าปริมาณการใช้จ่ายของชาวจีนพุ่งสูงสุดตั้งแต่มีการระบาดของโควิด ซึ่งแสดงให้เห็นการฟื้นตัวของภาคบริโภคของจีน

นอกจากนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติของจีน ได้รายงานตัวเลขบันทึกการเดินทางเข้าและออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ประมาณ 11.8 ล้านครั้งในช่วงวันหยุด เฉลี่ยคิดเป็นเกือบ 1.5 ล้านเที่ยวต่อวัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าเป็น 85.1% ของระดับในปี 2019 ก่อนมีการแพร่ระบาดของโควิด

ตัวเลขดังกล่าวยังถือว่าต่ำกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งรายงานโดยสื่อของรัฐบาลจีน ที่คาดการณ์ว่าจะมีการเดินทางข้ามพรมแดนเกือบ 1.6 ล้านครั้งต่อวัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนี้ยังแสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวชาวจีนที่ออกนอกประเทศยังถือว่าฟื้นตัวได้ช้าและต้องใช้เวลาฟื้นตัว

]]>
1447261
ไปนอกไม่ได้! “จีน” แห่เที่ยวในประเทศช่วง “โกลเด้นวีค” ยอดจองทริป 600 ล้านครั้ง https://positioningmag.com/1298915 Sat, 26 Sep 2020 10:57:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1298915 หลังต้องติดอยู่กับบ้านและในเมืองของตัวเองมานานเกือบ 9 เดือน คนจีนอยู่ในช่วงอัดอั้นต้องการออกทริปท่องเที่ยว แต่เนื่องจากทางการยังไม่แนะนำการออกนอกประเทศโดยไม่จำเป็น ทำให้เทรนด์การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลหยุดยาว ‘โกลเด้นวีค’ 8 วันของคนจีนเป็นการ “เที่ยวทางไกลในประเทศ” โดยมีเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นจุดหมายยอดนิยม Trip.com ประเมินว่าจะมีชาวจีนออกทริปในช่วงดังกล่าว 600 ล้านครั้ง หรือคิดเป็น 77% ของจำนวนทริปเมื่อปีที่แล้วในช่วงเดียวกัน

วันที่ 1 ตุลาคมนี้จะเป็นวันแรกของช่วงหยุดยาว 8 วัน เทศกาล “โกลเด้นวีค” โดยปีนี้จะรวมทั้งวันชาติจีนและเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงไว้ในช่วงวันหยุดเดียวกัน โดยพบว่าคนจีนเตรียมตัวออกท่องเที่ยวกันอย่างเต็มที่ หลังต้องติดอยู่กับบ้านหรือในเมืองตัวเองมานานเกือบ 9 เดือน

เอเจนซีทัวร์ออนไลน์อย่าง Trip.com ประเมินไว้ว่าจะมีคนจีนออกท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 600 ล้านครั้งในช่วงวันหยุดยาวนี้ เทียบกับปีที่แล้วซึ่งมีการออกทริปท่องเที่ยวราว 782 ล้านครั้ง เป็นตัวเลขที่ลดลง แต่ก็คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 77% ของช่วงเดียวกันปีก่อน

ทางการจีนยังคงเตือนนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวังไวรัสโคโรนา แต่ดำเนินนโยบายผ่อนคลายมากขึ้น โดยประกาศเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมาว่า ประชาชนสามารถท่องเที่ยวภายในประเทศได้ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของจีนถูกจัดให้เป็นพื้นที่ความเสี่ยงต่ำแล้ว เนื่องจากทั้งประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ไม่มีการรายงานการติดเชื้อโรคระบาด COVID-19 ภายในประเทศมามากกว่า 1 เดือน

ทั้งนี้ ยังคงมีคำเตือนไม่ให้ประชาชนเดินทางออกต่างประเทศโดยไม่จำเป็น เพราะโรคระบาดยังแพร่กระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงเตือนให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่างทางสังคม หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมนุมชนต่อไป

รัฐบาลจีนอนุญาตให้คนจีนแผ่นดินใหญ่ข้ามไปเที่ยวบนเกาะมาเก๊าได้ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนเป็นต้นไป (Photo : Pixabay)

นอกจากพื้นที่จีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนนี้ ชาวจีนจะได้รับอนุญาตให้ข้ามไปเที่ยวบน “เกาะมาเก๊า” ได้ เพราะเกาะนี้ไม่มีการรายงานผู้ติดเชื้อภายในเกาะมามากกว่า 1 เดือนแล้วเช่นกัน

จากการปลดล็อกการท่องเที่ยวและความอัดดั้นของชาวจีน บรรดาธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างหวังว่าจะได้รับอานิสงส์ทำรายได้เพิ่มจากกระแสนี้ โดยมีการจัดโปรโมชันหลากหลายประเภท เช่น คูปองลดราคา ฟรีค่าเยี่ยมชมสถานที่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่

 

ทริปทางไกลฮิตในหมู่คนจีน

รายงานของ Trip.com ระบุว่า Top 5 สถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่นยอดนิยมของคนจีน ยังคงเป็นเมืองเดิม คือ ซานย่า ลี่เจียง เซี่ยเหมิน ซีอาน และเฉิงตู

แต่ก็มีพื้นที่ที่เป็นที่นิยมมากขึ้นในปีนี้คือ เมืองหลานโจว มณฑลกานซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน โดยมีคนค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่นี้มากขึ้นเป็น 4 เท่า เมื่อเทียบข้อมูลเดือนกันยายนนี้กับปีก่อน

“เมื่อนักท่องเที่ยวไปต่างประเทศไม่ได้ พวกเขาก็เริ่มมองหาที่เที่ยวในประเทศที่เมื่อก่อนเป็นที่นิยมในกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น เพราะต้องใช้เวลาท่องเที่ยวมาก” บริษัทผู้สำรวจระบุ และยังชี้ให้เห็นว่า คนจีนต้องการไปเที่ยวในเมืองที่ไกลกว่าเดิมและพักอยู่นานมากขึ้นในหนึ่งทริป “มีเทรนด์ใหม่ของการไปเที่ยวให้ไกลถึงอีกซีกหนึ่งของประเทศ”

บริษัท Lvmama.com เว็บไซต์จองทริปท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งระบุเช่นกันว่า คนจีนเปลี่ยนจากการเที่ยวต่างประเทศมาเป็นการเที่ยวในประเทศที่ต้องเดินทางไกลขึ้น และพื้นที่เขตตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งมีวิวทิวทัศน์ธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และยังมีความหลากหลายด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น

หลานโจว มณฑลกานซู่ เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน กำลังเป็นที่นิยมในเทศกาลโกลเด้นวีค 2563 เพราะคนจีนต้องการเที่ยวทางไกลในประเทศทดแทนที่ออกต่างประเทศไม่ได้ (Photo : Pixabay)

Kuailiu เอเจนซีทัวร์ในเมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ กล่าวตรงกันว่ายอดจองทริปช่วงเทศกาลวันหยุดยาวนี้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนบริษัทต้องเพิ่มพนักงานพาร์ตไทม์ในเดือนนี้เพื่อรับนักท่องเที่ยว แต่ถึงแม้จะมียอดจองเข้ามามาก บริษัทยังตรึงราคาเดิมไว้อยู่

อย่างไรก็ดี แม้จะมีเทรนด์ท่องเที่ยวทั่วประเทศ กลุ่มคนที่ไปเที่ยวได้ยังมีเฉพาะผู้ใหญ่ ส่วนกลุ่มครอบครัวพร้อมเด็กวัยเรียนจะมีน้อยกว่า เนื่องจากกฎของโรงเรียนยังเข้มงวดไม่ให้นักเรียนเดินทางเที่ยวนอกเขตเมืองที่ตนเองอาศัย บางโรงเรียนถึงกับออกกฎห้ามโดยเด็ดขาด ยกตัวอย่างโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ มีกฎว่าถ้าผู้ปกครองพาเด็กออกนอกเมือง จะต้องรายงานโรงเรียน และต้องกักตัว 14 วัน หลังกลับมาจากนอกเมืองด้วย

สำนักข่าว SCMP รายงานว่า ผู้ปกครองบางส่วนยินดีทำตามกฎ และวางแผนวันหยุดยาวทำกิจกรรมกับลูกๆ เฉพาะในเมืองที่ตนเองอาศัย แต่บางส่วนก็ “ทนไม่ไหว” ที่จะต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้านหรือเมืองของตัวเอง และจะพาลูกออกไปเที่ยวต่างจังหวัด

สำหรับเทศกาลโกลเด้นวีควันชาติจีน ย้อนไปเมื่อปี 2562 เว็บไซต์เอเจนซีออนไลน์ Agoda เคยเปิดข้อมูลไว้ว่า ประเทศไทยคือจุดหมายยอดนิยมในต่างประเทศของคนจีนเป็นอันดับที่ 2 ในเทศกาลนี้ รองจากประเทศญี่ปุ่น โดยมี Top 3 เมืองยอดฮิตในไทยคือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ส่วน สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เคยประเมินไว้ว่าโกลเด้นวีคเมื่อปีก่อนมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยถึง 2.7 แสนคนภายในเวลาเพียง 7 วัน

ส่วนเดือนตุลาคมปี 2563 สถานที่ท่องเที่ยวต่างต้องพึ่งคนไทยเป็นหลักแทน แม้จะมีโปรแกรมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศได้แต่ก็เป็นโควตาจำนวนน้อยเพียง 1,200 คน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามจะกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวช่วงปลายปี โดยการเพิ่มวันหยุดยาวพิเศษคือวันที่ 19-22 พ.ย. 63 และ 10-12 ธ.ค. 63

แต่จะได้ผลแค่ไหนต้องรอติดตาม เพราะในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ หลายคนก็เลือกเก็บเงินไว้กับตัวก่อน มากกว่าจะใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยว

Source

]]>
1298915
ไป่ตู้ ชี้เป้า 10 อันดับเครื่องสำอาง-ครีมบำรุงผิวของไทยที่หมวยจีนชื่นชอบ https://positioningmag.com/1177836 Mon, 09 Jul 2018 05:50:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1177836 ไป่ตู้ แอคเซส ที่ปรึกษาและให้บริการใช้สื่อสารออนไลน์จีน เผย 10 อันดับสินค้าประเภทเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวที่ได้รับความนิยมสำหรับเป็นสินค้าของฝากของนักท่องเที่ยวชาวจีน เตรียมแผนกระตุ้นการสื่อสารให้มากขึ้น เพิ่มฐานลูกค้า และอันดับคำสืบค้นในระบบ 

นางสาวพัชรพร สิริทรัพย์วงศ์

พัชรพร สิริทรัพย์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ไป่ตู้ ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมความงามของไทยมีมูลค่าสูงกว่า 1.8 แสนล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 7.8% ต่อปี ดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลผิว เป็นตลาดความงามที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 45% หรือเกือบ 1 ใน 2 ของมูลค่าตลาดรวมทั้งหมด

ประเทศไทยเวลานี้ ถือเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความทันสมัย และตามกระแสโลกในเรื่องของเทรนด์การแต่งหน้า แต่งกาย มีการเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรม รูปแบบการแต่งหน้า แต่งกายจากทั้งยุโรปและเอเชียมาประยุกต์ใช้ อีกทั้งยังเป็นผู้นำกระแสด้านความงาม และสินค้าผู้หญิงในภูมิภาค เรามีสินค้าด้านความงาม และมีสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาครองใจลูกค้าชาวจีนอย่างต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ว่ามีสินค้าความงาม เครื่องสำอางจำนวนไม่น้อยแม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จกับการขายสินค้าให้กับลูกค้าชาวไทย แต่สามารถสื่อสาร สร้างการรับรู้ และประสบความสำเร็จในการทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีน จนสามารถดึงยอดขายสินค้าเหล่านั้นให้เป็นของฝากติดอันดับ และสร้างรายได้หลักกลับเข้ามายังประเทศได้อย่างสวยงาม

ผู้หญิงส่วนมากเมื่อไปท่องเที่ยวในต่างประเทศมักจะเลือกซื้อสินค้าประเภทแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง กลับมาเป็นของใช้ของฝาก ประเทศไทยเองสามารถขายสินค้าของฝากประเภทเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวให้เป็นสินค้าของฝากที่มีชื่อเสียง และเกิดการบอกต่อมายาวนาน โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมบนโลกโซเชียลมีเดียของจีนในช่วงระหว่างต้นปี 2018 และมีข้อมูลการแนะนำการเลือกซื้อสินค้าเหล่านี้กลับไปเป็นของใช้ของฝาก

10 อันดับสินค้ายอดนิยมโดนใจสาวจีน

เมื่อมีการจัดอันดับสินค้าพบว่า 10 อันดับได้แก่ แป้งทาหน้าผสมรองพื้น, ครีมทามือ บำรุงเล็บมือ, ยาแต้มสิว, ครีมกันแดด, สเปรย์กันยุง, อายไลเนอร์, มาสคาร่า, ดินสอเขียนคิ้ว, มาร์กหน้า (overnight mask ), สบู่สมุนไพร

โดยจะเห็นได้ว่า สินค้าความงามมีการแข่งขันกันทำการตลาดมากขึ้น โดยใช้ช่องทางการทำงานที่หลากหลายกันออกไป

แต่อีกช่องทางหนึ่งที่ได้รับการตอบรับอย่างดีคือการใช้ KOL (Key Opinion Leader) หรือ การใช้บุคคลผู้มีอิทธิพลในแต่ละสาขาบนโซเชียลมีเดีย สื่อสารข้อมูลสินค้า และบริการไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายหลายช่องทาง และช่องทางการสื่อสารเหมาะกับสินค้าประเภทความสวยงามที่ปัจจัยด้านการตัดสินใจซื้อเป็นเรื่องของอารมณ์ ความสวยงาม มากกว่าเหตุผลทางด้านประโยชน์การใช้งานหรือราคาของสินค้า

ไป่ตู้ แอคเซส จะช่วยวางแผนให้ผู้ประกอบการเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวแบรนด์ไทย สามารถเข้าไปสร้างการรับรู้ที่ดีแก่ลูกค้าชาวจีนได้ เนื่องจากเมื่อเราทราบถึงเทรนด์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแล้ว ลำดับต่อไปคือ วิธีการ หรือการสร้างช่องทางการสื่อสารที่จะทำให้สินค้านั้นๆ สามารถเข้าถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ.

]]>
1177836