มาตรการสุขอนามัย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 22 Dec 2020 13:45:57 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 อยู่บ้านเถอะ! “เกาหลีใต้” สั่งปิดสกีรีสอร์ต ห้ามรวมกลุ่มเกิน 4 คน สกัดระบาดช่วงปีใหม่ https://positioningmag.com/1311579 Tue, 22 Dec 2020 11:02:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1311579 “เกาหลีใต้” มีคำสั่งเพิ่มเติม ปิดสกีรีสอร์ตและจุดท่องเที่ยวหน้าหนาวทั้งหมด เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.นี้ ถึง 3 ม.ค. 2021 ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้มีคำสั่งห้ามการรวมกลุ่มเกิน 4 คนในกรุงโซลและปริมณฑล เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกสามที่ยังควบคุมไม่ได้

ชุง เซ-กยุน นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ประกาศการตัดสินใจของรัฐบาล สั่งปิดจุดเล่นสกีในรีสอร์ต สถานที่เล่นสกี ลานสเก็ตน้ำแข็ง และจุดท่องเที่ยวฤดูหนาวทั้งหมด รวมถึงห้ามการรวมกลุ่มเกิน 4 คน และจะมีการดูแลที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับร้านอาหาร เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2020 ถึง 3 ม.ค. 2021

การสั่งปิดครั้งนี้ไม่ได้ปิดโรงแรมทั้งหมด แต่กำหนดให้โรงแรมและรีสอร์ตสามารถรับจองที่พักได้ไม่เกิน 50% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด

คำสั่งเหล่านี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากที่รัฐบาลเกาหลีใต้เพิ่งยกระดับความเข้มงวดในเขตกรุงโซลและปริมณฑล สั่งห้ามการรวมกลุ่มเกิน 4 คนระหว่างวันที่ 23 ธ.ค. 2020 ถึง 3 ม.ค. 2021 ไปแล้ว เป็นการคุมเข้มรับมือช่วงฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ หลังจากเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน เกาหลีใต้เพิ่งสั่งห้ามการจัดเลี้ยงสังสรรค์ในที่สาธารณะ เช่น ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง โรงแรม ในเขตโซลและปริมณฑลยาวแบบไม่มีกำหนด

สาเหตุที่เกาหลีใต้ต้องคุมเข้ม เพราะมีการระบาดระลอกสามของโรค COVID-19 โดยยังคงมีเคสใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค. 2020 สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 869 ราย ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงสุดสัปดาห์ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกินกว่าวันละ 1 พันราย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีใต้ยังยืนยันว่ายังไม่มีแนวคิดที่จะใช้มาตรการเฟส 3 เพื่อควบคุมการระบาด โดยเฟส 3 จะเป็นเฟสขั้นสูงสุดคือสั่งล็อกดาวน์ประชาชนอยู่กับบ้าน ซึ่งจะทำร้ายประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย

“ข้อความขอร้องจากรัฐบาลถึงประชาชนนั้นชัดเจน” ชุงกล่าว “เราร้องขอคุณด้วยความจริงใจให้ยกเลิกการเดินทางและการรวมกลุ่มทั้งหมด และขอให้อยู่บ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่นี้”

Source

]]>
1311579
ไม่ใส่ห้ามเข้า! Walmart ค้าปลีกเบอร์ 1 สหรัฐฯ ออกกฎให้ลูกค้า “ต้อง” สวมหน้ากากอนามัย https://positioningmag.com/1288027 Thu, 16 Jul 2020 04:33:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1288027 Walmart ห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เป็นห้างรายล่าสุดที่ออกกฎให้ลูกค้าต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือเครื่องป้องกันใบหน้าก่อนเข้าใช้บริการ เริ่มวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ โดยก่อนหน้านี้มีค้าปลีกรายใหญ่หลายแห่งที่ออกกฎแบบเดียวกัน เช่น Best Buy, Costco, Apple Store ส่งผลให้เกิดการปะทะระหว่างพนักงานร้านกับลูกค้าที่ไม่ยอมสวมมาสก์แต่ยืนยันจะเข้าใช้บริการ

ห้างสรรพสินค้า Walmart ประกาศนโยบายใหม่ออกกฎให้ลูกค้า “ต้อง” สวมหน้ากากอนามัยหรือเครื่องป้องกันใบหน้าเมื่อเข้าใช้บริการในร้าน เริ่มต้นวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโรคระบาด COVID-19 ในสหรัฐฯ ยังพุ่งทะยานในหลายรัฐ

ดาโคนา สมิธ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Walmart U.S. แถลงในประกาศบนเว็บไซต์บริษัทว่า สาขา Walmart และ Sam’s Club ห้างค้าส่งในเครือ มีจำนวนรวมกันกว่า 5,000 สาขา 65% ในจำนวนนี้อยู่ในพื้นที่ที่รัฐได้ออกกฎหมายระบุให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอยู่แล้ว และนโยบายใหม่นี้จะช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับทั้งพนักงานและลูกค้า

“แม้ว่าเราจะไม่ใช่รายแรกที่ออกนโยบายให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัย แต่เราก็ทราบดีว่า นี่คือขั้นตอนที่ง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองและผู้อื่น” แถลงการณ์กล่าว

ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีการออกกฎระเบียบแยกกันแต่ละรัฐ ทำให้บางรัฐยังไม่มีกฎหมายกำกับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ดังนั้น พนักงานของห้างค้าปลีกหลายแห่งที่มีนโยบายให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัย จึงต้องทำหน้าที่ควบคุมลูกค้าให้ทำตามกฎด้วยตนเอง

แต่ไม่ว่าจะมีกฎของรัฐหรือไม่ การบังคับให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าห้างฯ ก็เป็นภาระที่ท้าทายของพนักงาน ในบางกรณี นโยบายเหล่านี้ทำให้พนักงานกับลูกค้าต้องเผชิญหน้ากันด้วยอารมณ์คุกรุ่น และกลายเป็นคลิปไวรัลไปทั่วอินเทอร์เน็ต ยกตัวอย่างห้างค้าส่ง Costco ออกนโยบาย “บังคับ” ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัยมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม และแน่นอนว่ามีลูกค้าที่ไม่ยอมทำตามกฎจนเกิดกระแสบอยคอต Costco ในช่วงนั้น

ก่อนหน้านี้ ห้างสรรพสินค้า Best Buy เริ่มต้นบังคับใช้นโยบาย “กระตุ้นให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัย” แต่ไม่บังคับ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2020 โดยก่อนจะเริ่มใช้นโยบาย โครี แบร์รี่ ซีอีโอ Best Buy แถลงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมว่า บริษัทมีการจัดเทรนนิ่งให้พนักงานเพื่อเตรียมตัวรับมือ “ผ่อนคลายสถานการณ์” หากพนักงานต้องเผชิญหน้ากับลูกค้าที่ “หวาดกลัว โมโห และอาจก่อความรุนแรง” จากนโยบายกระตุ้นให้สวมหน้ากากอนามัยของบริษัท

“สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้มีตั้งแต่ลูกค้าที่หงุดหงิดเพราะไม่สามารถเดินตรงเข้าร้านได้เลยเหมือนอย่างเคย ไปจนถึงลูกค้าที่อาจจะไม่ต้องการสวมหน้ากากอนามัยโดยเด็ดขาด” แบร์รี่กล่าวกับนักข่าวในงานแถลงเมื่อ 2 เดือนก่อน

Costco ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่สหรัฐฯ เป็นบริษัทแรกๆ ที่ออกนโยบายให้ลูกค้าต้องสวมหน้ากากอนามัยเข้าห้างฯ มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 (Photo : Shutterstock)

สำหรับ Walmart ก็มีมาตรการรับมือที่คล้ายคลึงกัน คือมีการแต่งตั้งพนักงานที่จะบังคับใช้นโยบายนี้กับลูกค้าโดยเฉพาะเรียกว่าตำแหน่ง “ทูตสุขภาพ” พนักงานกลุ่มนี้จะได้รับการฝึกให้ดูแลนโยบายสวมหน้ากากอนามัย และจะประจำที่หน้าประตูทางเข้า หากลูกค้าไม่มีหน้ากากมา ร้านอาจจะมีหน้ากากแจกฟรีให้ใช้ หรือมีจุดจำหน่ายหน้าประตู

สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่ประชาชนต่อต้านการสวมหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมาก โดยความรู้สึกเบื้องหลังการต่อต้านมีหลายเหตุผล สำนักข่าว VOA รายงานว่า ชาวอเมริกันไม่สวมหน้ากากอนามัยเพราะยังไม่ตระหนักถึงอันตรายของโรค COVID-19 เชื่อว่าตนเองแข็งแรงพอ หากติดเชื้อก็จะไม่มีอาการรุนแรง บ้างก็ไม่กล้าใส่หน้ากากอนามัยเพราะจะกลายเป็นจุดสนใจหรือถูกมองว่าน่าอาย

และสุดท้ายคือการยึดมั่นในเสรีภาพ ปัจเจกนิยม สิทธิเหนือเนื้อตัวร่างกายของตนเอง ทำให้ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใด ชาวอเมริกันจะถือว่าตนเองมีสิทธิเลือกที่จะไม่ใส่หน้ากากอนามัย

Source: CNBC, VOA, MarketWatch

]]>
1288027
“นักท่องเที่ยวจีน” พร้อมกลับไทยใน 6 เดือน มองความปลอดภัยต้องมาก่อน พ่วงด้วยโปรฯ โดนใจ https://positioningmag.com/1280940 Thu, 28 May 2020 05:50:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1280940
  • VGI Digital Lab เปิดอินไซต์ “นักท่องเที่ยวจีน” พร้อมกลับมาท่องเที่ยวยุคหลัง COVID-19 ภายใน 6 เดือน โดยประเทศไทยคืออันดับ 1 ในใจนักท่องเที่ยวที่เลือกเดินทางต่างประเทศ
  • คาดการณ์เทศกาลวันชาติจีนเดือนตุลาคมนี้ น่าจะมีชาวจีนราว 55% จากปกติ 1 ล้านคน เดินทางเข้ามาเที่ยวในไทย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนโสดหรือคู่รัก กำลังซื้อระดับพรีเมียม
  • พฤติกรรมคนจีน 80-90% ต้องการให้แบรนด์สื่อสารเรื่องความสะอาดปลอดภัย และเคยชินกับโปรโมชัน ส่วนลด หลังจากประเทศจีนจัดเทศกาลลดราคามาราธอนมาแล้ว 2 เดือน
  • VGI Digital Lab ธุรกิจบริการการตลาดออนไลน์ในเครือ บมจ.วีจีไอ เปิดเผยข้อมูลรวบรวมจากบริษัทเอเจนซีท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) คือ Ctrip และ Fliggy.com พบว่า หลังประเทศจีนเข้าสู่ยุคหลัง COVID-19 สามารถควบคุมการระบาดได้ และบริษัทห้างร้าน 80-90% กลับมาทำงานตามปกติ ทำให้ชาวจีนเริ่มวางแผนท่องเที่ยวอีกครั้ง

    โดยชาวจีน 73% ตอบว่าตนเองสนใจท่องเที่ยวหลัง COVID-19 ครั้งแรกภายใน 6 เดือนนับจากนี้ และ 55% ตอบว่าต้องการจะสานต่อทริปเดิมที่เคยยกเลิกหรือเลื่อนไปก่อนหน้าการเกิดโรคระบาด

    ส่วนจุดหมายปลายทางที่สนใจ แบ่งเป็น 52% ต้องการท่องเที่ยวภายในประเทศ 35% ท่องเที่ยวต่างประเทศ และ 13% ยังไม่ตัดสินใจ สำหรับกลุ่มที่ต้องการเที่ยวต่างประเทศ Top 3 ประเทศท่องเที่ยวที่คนจีนต้องการไปเยือนมากที่สุดคือ 1.ไทย 2.ญี่ปุ่น และ 3.สิงคโปร์

    เชื่อคนจีนกลับมาเที่ยวช่วงเทศกาลวันชาติ

    จากการสำรวจที่พบว่าคนจีนจะกลับมาเที่ยวภายใน 6 เดือน ทำให้ประเมินได้ว่า ช่วงเทศกาลวันชาติจีนเดือนตุลาคมน่าจะมีคนจีนหลั่งไหลเข้ามาในไทย โดยปกติเทศกาลนี้จะมีคนจีนเดินทางเข้าไทย 1 ล้านคน (เฉลี่ยปี 2561-62) เมื่อดูจากความต้องการของคนจีนที่จะกลับมาสานต่อทริปที่เคยวางแผนไว้ 55% จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนกลับมาในเดือนตุลาคมประมาณกึ่งหนึ่งของจำนวนปกติหรือราว 5 แสนคน

    นอกจากนี้ หากประเมินจากกระแสการท่องเที่ยวภายในประเทศจีนที่เริ่มฟื้นตัวแล้ว พบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยว ‘คลื่นลูกแรก’ เป็นคนโสดหรือคู่รักที่ยังไม่มีบุตร และเป็นกลุ่มพรีเมียม เลือกจองห้องพักโรงแรมระดับ 5 ดาวเป็นหลัก

    เราอาจได้เห็นนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งช่วงเดือนตุลาคมนี้

    อย่างไรก็ตาม VGI Digital Lab ให้ข้อมูลด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลจีนยังไม่อนุญาตให้มีการเดินทางเข้าออกประเทศ ยกเว้นเพียง 2 ประเทศคือ สิงคโปร์และเกาหลีใต้ โดยอนุญาตเฉพาะการเดินทางเพื่อธุรกิจเท่านั้น ดังนั้นกระแสการท่องเที่ยวของคนจีนที่จะหลั่งไหลมาไทย ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลด้วย

     

    ดักกำลังซื้อจีนต้อง “สะอาดปลอดภัย” + “โปรโมชัน”

    ด้านพฤติกรรมคนจีนเปลี่ยนไปอย่างไรหลังผ่านพ้นโรคระบาด บริษัทพบว่าคนจีน 80-90% ต้องการให้แบรนด์สื่อสารประเด็นที่เกี่ยวกับ COVID-19 ไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านความสะอาดปลอดภัย แนะนำการปฏิบัติตัว ไปจนถึงโปรโมชันที่เกี่ยวข้อง

    โดยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจากเดิมที่จะมีขั้นตอนคือ 1.ได้รับแรงบันดาลใจใฝ่ฝันที่จะไปท่องเที่ยว 2.วางแผนการท่องเที่ยว และ 3.จองตั๋ว ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ปัจจุบันนี้ต้องเพิ่มขั้นตอน “ศึกษาให้แน่ใจว่าสถานที่ที่จะไปมีความสะอาดปลอดภัย” ในช่วงที่กำลังวางแผนว่าจะเลือกไปที่ไหน

    เชนโรงแรม AVANI ปรับการทักทายแขกเป็นแบบไร้สัมผัส เช่น การไหว้ โค้งคำนับ มือทาบอก เพื่อรักษาสุขอนามัย

    อีกส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ หลังจากเผชิญวิกฤตโรคระบาดทำให้จีนต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ภาคธุรกิจจีนต่างโหมจัดโปรโมชันมาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้คนจีนจะคุ้นชินกับการได้รับโปรโมชันมากในช่วงนี้

     

    สื่อสารผ่าน KOL โฆษณาแพ็กเกจโปรโมชันดึงดูด

    สรุปจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีน บริษัทแนะนำว่า แบรนด์ควรจะหยิบจุดนี้มาสื่อสารไปสู่นักท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านนวด อาจจะจัดทำวิดีโอสาธิตมาตรการรักษาสุขอนามัยของธุรกิจ และให้ข้อมูลเชิงประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ตัวอย่างเช่น การปฏิบัติตัวเพื่อรักษาสุขอนามัยเมื่อเข้ามาในประเทศไทย ระเบียบปฏิบัติของสถานที่ท่องเที่ยวไทย ซึ่งจะทำให้ชาวจีนรู้สึกว่าแบรนด์มีความใส่ใจต่อสถานการณ์นี้

    นอกจากนี้ VGI Digital Lab ยังแนะนำการสื่อสารผ่าน KOL (Key Opinion Leader) บนโซเชียลมีเดียยอดฮิต เช่น Douyin (แอปพลิเคชัน TikTok เวอร์ชันภาษาจีน) หรือ RED (อีกชื่อหนึ่งคือ Xiaohongshu แพลตฟอร์มคล้าย Instagram แต่เน้นการขายสินค้ามากขึ้น) เพราะสามารถสาธิตเรื่องความปลอดภัยได้ชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่นได้ดีกว่า

    จากนั้นจึงใช้โฆษณาโปรโมชันเพื่อปิดการขายในขั้นสุดท้าย โดยอาจลงเป็นแบนเนอร์ในแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ ที่คนจีนนิยมเช่นกัน เช่น Moments (ฟีเจอร์หนึ่งในแอปฯ WeChat ทำงานคล้ายกับหน้าไทม์ไลน์ของ Facebook)

    กระแสการท่องเที่ยวคนจีนที่เริ่มฟื้นตัวและน่าจะเข้ามาในไทยช่วงเดือนตุลาคมนี้ หากแบรนด์ไหนจะจับเทรนด์ให้ทัน แนะนำว่าต้องเร่งมือเพื่อเริ่มแผนการตลาดในช่วงเดือนกันยายนนี้

    ]]>
    1280940