สตรีมมิ่ง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 07 Mar 2024 10:31:57 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 จัดไปอีกเจ้า! “Max” จ่อเข้ม “ห้ามแชร์พาสเวิร์ด” สตรีมมิ่งใหญ่รายที่สามที่ใช้นโยบายนี้ https://positioningmag.com/1465508 Thu, 07 Mar 2024 09:04:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1465508 สตรีมมิ่งดัง “Max” (ชื่อเดิม: HBO Max) เตรียมออกกฎ “ห้ามแชร์พาสเวิร์ด” ช่วงปลายปีนี้ กลายเป็นสตรีมมิ่งรายที่สามที่ใช้นโยบายนี้ต่อจาก Netflix และ Disney+

เจบี พาร์เรตต์ หัวหน้าแผนกสตรีมมิ่งและเกม Warner Bros. Discovery บริษัทแม่ของบริการสตรีมมิ่ง “Max” ประกาศแผนเตรียมออกนโยบาย “ห้ามแชร์พาสเวิร์ด” ช่วงปลายปี 2024 โดยยังไม่บอกรายละเอียดกฎเกณฑ์ แต่จะทยอยใช้นโยบายนี้เป็นวงกว้างขึ้นภายในปี 2025

“Max” จึงนับได้ว่าเป็นบริการสตรีมมิ่งเจ้าที่สามแล้วที่ออกกฎห้ามแชร์พาสเวิร์ด หลังจากหัวหอกหลัก “Netflix” ที่เริ่มนโยบายนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2023 เป็นเจ้าแรกที่สร้างแรงสะเทือนในวงการ

ขณะที่ “Disney+ และ Hulu” เป็นค่ายสตรีมมิ่งเจ้าที่สองที่มีแผนใช้นโยบายนี้แล้ว โดยทาง Disney เริ่มส่งอีเมลหาลูกค้าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า บริษัทกำลังจะเปลี่ยนเงื่อนไขการให้บริการ และการให้ข้อมูลล็อกอินกับผู้อื่นที่ไม่ได้อยู่ในครัวเรือนเดียวกันจะถือเป็นการละเมิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2024

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างเผชิญตลาดที่มีคู่แข่งมากขึ้น จนทำให้การเพิ่มจำนวนสมาชิกตามปกติทำได้ยาก พวกเขาจึงหาทางออกด้วยการบีบให้ลูกค้าต้องเลือกว่าบริการสตรีมมิ่งเจ้าไหนที่ต้องการใช้งานมากที่สุดและจ่ายได้

Netflix ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่กล้าเสี่ยงก่อนเผชิญกับความผันผวนในช่วงแรก แต่ยอดผู้สมัครสมาชิกก็ถีบตัวกลับขึ้นมาได้ พิสูจน์ว่าการออกกฎห้ามแชร์พาสเวิร์ดกลายเป็นผลดีต่อ Netflix จริงๆ

สำหรับ Disney+ ยังไม่มีปัญหาการเพิ่มจำนวนสมาชิกมากนัก แต่ที่หนักคือปัญหา “การทำกำไร” ทาง “บ็อบ ไอเกอร์” ซีอีโอของ Disney เคยคาดการณ์ไว้ว่าสตรีมมิ่งน่าจะเริ่มทำกำไรได้จริงภายในปี 2024 บริษัทจึงต้องหานโยบายต่างๆ เพื่อทำให้เป้าหมายนี้เกิดขึ้นจริง นอกจากการห้ามแชร์พาสเวิร์ดแล้ว Disney ยังออกแพ็กเกจเทียร์ใหม่ “แพ็กเกจแบบมีโฆษณาคั่น” มาช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้นด้วย

ขณะที่ทาง Max ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาเมื่อ “Warner Bros.” ควบรวมกิจการกับ “Discovery” ทำให้บริการสตรีมมิ่ง HBO Max กับ Discovery+ ได้รวมกิจการเช่นกัน แม้ว่าแฟนคลับของ HBO Max จะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ แต่การรวมกันนี้ทำให้ Warner Bros. Discovery สร้างผลกำไรจากธุรกิจสตรีมมิ่งสำเร็จ

คอนเทนต์ของ HBO Max นั้นมีหลายเรื่องที่เป็นคอนเทนต์สุดฮิต ตั้งแต่ซีรีส์อย่าง Game of Thrones และภาคแยก House of the Dragon รวมถึงซีรีส์ The Last of Us คอนเทนต์เหล่านี้ถูกนำไปปล่อยดูฟรี/ดาวน์โหลดเถื่อนติดอันดับต้นๆ ของโลก สะท้อนให้เห็นคอนเทนต์ระดับแม่เหล็กที่น่าจะเป็นตัวสร้างดีมานด์ให้ผู้ใช้ใหม่ยอมสมัครสมาชิกเข้ามาชม แม้ว่าจะไม่สามารถแชร์พาสเวิร์ดกันได้แล้วก็ตาม

Source

]]>
1465508
ลือ! ซีอีโอของ ‘Warner Bros. Discovery’ ซุ่มคุยกับซีอีโอ ‘Paramount’ เกี่ยวกับการ ‘ควบรวมกิจการ’ https://positioningmag.com/1456705 Thu, 21 Dec 2023 07:31:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1456705 ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่การมาของแพลตฟอร์ม วิดีโอสตรีมมิ่ง ที่ทำให้วงการสื่อเปลี่ยนเเปลงไป ค่ายผู้ผลิตสื่อรายใหญ่ก็ต้องลงสู่ตลาดสตรีมมิ่ง ท่ามการการแข่งขันที่ดุเดือด โดยล่าสุด สื่อได้ออกข่าวว่าผู้บริหารระดับสูงของของค่าย ‘Warner Bros. Discovery’ ได้ไปเจรจากับค่าย ‘Paramount’ เกี่ยวกับการ ‘ควบรวมกิจการ’

CNN ได้รายงานว่า David Zaslav ซีอีโอของ Warner Bros. Discovery ได้พบกับ Bob Bakish ซีอีโอของ Paramount Global เมื่อวันอังคารที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ของ Paramount ในไทม์สแควร์ นิวยอร์กซิตี้ เพื่อพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการระหว่างทั้งสองบริษัท อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 บริษัทปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว

แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าทั้งสองบริษัทจะตกลงควบรวมกิจการกัน แต่หลายคนมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากทั้งสองบริษัทจะควบรวมกัน เพราะการควบรวมนี้อาจอาจทำให้อุตสาหกรรมสื่อพลิกผันได้อีกครั้ง ขณะที่ Paramount ก็ต้องการพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดในปัจจุบัน

เพราะต้องยอมรับว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ในยุคสตรีมมิ่งนั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ และยังต้องใช้เงินมหาศาล เพราะต้องแข่งทั้งผู้เล่นที่แข็งแกร่งมาก ๆ อย่าง Netflix และ Disney ขณะที่ปัจจุบันทั้งสองบริษัทเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในสภาพแวดล้อมของสื่อที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรตติ้งทีวีลดลงเนื่องจากลูกค้ายกเลิกบริการเคเบิลทีวีมากขึ้น ส่วนตลาดโฆษณากำลังเปลี่ยนไปสู่การสตรีม นอกจากนี้ ต้นทุนการสร้างคอนเทนต์ก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ 

ดังนั้น หากทั้งสองบริษัทควบรวมกัน Warner Bros. Discovery ก็จะได้แพลตฟอร์มของ Paramount+ มาเสริมแกร่งให้กับบริการสตรีมมิ่งอย่าง HBO ขณะเดียวกัน Paramount ก็จะได้ช่องทางการขายในต่างประเทศเพื่อส่งเสริมแฟรนไชส์ต่าง ๆ ของค่าย

“ฉันคิดว่ามันบ่งบอกถึงความตื่นตระหนก เพราะอุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับอนาคตที่ท้าทายอย่างยิ่ง พวกเขาจะพยายามทำให้ตัวเองใหญ่ขึ้นเพื่อแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่ง” Rich Greenfield นักวิเคราะห์อุตสาหกรรม ผู้ร่วมก่อตั้ง LightShed Partners กล่าว

อย่างไรก็ตาม Warner Bros. Discovery จะไม่สามารถทำธุรกรรมกับ Paramount หรือหน่วยงานอื่นใดได้ในขณะนี้ จนกว่ากฎหมายภาษีอากรที่ห้ามไม่ให้บริษัทเข้าซื้อกิจการหรือการควบรวมกิจการเพิ่มเติมจนกว่าจะหลังเดือนเมษายน 2024 เนื่องจาก WarnerMedia เพิ่งซื้อ Discovery ไปเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมาในมูลค่า 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน Warner Bros. Discovery มีมูลค่าอยู่ที่ราว 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน Paramount มีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ทางบริษัทกำลังเผชิญกับภาระหนี้ ทำให้อยู่ภายใต้ความกดดันที่จะหาพาร์ตเนอร์ด้านกลยุทธ์หรือผู้ซื้อกิจการต่อ ดังนั้น อาจต้องรอดูว่าทั้งสองบริษัทจะตกลงควบรวมกิจการกันได้หรือไม่

]]>
1456705
กางแผน ‘MONO’ หลัง AIS เข้าซื้อ 3BB และการดันรายได้ MONOMAX แซงช่อง MONO 29 https://positioningmag.com/1452160 Thu, 16 Nov 2023 10:56:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452160 อย่างที่หลายคนรู้ก็คือ เอไอเอส (AIS) ได้เข้าซื้อกิจการของ 3BB และนอกจากสมาชิกของ 3BB แล้ว อีกสิ่งที่พ่วงตามไปด้วยก็คือ คอนเทนต์จาก MONOMAX ที่ร่วมกันทำ 3BB GIGATV ดังนั้น ในวันที่ 3BB เปลี่ยนเจ้าของ และธุรกิจทีวีดิจิทัลที่เป็นขาลง บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป

มั่นใจเอไอเอสช่วยดันลูกค้าเพิ่ม 20%

ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นความร่วมมือของ MONOMAX กับ 3BB จนเกิดเป็น 3BB GIGATV ว่า 3BB อยากได้อาปู้ (ARPU) Average Revenue Per User หรือ รายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคนเพิ่ม เลยได้ MONOMAX เข้ามาพ่วงเพื่อหารายได้ร่วมกัน

ซึ่งจุดแข็งของ 3BB นั้นคือ ต่างจังหวัด โดยคิดเป็นถึง 70% ของลูกค้า ซึ่งคอนเทนต์ของ MONOMAX ตรงใจกับคนต่างจังหวัด เพราะเป็น พากย์ไทย 100% ไม่เหมือนคนเมืองหรือวัยรุ่นที่อ่านซับฯ ได้

“กลายเป็นว่า HBO ไม่ใช่คอนเทนต์นำอย่างที่ 3BB คิด แต่เป็น MONOMAX”

ปฐมพงศ์ เชื่อว่า การที่ 3BB กลายเป็นส่วนหนึ่งของเอไอเอส จะช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกได้ประมาณ 20% เพราะในปีหน้าบริการ MONOMAX จะบัลเดิลไปกับกล่อง AIS Play จากเดิมที่เริ่มทดลองให้บริการการร่วมกันเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ปัจจุบัน MONOMAX มีสมาชิกประมาณ 8.6 แสนราย

“ตอนที่เราอยู่กับ 3BB เราไม่เคยทำงานร่วมกับเอไอเอสเลย เพราะเขาถือว่าเราเป็นพันธมิตรกับคู่แข่ง” ปฐมพงศ์ กล่าว

ทีวีกลับมาไม่ได้แล้ว

ในยุคนี้ธุรกิจทีวีมีแต่จะถดถอยลง เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ดูทีวีน้อยลง โดยมีการประเมินว่า การรับชมทั่วโลกจะลดลง 10% ทุกปี ขณะที่รายได้จาก โฆษณาลดลง 4-12% ทุกปี ในส่วนช่อง MONO 29 ยอดรับชมลดลงใกล้เคียงกันที่ 10% ทุกปี และนับตั้งแต่ปี 2023 คาดว่ารายได้โฆษณาลดลง 15-20% หรือเฉลี่ยลดลง 4% ต่อปี

กลับกัน การเติบโตของบริการสตรีมมิ่งยังสูงขึ้น โดยจากการประเมินของ กสทช. พบว่ามูลค่าตลาด OTT ในปี 2022 อยู่ที่ 14,600 ล้านบาท มีผู้ใช้บริการกว่า 22 ล้านครัวเรือน ที่ใช้บริการ เติบโต 26.15% และปีนี้คาดว่าจำนวนครัวเรือนจะเติบโต 36.19% ส่วนมูลค่าตลาดคาดว่าจะเติบโต 20% และภายในปี 2024-2025 จะเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี ขณะที่การสมัครบริการ OTT แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 4-5 แอปต่อครัวเรือน ส่วนการสมัครแบบเสียค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 2-4 แอปต่อครัวเรือน

รายได้ MONO MAX จะแซง MONO 29 ในปีหน้า

ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมีรายได้รวม 1,387 ล้านบาท แบ่งเป็นทีวีดิจิทัล 795 ล้านบาท ตามด้วยแพลตฟอร์ม MONOMAX มีรายได้ 400 ล้านบาท และอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ปฐมพงศ์ คาดว่า MONOMAX จะทำรายได้แซงหน้า MONO 29 ภายในไตรมาส 2 ปี 2024 โดยจุดแข็งของ MONOMAX คือ พากย์ไทย 100% และ คอนเทนต์จีน นอกจากนี้มีคอนเทนต์จาก อินเดีย บ้าง ส่วนใหญ่เป็นแนวแอ็คชั่น

“ทีวีมาชัวร์แล้ว คนอาจไม่ดูมากไปกว่านี้ แต่สตรีมมิ่งยังโตได้อีก ทีวีต้องลงทุนเยอะ ซับซ้อน แต่สตรีมมิ่งซับซ้อนน้อยกว่า โอกาสทำกำไรมากกว่า ซึ่งพฤติกกรรมผู้บริโภคต่างจาก 8 ปีก่อนที่เราพึ่งเริ่ม ตอนนั้นเขาจ่ายเงินยากมาก ตอนนี้เขายอมจ่าย แต่ตอนนี้ผู้เล่นมีหลายราย เราจะดึงเงินให้เขามาจ่ายอย่างไรคือความท้าทาย”

อัดงบคอนเทนต์ 1,200 ล้านบาท

การจะดันรายได้ของ MONOMAX และรักษารายได้ MONO 29 ก็คือ คอนเทนต์ โดยวางงบไว้ 1,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน คือ

  • ผลิตออริจินอลคอนเทนต์ (ปีละ 8-12 เรื่อง)
  • คอนเทนต์สำหรับ MONO29 (ภาพยนตร์ฮอลลีวูด 5-8 เรื่อง/เดือน)
  • คอนเทนต์สำหรับ MONOMAX (ปัจจุบันมี 3,000 เรื่อง)

โดยในส่วนของ MONO29 ช่วงไพรม์ไทม์ของช่อง (6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม) จะยังฉายภาพยนตร์ฮอลลีวูด และปีหน้าจะโฟกัสที่รายการข่าวและวาไรตี้มากขึ้น นอกจากนี้ หลังจากที่ทดลองนำซีรีส์จีนที่ลงในแพลตฟอร์ม MONOMAX มาฉายในช่วงกลางวันก็ได้รับการตอบรับที่ดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มยอดผู้ใช้งานใน MONOMAX อีกทางด้วย

สำหรับจำนวนสมาชิก MONOMAX ปีหน้า ปฐมพงศ์ คาดว่าจะทะลุ 1 ล้านราย และเพิ่มเป็น 2-2.85 ล้านรายภายในปี 2025

]]>
1452160
ตี้แตกอีกหนึ่ง! ‘Disney+’ เตรียมออกระบบป้องกันการแชร์รหัสผ่านตามรอย ‘Netflix’ https://positioningmag.com/1440492 Thu, 10 Aug 2023 02:35:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440492 หลังจากที่ เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ผู้นำในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งของโลกได้ออกมาตรการห้าม แชร์รหัสผ่าน จนทำให้จำนวนผู้ใช้ช่วง Q2/2023 เพิ่มขึ้นถึง 5.9 ล้านราย ทำให้สตรีมมิ่งรายใหญ่อย่าง ดิสนีย์พลัส (Disney+) ก็ขอเดินตามรอยรุ่นพี่ เตรียมออกมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่านบ้าง

Bob Iger ซีอีโอ ดิสนีย์ กล่าวว่า บริษัทกำลังสำรวจการแชร์บัญชีของผู้ใช้และจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายที่จะ ควบคุมการแชร์รหัสผ่านของผู้ใช้ ในปลายปีนี้ ก่อนที่จะออกมาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่านภายในปี 2024 อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้เปิดเผยว่าจะใช้วิธีใดเพื่อลดการใช้บัญชีร่วมกัน

“แน่นอนว่าเราเชื่อว่ามาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่านจะส่งผลต่อการเติบโตของสมาชิกแน่นอน แต่เราไม่ได้คาดเดาได้ว่าจะเป็นในทางไหน”

โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่เหมือนกับบริการสตรีมมิ่งรายอื่น ๆ ก็คือ เพิ่มกำไร เพราะนอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว บริการสตรีมมิ่งหลายรายพยายามลดค่าใช้จ่ายในการผลิตคอนเทนต์ รวมถึงการออกแพ็กเกจราคาถูกลงโดยเพิ่มโฆษณาเข้ามา ซึ่งปัจจุบัน ดิสนีย์กำลังทำทั้งหมด

นอกจากนี้ ดิสนีย์ยัง ขึ้นราคา บริการสตรีมมิ่งเกือบทั้งหมด โดยแพลตฟอร์ม Disney+ แบบไม่มีโฆษณาจะมีราคา 13.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 490 บาท) เพิ่มขึ้น 27% ส่วน Hulu เพิ่มขึ้นเป็น 17.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 630 บาท) เพิ่มขึ้น 20% ส่วนแพ็คเกจโฆษณาของทั้ง 2 บริการยังมีราคาเท่าเดิม ส่วนค่าบริการรายเดือนในไทยมีการปรับเป็น 289 บาท และรายปีปรับเป็น 2,290 บาท ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายที่ผ่านมา

ทั้งนี้ Netflix ถือเป็นผู้บุกเบิกในการออกมาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่าน เนื่องจากพบว่ามากกว่า 100 ล้านครัวเรือนหรือประมาณ 43% ของฐานผู้ใช้ทั่วโลกใช้บัญชีร่วมกัน และด้วยเหตุนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการลงทุนในคอนเทนต์ใหม่ ๆ ซึ่งหลังจากที่ Netflix ออกมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้ในช่วง Q2/2023 เพิ่มขึ้น 5.9 ล้านราย

Source

]]>
1440492
สะเทือนวงการ! ‘นักแสดงฮอลลีวูด’ กว่า 1.6 แสนคน หยุดงานประท้วงในรอบ 60 ปี คาดยืดเยื้อถึงสิ้นปี https://positioningmag.com/1437784 Fri, 14 Jul 2023 04:45:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1437784 ย้อนไปปี 2523 เคยมีเหตุการณ์ที่ นักแสดงฮอลลีวูดหยุดงานประท้วง 60 ปีผ่านไป เกิดการหยุดงานประท้วงอีกครั้ง ตามรอยการหยุดงานประท้วงของ นักเขียนบท เนื่องจากไม่สามารถเจรจากับสตูดิโอยักษ์ใหญ่และบริการสตรีมมิ่งได้

นักแสดงฮอลลีวูด ประมาณ 160,000 คน ที่อยู่ในสหภาพแรงงาน SAG-AFTRA ได้ประท้วง นัดหยุดงาน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี ที่สมาชิกของสมาคมหยุดงานผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ประท้วงหยุดงานนับตั้งแต่ปี 2523 โดยมีสาเหตุมาจาก 4 ปัญหาหลัก

  • ความเท่าเทียมกันทางรายได้
  • ค่าตอบแทนจากการนำผลงานไปใช้ซ้ำ (residual)
  • การกำกับดูแลการใช้ปัญญาประดิษฐ์
  • ลดภาระของนักแสดงที่ต้องอัดเทปส่งไปออดิชั่นเอง

SAG-AFTRA ระบุว่า สัญญาปัจจุบันนั้นถือว่าล้าหลังเมื่อเทียบกับวิวัฒนาการของธุรกิจสื่อ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนตอนของซีรีส์ที่ลดลง, การเว้นช่วงระหว่างซีซั่นที่นานขึ้น, การมาของสตรีมมิ่งที่ทำให้คอนเทนต์ถูกฉายซ้ำ ๆ ขณะที่ส่วนแบ่งรายได้ของนักแสดงจะได้เพิ่มจากยอดขาย โฆษณา กับยอดขาย DVD ดังนั้น สมาคมจึงต้องการเรียกร้องให้เพิ่มค่าตอบแทน และสวัสดิการณ์อื่น ๆ เช่น สิทธิด้านสุขภาพ, แผนเงินบำนาญหลังเกษียณ

โดย SAG-AFTRA ประเมินว่า สมาชิกกว่าครึ่ง จากทั้งหมด 171,000 คน เคยไม่ได้รับเงินจากการแสดงเลยในบางปี และมีเพียง 5-15% เท่านั้นที่มีรายได้มากพอ ทำประกันสุขภาพ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 26,470 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การต้องอัดเทปส่งไปออดิชั่นเองก็ต้องใช้เงินสูงถึงประมาณ 250 ดอลลาร์ เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจากันไม่ลงตัวในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้อง ค่าตอบแทนที่เหมาะสม โดย Fran Drescher ประธานสหภาพแรงงาน SAG-AFTRA กล่าวว่า ข้อเสนอของผู้บริหารสตูดิโอนั้น ดูหมิ่นและไม่สุภาพ ขณะที่ ตัวแทนฝ่ายสตูดิโอ ก็กล่าวหาว่า ฝ่ายสหภาพเดินออกจากการเจรจา แม้ว่าพวกเขาเสนอ เพิ่มผลตอบแทนครั้งประวัติศาสตร์ รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ให้แล้ว

“แทนที่จะเจรจากันต่อไป SAG-AFTRA ทำให้เราอยู่ในทางที่จะสร้างผลกระทบทางการเงินให้กับคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อีกหลายพันคนทำ” แถลงจาก Alliance of Motion Picture and Television Producers (AMPTP)

ไม่ใช่แค่เหล่าสมาชิก SAG-AFTRA ที่หยุดงานประท้วง แต่ช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้เหล่า นักเขียนบท ที่อยู่ใน  สมาคมนักเขียนแห่งอเมริกากว่า 11,000 คน ซึ่งการนัดหยุดงานดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ต้องชะงักตัวลง โดยเฉพาะในส่วนของสตูดิโอใหญ่ และยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนในการยุติการประท้วงดังกล่าว แต่มีการประมาณการว่า การหยุดงานประท้วงของนักแสดงและนักเขียนบท อาจยืดเยื้อไปตลอดไปจนถึง สิ้นปี

Source

]]>
1437784
‘เอไอเอส’ ดึง ‘HBO’ คัมแบ็ก! เสริมแกร่งพอร์ตคอนเทนต์ รับเทรนด์วิดีโอสตรีมมิ่งที่กำลังเติบโต https://positioningmag.com/1430829 Thu, 18 May 2023 10:00:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1430829

สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับตลาดและลูกค้าไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน เมื่อ เอไอเอส (AIS) ได้เป็นพันธมิตรกับ เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) พร้อมจัดแพ็คเกจรายเดือน ล่าสุด เอไอเอสก็ได้อีกแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง เอชบีโอ (HBO) กลับเข้ามาสู่มืออีกครั้ง ซึ่งจะยิ่งเสริมแกร่งคอนเทนต์ให้กับเอไอเอส


ดึง HBO กลับบ้าน AIS อีกครั้ง

ย้อนไปปี 2560 ใครที่ใช้บริการ AIS Play บริการบันเทิงเต็มรูปแบบของเอไอเอสน่าจะคุ้นเคยกับช่อง HBO แต่ในปี 2563 ช่อง HBO ก็หมดสัญญาไป จนมาปี 2566 นี้ เอไอเอสก็ได้พา HBO กลับมาให้บริการอีกครั้ง และครั้งนี้พิเศษกว่าเดิม เพราะนอกจากแพลตฟอร์ม HBO Go แล้วยังมีอีก 5 ช่องเอ็กซ์คลูซีฟ ได้แก่ HBO, HBO Signature, HBO HITS, HBO Family และ Cinemax

การที่เอไอเอส ได้ HBO เข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่อีกราย ทำให้เอไอเอสแทบจะกวาดแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ให้บริการในไทยครบทุกรายแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เอไอเอสก็พึ่งได้ Netflix เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หรืออีกแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Disney+ Hotstar นอกจากนี้ ไม่ว่าจะ IQIYI, VIU, WeTV หรือช่องกีฬาอย่าง beIN Sports ก็เป็นพาร์ทเนอร์กับเอไอเอสทั้งหมด ตอนนี้คงจะเหลือเพียง Prime Video แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของ Amazon ที่พึ่งทำตลาดในไทยไปไม่นานมานี้เท่านั้น

 


ทำไมคอนเทนต์ถึงสำคัญ?

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS อธิบายว่า การแข่งขันของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไม่ว่าจะเป็น 5G หรืออินเตอร์เน็ตบ้าน คอนเทนต์ ได้กลายเป็น ส่วนเสริม และกลายเป็นเรื่องปกติถ้าไม่มีแปลว่าแปลก

ขณะที่เทรนด์ของไทยและทั่วโลก การใช้งานแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากจำนวนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 71 ล้านคนในไทย มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งถึง 25.15 ล้านราย คิดเป็น 38% มีมูลค่าจับจ่ายราว 12,341 ล้านบาท เติบโต 14.4% และมียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 1,291 บาท/คน/ปี เติบโต 8.26%

นอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการว่า คอนเทนต์เอนเตอร์เทนต์เมนต์ เป็นตัวขับเคลื่อนในการใช้งานอินเตอร์เน็ต โดยปัจจุบัน ค่าเฉลี่ยการใช้โมบายดาต้าทั่วไปเฉลี่ยที่ 22-24 GB ส่วนกลุ่มที่ใช้งานหนัก ๆ จะเกิน 40 GB ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรับชมวิดีโอ

ดังนั้น การเป็นพาร์ทเนอร์กับแพลตฟอร์มคอนเทนต์ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของเอไอเอส คือ นำเสนอโครงข่ายที่ดีคอนเทนต์ที่ดีให้กับลูกค้า ปัจจุบัน 5G ของเอไอเอสครอบคลุมพื้นที่กว่า 87%

“เราร่วมงานกับทุกคอนเทนต์พาร์ทเนอร์เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงคอนเทนต์คุณภาพ แต่ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นเจ้าของคอนเทนต์ แต่เป็นพาร์ทเนอร์กับคนที่มีคอนเทนต์ โดยการเติบโตไปของเราจะอยู่บนพื้นฐานของอีโคซิสเต็มส์ที่ร่วมกับนี่พาร์ทเนอร์


AIS Play ยิ่งแกร่ง

การได้ HBO เข้ามา ทำให้ตอบโจทย์ลูกค้าสาวก DC, Harry Potter, ซีรีส์ Game of Thrones และ คอนเทนต์คุณภาพจากค่าย Warner Bros. อีกมากมาย บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ยิ่งลูกค้า AIS ทั้งในระบบเติมเงิน และรายเดือน รวมถึงลูกค้า AIS Fibre สามารถสมัครแพ็กเกจราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 99 บาท/เดือน นาน 3 เดือน (จากนั้นจะคิดค่าบริการตามปกติ 149 บาท/ เดือน) เพียงกด USSD *888# โทรออก

นอกจากนี้ ยังมีแพ็คเกจรายปี 999 บาท เพียงกด USSD *888*1#โทรออก ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 กรกฎาคม 2566 เท่านั้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาและรายละเอียดแพ็กเกจ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ AIS PLAY https://www.ais.th/play/hbo.html และ HBO GO

]]>
1430829
ซีรีส์ “เกาหลี” ที่ Netflix จะลงทุนกว่า 8.5 หมื่นล้าน ตั้งเป้าเพื่อตอบโจทย์ผู้ชม “ทั่วโลก” ไม่ใช่แค่เอเชีย https://positioningmag.com/1430360 Fri, 12 May 2023 09:06:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1430360 Netflix ประกาศมาก่อนหน้านี้ว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนซีรีส์-หนัง “เกาหลี” อีก 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 8.5 หมื่นล้านบาท โดยทั้งหมดจะเน้นการเจาะตลาดผู้ชม “ทั่วโลก” ไม่ใช่แค่ในเอเชียเท่านั้น จากผลสำเร็จของคอนเทนต์เกาหลีที่สามารถเข้าถึงใจผู้ชมทั่วโลกได้

Don Kang รองประธาน Netflix ด้านคอนเทนต์เกาหลี เปิดเผยกับ CNBC ว่า แผนการลงทุนคอนเทนต์เกาหลีอีก 2,500 ล้านเหรียญใน 4 ปีนั้น จะทำให้เกาหลีมีคอนเทนต์ประเภทที่ไม่ใช่เรื่องแต่ง (non-fiction) เช่น รายการวาไรตี้ เพิ่มเป็นเท่าตัว จากที่เคยมี 4 เรื่องในปี 2022 ปีนี้จะมี 8 เรื่อง

ในจำนวนนี้รวมถึงเรียลลิตี้โชว์ที่ออกฉายไปแล้วต้นปีนี้อย่าง “Physical 100” ที่รวบรวมผู้เข้าแข่งขันมาแข่งกันผ่านด่านที่ท้าทายต่อกำลังร่างกาย

“ผมคิดว่านั่นจะเป็นรายการวาไรตี้รายการแรกที่ได้คนดูในระดับโลก ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้น” Kang กล่าว ปกติแล้วรายการวาไรตี้ของเกาหลีจะไม่ค่อยได้รับความนิยมนักนอกประเทศเกาหลีและกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก แต่ปรากฏว่า Physical 100 สำเร็จในการดึงคนดูนอกทวีป เป็นสัญญาณบวกในการกรุยทางต่อ

Physical 100 ขึ้นสู่อันดับ 1 รายการที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมมากที่สุดประจำสัปดาห์ เป็นเวลาสองสัปดาห์ต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้รายการวาไรตี้เกาหลีที่มีคนดูระดับโลกก็เคยมีให้เห็นบ้างแล้วในปี 2022 เมื่อรายการเรียลลิตี้จับคู่เดตอย่าง Single’s Inferno ขึ้นมาอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลกเมื่อปีก่อน

 

คอนเทนต์ “เกาหลี” ไปสู่ระดับโลก

Kang กล่าวว่า ตนเคยทำงานด้านการจัดจำหน่ายคอนเทนต์เกาหลีในระดับโลกมาก่อนที่จะเข้าร่วมงานกับ Netflix ในปี 2018 เขามองว่า ก่อนหน้านี้คอนเทนต์เกาหลีที่ได้รับความนิยมจะเป็นประเภทโรแมนติกคอมเมดี้ และมักจะได้รับความนิยมในประเทศใกล้เคียงเท่านั้น เช่น ญี่ปุ่น ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะไกลกว่านี้ก็จะเริ่มมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม

แต่ Netflix ลงทุนสูงกับการพากย์เสียงและใส่คำบรรยายที่ทำให้เข้ากับบริบทท้องถิ่นได้ดีขึ้น ทำให้ลดกำแพงภาษาลงได้และ “เปลี่ยนโลกให้แตกต่าง” เขากล่าว

squid game
Squid Game คอนเทนต์เกาหลีที่ได้รับความนิยมระดับโลก

“คุณไม่ควรปรามาสรสนิยมที่หลากหลายของผู้คนรอบโลก” Kang กล่าว และยกตัวอย่างถึง “Squid Game” ที่ Netflix เลือกเปลี่ยนชื่อเรื่องให้เหมาะกับสากลมากขึ้น

ในปีนี้คอนเทนต์ “เกาหลี” ของ Netflix ก็จะสร้างความแตกต่างหลากหลายให้มากกว่าแค่คอนเทนต์โรแมนติกด้วย โดยจะมีคอนเทนต์แนวดราม่า วันสิ้นโลก เสียดสีสังคม และแน่นอนว่าต้องมีรายการวาไรตี้

Kang มองว่า “เกาหลี” มีศักยภาพในการร้อยเรียงเรื่องราวที่สื่อสารวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกที่เชื่อมต่อกับผู้ชมในระดับโลกได้เช่นกัน

“เมื่อคนเกาหลีชื่นชอบคอนเทนต์นั้นๆ มันก็มีโอกาสมาก มากๆ ทีเดียวที่คนทั่วโลกจะชื่นชอบเช่นเดียวกัน” Kang กล่าวปิดท้าย

Source

]]>
1430360
จะไหวไหม? Netflix เสียสมาชิก 1 ล้านรายทันทีที่ “สเปน” หลังเริ่มกฎเหล็ก “ห้ามแชร์รหัสผ่าน” https://positioningmag.com/1429779 Mon, 08 May 2023 12:08:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1429779 หลัง Netflix เอาจริงกับกฎเหล็ก “ห้ามแชร์รหัสผ่าน” บัญชีเดียวดูหลายคน โดยเริ่มทดลองก่อนในบางตลาด ล่าสุดมีผลสำรวจจาก “สเปน” พบว่า ภายในเดือนเดียวสตรีมมิ่งเจ้านี้ต้องเสียสมาชิกไปถึง 1 ล้านราย และมีแนวโน้มที่เลือดจะไหลออกอีกในไตรมาส 2

ก่อนหน้านี้ Netflix ประกาศออกมาแล้วว่า บริษัทจะเริ่มจริงจังการใช้มาตรการ “ห้ามแชร์รหัสผ่าน” โดยมีการทดลองก่อนในบางตลาด ได้แก่ สเปน โปรตุเกส แคนาดา นิวซีแลนด์ และ 5 ประเทศทวีปอเมริกาใต้ เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2023

ล่าสุดบริษัทวิจัยการตลาด Kantar Worldpanel ทำการสำรวจตลาดสตรีมมิ่งใน “สเปน” ตลาดที่มีผู้สมัครสมาชิกสตรีมมิ่งอยู่ 11.9 ล้านราย การสำรวจช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2023 พบว่า Netflix ต้องเสียลูกค้าไปทันที 1 ล้านราย ภายในเวลา 1 เดือน

การเสียลูกค้าไปเป็นเรื่องที่ Netflix คาดการณ์และแจ้งเตือนนักลงทุนไว้ก่อนแล้ว แต่บริษัททำเช่นนี้เพราะหวังผลระยะยาวว่า บรรดาลูกค้าที่เคยแชร์รหัสผ่านกับคนอื่นจะหันมาสมัครสมาชิกด้วยตนเองแทน

ในประเด็นนี้ Worldpanel สอบถามความเห็นพบว่า ลูกค้า ‘เกือบครึ่งหนึ่ง’ ที่ยกเลิกสมาชิก Netflix ไป บอกว่าตนเองจะไม่กลับมาจ่ายค่าสมาชิกให้สตรีมมิ่งรายนี้อีก

Netflix
ไตรมาสแรก Netflix มีซีรีส์ใหม่ออกฉายคือ YOU season 4 ซึ่งมีผู้ชมมากเป็นอันดับ 3 ในสเปน แต่ดึงสมาชิกใหม่ได้เพียง 1% ของการสมัครใหม่ทั้งหมด

สัญญาณที่ไม่ดียังมีมากกว่านั้น เพราะลูกค้าที่ยังเป็นสมาชิกอยู่มีถึง 10% ที่ตอบว่ามีแผนจะยกเลิกสมาชิกภายในไตรมาส 2 และที่น่าสนใจอีกประการคือ กลุ่มลูกค้าที่ยกเลิกสมาชิกเพราะถูกห้ามแชร์รหัสผ่าน ไม่ได้มีลักษณะร่วมกันตามหลักประชากรศาสตร์ที่เด่นชัดเป็นพิเศษ

“การเสียลูกค้า 1 ล้านรายในเวลาแค่ 1 เดือนกว่า น่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจของ Netflix ว่าจะนำกฎนี้ไปใช้ทั่วโลกไหม หลังจากนี้บริษัทน่าจะจับตามองความเคลื่อนไหวไปอีก 2-3 ไตรมาสว่ามีลูกค้ากลับมาสมัครสมาชิกใหม่มากน้อยแค่ไหน เพื่อนำไปกำหนดกลยุทธ์ของบริษัท” Dominic Sunnebo ผู้อำนวยการฝ่ายอินไซต์ผู้บริโภคระดับโลกของ Kantar Worldpanel กล่าว

 

ใครได้โอกาสเขย่าบัลลังก์ Netflix

ส่วนสตรีมมิ่งที่คว้าชิ้นปลามันและได้ประโยชน์ชัดเจนคือ “Prime Video” และ “Sky Showtime” ซึ่งได้ส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มลูกค้าสมัครสมาชิกสตรีมมิ่งใหม่ไตรมาส 1/2023 ของสเปนไปถึง 34.4% และ 32.6% ตามลำดับ ส่วนอันดับสามที่ตามมาห่างๆ คือ “HBO Max” ซึ่งได้ส่วนแบ่งลูกค้าใหม่ไป 9.2%

กรณีของ Prime Video นั้น นับได้ว่าเกิดจาก “คอนเทนต์” ที่ช่วยเรียกลูกค้า เนื่องจาก Prime Video มีซีรีส์เด่นคือ The Lord of the Rings, the Rings of Power ที่แม้จะออกฉายมานาน 9 เดือนแล้ว แต่ก็ยังเป็นซีรีส์ที่ช่วยดันยอดสมาชิกใหม่ได้

นอกจากนี้ สตรีมมิ่งเจ้านี้ยังเป็นคู่แข่งชัดเจนของ Netflix ด้วย เพราะประมาณครึ่งหนึ่งของลูกค้าที่ยกเลิกสมาชิก Netflix มีการสมัคร Prime Video ควบคู่ไว้อยู่ก่อนแล้ว ทำให้มีแนวโน้มว่าต่อจากนี้ลูกค้าจะหันมาใช้เวลาชมคอนเทนต์ของ Prime Video กันมากขึ้น

ขณะที่สตรีมมิ่ง Sky Showtime เจ้านี้เป็นเจ้าใหม่ในตลาดเพิ่งจะเปิดตัวเมื่อปี 2022 โดยเป็นสตรีมมิ่งที่เกิดจากกิจการร่วมค้าของ 3 บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์ คือ NBCUniversal, Sky และ Paramount Global เจ้านี้เข้ามาในตลาดด้วยโปรโมชันแรงๆ เช่น ลดราคาครึ่งหนึ่งตลอดชีพสำหรับผู้ที่สมัครสมาชิกในช่วงเปิดตัว

ส่วน HBO Max ที่ตามมาห่างๆ นั้นก็ใช้คอนเทนต์นำทางเช่นกัน เนื่องจากมีการออกฉายซีรีส์ The Last of Us ที่กลายเป็นซีรีส์ที่มีผู้ชมอันดับ 1 ของสเปนเมื่อไตรมาสก่อน และผู้ที่สมัครสมาชิกใหม่ HBO Max มีประมาณ 9% ที่ตอบว่ากดสมัครสมาชิกก็เพราะต้องการดูซีรีส์เรื่องนี้

เห็นตัวเลขสถิติจากสเปนแล้ว Netflix อาจจะหายใจไม่ทั่วท้อง ต้องรอลุ้นว่าไตรมาสต่อๆ ไปจะสามารถดึงสมาชิกกลับมาได้หรือไม่

Source

]]>
1429779
Apple เตรียมอัดทุนสร้าง “ภาพยนตร์” 1 พันล้านเหรียญ พร้อมส่งเข้าฉายโรงก่อนสตรีมมิ่ง https://positioningmag.com/1424745 Fri, 24 Mar 2023 08:00:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1424745 Apple วางแผนทุ่มทุนสร้าง “ภาพยนตร์” ปีละ 1,000 ล้านเหรียญ พร้อมส่งหนังเข้าฉายในโรงก่อนอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อสื่อสารต่อสาธารณะว่าบริษัทเป็นค่ายหนังคุณภาพ และเอาจริงกับการทำภาพยนตร์

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Apple วางแผนจะอัดทุนสร้างภาพยนตร์อีกปีละ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ปกติก่อนอย่างน้อย 1 เดือน ก่อนที่จะเข้าฉายผ่านสตรีมมิ่ง Apple TV+

จุดประสงค์การเข้าโรงปกติเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ผู้ชมเห็นว่า ค่าย Apple Studios นั้นเป็นผู้เล่นหลักในวงการภาพยนตร์ และต้องการจะทำหนังดีมีคุณภาพออกมา

ถือเป็นการแก้เกมที่ก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่อง CODA ที่ชนะรางวัลออสการ์ถึง 3 รางวัล ค่ายนี้ก็ยังไม่มีหนังฮิตติดกระแสอีก และยังไม่ถูกมองเป็นค่ายหนังรางวัล

ปัจจุบัน Apple ถือว่ายังใหม่มากในการจัดจำหน่ายภาพยนตร์เข้าไปฉายในโรงหนัง ทำให้มีข่าวว่าค่ายอาจจะพูดคุยกับค่ายหนังอื่นด้วย เพื่อหาพันธมิตรช่วยในการจัดจำหน่าย

Argylle หนังระทึกขวัญจากค่าย Apple Studios คาดเข้าฉายกลางปี 2023 และอาจจะผลักดันเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ก่อน

แผนการนำภาพยนตร์ฉายในโรงอย่างต่อเนื่องของ Apple อาจได้เห็นเร็วๆ นี้ เพราะค่ายมีโปรแกรมหนังในมือรอออกฉายในปี 2023 อยู่หลายเรื่อง เช่น เรื่อง Argylle หนังระทึกขวัญนำแสดงโดย ดูอา ลิปา และ เฮนรี่ คาวิลล์ รวมถึงเรื่อง Napolean หนังดราม่าอิงประวัติศาสตร์ที่กำกับโดย ริดลีย์ สก็อตต์ และนำแสดงโดย โจอาควิน ฟินิกซ์

ด้านคู่แข่งของ Apple มีความเคลื่อนไหวแตกต่างกันไป เช่น Amazon ประกาศเหมือนกันว่าจะอัดทุนสร้างปีละ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างภาพยนตร์ที่เข้าโรงก่อนเข้าสตรีมมิ่งของตนเอง ขณะที่ Netflix นั้นส่งสัญญาณว่าแพลตฟอร์มไม่พร้อมจะส่งภาพยนตร์เข้าฉายโรงก่อน

แผนของ Apple ที่จะส่งหนังเข้าโรงก่อนนั้นยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อยในการช่วยดึงคนมาสมัครสมาชิกสตรีมมิ่งเพิ่ม แต่ที่แน่ๆ ก็คือ การส่งหนังไปฉายในโรงปกติก่อนจะทำให้สาธารณชนเปลี่ยนความคิด หันมามองว่าค่ายหนังของ Apple นั้น “เอาจริง” ในการทำหนังที่มีคุณภาพ และต้องทำหนังที่ดึงคนให้ไปตีตั๋วดูที่โรงหนังได้จริงๆ

Source

]]>
1424745
ไม่ใช่แค่ไทย! ‘Netflix’ หั่นราคาในกว่า 30 ประเทศ หวังกระตุ้นยอดสมาชิกใหม่ https://positioningmag.com/1420666 Fri, 24 Feb 2023 05:26:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1420666 หลังจากที่มีข่าวว่า Netflix (เน็ตฟลิกซ์) ปรับลดราคาแพ็กเกจพื้นฐานจาก 279 บาท/เดือน เหลือ 169 บาท ซึ่งการหั่นราคานี้ก็ไม่ได้เกิดแค่ไทย แต่ลดลงในหลายประเทศ บางประเทศ ลดลงเกินครึ่ง เพื่อหวังจะช่วยกระตุ้นยอดสมาชิกใหม่ ๆ ที่ต้องรัดเข็มขัดจากวิกฤตเศรษฐกิจ

รายงานจาก The Wall Street Journal ระบุว่า Netflix กำลังลดราคาค่าสมาชิกของแพ็กเกจพื้นฐานในกว่า 30 ประเทศ อาทิ เยเมน จอร์แดน ลิเบีย อิหร่าน เคนยา โครเอเชีย สโลวีเนีย บัลแกเรีย นิการากัว เอกวาดอร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ บอสเนีย เฮอร์เซโกวีนา เซอร์เบีย แอลเบเนีย มาซิโดเนียเหนือ และสโลวาเกีย โดยบางประเทศ Netflix มีการปรับราคาลงเกินครึ่งเลยทีเดียว

“เราพยายามที่จะให้บริการสมาชิกมากขึ้นทั่วโลก โดยพยายามส่งมอบคุณค่าที่เหมาะสมในราคาที่แตกต่างกัน มีผู้คนมากมายทั่วโลกในประเทศที่เราไม่ได้เจาะลึก และเรามีโอกาสมากขึ้นที่จะดึงดูดพวกเขา” Greg Peters ซีอีโอร่วมของ Netflix กล่าว

ก่อนหน้าที่ Netflix จะหั่นราคาแพ็กเกจเริ่มต้นลง บริษัทได้ทดลองออก แพ็กเกจที่มีโฆษณาคั่น (ad-tier) สำหรับผู้บริโภคที่อยากรับชมคอนเทนต์ในราคาประหยัด แต่ต้องแลกกับโฆษณา ซึ่งส่วนนี้ก็จะช่วยให้ Netflix มีรายได้ใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มเติม

ต้องยอมรับว่าในช่วง 16 ปีที่ Netflix ให้บริการสตรีมมิ่ง การลดราคาของบริการถือเป็นเรื่องที่บริษัทแทบจะไม่เคยทำ ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับขึ้นมากกว่า อาทิ การปรับราคาสมาชิกในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในเดือนมกราคมเมื่อช่วงต้นปี 2022

แต่ด้วยการแข่งขันกันอย่างดุเดือดจากการมาของผู้เล่นรายใหม่ ๆ เช่น Paramount Plus, HBO Max, Disney Plus และ Hulu ประกอบกับการระบาดของโควิดที่คลี่คลายลง ผู้บริโภคไม่ได้มีเวลาในการรับชมคอนเทนต์เหมือนช่วงที่โควิดระบาดใหม่ ๆ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อค่าครองชีพ ทำให้ผู้บริโภคบางรายเลือกที่จะยกเลิกบริการสตรีมมิ่งเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ส่งผลให้รายได้รวมถึงยอดผู้ใช้งานของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหลายรายเริ่มอยู่ในภาวะถดถอย โดยเฉพาะกับ Netflix ที่ต้องมีการปรับกลยุทธ์ใหม่ ทั้งการปรับลดพนักงาน การหั่นงบผลิตคอนเทนต์ รวมถึงการออกมาตรการจัดการกับบัญชีที่มีการแชร์รหัสร่วมกัน เพื่อชดเชยจำนวนยอดสมาชิกที่หายไป รวมถึงการมีแพ็กเกจโฆษณา และล่าสุด ปรับลดราคาลง ซึ่งถือว่า สวนทางกับคู่แข่งที่มีการปรับราคาขึ้น

ทั้งนี้ ช่วง Q4/2022 จำนวนสมาชิกของ Netflix เพิ่มขึ้น 7.6 ล้านคน หลังจากช่วงครึ่งปีแรกจำนวนสมาชิกของแพลตฟอร์มลดลง สวนทางกับคู่แข่งอย่าง Paramount+ และ Disney+ ที่มีสมาชิกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนสมาชิกของ Netflix จะเพิ่มขึ้น แต่รายได้เฉลี่ยของสมาชิกกลับลดลง

Source

]]>
1420666