บิตคอยน์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 08 Apr 2024 09:34:02 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ประเมินขาขึ้น ‘คริปโต’ คาดปีนี้มูลค่าตลาดทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์ โตขึ้น 2 เท่า! https://positioningmag.com/1469425 Mon, 08 Apr 2024 06:31:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469425 ถือเป็นปีที่ตลาด คริปโตเคอเรนซี่ หรือ สกุลเงินดิจิทัล กลับมาขาขึ้นอีกครั้ง เฉพาะแค่ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) หรือ BTC ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุด ได้ทำราคาสูงสุดทุบสถิติใหม่ขึ้นไปทะลุ 73,000 ดอลลาร์/BTC ไปเมื่อช่วงวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา จากมูลค่าของบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้น ทำให้มีการประเมินว่าปีนี้มูลค่าตลาดคริปโตฯ จะโตขึ้น 2 เท่า

Brad Garlinghouse CEO จาก Ripple ประเมินว่า มูลค่าของตลาดคริปโตฯ ปีนี้จะเพิ่มขึ้น สองเท่า หรือมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์ จากมูลค่า ณ วันที่ 4 เมษายน ที่ตลาดคมีมูลค่าประมาณ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากการมาถึงของกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ (ETFs) แห่งแรกของสหรัฐฯ

Bitcoin ETF กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในบิตคอยน์ ที่ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 10 มกราคมโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา พวกเขาซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอนุญาตให้สถาบันและนักลงทุนรายย่อยได้รับความเสี่ยงจาก บิตคอยน์โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง

ปัจจุบัน บิตคอยน์คิดเป็นประมาณ 49% ของตลาดคริปโตฯ ทั้งหมด โดยมีมูลค่าตลาด 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 1 เมษายน ซึ่งนับจากช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าบิตคอยน์เพิ่มขึ้นมากกว่า +140% โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 73,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ตามข้อมูลของ CoinGecko อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์ได้ตกลงไปต่ำกว่าระดับ 70,000 ดอลลาร์แล้ว

อีกปัจจัยที่ Garlinghouse มองว่าจะผลักดันตลาดคริปโตฯ ไปสู่จุดสูงสุดใหม่คือความเป็นไปได้ที่โมเมนตัมด้านกฎระเบียบเชิงบวกในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ทำให้นักลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลต่างมองในแง่ดีว่า ฝ่ายบริหารครั้งต่อไปจะอำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น

“ฉันคิดว่าเราจะได้รับความชัดเจนมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่อเมริกากลับไม่ค่อยเป็นมิตรกับตลาดคริปโตฯ อย่างไรก็ตาม ปีนี้น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางบวก”

นอกจากนี้ Marshall Beard ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Gemini บริษัทแลกเปลี่ยน crypto ของสหรัฐฯ คาดว่า ราคาบิตคอยน์จะเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 ดอลลาร์ ในปลายปีนี้ เนื่องจากครบรอบ บิตคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง (Bitcoin Halving) หรือการที่รางวัลจากการขุดบิตคอยน์จะถูกปรับลดลงครึ่งหนึ่ง 

Source

]]>
1469425
ยอมขาดทุน? ‘เทสลา’ เทขาย ‘Bitcoin’ 75% หวังเพิ่ม ‘เงินสด’ ในมือให้มากที่สุด https://positioningmag.com/1393355 Thu, 21 Jul 2022 03:11:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1393355 เมื่อต้นปีที่แล้ว เทสลา (Tesla) ได้ลงทุน 1.5 พันล้านดอลลาร์ ใน Bitcoin ขณะที่ CEO อย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ก็มักจะทวิตสนับสนุน สกุลเงินดิจิทัล เสมอ ๆ พร้อมทั้งเคยจะเปิดให้สามารถซื้อรถเทสลาด้วย Bitcoin ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เทสลาก็เทขาย Bitcoin ถึง 75% ทิ้ง

เทสลา เปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทได้ขาย Bitcoin ประมาณ 75% โดยยอดขายเหล่านั้นเพิ่มเงินสด 936 ล้านดอลลาร์ หรือราว 34,000 ล้านบาทในงบดุล ขณะที่มูลค่าของ Bitcoin ช่วงต้นไตรมาส 2 มีมูลค่าเกือบ 46,000 ดอลลาร์ แต่ช่วงสิ้นสุดไตรมาส 2 ก็ลดลงเหลือ 19,000 ดอลลาร์ ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 23,000 ดอลลาร์

หากย้อนไปช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 มูลค่าของ Bitcoin ที่เทสล่าถือครองอยู่ที่ 2.48 พันล้านดอลลาร์ และเหลือเพียง 2 พันล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นสุดปี อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ระบุว่ามูลค่าที่หายไปนั้นเกิดจากการขายหรือมูลค่าที่ลดลง ขณะที่ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มูลค่า Bitcoin หายไปกว่าครึ่ง

นักวิเคราะห์ Brian Johnson ที่ Barclays ประมาณการเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า เทสลาจะเห็นมูลค่าของ Bitcoin ที่หายไปเป็นมูลค่า 460 ล้านดอลลาร์จากการเทขายนี้

“เหตุผลที่เราขาย Bitcoin ที่ถือครองอยู่นั้นเป็นเพราะเราไม่แน่ใจว่าการล็อกดาวน์ในประเทศจีนจะบรรเทาลงเมื่อใด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราที่จะเพิ่มสถานะเงินสดให้สูงสุด แต่ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เป็นการตัดสินค่าของ Bitcoin และบริษัทจะเพิ่มการถือครองคริปโตในอนาคต” อีลอน มัสก์ กล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานว่าในช่วงไตรมาส 2 เทสลามี Bitcoin ที่ถือครองอยู่ประมาณ 42,000 ล้านดอลลาร์ ดังนั้น หากขายไป 75% แปลว่าเทสลาจะเหลือ Bitcoin อยู่ประมาณ 10,500 ดอลลาร์ ในช่วงท้ายไตรมาสนี้ และก่อนหน้านี้ เทสลาเคยเป็นบริษัทที่ถือ Bitcoin ที่มากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียง บริษัท MicroStrategy ของ ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) ที่เคยทำกำไรจากการลงทุนใน Bitcoin ถึง แสนล้านบาท

Source

]]>
1393355
FTC พบ ยอดตุ๋นลงทุน ‘คริปโต’ ปี 64 เสียหายกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท วัย 25-40 ปี เสี่ยงโดนโกงสูง 3 เท่า https://positioningmag.com/1391841 Fri, 08 Jul 2022 06:27:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1391841 แค่ตลาดคริปโตติดดอยก็ปวดใจแล้ว ยังต้องมาเจอกับ ‘มิจฉาชีพ’ ที่มาหลอกเอาเงินจากคริปโตอีก โดยจากรายงานของ Federal Trade Commission (FTC) พบว่า ทุก ๆ จำนวนการทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีจะมีเงินสูญหายประมาณ 4 ดอลลาร์ จากการฉ้อโกง ซึ่งมากกว่าวิธีการชำระเงินอื่น ๆ

คณะกรรมาธิการว่าด้วยการค้าแห่งสหพันธรัฐ หรือ FTC เปิดเผยว่า ในปี 2021 มีผู้ที่ถูกมิจฉาชีพหลอกหลวงในตลาดคริปโตถึง 4.5 หมื่นราย รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท โดย 70% ใช้ Bitcoin เพื่อจ่ายให้กับมิจฉาชีพ ตามด้วยเหรียญสกุล Tether และ Ether ขณะที่ เหยื่อมักจะมีอายุน้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 25-40 ปี มีแนวโน้มที่จะสูญเสียเงินเนื่องจากการฉ้อโกงถึง สามเท่า

ขณะที่ เกือบครึ่งหนึ่ง ของผู้ที่ออกมาแจ้งความว่าสูญเสียเงินจากการหลอกลวงคริปโตในปี2021 ระบุว่า พวกเขาถูกหลอกผ่านโพสต์ออนไลน์หรือข้อความโซเชียลมีเดีย โดยโพสต์มากกว่าครึ่งถูกเห็นบน Facebook หรือ Instagram

ทั้งนี้ การต้มตุ๋นหลอกลวงในตลาดคริปโตกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยอัตราการก่ออาชญากรรมพุ่งสูงขึ้น 60 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2018 เนื่องจากนักต้มตุ๋นมีข้อได้เปรียบตรงที่ธนาคารจะไม่สามารถตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยได้เหมือนกับการเงินปกติ อีกทั้งระบบการโอนที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ และนักลงทุนมือใหม่ที่ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับวิธีการทำงานของคริปโต

อย่างในเดือนกุมภาพันธ์ คณะลูกขุนใหญ่ของรัฐบาลกลางในซานดิเอโกได้ฟ้องร้องผู้ก่อตั้ง BitConnect เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า หลอกลวงนักลงทุนเกี่ยวกับ โปรแกรมการให้กู้ยืมเงินของสกุลเงินดิจิทัล โดยอ้างว่าเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะนำผลตอบแทนที่สำคัญมาสู่นักลงทุนโดยการติดตามตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

หรืออย่างในเดือนพฤษภาคม CEO ของ Mining Capital Coin ถูกฟ้องในข้อหา “เตรียมแผนฉ้อโกงการลงทุนทั่วโลกมูลค่า 62 ล้านดอลลาร์” ซึ่งให้คำมั่นว่าจะได้รับผลตอบแทนมหาศาลจากการขุดคริปโตเคอร์เรนซีใหม่ ๆ โดยในทั้งสองกรณี นักต้มตุ๋นสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนมหาศาลแก่นักลงทุน แต่กลับเอาเงินใส่กระเป๋าเงินดิจิทัลของพวกเขาเอง

ดังนั้น FTC เตือนว่า ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนกับใครก็ตามที่สัญญาว่าจะ รับประกันผลตอบแทน

“ไม่มีการรับประกันว่าการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลจะสร้างรายได้ การลงทุนที่ถูกกฎหมายจะไม่บังคับให้คุณต้องซื้อสกุลเงินดิจิทัล หรือหากมีการขอให้ส่งคริปโตให้แทนการบอกรักกับคนที่เจอผ่านแอปหาคู่ นั่นถือเป็นการหลอกลวง” FTC กล่าว

Source

]]>
1391841
ดอยยาว ๆ ‘Bitcoin’ ร่วง ‘ต่ำล้าน’ ครั้งแรกในรอบ 16 เดือน https://positioningmag.com/1385122 Thu, 12 May 2022 09:02:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1385122 สำหรับนักเทรดสกุลเงินดิจิทัลหรือตลาดคริปโตเคอร์เรนซีตอนนี้คงปาดเหงื่อกันเป็นแถบ เพราะว่าดิ่งลงแทบทุกสกุลเงิน และสำหรับ Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่า 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9.4 แสนบาท เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 16 เดือน เนื่องจากความกลัวเรื่องเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและการล่มสลายของโครงการ Stablecoin

ราคาของ Bitcoin ลดลงเหลือ 26,595.52 ดอลลาร์สหรัฐ ในเช้าวันพฤหัสบดีตามข้อมูลของ Bitstamp นั่นนับเป็นครั้งแรกที่ bitcoin ได้จมลงต่ำกว่าระดับ 27,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2020 และถือว่าลดลง 15%ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ส่วน Ether สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสอง โดยมีค่าต่ำสุดที่ 1,789 ดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นครั้งแรกที่ตกลงต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021 โดยลดลง 23%

ในช่วงที่ตลาดคริปโตฯ ขึ้นสู่จุดสูงสุดเพราะนักลงทุนแห่ลงทุนเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่แย่ลงในช่วงการระบาดของ COVID-19 แต่เพราะปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนเมษายน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้และใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

รวมถึงการล่มสลายของโปรโตคอล Stablecoin Terra โดย TerraUSD หรือ UST ควรจะสะท้อนมูลค่าของเงินดอลลาร์ แต่ร่วงลงเหลือไม่ถึง 30 เซนต์ในวันพุธ ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงถึงสิ่งที่เรียกว่าพื้นที่การเงินแบบกระจายอำนาจ อย่างเช่น Luna ซึ่งเป็นโทเคน Terra อีกตัวหนึ่งที่มีราคาลอยตัวและมีไว้เพื่อรองรับการกระแทกของราคา UST กลับติดลบมูลค่า 97% ของมูลค่าภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่า UST ด้วยซ้ำ

Source

]]>
1385122
Tesla ร่วมโครงการ “ขุดบิตคอยน์” ด้วยพลังงานโซลาร์ ปิดช่องดราม่าทำลายสิ่งแวดล้อม https://positioningmag.com/1381226 Mon, 11 Apr 2022 08:10:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381226 Tesla ประกาศร่วมโครงการ “ขุดบิตคอยน์” กับ Block บริษัทด้านการชำระเงิน และ Blockstream Corp บริษัทด้านบล็อกเชน โดยทางผู้ผลิตรถยนต์จะร่วมธุรกิจด้วยฟาร์มโซลาร์และเทคโนโลยีแบตเตอรี่

อดัม แบ็ค ซีอีโอของ Blockstream เป็นผู้ประกาศข่าวการร่วมมือกันครั้งนี้เมื่อวันศุกร์ที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า Block จะเป็นผู้ลงทุนมูลค่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนทาง Tesla จะเป็นผู้ก่อสร้างระบบพลังงานโซลาร์ และจะมีการใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ “Megapack” ของบริษัทเข้ามาเสริม ขณะที่ Blockstream จะเป็นผู้บริหารโครงการด้วยความเชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน

สำหรับโครงการดังกล่าว แต่เดิมเริ่มร่วมมือกันระหว่างสองบริษัทคือ Blockstream และ Block มาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีก่อน โดยต้องการจะสร้างเหมืองบิตคอยน์ที่ใช้พลังงานโซลาร์ในการขุด และสร้างเป็นระบบโอเพ่นซอร์ส ตั้งเป้าเปิดเหมืองในรัฐเท็กซัส

โอเพ่นซอร์สที่ว่านี้คือ โครงการต้องการจะพิสูจน์ว่าเหมืองบิตคอยน์ที่ใช้พลังงานโซลาร์หรือพลังงานหมุนเวียน 100% จะทำได้จริงหรือไม่ โดยจะเปิดแดชบอร์ดให้บุคคลภายนอกเข้ามาดูมาตรวัดต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ ทั้งการผลิตพลังงานเข้าเหมือง การกักเก็บไฟฟ้า และจำนวนบิตคอยน์ที่ขุดได้จริง

บิตคอยน์มีเงื่อนไขการสร้างขึ้นด้วยการใช้คอมพิวเตอร์ศักยภาพสูงจำนวนมากมาแข่งขันกันแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ซึ่งการทำเช่นนั้นจะต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้ามหาศาลมาหล่อเลี้ยงคอมพิวเตอร์ และไฟฟ้าก็มักจะผลิตมาจากถ่านหิน ทำให้นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมต่างจับตามองและต่อต้านการผลิตบิตคอยน์ขึ้นมา

เรื่องนี้ทำให้ Tesla ถูกกดดันอย่างหนักเมื่อเดือนพฤษภาคม 2021 เพราะบริษัทเปิดตัวว่าจะรับชำระเงินค่ารถยนต์ด้วยสกุลเงินบิตคอยน์ ซึ่งนักกิจกรรมมองว่า ขัดแย้งกับเป้าหมายของบริษัทที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหาการปล่อยมลพิษจากรถยนต์สันดาป ในที่สุด บริษัทจึงต้องหยุดการรับชำระเงินด้วยบิตคอยน์ไปก่อน

ด้านบริษัท Block นั้นชื่อเดิมคือ Square และเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นโดย “แจ็ค ดอร์ซีย์” อดีตซีอีโอของ Twitter ล่าสุด “อีลอน มัสก์” ก็เพิ่งจะซื้อหุ้นของ Twitter จนขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดในบริษัท แต่ประกาศไม่รับตำแหน่งในบอร์ดคณะกรรมการ (อ่านต่อเรื่องของมัสก์กับ Twitter ที่นี่)

Source: Reuters, CNBC

]]>
1381226
โดนใจสายขุด! ‘Intel’ เตรียมเปิดตัวชิปสำหรับขุดคริปโตที่แรงกว่าคู่แข่ง 1,000 เท่า แถมประหยัดพลังงาน https://positioningmag.com/1374183 Wed, 16 Feb 2022 07:32:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1374183 ที่ผ่านมาเหล่านักขุดบิตคอยน์หรือเหรียญ cryptocurrency ต่างพยายามจัดคอมให้แรงที่สุดเพื่อใช้ในการขุด แต่อุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานเฉพาะด้านแบบนั้น Intel ซึ่งได้เสียงเรียกร้องจากลูกค้าจึงออกแบบชิปใหม่สำหรับใช้ขุดคริปโตโดยเฉพาะ ซึ่งแรงกว่าคู่แข่ง 1,000 เท่า แถมยังประหยัดพลังงานกว่าอีกด้วย

Raja Koduri รองประธานอาวุโสของ Accelerated Computing Systems and Graphics Group ของ Intel กล่าวว่า การขุดคริปโตฯ และการทำบล็อกเชนโดยทั่วไปต้องใช้พลังประมวลผลจำนวนมหาศาล ผู้ผลิตชิปจึงตั้งเป้าที่จะผลิตชิปประหยัดพลังงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทำให้ Intel ลงทุนในเทคโนโลยีบล็อกเชนด้วยชิปตัวใหม่ที่สามารถใช้ในการขุดคริปโตฯ โดยชิปดังกล่าวจะมีเทคโนโลยีการคำนวณพลังงานในระดับต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ประหยัดมากขึ้น

“ชิปประมวลผลใหม่ของ Intel จะสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนด้วยแผนงานของตัวเร่งความเร็วที่ประหยัดพลังงาน เนื่องจากที่ผ่านมา ลูกค้าของเรากำลังถามหาโซลูชันที่ปรับเปลี่ยนได้และยั่งยืน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงมุ่งเน้นความพยายามในเข้าถึงศักยภาพของบล็อกเชนอย่างเต็มที่ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด”

ที่ผ่านมา มีข่าวหลุดออกมาว่าชิปดังกล่าวของ Intel จะใช้ Code Name ว่า ‘Bonanza’ โดยจะเป็นชิปแบบวงจรรวมแอปพลิเคชันเฉพาะ (Application-Specific Integrated Circuits : ASIC) ซึ่งถือเป็นโปรเซสเซอร์พิเศษที่ออกแบบมาเพื่อใช้เฉพาะทาง ซึ่งก็คือ ใช้ขุดคริปโตและบล็อกเชน โดยทาง Intel ได้อวดว่า เจ้าชิปใหม่นี้ จะมีประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 1,000 เท่าเมื่อเทียบกับ GPU หลักสำหรับการขุดที่ใช้ระบบอัลกอริทึม SHA-256

ทั้งนี้ ชิปใหม่ของ Intel จะวางจำหน่ายภายในช่วงปลายปี โดยมีบริษัทพลังงานไฟฟ้าของสหรัฐฯ GRIID Infrastructure, บริษัทขุดคริปโต Argo Blockchain และ Block ของ Jack Dorsey เป็นกลุ่มลูกค้ารายแรก ๆ

Source

]]>
1374183
เริ่มฟื้น! ‘Bitcoin’ พลิกกลับมาสู่ ‘45,000 ดอลลาร์’ หลังมูลค่าดิ่งหาย 50% ช่วงเดือนม.ค. https://positioningmag.com/1373307 Tue, 08 Feb 2022 12:59:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373307 Bitcoin (บิตคอยน์) สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก เคยมูลค่าหายเกือบครึ่งหนึ่งในเดือนมกราคมเมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ 68,990 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์นี้มูลค่าของบิตคอยน์ก็ค่อย ๆ ฟื้นมาสู่ระดับ 45,000 ดอลลาร์

CoinMarketCap ระบุว่า บิตคอยน์ทะยานพุ่งเกิน 45,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในชั่วข้ามคืน และถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน หลังจากที่เดือนมกราคมเรียกได้ว่าแทบทั้งตลาดคริปโตติดตัวแดง โดยบิตคอยน์ดิ่งต่ำสุด 35,479 ดอลลาร์ จากที่เคยไต่ระดับสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่มูลค่า 68,990 ดอลลาร์

ยังไม่ชัดเจนว่าอะไรเป็นสาเหตุของการพุ่งขึ้นครั้งล่าสุด แต่ราคาของสกุลเงินดิจิทัล ได้ปรับตัวดีขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในที่สุดก็พุ่งทะลุ 40,000 ดอลลาร์อีกครั้งหลังจากขาดทุนนานหลายสัปดาห์ แต่มูลค่าก็ยังหายไป 34% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดตลอดกาล

ในขณะเดียวกัน Ethereum ซื้อขายที่ 3,218.98 ดอลลาร์ โดยยังติดลบมากกว่า -34% จากระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 4,891.70 ดอลลาร์ ส่วนเหรียญมีมอย่าง shiba inu ก็เพิ่มขึ้นมากกว่า +20% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“บิตคอยน์กำลังฟื้นตัว และจะรักษาโมเมนตัมนี้ได้” Craig Erlam นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ Oanda กล่าว

นักลงทุนรู้สึกกระวนกระวายใจเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณว่าอาจผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเชิงรุกมากกว่าที่คาดไว้ ขณะที่หลายรัฐบาลเองก็ปราบปรามด้วยเช่นกัน สำนักข่าว Reuters รายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าธนาคารกลางของรัสเซียได้เสนอห้ามใช้คริปโตและการขุด

ทั้งนี้ รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการขุดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยธนาคารกลางของรัสเซียมองว่า สกุลเงินดิจิทัลอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางการเงินของประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวของรัสเซียมีขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ จีน เปิดตัวการปราบปรามคริปโตเคอร์เรนซีอย่างเต็มรูปแบบโดยห้ามทั้งการซื้อขายและการขุด

ส่วนประเทศอินเดียที่ทำท่าว่าจะแบน แต่ล่าสุดได้ อินเดียกำลังวางแผนที่จะเปิดตัว รูปีเวอร์ชันดิจิทัล และกลายเป็นประเทศล่าสุดที่เร่งสร้างสกุลเงินเสมือนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ

Source

]]>
1373307
ดิ่งไม่พัก! มูลค่า Bitcoin ร่วงเกือบ 50% นับตั้งแต่พ.ย. 64 เนื่องจากหลายประเทศเริ่มแบน https://positioningmag.com/1371360 Mon, 24 Jan 2022 08:04:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371360 Bitcoin (บิตคอยน์) สูญเสียมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่ง หลังแตะระดับสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2021 โดยมูลค่าเงินดิจิทัลที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศเศรษฐกิจหลักทั้งสหรัฐฯ และจีน ต่างพยายามควบคุม หลังกระแส Cryptocurrencies ได้ความนิยมเพิ่มขึ้น

ไม่ใช่แค่ Bitcoin เท่านั้นที่มูลค่าลดลง แต่เรียกได้ว่าแทบ ทั้งตลาดคริปโตฯ ที่เปิดปีมาแบบน่าผิดหวัง โดย Bitcoin ร่วงลงมากกว่า -8% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และซื้อขายที่ 35,479 ดอลลาร์ ณ เวลา 9:30 น. ET ตาม CoinDesk โดยสกุลเงินดิจิทัลที่มีค่าที่สุดในโลก มูลค่าได้ร่วงลงกว่า -20% ตั้งแต่ต้นปี และลดลงเกือบ 50% เมื่อนับระดับสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน ที่มูลค่า 68,990 ดอลลาร์

ส่วน Ethereum ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีค่าที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ร่วงลงมากกว่า -12% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และซื้อขายที่ประมาณ 2,400 ดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันเสาร์ ตามรายงานของ CoinDesk นั่นลดลงเกือบ -30% ตั้งแต่เริ่มต้นปีใหม่

นักลงทุนเริ่มกระวนกระวายใจเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณว่าอาจผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเชิงรุกมากกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ รัฐบาลในหลายประเทศก็เริ่มออกมาปราบปรามเช่นกัน

โดย ธนาคารกลางของรัสเซีย ได้เสนอห้ามการใช้คริปโตฯ และการขุด โดยธนาคารกลางกล่าวว่าสกุลเงินดิจิทัลอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางการเงินของประเทศ ขณะที่รัสเซียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการขุดคริปโตฯ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่รู้กันว่า จีน ก็มีนโยบายการปราบปรามคริปโตฯ อย่างเต็มรูปแบบโดยห้ามทั้งการซื้อขายและการขุด นอกจากนี้ยังมี อินเดีย ที่กำลังเตรียมที่จะแนะนำร่างกฎหมายที่จะควบคุมสกุลเงินดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่มองโลกในแง่ร้าย Goldman Sachs มองว่า ราคาของ bitcoin อาจสูงถึง 100,000 ดอลลาร์ ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยนักวิเคราะห์มองว่า bitcoin จะขโมยส่วนแบ่งการตลาดจากทองคำมากขึ้นในอนาคต

Source

]]>
1371360
ผู้บริโภค-ภาคธุรกิจ ใช้ ‘Bitcoin’ เพื่อชำระเงินลดลง หันมาใช้ ‘เหรียญทางเลือก’ เพิ่มขึ้น https://positioningmag.com/1370585 Mon, 17 Jan 2022 09:20:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370585 ผู้บริโภคเเละภาคธุรกิจต่างๆ เริ่มหันมาใช้เงินคริปโตเคอร์เรนซีสกุลอื่นๆ เพื่อซื้อของทั่วไป นอกเหนือจากพี่ใหญ่อย่าง ‘Bitcoin’ มากขึ้น ส่วนใหญ่นิยมใช้เงินดิจิทัลซื้อ ‘สินค้าหรู’

ข้อมูลของ BitPay หนึ่งในผู้ให้บริการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตฯ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบว่าเเนวโน้มการใช้งานเหรียญ Bitcoin ทั้งในส่วนผู้บริโภคและธุรกิจกำลังเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ โดยมียอดซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบน BitPay เหลือประมาณ 65% จากเดิม 92% ในปี 2020 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้คนหันไปใช้ ‘เหรียญดิจิทัลอื่นๆ’ แทนมากขึ้น

Ether เหรียญดิจิทัลที่ได้รับความนิยมเป็นเบอร์สองรองจาก Bitcoin มีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15% กลุ่มเหรียญ stablecoin อยู่ที่ 13% และกลุ่มเหรียญสกุลดิจิทัลอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น อย่าง Dogecoin, Shiba Inu และ Litecoin ที่ 3%

การใช้ ‘เหรียญทางเลือก’ เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับเหรียญดิจิทัลในฐานะสื่อกลางการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน บรรดาธุรกิจต่างๆ เเละผู้บริโภคเริ่มหันมาใหญ่เหรียญ stablecoin กันมากขึ้น เนื่องจากมี ‘มูลค่าเสถียรกว่า’ เมื่อราคาตลาดคริปโตฯ ลดลง เเละผันผวนสูง

ประกอบกับปัจจุบันเหรียญ stablecoin มีตัวเลือกในการใช้มากขึ้น มีการรับรองและมีแหล่งที่มาที่ไปที่ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจใช้ชำระสินค้าแทน Bitcoin มากขึ้น เพราะรู้สึกปลอดภัยกว่า

ยกตัวอย่างเช่น เหรียญ ‘Doge’ ที่มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Elon Musk ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของเเบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ประกาศให้ใช้เหรียญดังกล่าวซื้อสินค้าของบริษัทได้

อีกปัจจัยหนึ่งคือ ด้วยราคาของ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นกว่า 60% ในปีที่แล้ว แม้จะมีความผันผวนในช่วงปลายปี เเต่นักลงทุนจำนวนมากก็เลือกที่จะ ‘ถือยาว’ ในสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่นำมาใช้จ่าย

ในช่วงที่ผ่านมา มีการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้เพื่อซื่อสินค้าหรูหรา อย่าง เครื่องประดับ นาฬิกา รถยนต์ เรือ หรือแม้แต่ทองคำ

โดยข้อมูลของ BitPay พบว่า มีการใช้เหรียญดิจิทัลซื้อสินค้าหรูเพิ่มขึ้นจาก 9% ในปี 2020 มาอยู่ที่ 31% ในปี 2021 ขณะที่ภาพรวมปริมาณการใช้จ่ายเงินดิจิทัลผ่านระบบของ BitPay เพิ่มขึ้นถึง 57% เลยทีเดียว

BitPay ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 เริ่มจากเป็นบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่แห่งในโลกที่ยอมรับการชำระเงินด้วยเหรียญดิจิทัล โดยปัจจุบันมีธุรกรรมเฉลี่ย ประมาณ 66,000 รายการต่อเดือน นับเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับปริมาณธุรกรรมของ VISA ผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่ ที่มีมากกว่า 2.06 เเสนล้านรายการ (ณ วันที่ 30 มิ.ย.64)

อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณธุรกรรมที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เเต่มีพนักงานเพียง 80 คนของ BitPay ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก มองเห็นเเนวโน้มในตลาดที่กำลังจะเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมทิศทางการยอมรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินคริปโตฯ มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราจะได้เห็นการเปลี่ยนเเปลงอย่างมากในช่วงต่อไปจากนี้

 

ที่มา : Bloomberg 

]]>
1370585
การขุด ‘Bitcoin’ ฟื้นตัว 113% ‘อเมริกา’ ขึ้นแท่นศูนย์กลางโลกแทน ‘จีน’ https://positioningmag.com/1366405 Sun, 12 Dec 2021 03:16:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1366405 เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ‘รัฐบาลจีน’ ได้ทำการปิดเหมืองขุดบิตคอยน์ (Bitcoin) ที่ใหญ่ที่สุดของจีน จนทำให้นักขุดทั่วโลกยิ้มออก เพราะทำให้ขุดได้ง่ายขึ้นเนื่องจากคู่แข่งจากจีนหายไป และล่าสุดมีการพบว่าตลอด 5 เดือนหลังจากการปราบปรามของจีน ปริมาณการขุดบิตคอยน์ได้กลับมาเติบโตถึง 113%

จากการวัดค่า hash rate ซึ่งเป็นคำนวณที่นักขุดใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการทำธุรกรรมบน Bitcoin Blockchain พบว่า ประเทศจีนถือเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมนี้มานานแล้ว โดยการคาดการณ์ในอดีตระบุว่า 65-75% ของการขุด bitcoin ของโลกเกิดขึ้นที่จีน แต่หลังจากที่รัฐบาลจีนไล่ปิดเหมืองขุดบิตคอยน์ ทำให้  hash rate bitcoin มากกว่า 50% หายไปจากเครือข่ายทั่วโลก

แต่จากข้อมูลจาก Blockchain.com ให้ช่วงวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าเครือข่ายได้ฟื้นตัวจากการสูญเสียเหล่านั้นอย่างสมบูรณ์ โดยอัตรา Hash ของเครือข่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 113% ในช่วง 5 เดือน โดยโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นใน hash rate อาจเป็นลางดีสำหรับราคาของบิตคอยน์ ซึ่งถือเป็นคริปโตฯ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกที่มูลค่าเพิ่งลดลง 30% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา

“เครือข่าย bitcoin ทนต่อการโจมตีจากมหาอำนาจหลัก และแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคยในอีก 6 เดือนต่อมา” Kevin Zhang จาก Foundry บริษัทสกุลเงินดิจิทัล กล่าว

เมื่อครึ่งหนึ่งของเครือข่าย bitcoin หายไปในช่วงเดือนมิ.ย. ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า นักขุดจะกลับมาออนไลน์อีกครั้งในอเมริกาเหนือ และมีการคาดการณ์มากมายเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการกู้คืนเครือข่ายเป็นระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีใครคาดว่าจะกลับมาภายในสิ้นปีนี้

นักขุด Bitcoin และวิศวกรของเทกซัส Marshall Long ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมที่ Rhodium Enterprises ซึ่งเป็นผู้ขุด Bitcoin แบบครบวงจรโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานระบายความร้อนด้วยของเหลว กล่าวว่า รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

“ผมคิดว่าเราจะมาที่นี่ในช่วงปลายเดือนมกราคม ต้นเดือนกุมภาพันธ์ บางคนคิดว่ามันจะใช้เวลานานกว่านั้นอีก โดยใช้เวลาอีก 6-12 เดือน”

Kevin Zhang จาก Foundry บริษัทสกุลเงินดิจิทัล กล่าวว่า การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเครือข่ายบิตคอยน์เกิดขึ้นเนื่องจากสหรัฐฯ ได้วางรากฐานที่จะกลายเป็นนครแห่งใหม่สำหรับการขุด โดยในสหรัฐฯ มี “ความต้องการการเติบโตอย่างมาก การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการใช้ประโยชน์จากพลังงานที่มีอยู่”

โดยบริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มความสามารถในการโฮสต์อย่างเงียบๆ เป็นเวลาหลายปี โดยพนันว่าหากมีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอ คนงานเหมืองก็จะตั้งร้านในสหรัฐอเมริกาเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

Source

]]>
1366405