การพัฒนาเมือง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 26 Jun 2023 11:28:49 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 หอมกลิ่นความเจริญ! 10 อันดับแรก “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก ปี 2023 https://positioningmag.com/1435446 Mon, 26 Jun 2023 09:19:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1435446 Economist Intelligence Unit (EIU) เปิดผลสำรวจดัชนี “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก ประจำปี 2023 โดยเมือง 10 อันดับแรกในลิสต์นี้กระจายอยู่ใน 7 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปและเอเชียแปซิฟิก ส่วนแชมป์อันดับ 1 ตกเป็นของ “เวียนนา” ประเทศออสเตรีย

การสำรวจ ดัชนี “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก (Global Livability Index) โดย EIU นั้นจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สำหรับปี 2023 นี้ถือเป็นปีที่ทั่วโลกฟื้นตัวจากโรคระบาดโดยสมบูรณ์แล้ว และมีการยกเลิกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ไปเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ค่าเฉลี่ยความน่าอยู่ของทุกทวีปทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น

การจัดทำดัชนีเมืองน่าอยู่นี้ สำรวจใน 173 เมืองทั่วโลก และคำนวณจากปัจจัย 5 หัวข้อหลัก ได้แก่

  • เสถียรภาพและความมั่นคงในชีวิต เช่น อัตราอาชญากรรม, ความเสี่ยงจากสงคราม, ความขัดแย้งทางการทหาร
  • สาธารณสุข เช่น ระบบสาธารณสุขของรัฐ, ระบบสาธารณสุขเอกชน, การเข้าถึงยาผ่านร้านขายยา
  • วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น ภูมิอากาศ, อัตราการคอร์รัปชัน, ข้อบังคับทางสังคมหรือศาสนา, การเข้าถึงกิจกรรมทางวัฒนธรรมและกีฬา, อาหารและเครื่องดื่ม
  • การศึกษา เช่น ระบบการศึกษาของรัฐ, ระบบการศึกษาของเอกชน
  • โครงสร้างพื้นฐาน เช่น คุณภาพของถนน, คุณภาพขนส่งมวลชน, คุณภาพบ้านพักอาศัย, คุณภาพประปา ไฟฟ้า และโทรคมนาคม

จากปัจจัยดังกล่าวที่ EIU ได้ประเมิน 10 อันดับแรก “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก ปี 2023 จึงได้แก่

อันดับ 1 เวียนนา ประเทศออสเตรีย
อันดับ 2 โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
อันดับ 3 เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 4 ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 5 แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
อันดับ 6 ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
อันดับ 7 คัลการี ประเทศแคนาดา
อันดับ 8 เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
อันดับ 9 โทรอนโต ประเทศแคนาดา
อันดับ 10 (ร่วม) โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และ โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์

กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรียนั้นเป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยมากจากการมีปัจจัยที่ดีในทุกด้าน ทำให้เวียนนาเป็นเมืองน่าอยู่มากที่สุดในโลกถึง 8 ครั้ง จากการสำรวจ 10 ครั้งหลังสุด สิ่งเดียวที่เรียกได้ว่าเป็นข้อเสียของเวียนนาคือ ไม่มีสถานที่จัดงานแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่ในเมือง

ออสเตรเลีย
หลายเมืองในออสเตรเลียทำคะแนนได้ดีขึ้นมากในดัชนีความน่าอยู่ของเมือง (Photo : Shutterstock)

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ ปีนี้เมืองในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกทำคะแนนได้ดีขึ้นมาก ทั้งเมืองในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ขยับดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมลเบิร์น ซิดนีย์ เพิร์ธ โอ๊กแลนด์ หรือเวลลิงตัน รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเมืองที่ทำคะแนนได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย, ฮานอย ประเทศเวียดนาม, จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

ขณะที่บางเมืองในยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือร่วงลงจากอันดับบนๆ ของตาราง เช่น แฟรงก์เฟิร์ต, ประเทศเยอรมนี และ อัมสเตอร์ดัม, ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมไปถึงหลายเมืองในสหราชอาณาจักร เช่น เอดินเบอห์ระ, แมนเชสเตอร์, ลอนดอน รวมไปถึงเมืองในสหรัฐฯ เช่น ลอสแอนเจลิส, ซานดิเอโก เนื่องจากการปรับปรุงพัฒนาเมืองไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ขณะที่เมืองในเอเชียแปซิฟิกทำได้ดีขึ้นจนแซงหน้าไป

สำหรับเมืองที่อยู่ท้ายตารางในอันดับ 173 คือกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ขณะที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน อยู่ในอันดับ 165 จากไฟสงครามที่ยังไม่สิ้นสุด

Source

]]>
1435446
เหมือนมาจากหนังไซไฟ! แบบสร้าง “ตึกวงแหวน” รอบอาคารเบิร์จ คาลิฟะใน “ดูไบ” https://positioningmag.com/1397580 Thu, 25 Aug 2022 08:38:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397580 ปัญหาประชากรล้นเมืองในหลายๆ มหานครทั่วโลกทำให้เกิดโจทย์การสร้างตึกแบบใหม่เพื่อให้รองรับคนได้ รวมถึงใน “ดูไบ” มีการทดลองออกแบบอาคารชื่อ “Downtown Circle” เป็น “ตึกวงแหวน” เส้นรอบวงถึง 3,000 เมตร โอบล้อมรอบอาคารเบิร์จ คาลิฟะ อาคารที่สูงที่สุดในโลก ภายในจะมีที่อยู่อาศัย ออฟฟิศ และสวนสาธารณะ

สตูดิโอสถาปัตย์ ZN Era ได้ออกแบบตึกสูงระฟ้าแบบใหม่ในชื่อ Downtown Circle ซึ่งถ้าหากสร้างขึ้นจะอยู่โดยรอบอาคาร “เบิร์จ คาลิฟะ” ตึกที่สูงที่สุดในโลกขณะนี้ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง “ดูไบ”

การออกแบบตึกนี้จะมีความสูง 550 เมตรจากพื้นดิน และมีเส้นรอบวงถึง 3,000 เมตร แบ่งเป็นวงแหวนสองวงที่เชื่อมต่อถึงกัน ภายในวงแหวนเหล่านี้จะมีที่พักอาศัย พื้นที่พาณิชยกรรม พื้นที่สาธารณะและวัฒนธรรม

ZN Era นิยามตึก Downtown Circle ที่ออกแบบขึ้นว่าเป็น “มหานครที่มีความต่อเนื่อง” และเชื่อว่าจะเป็นโซลูชันแบบใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาการเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองและจำนวนประชากรในดูไบได้

“โครงสร้างขนาดมหึมานี้สามารถทดแทนตึกระฟ้าที่ขึ้นอย่างโดดเดี่ยวและไม่เชื่อมต่อซึ่งกันและกันในพื้นที่มหานครได้” ZN Era อธิบาย “ด้วยเส้นรอบวง 3,000 เมตร ทำให้ฟังก์ชันแบบ Downtown Circle จะทำให้มหานครมีความต่อเนื่องกัน สร้างความยืดหยุ่นในการจัดการและมีรูปลักษ์ล้ำสมัย”

ตึกวงแหวนนี้จะซอยแบ่งออกเป็นยูนิตย่อยๆ ซึ่งจะมีทั้งกลุ่มบ้าน อพาร์ตเมนต์ ออฟฟิศ และศูนย์วิจัย รวมไปถึงจะมีพื้นที่สีเขียวอยู่ระหว่างวงแหวนทั้งสอง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น “ปอดสีเขียว” ให้กับอาคาร

พื้นที่สีเขียวดังกล่าวถูกดีไซน์ให้เสมือนว่ารวมเอาธรรมชาติทั้งมวลมาไว้ในตึก ไม่ว่าจะเป็นโตรกผา ทะเลทราย หนองน้ำ และน้ำตก เพื่อจะกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้งกันมากขึ้น และทำให้สุขภาพประชาชนดีขึ้น

อาคารนี้ยังออกแบบให้ยั่งยืนได้ด้วยตัวเอง โดยจะมีพื้นที่เพื่อกักเก็บน้ำฝนนำมาใช้งานในอาคาร และติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อหล่อเลี้ยงด้านพลังงาน รวมถึงยังฟิลเตอร์ดักจับคาร์บอนเพื่อช่วยระบบนิเวศของเมืองด้วย

อาคารที่มีเส้นรอบวงถึง 3,000 เมตรและลอยบนฟ้า จะเดินทางไปมาในอาคารได้อย่างไร? คำตอบของดีไซเนอร์คือ การทำระบบขนส่งด้วย ‘พ็อด’ เป็นเหมือนรถไฟฟ้าแบบแขวนอยู่ด้านล่างของตัววงแหวน

แนวคิดการก่อสร้างเมืองหรืออาคารแบบใหม่ที่ฉีกแนวไปจากเดิม เพื่อแก้ปัญหาประชากรล้น เมืองเติบโตเร็ว ไม่ได้มีแค่ที่ดูไบ ก่อนหน้านี้ไม่นาน “ซาอุดีอาระเบีย” เพิ่งเรียกเสียงฮือฮาจากการทดลองดีไซน์เมืองใหม่ในชื่อ “The Line”

The Line ถูกออกแบบเป็นตึกสูง 2 อาคารประกบเข้าหากัน ที่น่าสนใจคือสองอาคารนี้จะยาวถึง 170 กิโลเมตรกลางทะเลทรายยาวไปจนถึงชายฝั่งทะเลแดง และมีพื้นผิวฝั่งด้านนอกเป็นกระจกเพื่อให้ตึกดูแนบเนียนไปกับทะเลทรายโดยรอบ ซาอุฯ คาดหวังว่าโปรเจกต์นี้จะจุประชากรได้ถึง 9 ล้านคน แต่แนวคิดที่ล้ำสมัยเช่นนี้ก็กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะมีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์ในทะเลทราย

ตึกวงแหวน Downtown Circle ยังไม่ได้มีการอนุมัติว่าจะก่อสร้างจริงเช่นกัน แต่การได้เห็นอนาคตสุดล้ำจากงานดีไซน์ ก็เป็นไปได้ว่ารูปแบบที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในทศวรรษหน้าอาจจะไม่เหมือนกับในวันนี้ก็ได้

Source

]]>
1397580
ชมภาพตัวอย่าง 3 โครงการที่พักอาศัยในอาณาจักร “เดอะ ฟอเรสเทียส์” เปิดขายแล้ววันนี้ https://positioningmag.com/1330914 Sat, 08 May 2021 04:00:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330914

MQDC ประกาศเปิด “ฟอเรสต์ พาวิลเลียน” อาคารศูนย์การเรียนรู้ ที่จัดแสดงห้องตัวอย่าง 11 ห้องจาก 3 โครงการย่อยในอาณาจักร “เดอะ ฟอเรสเทียส์” โครงการเมืองขนาด 398 ไร่ ริมถนนบางนา-ตราด เปิดขายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ราคาตั้งแต่ 5.14 – 250 ล้านบาท ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์และช่วงวัยที่แตกต่าง

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ประกาศความพร้อมเปิดขาย 3 โครงการย่อยในอาณาจักร “เดอะ ฟอเรสเทียส์” แล้ววันนี้ (8 พ.ค. 64) ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมห้องตัวอย่างทั้ง 11 ห้องได้ที่ “ฟอเรสต์ พาวิลเลียน” ภายในโครงการ โดยฟอเรสต์ พาวิลเลียนแห่งนี้จะจัดแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนาโครงการผ่าน Immersive Experience โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการสร้างประสบการณ์ใหม่ ผ่านการดีไซน์โดยผู้เชี่ยวชาญการออกแบบระดับโลก

โครงการที่พักอาศัยที่เริ่มเปิดขายแล้วมีราคาตั้งแต่ 5.14 – 250 ล้านบาท ได้รับการออกแบบจัดสรรหลายรูปแบบโครงการ และหลายระดับราคา เพื่อตอบสนองได้ทุกช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ ดังนี้

คอนโดมิเนียม “วิสซ์ดอม”

คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘วิสซ์ดอม’ แบบ high-rise จำนวน 3 อาคารที่มุ่งตอบโจทย์คนวัยเริ่มต้นทำงาน วัยสร้างครอบครัว ครอบครัวใหม่ และคนรักสัตว์เลี้ยง โดยมีห้อง 7 แบบ ขนาดตั้งแต่ประมาณ 35 ไปจนถึง 205 ตารางเมตร

คอนโดมิเนียม “มัลเบอร์รี โกรฟ”

บ้านสไตล์คลัสเตอร์โฮม “มัลเบอร์รี โกรฟ”

คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ’ คอนโดมิเนียมแบบ low-rise ที่มุ่งตอบโจทย์ที่ไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ จำนวน 6 อาคาร โดยมีห้อง 16 แบบ ขนาดตั้งแต่ 63 ตารางเมตร ไปจนถึง 1,027 ตารางเมตร และ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ’ บ้านสไตล์คลัสเตอร์โฮม ที่มุ่งตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่หลากหลายเจนเนเรชั่น จำนวน 37 หลัง 3 ขนาด ตั้งแต่ 4-6 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นประมาณ 1,000 ตารางเมตร ถึง 1,600 ตารางเมตร

ดิ แอสเพน ทรี

ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ดิ แอสเพน ทรี’ โครงการที่พักอาศัยพร้อมมอบบริการดูแลตลอดชีวิต สำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการใช้ชีวิตในระยะยาว ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป มีทั้งแบบ Active Living Condominiums และ Sky Villa Residences เพียบพร้อมทั้งที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวก การบริการอย่างครบครัน และการดูแลด้านสุขภาพจากผู้เชี่ยวชาญอย่างครบวงจร

สำหรับโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” นับเป็นการสร้างเมืองขนาดใหญ่ขึ้นใหม่บนถนนบางนา-ตราด กม.7 เป็นประตูสู่ทำเลยุทธศาสตร์ EEC ด้วยเนื้อที่ทั้งหมด 398 ไร่ ภายในถูกจัดสรรเป็นที่พักอาศัยหลายรูปแบบโครงการ พื้นที่เชิงธุรกิจ สปอร์ตคอมเพล็กซ์ ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร พื้นที่ทำกิจกรรมไลฟ์สไตล์และ Family Center สำหรับกิจกรรมของครอบครัว และมี Town Center ทำกิจกรรมชุมชน โรงละคร อีเวนต์ฮอลล์ และตลาด

ที่สำคัญคือมีป่าขนาด 30 ไร่อยู่ภายใน พร้อมทางเดินยกระดับ 1.6 กิโลเมตรที่ตัดผ่านทั้งโครงการและป่าแห่งนี้ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของความสุข

กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า MQDC มุ่งมั่นพัฒนา ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ให้เป็นโครงการต้นแบบแห่งใหม่ของโลกในการพัฒนาเมือง ทุกมิติได้รับการออกแบบอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดียิ่งขึ้น และมีความสุขมากขึ้น

“เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการออกแบบและก่อสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการยอมรับและยกย่องมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก รวมทั้งสถาบันชั้นนำระดับโลกและสถาบันชั้นนำของไทย ด้วยแนวคิดการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาพและความสุข ทั้งเรื่องของความปลอดภัย การได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ การผสานธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน การออกแบบจัดการคุณภาพอากาศ แสง และการเลือกใช้วัสดุต่างๆ ทั้งภายในที่พักอาศัยและสภาพแวดล้อมในโครงการ รวมไปถึงการจัดวางผังองค์ประกอบต่างๆ ในโครงการ”

กิตติพันธุ์ยังกล่าวด้วยว่า เดอะ ฟอเรสเทียส์ได้รับความสนใจสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากสถานการณ์โควิดที่ทำให้ผู้คนเริ่มเข้าใจ และให้ความสำคัญกับการเลือกที่พักอาศัยที่จะช่วยส่งเสริมด้านสุขภาพและสภาพแวดล้อมได้

ทั้งนี้ MQDC กำหนดเปิดขายโครงการที่พักอาศัยต่างๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป โดยผู้สนใจเข้าชมโครงการ สามารถนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้าชมแบบส่วนตัว โดยลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ ที่ Call Center 1265 หรือ https://bit.ly/3dRe2Qo ทั้งนี้ เป็นไปตามประกาศของทางราชการในเรื่องการดำเนินการในสถานการณ์โควิด-19

 

]]>
1330914
อาณาจักร “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ทุ่มทุนเนรมิต “ฟอเรสต์ พาวิลเลียน” ห้องตัวอย่างสุดล้ำ พร้อมเปิดขาย 8 พ.ค.นี้ https://positioningmag.com/1326820 Thu, 08 Apr 2021 03:00:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1326820

“เดอะ ฟอเรสเทียส์” โครงการอสังหาฯ ขนาดยักษ์มูลค่า 125,000 ล้านบาทบนถนนบางนา-ตราด พร้อมเผยโฉมและเปิดขายอย่างเป็นทางการ 8 พ.ค.นี้ โดย MQDC บริษัทผู้พัฒนาโครงการ ทุ่มทุนถึง 1,400 ล้านบาทสร้าง “ฟอเรสต์ พาวิลเลียน” อาคารศูนย์เรียนรู้และห้องตัวอย่างสุดล้ำด้วยเทคโนโลยี Immersive Experience เพื่อสร้างประสบการณ์ในโครงการเสมือนจริง ให้ผู้เยี่ยมชมเข้าใจถึงวิสัยทัศน์ของโครงการได้อย่างลึกซึ้ง

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC ประกาศความพร้อมของโครงการเมือง “เดอะ ฟอเรสเทียส์” มูลค่ากว่า 125,000 ล้านบาท ริมถนนบางนา-ตราด กม. 7 เตรียมเปิดให้เข้าเยี่ยมชมและจองที่พักอาศัยในราคาพิเศษได้ระหว่างวันที่ 8-15 พฤษภาคม 2564

มูลค่าที่สูงมากของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เกิดจากขนาดและคอนเซ็ปต์ของโครงการนี้ ด้วยพื้นที่โครงการถึง 398 ไร่ ทำให้ที่นี่เป็น “เมือง” ในตัวเอง ภายในถูกออกแบบให้เป็นโครงการมิกซ์ยูสซึ่งประกอบไปด้วยที่พักอาศัยหลายรูปแบบ พื้นที่สำนักงาน ค้าปลีก กิจกรรมไลฟ์สไตล์ สปอร์ตคอมเพล็กซ์ Family Center และ Town Center ฯลฯ ที่สำคัญมีพื้นที่ป่าธรรมชาติถึง 30 ไร่ ทั้งหมดเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมส่งเสริมสุขภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขของผู้อยู่อาศัย

“‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ถือเป็นโครงการต้นแบบแห่งใหม่ของโลกในการพัฒนาเมือง ที่ได้รับการออกแบบรังสรรค์และก่อสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการยอมรับและยกย่องมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก รวมทั้งสถาบันชั้นนำระดับโลกและสถาบันชั้นนำของไทย ด้วยแนวคิดในการพัฒนาเมืองที่ส่งเสริมให้ผู้คนที่อยู่อาศัย และเข้ามาใช้ชีวิตในโครงการแห่งนี้ มีสุขภาพดียิ่งขึ้น และมีความสุขมากขึ้น” กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าว


ทุ่มทุน 1,400 ล้านบาทสร้าง “ฟอเรสต์ พาวิลเลียน”

ด้วยวิสัยทัศน์การออกแบบโครงการที่จะเป็นอาณาจักรใหม่ ทำให้สิ่งที่สำคัญคือการสื่อสารให้ผู้เยี่ยมชมเข้าใจถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ดังนั้น MQDC จึงตัดสินใจทุ่มงบ 1,400 ล้านบาท พัฒนาอาคารศูนย์เรียนรู้ “ฟอเรสต์ พาวิลเลียน” พื้นที่ใช้สอย 6,500 ตารางเมตร เพื่อเป็นอาคารจัดแสดงวิสัยทัศน์และแนวคิดในการพัฒนาโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ และชมห้องตัวอย่าง

โดยฟอเรสต์ พาวิลเลียนมีการผสมผสานเทคโนโลยี Immersive Experience เข้ามาใช้สร้างประสบการณ์ใหม่ ผ่านการออกแบบของพันธมิตรทั้งในไทยและระดับโลก เช่น Foster + Partners Thailand บริษัทสถาปนิกระดับโลก เป็นผู้ออกแบบอาคาร ‘ฟอเรสต์ พาวิลเลียน’, ITEC Entertainment จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ออกแบบ Entertainment Experience ให้กับ ดิสนีย์แลนด์  ดิสนีย์ซี และยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ มาเป็นผู้ออกแบบสร้างสรรค์ประสบการณ์และสันทนาการที่จะเกิดขึ้นภายในโครงการ, VAVE Studio จากประเทศเยอรมัน เป็นผู้ออกแบบ Exhibition Experience and Story Creator แต่ละห้องภายใน ‘ฟอเรสต์ พาวิลเลียน’, และ BUG Studio บริษัทชื่อดังของไทย เป็นผู้ออกแบบ multi-disciplinary design

ทั้งนี้ หนึ่งในไฮไลต์ของฟอเรสต์ พาวิลเลียนคือห้องจัดแสดงชื่อ Chamber of Secret ห้องนี้ติดตั้งจอ The Wall เทคโนโลยีหน้าจอที่ทันสมัยที่สุดด้วยระบบไมโครแอลอีดีและมี AI ช่วยเพิ่มความคมชัด ส่วนเนื้อหาที่จะได้รับชมคือภาพยนตร์แอนิเมชั่นสร้างสรรค์พิเศษโดย DEC Media และบริษัท T&B Media Global (Thailand) รวมนวัตกรรมเพื่อนำเสนอวิสัยทัศน์ของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ผ่านประสบการณ์แบบใหม่


5 โครงการที่พักอาศัยใน “เดอะ ฟอเรสเทียส์”

สำหรับโครงการที่พักอาศัยภายในเดอะ ฟอเรสเทียส์ แบ่งออกเป็น 5 โครงการ ดังนี้

  • คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘วิสซ์ดอม’ คอนโดมิเนียม high-rise จำนวน 3 อาคาร มุ่งตอบโจทย์คนวัยเริ่มต้นทำงาน วัยสร้างครอบครัว ครอบครัวใหม่ และคนรักสัตว์เลี้ยง
  • คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ’ คอนโดมิเนียม low-rise มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
  • ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า’ บ้านสไตล์คลัสเตอร์โฮมที่มุ่งตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่หลากหลายเจนเนเรชั่น
  • ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ดิ แอสเพน ทรี’ ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย ที่มาพร้อมการบริหารจัดการแบบพิเศษเพื่อการดูแลตลอดชีวิต
  • ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ซิกส์เซนส์’ วิลล่าระดับซูเปอร์ ลักชัวรี่ ที่บริหารและจัดการโดยซิกส์เซนส์        แบรนด์เซอร์วิสระดับโลก

ดังที่กล่าวไปข้างต้น เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะเป็นเมืองในตัวเองที่มีกิจกรรมครบ ทั้งสถานที่ทำงาน กิจกรรมไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร และความโดดเด่นที่สุดคือการมี ป่า 30 ไร่ ซึ่งหาได้ยากยิ่งในพื้นที่เมือง โดยโครงการจะมี ทางเดินยกระดับยาว 1.6 กิโลเมตร เชื่อมโยงเหนือผืนป่าไปยังสถานที่ต่างๆ ในโครงการ กลายเป็นทางเดินเท้าที่ทำให้ผู้พักอาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งผู้พัฒนาเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการมอบความสุขให้กับทุกคน

“สถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นเหมือนสิ่งกระตุ้นเตือนให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการมีสุขภาพดีอย่างแท้จริง คนเริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกที่พักอาศัยและสภาพแวดล้อมที่จะส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี ทั้งเรื่องของความปลอดภัย การได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ การผสานธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน การออกแบบจัดการคุณภาพอากาศ แสง ทั้งภายในที่พักอาศัยและสภาพแวดล้อมในโครงการ รวมไปถึงการจัดวางผังองค์ประกอบต่างๆ ในโครงการ และการเลือกใช้วัสดุ ส่งผลให้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยม” กิตติพันธุ์กล่าวปิดท้าย

สามารถลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ที่ Call Center 1265 หรือ  https://bit.ly/3qVJOR3  เพื่อรับสิทธิพิเศษ

]]>
1326820