อิตัลไทยกรุ๊ป – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 03 Feb 2023 11:22:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ONYX ตั้งเป้ารายได้ปี’66 โตสูงกว่าก่อนโควิด-19! ร่วมลงทุน “อมารี” แห่งใหม่ใน “มัลดีฟส์” https://positioningmag.com/1417866 Fri, 03 Feb 2023 10:33:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1417866
  • “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” (ONYX) ธุรกิจโรงแรมในเครือ “อิตัลไทย” ตั้งเป้ารายได้ปี 2566 จะสูงถึง 8,800 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 60% และจะเป็นตัวเลขที่เติบโตสูงกว่าก่อนเกิดโควิด-19 จากการเปิดโรงแรมใหม่และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
  • แผนเปิดตัวโรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ใหม่อีก 11 แห่งภายใน 2-3 ปี โดยปีนี้จะมีไฮไลต์คือ “อมารี ราญา มัลดีฟส์” รีสอร์ตขนาดใหญ่บนเกาะมัลดีฟส์ที่บริษัทร่วมถือหุ้น 3-5%
  • ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมถือว่าผ่านจุดวิกฤตที่สุดมาแล้ว และปี 2566 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวได้เต็มปี รวมถึงธุรกิจโรงแรมในเครือ “อิตัลไทย” อย่าง “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” หรือ ONYX ซึ่งตั้งเป้าจะเติบโตก้าวกระโดด 60% จากปีก่อน

    “ยุทธชัย จรณะจิตต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ONYX กล่าวถึงเป้าหมายรายได้ของเครือในปี 2566 ว่าจะไปแตะ 8,800 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ารายได้ปี 2562 (ก่อนเกิดโควิด-19) ที่เคยทำได้ 7,000 ล้านบาท

    “ยุทธชัย จรณะจิตต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป

    เหตุที่ปีนี้จะโตแบบก้าวกระโดดมาจากการเปิดโรงแรมแห่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของโรงแรมเดิมที่มีในพอร์ต เมื่อเทียบกับปีก่อนแล้วรายได้จะโตขึ้นมาก เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก 2565 นั้นถือว่าตลาดยังไม่ฟื้น

    “ปี 2566 เราตั้งเป้าโหดมากกับทุกโรงแรมในเครือ เพราะเราเห็นแล้วว่าไฟลต์บินกำลังทยอยกลับมา ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้น่าจะเห็นภาพชัดเจนว่ามีเที่ยวบินเพิ่มขึ้น” ยุทธชัยกล่าว

    “ราคาห้องพักเองก็ปรับกลับมาได้แล้วเช่นกัน ขณะนี้ราคาขึ้นมา 25-30% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ยังขยับเพิ่มได้อีก เพราะค่าเฉลี่ย ADR ของเราปัจจุบันยังอยู่ที่ 3,000 กว่าบาทต่อคืน ซึ่งยังไม่เท่ากับปี 2562”

     

    แผนเปิดเพิ่ม 11 แห่งภายใน 2-3 ปี ร่วมลงทุนที่ “มัลดีฟส์”

    ออนิกซ์ฯ นั้นเป็นเครือโรงแรมสัญชาติไทยที่มีแบรนด์หลัก 3 แบรนด์ คือ อมารี (Amari) แบรนด์โรงแรมระดับบนเพื่อลูกค้ากลุ่มลักชัวรี, โอโซ่ (OZO) แบรนด์โรงแรมระดับกลาง เน้นลูกค้าที่ชอบการพักผ่อนอย่างมีสไตล์ และ ชามา (Shama) แบรนด์เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ระดับบนที่รองรับทั้งการพักระยะสั้นจนถึงระยะยาว นอกจากนี้ยังมีโรงแรมที่เป็น White Label คือรับบริหารให้ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า

    พอร์ตโฟลิโอแบรนด์ในมือ ONYX

    ปัจจุบันออนิกซ์ฯ มีโรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ในเครือรวม 44 แห่ง ตั้งอยู่ใน 7 เขตการปกครอง คือ ไทย, สปป.ลาว, มาเลเซีย, มัลดีฟส์, จีน, ฮ่องกง และบังกลาเทศ สัดส่วนโรงแรมที่เป็นเจ้าของเองอยู่ที่ 18% และเป็นโรงแรมที่รับบริหาร 82%

    หากแบ่งตามเป้าหมายรายได้ปี 2566 แต่ละแบรนด์สร้างรายได้ให้ออนิกซ์ฯ ดังนี้

    • 63% แบรนด์ “อมารี”
    • 17% แบรนด์ “ชามา”
    • 12% แบรนด์ “โอโซ่”
    • 8% แบรนด์อื่นๆ เช่น โรงแรมกลุ่ม White Label
    ONYX อมารี
    โรงแรมอมารี ภูเก็ต

    ยุทธชัยกล่าวถึงแผนการเติบโตจากนี้ ตั้งเป้าเปิดตัวโรงแรมใหม่ 11 แห่งภายใน 2-3 ปี ได้แก่

    1.อมารี ราญา มัลดีฟส์ (*)
    2.อมารี นิเซโกะ ญี่ปุ่น
    3.อมารี เวียงจันทน์ ลาว
    4.อมารี โคลอมโบ ศรีลังกา (*)
    5.อมารี เดอะ ไทด์ บางแสน
    6.ชามา ยะโฮร์บาห์รู มาเลเซีย (*)
    7.ชามา เมดินี อิสกันดาร์ มาเลเซีย (*)
    8.ชามา ฮับ ไหโข่ว จีน
    9.ชามา ฮับ เมโทร เซาธ์ ฮ่องกง
    10.ชามา ฮับ เฉียนถัง จีน
    11.โอโซ่ เมดินี อิสกันดาร์ มาเลเซีย (*)
    (* = โครงการที่จะเปิดภายในปี 2566)

    ONYX อมารี

    เกือบทุกโครงการนั้นเป็นโครงการที่ออนิกซ์ฯ รับจ้างบริหาร ยกเว้นเพียง อมารี ราญา มัลดีฟส์ ที่บริษัทลงทุนด้วย 100 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3-5% ของโครงการ

    โรงแรมนี้เป็นรีสอร์ตขนาดใหญ่บนเกาะมัลดีฟส์ ลงทุนโดยบริษัท Panchshil จากเมืองปูเน่ อินเดีย ต้องการจะปั้นให้เป็นรีสอร์ตแบบ ‘One of a Kind’ แห่งมัลดีฟส์ ประกอบด้วยห้องพักแบบไพรเวทวิลล่า 200 ห้อง เตรียมเปิดบริการเดือนพฤษภาคม 2566

    อมารี ราญา มัลดีฟส์

     

    ไม่ใช่แค่แบรนด์ไทย แต่เป็นแบรนด์โรงแรมระดับ “ภูมิภาค”

    ภาพระยะยาวของออนิกซ์ฯ นั้น ยุทธชัยกล่าวว่าบริษัทจะต้องเป็น “The Best Medium-size Hotel Management in SEA” ไม่ใช่แค่เป็นแบรนด์โรงแรมของไทย แต่เป็นแบรนด์โรงแรมระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งยุทธชัยมองว่าต่อจากนี้จะกลายเป็น “ตลาดที่ฮอตที่สุดของโลก” เนื่องจากนักท่องเที่ยวสนใจที่จะมาเยือนสูงที่สุด

    ONYX จะต้องแข่งขันให้ได้กับเชนโรงแรมรายใหญ่ที่เล่นในสนามระดับโลก รวมถึงเชนระดับภูมิภาคด้วยกัน ซึ่งยุทธชัยมองจุดขายของบริษัท คือ

    • เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในแง่การบริหารทาเลนต์และกลุ่มลูกค้า
    • ผู้บริหารและพนักงานเป็นคนในภูมิภาคที่เข้าใจวัฒนธรรมการทำงานของเจ้าของโรงแรม (owner) ทำให้การทำงานราบรื่น
    • สามารถปรับเงื่อนไขให้เข้ากับความต้องการของ owner ได้แบบ tailor-made
    • การเป็นบริษัทขนาดกลาง ทำให้ซีอีโอสามารถเจรจากับ owner ได้ด้วยตนเอง มีความใกล้ชิดในการบริหาร
    โอโซ่ นอร์ธ พัทยา

    ในระยะหลังพ้นโควิด-19 เป็นช่วงที่ owner เริ่มต้องการปรับปรุงโรงแรม รีแบรนด์ ตกแต่งใหม่ เป็นโอกาสที่ดีที่ออนิกซ์ฯ จะปิดดีลการรับบริหาร

    ส่วนในแง่ลูกค้าผู้เข้าพัก ยุทธชัยมองว่าตลาดฟื้นตัวได้ดี “ตอนนี้ชาวรัสเซียเต็มเกาะภูเก็ต หลายประเทศเข้ามาเที่ยวเมืองไทยคึกคัก เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง ยุโรป ส่วนตลาดจีนขณะนี้ยังต้องเน้นเฉพาะระดับบน มาแบบ F.I.T. เพราะตลาดกลางถึงล่างที่จะมากับคณะทัวร์นั้นยังไม่ฟื้น จากเศรษฐกิจบ้านเขาที่ซบเซามาหลายปี แต่คาดว่าช่วงปลายปีนี้น่าจะเริ่มเห็นทัวร์จีนกลับมา”

    ]]>
    1417866
    “อิตัลไทยวิศวกรรม” แตกไลน์โครงการผลิตน้ำและบำบัดน้ำ ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หวังกวาดปีละ 1,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/58253 Fri, 15 Aug 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58253

    “อิตัลไทยวิศวกรรม” ภายใต้ อิตัลไทย กรุ๊ป สบช่องการเมืองสงบ แตกไลน์ฝ่ายเทคโนโลยีน้ำ (Water Technology Division) งานระบบของโครงการผลิตน้ำ และบำบัดน้ำในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หลังประเดิมรับงาน IRPC, Siam Mitsui PTA ประสบความสำเร็จด้วยดี หวังเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการขยายตัวของตลาดทั้งในและนอกประเทศในอนาคตอันใกล้ พร้อมเจาะกลุ่ม ภาครัฐ การประปานครหลวง และการประปาภูมิภาค รวมถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ปูนซีเมนต์ ยาง อาหารและเครื่องดื่ม กระดาษ และโรงกลั่นน้ำมัน ตั้งเป้ารายได้กลุ่มนี้แตะปีละ 1,000 ล้านบาท  ภายใน 5 ปี

    นายวรเทพ พงศ์ทวิกร ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีน้ำ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด หรือ  (ITALTHAI Engineering : ITE)  หนึ่งในบริษัทผู้นำตลาดทางด้านวิศวกรรม ภายใต้ “อิตัลไทย กรุ๊ป” เปิดเผยว่า จากการที่อิตัลไทยวิศวกรรมได้มีโอกาสในการรับงานก่อสร้าง และงานระบบของโครงการผลิตน้ำ และบำบัดน้ำในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี และเพื่อที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการขยายตัวของตลาดทั้งในและนอกประเทศในอนาคตอันใกล้ บริษัทจึงได้แตกไลน์ ฝ่ายเทคโนโลยีน้ำ (Water Technology Division) ที่ประกอบด้วยบุคลากรที่มีประสบการณ์ ทั้งทางด้านการออกแบบ, ก่อสร้างและติดตั้งระบบ,การทดสอบและติดตามผล รวมถึงการให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มผลผลิตให้แก่ลูกค้า

    การให้บริการของฝ่ายเทคโนโลยีน้ำ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ ระบบผลิตน้ำใช้ (Water Treatment System) ซึ่งประกอบไปด้วย การผลิตน้ำเพื่อการบริโภค-อุปโภคและในระบบอุตสาหกรรม, Demineralization, Reverse Osmosis, การบำบัดน้ำที่ต้องการความบริสุทธิ์สูงสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ, Desalination System (การแยกเกลือ), การนำน้ำมาหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ และ ระบบบำบัดน้ำเสีย (Wastewater Treatment System) ประกอบด้วยการบำบัดทางเคมี, การบำบัดทางชีวภาพ, การผลิตแก๊สจากน้ำเสีย, การกำจัดกลิ่น, การกำจัดตะกอน เป็นต้น

    สำหรับลูกค้าหลักๆ บริษัทฯ จะเน้นหนักไปทางกลุ่มผู้ผลิตน้ำ และกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น การประปานครหลวง, การประปาภูมิภาค, อุตสาหกรรมปิโตรเคมี, ปูนซีเมนต์, ยาง, อาหารและเครื่องดื่ม, กระดาษ, โรงกลั่นน้ำมัน เป็นต้น

    นายวรเทพ กล่าวต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้รับความไว้วางใจจากเครือ SCG และ Siemens ในการดูแลงานด้านการก่อสร้าง งานท่อและงานระบบในโครงการ Map Ta Phut Olefins Company (MOC), MTP HPPO Manufacturing (Dow Chemical), Siam Mitsui PTA, EXXON Mobile ปัจจุบันบริษัทกำลังดำเนินการก่อสร้างโครงการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้กับโรงงาน IRPC จ.ระยอง ซึ่งมีมูลค่างานกว่า 580 ล้านบาท

    จุดแข็งของบริษัท มีบุคลากรที่มีประสบการณ์สูงในด้านเทคโนโลยีการจัดการน้ำ พร้อมทีมงานก่อสร้างที่มีประสบการณ์ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจรในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะงานที่เน้นคุณภาพความละเอียด และความปลอดภัยในการทำงานสูงภายในการทำงานที่เร่งรัด (Fast Track) เช่นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี รวมทั้งยังสามารถดำเนินการแบบ One Stop Service ตั้งแต่การให้คำปรึกษา, ออกแบบ, ก่อสร้างและติดตั้งระบบ, ทดสอบและติดตามผล เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของลูกค้า

    “เนื่องจากธุรกิจน้ำมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับปรุงระบบเดิมที่หมดอายุหรือต้องการขยายและการสร้างระบบใหม่ ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาภายในประเทศที่ผ่านมาก็ตาม ทั้งนี้บริษัทได้มุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจแบบยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายยอดขายเฉลี่ยในธุรกิจน้ำที่ 1,000 ล้านบาทต่อปีภายใน 5 ปีข้างหน้า และการทำตลาดบริษัทฯ จะเน้นจุดแข็งที่สามารถให้บริการลูกค้าได้ครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยมุ่งเป้าที่จะทำการตลาดในโครงการขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้ประสบการณ์ และคุณภาพของงาน ทั้งนี้บริษัทก็ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับการขยายตัวของตลาด AEC ในอนาคตอีกด้วย” นายวรเทพ กล่าวสรุปในตอนท้าย

    ]]>
    58253
    “อิตัลไทย” บุกตลาด จัดโรดโชว์ 4 ภาค ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถขุดตัก ในอุตสาหกรรมหนัก https://positioningmag.com/57917 Mon, 19 May 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=57917

    “อิตัลไทยอุตสาหกรรม” ภายใต้ “อิตัลไทย กรุ๊ป” บุกตลาดจัดโรดโชว์ ประเดิมโชว์ศักยภาพ ต่อยอดอิตัลไทยเซ็นเตอร์ เปิดสาขา “อิตัลไทย เซ็นเตอร์ ขอนแก่น” ที่ให้บริการทั้งการขาย (Sales) บริการ (Service) และส่วนอะไหล่ (Spare Parts) แบบครบวงจร โดย “อิตัลไทย” เน้นเป็นกลยุทธ์หลัก เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่หลักมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งโชว์ศักยภาพของศูนย์บริการ และเข้าถึงความต้องการ พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้าในทุกพื้นที่ และเร่งขยายสาขาครบวงจรในแต่ละภูมิภาค ปัจจุบัน อิตัลไทยเซ็นเตอร์ มีสาขา 13 แห่ง ทั่วประเทศ รวมถึงสาขาที่เวียงจันทร์ สปป.ลาว อีกด้วย

    นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อิตัลไทย โดย บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จํากัด เปิดเผยว่า บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จํากัด (ITALTHAI Industrial : ITI) ซึ่งเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายและเป็นหน่วยให้บริการหลังการขายเครื่องจักรกลจากบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้รับความไว้วางใจในการจำหน่ายและการให้บริการหลังการขายของเครื่องจักรกลหนักของ Volvo Construction Equipment หรือ Volvo CE  แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย รวมถึงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รู้จัก ในตัวเครื่องจักรกลของอิตัลไทย และได้เกิดความมั่นใจในส่วนของศูนย์บริการ และการบริการแบบครบวงจร บริษัทฯ จึงได้ขยายสาขา และเปิดศูนย์บริการเครื่องจักรกลหนัก Volvo ครบวงจร  หรือ อิตัลไทย เซ็นเตอร์ (Italthai Center) อย่างต่อเนื่อง และได้มีการขยายสาขาครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศกว่า 13 สาขา รวมถึงสาขาที่เวียงจันท์ สปป.ลาว เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในด้านศูนย์บริการ

    และเพื่อเป็นการรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ITI ได้มีการจัดกิจกรรมโรดโชว์ เพื่อโชว์ศักยภาพของศูนย์บริการ และคุณภาพของเครื่องจักรหนัก Volvo พร้อมทั้งยังความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้า และให้ลูกค้าได้สัมผัสกับเครื่องจักร และได้ทดลองใช้เครื่องจักอย่างใกล้ชิด และได้มีโอกาสพูดคุยถึงรายละเอียดผลิตภัณฑ์อีกด้วย โดยประเดิมสาขา “อิตัลไทย เซนเตอร์ ขอนแก่น” ที่ได้มีการลงทุนไปกว่า 50 ล้านบาท ให้เป็นศูนย์บริการที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจะรองรับการให้บริการใน ส่วนงานขาย (Sale), ส่วนงานบริการ (Service) และ ส่วนงานอะไหล่ (Spare parts) และถือเป็น Central Warehouse แบบครบวงจรให้แก่สินค้าประเภทเครื่องจักรกลหนักที่ทางบริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่าย รองรับลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งผู้ประกอบการรับเหมารายใหญ่ หน่วยงานราชการท้องถิ่น รวมไปถึงบุคคลทั่วไป ซึ่งไม่เพียงแต่เฉพาะในจังหวัดขอนแก่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจังหวัดใกล้เคียงอีกหลายจังหวัด นอกจากนี้การจัดโรดโชว์ยังเพื่อสามารถช่วยให้เข้าถึงและตอบสนองความต้องการด้านสินค้าและบริการที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีความแตกต่างกันไปได้มากยิ่งขึ้น และยังเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีและแน่นแฟ้นกับกลุ่มลูกค้าของอิตัลไทยอีกด้วย รวมถึงเป็นโอกาสอันดีที่ให้ผู้บริหารของอิตัลไทยได้ลงพื้นที่ พร้อมพบปะทำความรู้จักกลุ่มลูกค้า และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นได้ที่มากยิ่งขึ้นอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองต่อกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มอีกด้วย

     “ปัจจุบัน Italthai Center มีสาขาทั้งหมด 12 สาขา ในประเทศไทย และอีก 1 สาขาที่เวียงจันทน์ แบ่งออกเป็น สาขาหลัก ซึ่งเป็นสาขาที่รองรับการบริการแบบ 3S คือ ส่วนงานขาย (Sale), ส่วนงานบริการ (Service) และคลังอะไหล่ (Spare parts) มีทั้งหมด 4 สาขา ตั้งอยู่ที่จังหวัด ชลบุรี ขอนแก่น ลำปาง และสมุทรสาคร สำหรับสาขาย่อย จะรองรับการบริการแบบ 2S คือ ส่วนงานขาย (Sale) และ ส่วนงานบริการ (Service) มีทั้งหมด 8 สาขา ตั้งอยู่ที่จังหวัด พิษณุโลก, นครราชสีมา, อุบลราขธานี, อยุธยา, ฉะเขิงเทรา, สุราษฏ์ธานี, สงขลา (หาดใหญ่) และภูเก็ต สำหรับสาขาในต่างประเทศที่นครเวียงจันทน์ สาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นศูนย์ครบวงจร 3S เช่นกันเพื่อพร้อมรองรับการขยายตัวของตลาดอย่างครบวงจร และมีทีมช่างไว้คอยบริการกว่า 350 คน จะกระจายไปอยู่ในสาขาต่าง ๆ โดยจะให้บริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชม.” นายยุทธชัย กล่าวสรุปในตอนท้าย

    ]]>
    57917
    “อิตัลไทยวิศวกรรม” โชว์ศักยภาพพร้อมผลงานดีเด่น กวาดรับงานระบบอาคาร 4 โครงการใหญ่ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท https://positioningmag.com/56816 Wed, 10 Jul 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56816

    “อิตัลไทยวิศวกรรม” หรือ ITE กวาดรับงาน 4 โครงการใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ทั้งบ้านพักอาศัยมหาดเล็กราชวัลลภฯ, บ้านทิวทะเล, AMARI RESIDENCE PHUKET และ OZO SAMUI RESORT มั่นใจในศักยภาพของทีมวิศวกร ที่สร้างความไว้วางใจให้ลูกค้า

    นายสกล เหล่าสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด หรือ (ITALTHAI Engineering : ITE) หนึ่งในบริษัทผู้นำตลาดงานก่อสร้างทางด้านวิศวกรรมภายใต้ “อิตัลไทย กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของการทำงาน ITE ถือได้ว่าเป็นผู้นำตลาดเรื่องการให้บริการงานวิศวกรรมและก่อสร้างแบบครบวงจร ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน สถานีไฟฟ้าแรงสูง รวมไปถึงงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและเครื่องกล อาทิ ธุรกิจพลังงานทดแทน (Renewable Energy) เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ที่ ITE ได้ร่วมในงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในเอเชียขนาด 55 MWac Lopburi Solar ของบริษัทพัฒนาพลังงาน (National Energy Development – NED) ที่จังหวัดลพบุรี จนประสบความสำเร็จ สามารถก่อสร้างจ่ายไฟได้ก่อนกำหนดด้วยผลผลิตพลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพตามเป้าหมาย และรวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานลม (Wind Farm) “เทพพนา” ขนาด 7.5 MWac (VSPP พลังงานลมโรงแรกที่จำหน่ายไฟให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) ที่จังหวัดชัยภูมิ

    ในด้านงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและเครื่องกลของอาคารสูง อันได้แก่ งานออกแบบ จัดหา และติดตั้งระบบไฟฟ้า ประปา สุขาภิบาล และปรับอากาศ เป็นงานที่บริษัทฯสะสมความชำนาญเป็นเวลานานและมีส่วนแบ่งในตลาดในอันดับต้นๆเช่นกัน โดยในช่วง Q2 / 2556 ITE มีงานที่รับสร้างเฉพาะงานระบบประกอบอาคาร 4 โครงการใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ได้แก่

    โครงการบ้านพักอาศัยข้าราชการกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภ จังหวัดเรือยนต์หลวง 904 ภายในกรมชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 12 ชั้น ใช้งบประมาณกว่า 220 ล้านบาท มีระยะเวลาการส่งมอบกลางปี 2557

    โครงการบ้านทิวทะเล “BAAN THEW TALAY” อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เป็นคอนโดมิเนียม คอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 15 ชั้น 1 อาคาร , อาคารสูง 4 ชั้น 4 อาคาร , อาคารบริการ 2 ชั้น จำนวน 1 อาคาร และสระว่ายน้ำ 8 สระ ซึ่ง ITE ดูแลแต่เฉพาะงานระบบประกอบอาคาร ใช้งบประมาณกว่า 88 ล้านบาท ส่งมอบกลางปี 2557 โครงการ “AMARI RESIDENCE PHUKET” จ.ภูเก็ต ITE ดูแลเฉพาะงานระบบประกอบอาคาร และอาคารพักอาศัยความสูง 2-3 ชั้น จำนวน 5 อาคาร ด้วยงบประมาณกว่า 104 ล้านบาท ส่งมอบ กลางปี 2557 เช่นกัน

    และโครงการ “OZO SAMUI RESORT” บริเวณหาดเฉวง เกาะสมุย เป็นอาคารโรงแรม คอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 3 ชั้น จำนวน 6 อาคาร , อาคารบริการ จำนวน 3 อาคาร และสระว่ายน้ำ 1 สระ ซึ่ง ITE ดูแลงานระบบประกอบอาคาร โครงสร้าง และงานสถาปัตยกรรม ด้วยงบประมาณกว่า 149 ล้านบาท ส่งมอบภายในธันวาคมปีนี้

    นายสกล กล่าวสรุปตอนท้ายว่า “บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของทีมงานวิศวกรรม โดยเฉพาะงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลของอาคารสูง ที่มีความเข้มแข็งจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา อีกทั้งมีระบบการจัดการคุณภาพ ISO 9001:2008 ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เข้มงวดตามกฎหมาย และตามความต้องการของลูกค้าที่ได้รับการพัฒนามานาน ทั้งยังเน้นเรื่องการประสานงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อการส่งงานตรงตามคำมั่นสัญญา โดยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการงานก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ให้บริการในแบบ One Stop Services เพื่อให้ระบบสาธารณูปโภคและระบบผลิตสามารถทํางานได้อย่างต่อเนื่องเชื่อถือได้ (Reliability) มีความปลอดภัยได้มาตรฐานตามกฎหมาย (Safety) ลดความเสี่ยงต่ออุบัติภัย เพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency) และประหยัดพลังงาน (Energy Saving) ให้มากที่สุด”

    ]]>
    56816
    ยุทธชัย จรณะจิตต์ สร้างแบรนด์ให้ “พ่อ” https://positioningmag.com/8483 Sun, 05 Mar 2006 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=8483

    ยุทธชัย จรณะจิตต์ กรรมการบริหาร อิตัลไทย บุตรชายวัย 28 ปี ของอดิศร จรณะจิตต์ อดีตประธานกลุ่ม อิตัลไทย ผู้จากไปเมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว ได้เบนเข็มทิศธุรกิจเพื่อเป้าหมายของการบริหาร portfolio ของบริษัทให้เกิดความสมดุล ระหว่างการนำเข้าและการส่งออก ไม่ใช่เป็นเพียงบริษัทนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเท่านั้น…วันนี้อิตัลไทยมีแบรนด์เป็นของตัวเองแล้วในนาม AC fresh

    AC fresh เป็นแบรนด์น้ำผลไม้ 100% จับกลุ่มพรีเมียม มี 2 รสชาติ คือ น้ำฝรั่งสีชมพู และน้ำกีวี ทั้งนี้ AC มาจากคำว่า Adisorn Charanachit เพื่อเป็นการรำลึกถึงอดีตประธานบริษัทและผู้เป็นพ่อของเขา

    ทำไมต้องเป็นน้ำผลไม้? ยุทธชัย บอกว่า “ที่ผ่านมาเรานำเข้าและขายแต่เหล้าไวน์ เสียภาษีแพง และปัจจุบันกระแสสุขภาพได้รับความนิยมอย่างสูง และน้ำผลไม้สามารถดื่มได้ทุกวัน และที่เราเลือกเจาะกลุ่มพรีเมียม เพราะเป็นเซ็กเมนต์ที่เราเชี่ยวชาญ โดยเราจะเข้าไปเจาะในกลุ่มแบรนด์น้ำผลไม้ 100% นำเข้า แม้จะมีมูลค่าตลาดเพียง 200-300 ล้านบาท แต่มีอัตราการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลัก จากตลาดรวมน้ำผลไม้ 3,800-4,000 ล้านบาท”

    ด้านช่องทางจัดจำหน่าย เน้น selective channel ในซูเปอร์มาร์เก็ตจะมีวางจำหน่ายเฉพาะ Gourmet Market ของสยามพารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม และโรงพยาบาลหรู อย่าง บำรุงราษฎร์ กรุงเทพ และโรงแรมในเครืออิตัลไทย คือ โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ อมารี และบ้านกระทิง (boutique resort ธุรกิจส่วนตัวของยุทธชัย มีทั้งหมด 4 แห่ง คือ เชียงดาว ปาย เขาหลัก และภูเก็ต) รวมถึงโรงแรมอื่นๆ เช่น มิลเลนเนียม ฮิลตัน เชอราตัน ซึ่งช่องทางโรงแรมและรีสอร์ตจะเน้นขายในรูปแบบแกลลอน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ นอกจากนี้ยังมีแผนขยายสาขาไปใน selective channel อื่นๆ เช่น สปา ฟิตเนส เซ็นเตอร์ และสนามกอล์ฟ เป็นต้น

    คาดหวังยอดขายปีแรก 100 ล้านบาท ใช้งบการตลาด 15 ล้านบาท ก่อนที่จะออกรสชาติใหม่เพิ่มเติม ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งน้ำลูกแพร์ ลูกพีช และน้ำทับทิม

    ทั้งนี้ยังเตรียมส่งออก AC fresh ไปยังฮ่องกง ประเทศแถบตะวันออกกลาง และยุโรปอีกด้วย ขณะที่ภายในปีนี้เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์เป็นมันฝรั่งอบแห้ง และเครื่องดื่ม

    ภาพวาดหญิงสาวแก้มแดงข้างขวดแก้วของ AC fresh จะเป็น trademark ในใจผู้บริโภคได้หรือไม่ต้องรอเวลาพิสูจน์ แต่ ณ บัดนี้ความฝันของยุทธชัย ในการทำเพื่อพ่อเป็นจริงในเบื้องแรกแล้ว

    AC fresh
    Company กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด
    Product Details น้ำผลไม้ 100 % มี 2 รสชาติ คือ น้ำกีวี และน้ำฝรั่งสีชมพู มี 2 ขนาด คือ แบบขวดแก้ว 280 มล. ราคา 45 และ 50 บาท และแบบแกลลอน 2 ลิตร ราคา 150 บาท
    Positioning น้ำผลไม้ระดับพรีเมียม เน้นจำหน่ายใน selective channel
    Target trendy woman อายุ 18- 40 ปี และชาวต่างชาติ

    www.italthaicellar.com

    ]]>
    8483