รถยนต์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 14 Mar 2024 11:15:17 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Nissan และ Honda พิจารณาลดกำลังการผลิตรถยนต์ในจีน หลังผู้ผลิตในแดนมังกรแข่งขันดุเดือดมากขึ้น https://positioningmag.com/1466084 Tue, 12 Mar 2024 17:29:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466084 ‘นิสสัน’ และ ‘ฮอนด้า’ ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ได้พิจารณาลดกำลังการผลิตรถยนต์ในจีน หลังเจอแรงกดดันจากผู้ผลิตในประเทศหลายรายจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามรถยนต์ไฟฟ้าจากหลายแบรนด์

Nikkei Asia รายงานข่าวว่า นิสสัน (Nissan) และ ฮอนด้า (Honda) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ได้พิจารณาเตรียมลดกำลังการผลิตในประเทศจีน โดยสาเหตุสำคัญคือผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นต้องดิ้นรนเพื่อไล่ตามการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้ผลิตแดนมังกร

โดย Nissan จะเริ่มพูดคุยกับบริษัทร่วมทุนในท้องถิ่นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อลดกำลังการผลิตในจีนสูงสุดถึง 30% ขณะที่ Honda นั้นจะลดกำลังการผลิตราวๆ 20% กำลังการผลิตที่ลดลงจะทำให้ Nissan เหลือจำนวนรถยนต์ที่ผลิตในจีนเหลือแค่ 1.6 ล้านคันต่อปี ซึ่งผลิตในโรงงาน 8 แห่งทั่วประเทศจีน ขณะที่ Honda จะเหลือแค่ 1.2 ล้านคันต่อปีเท่านั้น

ในปี 2023 ที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตรถยนต์ของ Nissan ในประเทศจีนลดลง 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหลือ แค่ 793,000 คันเท่านั้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้นถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดครั้งแรกในรอบ 14 ปีของบริษัทอีกด้วย

ในช่วงทศวรรษ 2000 ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นหลายรายได้เริ่มให้ความสำคัญกับการผลิตและการขายรถยนต์ในจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านการร่วมทุนกับบริษัทในแดนมังกร เพื่อตอบสนองต่อคำขอของรัฐบาลจีนที่ขอให้ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ

รถยนต์ญี่ปุ่นได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนเนื่องจากมีคุณภาพสูง ในช่วงปี 2020 ผู้ผลิตจากญี่ปุ่นได้ครองตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 20% แต่อย่างไรก็ดีเมื่อเวลาผ่านไป บริษัทในประเทศจีนหลายรายได้หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นซึ่งเราจะเห็นได้จากหลากหลายแบรนด์

ขณะที่ผู้ผลิตจากญี่ปุ่นเองนั้นไม่สามารถที่จะไล่ตามเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตในประเทศจีนได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการแข่งขันทางด้านราคา หรือแม้แต่การเพิ่มลูกเล่นต่างๆ เข้ามา เพื่อดึงดูดลูกค้า

จีนยังมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น Nio หรือ Xpeng หรือแม้แต่ผู้ผลิตสินค้าไอทีอย่าง Xiaomi ที่ลงมาลุยตลาดดังกล่าว รวมถึง Huawei เองก็ได้ร่วมทุนกับผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศจีนก็มีแผนที่จะออกรถยนต์ไฟฟ้ามาสู่ท้องถนนให้ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ยอดขายรถไฟฟ้าในประเทศจีนชะลอตัวลง แบรนด์จีนหลายแห่งยิ่งต้องแข่งขันเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับผู้ผลิตรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ท้ายที่สุดต้องมีการปรับลดการผลิต

]]>
1466084
Toyota ยังเป็นเบอร์ 1 ยอดขายรถยนต์มากสุด แซงแชมป์เก่า Volkswagen เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน https://positioningmag.com/1437023 Tue, 30 Jan 2024 07:45:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1437023 ‘โตโยต้า’ ได้แจ้งจำนวนยอดขายรถยนต์ของบริษัทนั้นมากถึง 11.2 ล้านคันทั่วโลก ทำให้บริษัทยังเป็นเบอร์ 1 ของผู้ผลิตรถยนต์ และยังแซงแชมป์เก่าจากเยอรมันอย่าง Volkswagen เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน แต่ในปีนี้บริษัทอาจประสบปัญหายอดขายลดลงหลังบริษัทลูกเผชิญเรื่องอื้อฉาวด้านความปลอดภัย

Toyota ผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น ได้แจ้งยอดขายรถยนต์ของบริษัทและบริษัทลูกในปี 2023 ที่ผ่านมาทั่วโลกมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา นอกจากนี้ยอดขายรถยนต์ยังแซงหน้าคู่แข่งจากเยอรมันอย่าง Volkswagen เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

ยอดขายรถยนต์ของบริษัทและบริษัทลูกในปี 2023 ที่ผ่านมาของ Toyota เติบโต 7.2% อยู่ที่ 11.2 ล้านคัน และมีรถที่ผลิตได้ทั้งหมด 11.5 ล้านคัน ซึ่งจำนวนดังกล่าวมากกว่าคู่แข่งจากเยอรมันอย่าง Volkswagen ซึ่งมียอดขายทั้งหมด 9.2 ล้านคัน

ถ้าหากนับแค่ Toyota อย่างเดียว ในปี 2023 ที่ผ่านมาบริษัทผลิตรถยนต์ได้ 10.3 ล้านคัน

โดยผู้ผลิตรถยนต์รายดังกล่าวนั้นผลิตรถยนต์ไฮบริดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งหมด ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 104,018 คันคิดเป็นสัดส่วนแค่ 1% เท่านั้น

ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นรายนี้ผ่านสถานการณ์ Supply Chain หยุดชะงักในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ชิปขาดแคลน จนทำให้ Toyota ต้องปรับลดการผลิตมาแล้วในปี 2021 และยังรวมถึงการฟื้นตัวของความต้องการรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ยุโรป

อย่างไรก็ดีภายในปี 2024 นี้บริษัทลูกอย่าง Daihatsu อาจผลิตรถยนต์ได้ลดลง หลังจากบริษัทเผชิญเรื่องอื้อฉาวด้านความปลอดภัยในรถยนต์ 64 รุ่น จนทำให้บริษัทต้องลดการผลิตลง 25%

]]>
1437023
‘โตโยต้า’ ฟาดกำไร Q1 กว่า 1.1 ล้านล้านเยน โต 94% พร้อมเร่งหาทาง “ลดต้นทุนรถอีวี” แข่งจีน! https://positioningmag.com/1439557 Wed, 02 Aug 2023 06:25:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439557 ขึ้นแท่นเป็นค่ายรถยนต์ที่มี ยอดขายอันดับ 1 ยืนยาว 4 ปีซ้อน โดยล่าสุด โตโยต้า (Toyota) ได้รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 1 ตามปีงบการเงิน 2023 (เมษายน-มิถุนายน) โดยผลกำไรเติบโตเกือบ 2 เท่า และที่น่าสนใจคือ รถยนต์ไฮบริด ที่มีการเติบโตจากหลักพันไปเป็นหลักหมื่น

ผลประกอบการของ โตโยต้า ในช่วงไตรมาส 1 ตามปีงบการเงิน 2023 อยู่ที่ 10.5 ล้านล้านเยน เติบโต +24.2% โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) 1.12 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น +94% และกำไรสุทธิ (net profit) อยู่ที่ 1.31 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น +78%

โดยโตโยต้า สามารถขายรถยนต์ได้ 2.53 ล้านคัน โดย 34% ของยอดขายเป็น รถยนต์หรู ทั้งแบรนด์โตโยต้าและเล็กซัสที่น่าสนใจคือ รถไฮบริดและรถพลังงานไฟฟ้าอื่น ๆ มียอดขายถึง 29,000 คัน เพิ่มขึ้นจาก 4,000 คั ที่จำหน่ายในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

โตโยต้า ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการและยอดขายของบริษัทเติบโตนั้นเป็นเพราะปัญหาขาดแคลนชิปที่ลดลง ขณะที่ยอดขายของบริษัทก็เติบโตในทุกภูมิภาคทั่วโลก นอกจากนี้ ราคาของรถยนต์ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปก็มีราคาดีขึ้น รวมถึงปัจจัยหนุนจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงทำให้รายได้ในหน่วยเงินเยนสูงขึ้น

โดยหากแยกเป็นแต่ละภูมิภาคพบว่า ผลประกอบการใน ญี่ปุ่น นั้นยังแข็งแกร่ง โดยมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อนหน้าเป็น 7 แสนล้านเยน คิดเป็นกว่า 60% ของกำไรจากการดำเนินงานทั้งหมด ส่วนในตลาด อเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดหลักอีกแห่งก็มีความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค เนื่องจากผลกระทบของการขาดแคลนชิปหลังการระบาดใหญ่ลดลง

Koji Sato ที่เข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารต่อจาก Akio Toyoda เมื่อต้นปีนี้ เคยยอมรับว่า โตโยต้าล้าหลังในด้านรถยนต์ไฟฟ้า ดังนั้น บริษัทจะต้อง ตามให้ทัน โดยบริษัทจะต้องทำงานในเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งล่าสุด โตโยต้าได้ประกาศว่าจะ เสริมสร้างการพัฒนาเทคโนโลยี EV ในประเทศจีน โดยตั้งเป้าที่จะ ลดต้นทุนการผลิตรถอีวีลงอย่างมาก รวมถึงการพัฒนาฐานซัพพลายเออร์ในท้องถิ่นเพื่อให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้น

โดยตลาดรถอีวีในจีนมีการแข่งขันสูงมาก จากเดิมที่เคยมองว่าเป็นโอกาสของผู้เล่นต่างประเทศ แต่ปัจจุบันกลับมีค่ายรถยนต์ในประเทศเกิดใหม่จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีการดัมพ์ราคาจาก เทสลา (Tesla) ที่กำลังทำให้เกิดการแข่งราคาอย่างหนักในตลาด

สำหรับผลประกอบการในปีงบประมาณนี้ โตโยต้าคาดว่าจะมีรายได้รวม 38 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น +2.3% ส่วนกำไรสุทธิ (net profit) อยู่ที่ 2.58 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น +5.2% ส่วนรายได้จากการดำเนินงาน (operating income) อยู่ที่ 3 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น +10.1%

ทั้งนี้ หุ้นของโตโยต้า ที่เคยเพิ่มขึ้น 1.15% ก่อนการประกาศผลประกอบการ และหลังจากที่รายงานผลกำไรทำให้หุ้นปิดเพิ่ม 2.5% ที่ 2,445.5 เยน

reuters / japantoday

]]>
1439557
จีนเตรียมกระตุ้นให้ประชาชนซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เพื่อฟื้นเศรษฐกิจกลับมาโตอีกรอบ https://positioningmag.com/1438663 Sun, 23 Jul 2023 06:41:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1438663 รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนอีกครั้ง โดยล่าสุดมีมาตรการให้ประชาชนซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากตัวเลขค้าปลีกในประเทศจีนเติบโตลดลงเหลือเพียงแค่ 3.1% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา 

รัฐบาลจีนเตรียมออกมาตรการให้ประชาชนซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เนื่องจาก 2 ภาคอุตสาหกรรมนั้นมีบริษัทจีนที่ผลิตสินค้าดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยมาตรการดังกล่าวนี้รัฐบาลจีนได้เข็นออกมานั้นเพื่อที่จะกระตุ้นภาคเศรษฐกิจหลังจากที่ตัวเลขการเติบโตนั้นแย่กว่าที่คาดไว้

มาตรการดังกล่าวตามเมืองต่างๆ ของประเทศจีนนั้น รัฐบาลท้องถิ่นไม่ต่ำกว่า 13 มณฑลได้สนับสนุนให้มีการซื้อรถยนต์คันที่สอง นอกจากนี้ยังสนับสนุนการขายรถยนต์มือสอง นอกจากนี้ยังสนับสนุนมาตรการซื้อรถยนต์ที่ไม่ใช้เครื่องยนต์สันดาป เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ ยาวไปจนถึงปี 2027

ขณะเดียวกันมาตรการดังกล่าวนี้ออกมาเพื่อป้องกันการตัดราคา หลีกเลี่ยงไม่ให้รัฐบาลท้องถิ่นของจีนต้องออกมาตรการปกป้องแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ หลังหลายเดือนที่ผ่านมามีสงครามตัดราคารถยนต์ไฟฟ้า หลายแบรนด์ในจีนรวมถึงแบรนด์ยุโรปได้ลดราคาตาม Tesla ลงมาเพื่อที่จะดึงดูดลูกค้า จนท้ายที่สุดต้องมีการเซ็นสัญญาสงบศึก

นอกจากนี้ในแถลงการณ์ที่แยกออกมาอีกชิ้นนั้น รัฐบาลจีนได้สนับสนุนการขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น โดยสนับสนุนให้ประชาชนซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ประเภทที่เน้นการใช้นวัตกรรมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะสนับสนุนให้บริษัทในประเทศผลิตสินค้าประเภทนี้มากขึ้น

แม้ว่าในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา GDP ของจีนจะเติบโตมากถึง 6.3% แต่ถ้าหากเทียบต่อไตรมาสแล้ว การเติบโตของเศรษฐกิจจีนเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนเติบโตแค่ 0.8% เท่านั้น ทำให้นักวิเคราะห์ของหลากหลายสถาบันการเงินมองว่าเศรษฐกิจจีนอาจหมดแรงขับเคลื่อนแล้วด้วยซ้ำ

มาตรการดังกล่าวของจีนต้องการที่จะให้สิทธิประโยชน์กับผู้ผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรมมากขึ้น ซึ่งสินค้าทั้ง 2 ประเภทข้างต้นถือว่าอยู่ในหมวดสินค้ามีนวัตกรรม หลังจากในช่วงที่ผ่านมาประเทศจีนขึ้นชื่อว่าเป็นผู้รับผลิตสินค้าให้กับผู้ผลิตรายอื่นจนได้ฉายาว่าโรงงานผลิตของโลกนั่นเอง และรัฐบาลพยายามผลักดันสินค้าที่มี Value Added เพิ่มมากขึ้น

ที่มา – China Daily, Reuters

]]>
1438663
ไม่แผ่ว! ยอดขายทั่วโลกของ ‘โตโยต้า’ ในเดือนก.พ. พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 7 แสนคัน https://positioningmag.com/1425756 Fri, 31 Mar 2023 00:58:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1425756 ถือว่าเริ่มต้นปีได้อย่างแข็งแรง สำหรับ โตโยต้า (Toyota) แบรนด์รถยนต์ที่มียอดขายอันดับ 1 ของโลก 3 ปีซ้อน โดยปี 2022 ทำมียอดจำหน่ายทั้งหมด 10.5 ล้านคัน และในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอดขายของโตโยต้าก็เติบโตได้กว่า 10% สูงสุดเป็นประวัติการณ์

โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 10.3% จากปีที่แล้ว เป็น 773,271 คัน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนนี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดขายในประเทศดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ก็เริ่มดีขึ้น

โดย ยอดขายในญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 53.2% เป็น 155,840 คัน หลังจากที่ลดลงอย่างหนักในปีที่แล้วเนื่องจากการขาดแคลนชิ้นส่วนและผลกระทบจากข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของ COVID-19 ส่วน ยอดขายรถยนต์ในต่างประเทศปรับตัวขึ้น 3.0% แตะที่ 617,431 คัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ ยอดขายในจีนเพิ่มขึ้น 0.9% โดยได้แรงหนุนจากการเปิดตัวรถยนต์โตโยต้ารุ่นใหม่ ๆ

ในส่วนของภาคการผลิตรถยนต์ภายในประเทศปรับตัวขึ้น 11.2% แตะ 281,521 คัน ส่งผลให้ยอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลกของโตโยต้าพุ่งขึ้น 2% แตะที่ 755,839 คัน แม้วว่าการผลิตในต่างประเทศของโตโยต้าลดลง 2.7% เหลือ 474,318 คัน เนื่องจากการผลิตในจีนลดลง 14.1% ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม แม้จะมียอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ แต่โตโยต้ายังเจอกับปัญหาการส่งมอบรถยนต์ที่ล่าช้า เนื่องจากข้อจำกัดในการผลิตซึ่งเกิดจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะการส่งมอบในญี่ปุ่นมีความล่าช้าเป็นพิเศษ เนื่องจากผลิตโมเดลระดับไฮเอนด์ที่มีฟังก์ชันขั้นสูงซึ่งต้องอาศัยชิปจำนวนมาก

ทั้งนี้ โตโยต้าได้ปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ทั่วโลกสำหรับปีงบการเงินที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2023 ลงสู่ระดับ 9.1 ล้านคัน จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 9.2 ล้านคัน เนื่องจากผลกระทบของปัญหาขาดแคลนชิป ขณะที่เป้าหมายการผลิตในเดือนมีนาคม โตโยต้าวางเป้าที่จะผลิตรถยนต์ให้ได้ 900,000 คัน

Source

]]>
1425756
กำไร ‘โตโยต้า’ ลดลง 18% เนื่องจากเจอปัญหา ‘ต้นทุน’ ทำพิษโดยเฉพาะชิปที่ขาดแคลน https://positioningmag.com/1418923 Fri, 10 Feb 2023 13:29:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1418923 แม้ โตโยต้า (Toyota) จะยังรักษาแชมป์ค่ายรถเบอร์ 1 ของโลกปี 2022 ด้วยยอดขายเกือบ 10.5 ล้านคัน แต่ด้วยปัญหาขาดแคลนชิปที่ผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลกต่างต้องเผชิญเหมือน ๆ กัน บวกกับปัญหาเงินเฟ้อและเงินเยนอ่อนค่า ทำให้ต้นทุนของบริษัทสูงขึ้นจนกระทบกับผลกำไร

แม้โตโยต้าจะรักษาอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์ทั่วโลก 3 ปีซ้อน แต่เนื่องจาก เงินเยนที่อ่อนค่า ในขณะที่ ราคาวัสดุพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะ ชิปที่ขาดแคลน ได้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของโตโยต้าอย่างมาก โดยผลประกอบการรวม 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ (เม.ย. 2022-ธ.ค. 2022) อยู่ที่ 27.5 ล้านล้านเยน เติบโตขึ้น 18% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

แม้รายได้จะเติบโตแต่กำไรกลับไม่โตตาม โดยโตโยต้ามี กำไรสุทธิ 1.89 ล้านล้านเยน ลดลง 18% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน นับเฉพาะไตรมาส 3 (ต.ค.-ธ.ค) กำไรลดลง 8% อยู่ที่ 7.27 แสนล้านเยน ลดลงจาก 7.91 แสนล้านเยนในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ โตโยต้ายังคงเป้ากำไรสุทธิทั้งปีงบประมาณ (ที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2023) ที่ 2.36 ล้านล้านเยน หรือ ลดลง 17.2%

“ผู้แทนจำหน่าย ซัพพลายเออร์ และโรงงานผลิตทำงานหนักภายใต้สถานการณ์ที่แผนการผลิตผันผวนอย่างมากเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และภัยธรรมชาติ กำลังรับภาระจากซัพพลายเออร์ของเราที่เกิดจากราคาวัสดุและพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น เพื่อให้กิจกรรมเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันได้” โตโยต้า ระบุ

เซอิจิ ซุงิอุระ นักวิเคราะห์อาวุโสของสถาบันวิจัยโตไก โตเกียว มองว่า โตโยต้ายังอยู่ในสถานะที่ดีกว่าแบรนด์คู่แข่ง เนื่องจากบริษัทนั้น มีอำนาจต่อรองสูง กับซัพพลายเออร์ชิ้นส่วน นอกจากนี้ การตัดสินใจของจีนที่จะยุตินโยบายปลอดโควิดและอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ถือเป็นปัจจัยบวกเช่นกัน ดังนั้น แนวโน้มยอดขายรถยนต์จึงเป็นไปในทิศทางที่ดี

ในเดือนมกราคมปี 2023 โตโยต้าตั้งเป้าหมายการผลิตที่มั่นใจที่ 10.6 ล้านคัน ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา และสูงปี 2019 ที่มียอดผลิต 9 ล้านคัน ถึงจะวางเป้าไว้สูง แต่ปัญหาขาดแคลนชิปอาจทำให้ยอดการผลิตอาจหายไป 10% จากเป้าหมาย

]]>
1418923
‘Ferrari’ ปักเป้าผลิตรถยนต์ 80% เป็นไฮบริดและไฟฟ้าล้วนภายในปี 2030 https://positioningmag.com/1389286 Sun, 19 Jun 2022 06:24:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1389286 หลังจากที่ค่าย ‘ม้าลำพอง’ หรือ ‘เฟอร์รารี่’ (Ferrari) รถสปอร์ตหรูสัญชาติอิตาลี ได้เปิดตัว Ferrari 296 GTB ซูเปอร์คาร์ ขุมพลัง ปลั๊ก-อิน ไฮบริด คันแรกของค่ายไปหมาด ๆ ล่าสุด ทางค่ายก็ได้ออกมาประกาศว่าภายในปี 2030 รถในค่าย 80% จะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า

Benedetto Vigna CEO Ferrari ยืนยันว่า หลังจากที่เปิดตัวรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นแรกของค่ายไปแล้ว ภายในปี 2025 เฟอร์รารี่จะ เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรก และภายในปี 2030 รถยนต์ 80% จะเป็นรถไฟฟ้า โดย 40% เป็นไฮบริด และอีก 40% จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100%

ปัจจุบัน เฟอร์รารี่มีรถเพียง 4 รุ่น หรือคิดเป็น 10% ของรถยนต์ทั้งหมดที่เป็นรถไฮบริดและปลั๊ก-อิน ไฮบริด โดยรถไฮบริดคันแรกที่ค่ายเปิดตัวก็ต้องย้อนไปถึงปี 2013

“ไม่เพียงแต่จะเป็นไปตามข้อกำหนดการปล่อยมลพิษเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุด เราเชื่อว่าเราสามารถใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรถยนต์ของเรา เช่นเดียวกับที่เราทำกับเฟอร์รารี่ไฮบริดของเราแล้ว”

โดยรวมแล้ว ตั้งแต่ปี 2023-2026 เฟอร์รารี่วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมเ 15 รุ่น รวมถึงซูเปอร์คาร์ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่

Source

]]>
1389286
บริษัท ‘ยานยนต์’ ทั่วโลกแห่ ‘คว่ำบาตรรัสเซีย’ สั่งเบรกส่งออก-หยุดสายการผลิต https://positioningmag.com/1376249 Thu, 03 Mar 2022 08:20:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1376249 ดูเหมือนมาตรการคว่ำบาตรของนานาประเทศจะเริ่มรุนแรงมากขึ้น เริ่มจากที่ชาติตะวันตกได้ปิดธนาคารรัสเซียบางแห่งจากเครือข่ายการเงินทั่วโลกของ SWIFT ทำให้บริษัทระดับโลกหลายสิบแห่งหยุดการส่งออกและหยุดการดำเนินงานในประเทศชั่วคราว ทุบค่าเงินรูเบิล และบังคับให้ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุด บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกก็เริ่มระงับการผลิตและส่งออกไปยังรัสเซียแล้ว

ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น เริ่มจาก โตโยต้า (Toyota) ได้ระงับสายการผลิตในรัสเซีย ส่วนหนึ่งมาจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกภายหลังการรุกรานยูเครน ทำให้กระทบต่อการขนส่งและตัดซัพพลายเชน โดยโตโยต้าระบุเพิ่มเติมว่า บริษัทยังได้ระงับการส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซียอย่าง ไม่มีกำหนด เช่นเดียวกันกับ ฮอนด้า (Honda) และ มาสด้า (Mazda)

โตโยต้า ถือเป็นแบรนด์ชั้นนำของญี่ปุ่นในรัสเซีย โดยสามารถผลิตรถยนต์ได้ประมาณ 80,000 คันที่โรงงานในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยมีพนักงานรวมกว่า 2,000 คน

ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์จากฝั่งยุโรป ก็มี Volvo ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์แรกที่ออกมาประกาศระงับการส่งออกไปยังรัสเซีย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และตามมาด้วย General Motors (GM), Mercedes-Benz, Ford และ BMW ก็หยุดการผลิตและส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซีย

สำหรับ Mercedes-Benz ไม่ใช่แค่ระงับการผลิตและส่งออก แต่ยังเตรียมขายหุ้น 15% ของบริษัท Kamaz ผู้ผลิตรถบรรทุกสัญชาติรัสเซียให้เร็วที่สุดอีกด้วย

แทบทุกอุตสาหกรรมร่วมคว่ำบาตร

เรียกได้ว่าตอนนี้แทบทุกอุตสาหกรรมกำลังคว่ำบาตรรัสเซีย อย่างฝั่งของโลจิสติกส์ก็มี MSC สายการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Maersk ระงับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ไปและกลับจากประเทศรัสเซีย โดย Maersk ระบุว่า “การขนส่งอาหารและเวชภัณฑ์ไปยังรัสเซียมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายหรือเน่าเสียเนื่องจากความล่าช้าที่สำคัญที่ท่าเรือและศุลกากร”

ส่วน Amazon.com ก็ได้เปิดเผยว่าบริษัทกำลังใช้ความสามารถด้านโลจิสติกส์เพื่อจัดหาสิ่งของให้กับผู้ที่ต้องการและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลและบริษัทต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนยูเครน นอกจากนี้ Japan Airline และ ANA Holdings ซึ่งปกติใช้น่านฟ้ารัสเซียสำหรับเที่ยวบินยุโรปก็ได้ออกมายกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดไปและกลับจากยุโรป

ในส่วนของธุรกิจพลังงาน ก็มีบริษัทพลังงานสหรัฐฯ Exxon Mobil บริษัทพลังงานของอังกฤษ BP และ Shell ต่างก็ถอนการลงทุนในรัสเซีย

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ อาทิ Spotify ก็ได้ปิดสำนักงานในรัสเซียอย่างไม่มีกำหนด ส่วน Netflix ได้เบรกออริจินอลคอนเทนต์ 4 เรื่องที่ถ่ายทำในรัสเซีย ส่วนบริษัทด้านความบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่าง Disney และ Warner Bros. ได้ประกาศระงับการฉายภาพยนตร์ทุกเรื่องในรัสเซีย

บริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ อาทิ H&M บริษัทสินค้าแฟชั่นสัญชาติสวีเดน ได้หยุดการขายในรัสเซียชั่วคราว ส่วน Apple ก็หยุดการขาย iPhone และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในรัสเซียด้วย

Reuter / Japantoday / variety

]]>
1376249
จับตา ‘BYD’ ยอดขายพุ่ง ครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้า-ไฮบริดในจีน แซง ‘Tesla’ https://positioningmag.com/1375120 Wed, 23 Feb 2022 13:38:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1375120 ‘BYD’ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ขึ้นเเซงเเบรนด์ดังอย่าง ’Tesla’ ทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเเละรถยนต์ไฮบริดใน ‘ตลาดจีน’ ได้มากกว่าในปีที่ผ่านมา ด้วยการเติบโตที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น ‘2 เท่า’

Nikkei Asia รายงานว่า โมเดลรถยนต์ของ BYD ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด คือรุ่น ปลั๊กอินไฮบริด Song Plus DM-i ซึ่งออกจำหน่ายเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ด้วยราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 150,000 หยวน (ราว 7.6 เเสนบาท)

ตัวแทนจำหน่ายในฮุ่ยโจว เมืองทางตอนใต้ของจีน บอกว่า “Song Plus DM-i เป็นที่นิยมอย่างมาก จนผู้ซื้อต้องรอนาน 3-6 เดือนถึงจะได้รับรถ”

นักวิเคราะห์จาก Zheshang Securities มองว่าการที่รถโมเดลรุ่นนี้ขายดีเพราะว่า “ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินของเเบรนด์คู่แข่งที่อยู่ในช่วงเรตราคาเดียวกัน”

‘BYD’ ก่อตั้งในปี 1995 ในฐานะผู้ผลิตแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้และเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2003 พร้อมผลิตสมาร์ทโฟนด้วย

โดยเป็นเเบรนด์ที่สร้างชื่อเสียงมาจากรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด ซึ่งในจีนนิยามว่าเป็นหนึ่งใน “รถยนต์พลังงานใหม่” เเต่กลุ่มรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ก็ยังครองสัดส่วนยอดขายส่วนใหญ่มาจนถึงปี 2020

ต่อมาบริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่เเละ ‘หันหลัง’ ให้กับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ตั้งเเต่ปีที่แล้ว โดยยอดขายในหมวดดังกล่าวลดลงกว่า 40% มาอยู่ที่ 130,000 คัน ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดกลับเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า เป็น 270,000 คัน

ส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 320,000 คัน โดยยอดขายโดยรวมพุ่งขึ้น 70% ในปี 2021 และ BYD ตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 1.5 ล้านคันในปีนี้

ข้อมลจาก Marklines บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้านการตลาด ระบุว่า ยอดขายของ Tesla ในจีนเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเป็น 473,000 คัน ตามกระเเสความนิยม แต่ BYD ยังคงเป็นผู้นำในตลาด หากรวมยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเเละปลั๊กอินไฮบริดไว้ด้วยกัน

รถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดของ BYD หลายรุ่นมีราคาอยู่ระหว่าง 100,000 หยวนถึง 200,000 หยวน ซึ่งต่ำกว่ารถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla’ ที่เริ่มต้นที่ 300,000 หยวน พร้อมมุ่งเจาะตลาดต่างจังหวัดในจีนเเละคนหนุ่มสา

นอกจากนี้ จะมีเเผนจะขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ โดย BYD เริ่มส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปยังยุโรป เเละเริ่มมีโมเดลวางจำหน่ายในออสเตรเลีย

ปัจจุบัน กำลังการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของ BYD อยู่ที่ 600,000 คัน ณ สิ้นปี 2020 คาดว่าปริมาณรถยนต์จะเกิน 3 ล้านคันได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่ใหญ่อย่างหนึ่งของ BYD คือ ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง แม้ว่ายอดขายรถยนต์จะเพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิยังต่ำกว่าตัวเลขของปีก่อนในช่วงไตรมาสที่สองและสามของปีที่แล้ว หลักๆ มาจากต้นทุนการผลิตที่สูง ทั้งแบตเตอรี่ ชิป และส่วนประกอบอื่นๆ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายตลอดห่วงโซ่อุปทาน

เเละยังประเด็นที่น่ากังวลอีกอย่างคือ การขาด ‘โมเดลพรีเมียม’ ที่สามารถทำกำไรสูงกว่า เนื่องจาก BYD มีรถเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่มีราคาสูงกว่า 200,000 หยวน และแทบไม่มีรถในช่วงราคา 300,000 หยวนเลย ซึ่ง Tesla ก็ครองตลาดนี้อยู่

นอกจากนี้ การแข่งขันจากผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติรายใหญ่อย่าง Volkswagen เเละ Honda Motor ก็รุนเเรงขึ้นเรื่อยๆ โดยกำลังจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ในช่วงราคา 200,000-300,000 หยวนในเร็วๆ นี้

 

ที่มา : Nikkei Asia

]]>
1375120
‘ฮุนได’ หวนคืนตลาดญี่ปุ่น ในรอบ 12 ปี คว้าโอกาสปั้นยอดขาย ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ https://positioningmag.com/1373226 Tue, 08 Feb 2022 11:16:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373226 ‘ฮุนได’ (Hyundai) เเบรนด์รถยนต์เกาหลีใต้ หวนคืนสู่ตลาดญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังถอนตัวไปนานกว่า 12 ปี เพราะทำยอดขายได้ไม่ดีนัก เเต่ในวันนี้จะกลับมาด้วยกระเเสความนิยมของ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นการเจาะ ‘ตลาดใหม่’ ในตลาดเดิมที่ ‘โตโยต้า’ ครองส่วนเเบ่งอยู่ถึง 40% 

โดยฮุนไดจะประเดิมจำหน่ายรถยนต์ SUV ไฟฟ้าพลังงานไฮโดรเจนรุ่น Nexo และรถยนต์ไฟฟ้าครอสโอเวอร์ ขนาดกลางรุ่น Ioniq 5 ในญี่ปุ่น ตามเป้าหมายที่จะครองส่วนเเบ่ง 10% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกให้ได้ภายในปี 2025

“ตอนนี้เรายังไม่ได้ตั้งเป้าหมายยอดขาย (ในญี่ปุ่น) แต่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม หลังเริ่มเปิดรับคำสั่งซื้อทางออนไลน์ในเดือนพ.ค.นี้” Shigeaki Kato ประธาน Hyundai Mobility Japan กล่าวในงานเปิดตัวที่กรุงโตเกียว

โดยครั้งนี้ ฮุนไดจะมุ่งเน้นไปที่การทำตลาดเพื่อขายออนไลน์ และกำลังร่วมมือกับบริการ ‘car sharing’ ที่ดำเนินการโดย DeNA บริษัทเกมออนไลน์ และบริษัทประกันภัย Sompo Holdings

‘ฮุนได’ เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ที่มีเเบรนด์ในเครืออย่าง Kia ครองส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ในเกาหลีใต้มากที่สุด เคยเข้ามาทำธุรกิจในญี่ปุ่น เมื่อปี 2001 แต่ทว่าสามารถทำยอดขายได้เพียง 15,000 คันเท่านั้น จึงตัดสินใจถอนธุรกิจออกไปในปี 2009 ทั้งนี้ ปัจจุบันมีรถยนต์ยี่ห้อฮุนไดเพียง 600 คันที่ยังคงขับอยู่ในญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นมียอดขายรถยนต์ใหม่ราว 5 ล้านคันต่อปี เเละในจำนวนนี้ประมาณ 9 ใน 10 เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น โดยแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ‘โตโยต้า’ ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่มากถึง 40%

อย่างไรก็ตาม กระแสความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ได้เปิดโอกาสให้เเบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดได้อย่าง Tesla รวมไปถึงผู้ผลิตรถยนต์เก่าเเก่อย่าง Volkswagen เเละ Stellantis (เเบรนด์ Peugeot) ด้วย

แม้ว่าในปีที่แล้ว ญี่ปุ่นจะมียอดขายรถยนต์ EV เพียง 20,000 คัน แต่กลุ่มนี้ก็เติบโตขึ้นเกือบครึ่งจากปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายรถยนต์โดยรวมจะลดลง ตามสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลก เเต่สมาคมผู้นำเข้ารถยนต์แห่งญี่ปุ่น (JAIA) เปิดเผยว่า การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ากลับพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์เกือบ 3 เท่า เป็น 8,610 คันทีเดียว

 

ที่มา : Reuters , NHK 

]]>
1373226