ซันโทรี่ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 17 Aug 2022 13:38:32 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ถอดรหัส ‘ค่านิยม 5 ประการ’ คัมภีร์ของ ‘ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย’ ที่พาทั้งคนและองค์กรสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน https://positioningmag.com/1396575 Thu, 18 Aug 2022 04:00:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396575

หลังจากต้องเผชิญกับการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ก็ถึงเวลาแล้วที่ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) ได้ปรับวัฒนธรรมองค์กรให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเป็นการผสมผสานข้อดีของทั้งของ ซันโทรี่ และ เป๊ปซี่โค หรือเรียกได้ว่าเป็นการผสานแนวคิดของตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน โดย เพียงจิต ศรีประสาธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบรรษัทสัมพันธ์ จะมาบอกเล่าถึงแนวคิด ค่านิยม 5 ประการ และเคล็ดลับการบริหารจัดการคนให้มีอัตราการลาออกที่ต่ำกว่าตลาด ทั้งที่ Talent ของบริษัทเป็นที่หมายปองของหลาย ๆ องค์กร


ค่านิยม 5 ประการ หัวใจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร

เพียงจิต เล่าว่า ค่านิยม 5 ประการ เป็นการผสมผสานแนวคิดของทั้ง 2 องค์กร คือ ซันโทรี่ และ เป๊ปซี่โค เพื่อปรับให้มีความทันสมัยและเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น ได้แก่

  1. Yatte Minahare : การมีจิตวิญญาณของผู้กล้าลงมือทำ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ไม่ลังเลที่จะทำเพื่อให้เกิดการตอบสนองที่เร็ว แก้ปัญหาคิดวิเคราะห์ในเชิงสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์แยกแยะในการแก้ไขปัญหา และจะไม่ต่อว่าหากล้มเหลว แต่ต้องเรียนรู้ เพื่อให้กล้าลงมือทำ
  2. Gemba Focused : เข้าถึงและเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค (consumer) ลูกค้า (customer) และ เพื่อนร่วมงาน (colleague) อย่างแท้จริง รวมทั้งแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์ พัฒนา และส่งมอบสิ่งที่มีคุณค่าให้แก่พวกเขา

  1. Better Together : เน้นการทำงานร่วมกันเป็นทีม ไม่มี “ทีมเธอ ทีมฉัน” มีแต่ ทีมเรา สามารถทำงานร่วมกันได้ทุกแผนก เพื่อสนับสนุนให้เกิดมุมมองที่แตกต่างและมีความหลากหลาย รวมถึงสร้างให้เกิดวัฒนธรรมการยอมรับความแตกต่าง และต้องทำงานโดยไม่คำนึงถึงลำดับขั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของทีมให้ดียิ่งขึ้น
  2. Future Oriented : นอกจากเรียนรู้จากความผิดพลาดแล้ว ต้องศึกษาเทรนด์ของผู้บริโภค เพื่อมองหาเทรนด์การเติบโตในอนาคต ทุกปีบริษัทจะมีการเซ็ทกลยุทธ์องค์กรทั้งระยะใกล้และไกล แต่โฟกัสที่การเติบโตจากภายในและยั่งยืน (Organic Growth) ไม่เร่งรีบ และจะมีการกลับมาย้อนดูกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อดูว่ายังเหมาะกับสถานการณ์หรือเทรนด์หรือไม่
  3. Commitment to Growth : แสวงหาความก้าวหน้าในอาชีพ ดังนั้น พนักงานทุกคนต้องพัฒนาศักยภาพเพื่อจะเติบโตร่วมกับองค์กร แต่ก็ต้องสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัว


ทำอย่างไรให้พนักงานเข้าใจค่านิยม

ที่ผ่านมา ผู้บริหารจะไม่อยู่แค่ในออฟฟิศ แต่มีการลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับลูกค้า พนักงาน และคู่ค้า ทุกเดือน เพื่อที่จะได้รับรู้ปัญหาหน้างาน รับรู้ความต้องการพนักงานและลูกค้า เพื่อให้เกิดความรักความผูกพันและทำงานร่วมกับองค์กร มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด มีตัวแทนจากทุกฟังก์ชั่นมารวมกันเพื่อร่วมกันระดมสมอง ถกปัญหา เพื่อจะหาไอเดียใหม่ ๆ และมีจัดกิจกรรมอย่างการ ให้พนักงานตำแหน่งเล็กสุด อวยพรพนักงานช่วงปีใหม่ จากปกติเป็นผู้บริหารหรือหัวหน้า เพื่อสร้างบรรยากาศต่าง ๆ ให้ดี และมี เวทีให้เขาได้ตั้งคำถาม เพื่อรับฟังความเห็นพนักงานทุกระดับ

แม้ค่านิยมหรือวัฒนธรรมองค์กรจะดี แต่ในฐานะที่เธอเป็นผู้บริหารฝ่าย HR ความท้าทายของเธอคือ จะทำอย่างไรให้พนักงานทั้ง 1,000 คน ขององค์กรเข้าใจและนำค่านิยมทั้ง 5 ไปปฏิบัติหรือซึมซับมัน ดังนั้น จึงมีการจัดทำโปสเตอร์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ การจัดเวิร์คช้อป การเทรนนิ่ง มีการทำ Pre-Survey Post-Survey โดยเลือกให้พนักงานจดบันทึกใส่ สมุด ถึงการนำแนวคิดทั้ง 5 มาปรับใช้ และฝ่าย HR จะอ่านทั้งหมด และอีกสิ่งที่ท้าทายคือ การเผยแพร่ค่านิยมนี้ให้กับคนภายนอกองค์กร เพื่อเชื่อว่าคนภายนอกก็สามารถนำไปปรับใช้ได้


เคล็ดลับบริหารให้เป็นที่ต้องการขององค์กรอื่น

เพียงจิต เชื่อมั่นว่า ด้วยค่านิยมนี้ทำให้ Talent ขององค์กรเป็นที่ต้องการขององค์กรอื่น ๆ เพราะได้ปลูกฝั่งถึง Growth และ Agile Mindset ที่ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมจะผลักดันให้ตัวเองและบริษัทเติบโต และพร้อมทรานซ์ฟอร์มตัวเองตลอดเวลา

ดังนั้น ความท้าทายด้านการบริหารจัดการคนในปัจจุบันคือ ทำยังไงให้พนักงานเห็นคุณค่าในสิ่งที่บริษัทได้ลงทุนและความมุ่งมั่นที่บริษัทสัญญาว่าจะดูแลเขาอย่างดี

“หากไม่นับช่วงโควิด ที่ผ่านมาการลาออกค่อนข้างสูง บางคนมองว่าไปที่ใหม่เงินเดือนขึ้น แต่กลายเป็นว่า องค์กรใหม่ไม่เห็นดูแลเราดีเหมือนบริษัทเก่า”

ที่ผ่านมา องค์กรมีการดูแลพนักงานอย่างดี อาทิ ช่วงโควิดก็มีการแจกจ่ายวัคซีนอย่างทั่วถึง ไม่เฉพาะพนักงานประจำ แต่รวมถึง Outsource และพนักงานขนส่งของด้วย อีกทั้งองค์กรยังให้ความสำคัญกับการสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัว อย่างที่ผ่านมาก็มี Flex schedule เวลาการเข้าทำงานเฉลี่ยอยู่ที่ 10.00-16.00 น. มี Flex Friday โดยวันศุกร์จะให้ทำงานแค่ครึ่ง เพื่อให้เอาเวลาไปทำกิจกรรมต่าง ๆ และตอนนี้กำลังศึกษาเรื่อง Hybrid Working Place อยู่

“เราเชื่อว่าถ้ามีคนเข้าออกตลอดเวลา ธุรกิจก็ไม่สามารถดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การดูแลพนักงานจึงสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญ โดยปัจจุบัน อัตราการลาออกของเรามีเพียง 4-5% เท่านั้น จากค่าเฉลี่ยของตลาด FMCG ที่ 10% นอกจากนี้ 97% ของข้อเสนอที่เรายื่นไปให้มาทำงานด้วยก็ได้รับการตอบรับ หรือคนที่เคยลาออกไปแล้วอยากกลับมาทำงานด้วย

สุดท้าย เพียงจิต ย้ำว่า ค่านิยม 5 ข้อของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกคนไม่เฉพาะแค่ในองค์กรเท่านั้น และเชื่อมั่นว่าสามารถตอบสนองความต้องการในอนาคตได้อีกด้วย

]]>
1396575
“ซันโทรี่” คัมแบ็ก “ทีพลัส ชาอู่หลง” หวนตลาดชา ควงคู่หูใหม่ “เป๊ปซี่โค” https://positioningmag.com/1322024 Thu, 04 Mar 2021 16:35:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1322024 “ทีพลัส” (TEA+) คัมแบ็กตลาดชาพร้อมดื่มอีกครั้ง หลังจากหายจากเชลฟ์ไปกว่า 5 ปี งานนี้ “ซันโทรี่” ได้คู่หูใหม่ “เป๊ปซี่โค” จับแบรนด์ปัดฝุ่นใหม่ สร้างโอกาสการเติบโตจากกลุ่มชาอู่หลง

จาก “ทิปโก้” สู่ “เป๊ปซี่โค”

จริงๆ แล้วทีพลัสไม่ใช่แบรนด์ใหม่ในตลาดแต่อย่างใด แต่เคยทำตลาดมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2556 ในตอนนั้น “ซันโทรี่” แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นได้เป็นพันธมิตรกับ บริษัท ทิปโก้ เอฟ แอนด์ บี จำกัด หรือทิปโก้นั่นเอง ใช้ชื่อแบรนด์ “ซันโทรี่ ทีพลัส ชาอู่หลง” มีทั้งหมด 3 รสชาติ รสต้นตำรับ ผสมมะนาว และไม่มีน้ำตาล ขนาด 500 มล. ในราคา 20 บาท แถมยังเลือก “บอม ธนิน” หนึ่งในคุณชายจุฑาเทพเป็นพรีเซ็นเตอร์อีกด้วย

ในยุคนั้นเองเป็นยุคที่ตลาดชาพร้อมดื่มเฟื้องฟูอย่างมาก แบรนด์ใหญ่ก็โหมตลาด แบรนด์อื่นๆ ในตลาดเครื่องดื่มก็ขอเอี่ยวด้วย จริงๆ แล้วซันโทรี่เคยพยายามที่จะบุกตลาดชาพร้อมดื่มในไทยมาแล้วในแบรนด์ “มิเรอิ” แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก จนได้นำแบรนด์ทีพลัสเข้ามา

แต่แล้วความพยามในครั้งนั้นก็ต้องสะดุดอีกครั้ง เมื่อมีปัญหาบางประการในเรื่องสัญญากับทางพาร์ตเนอร์หลักอย่างทิปโก้ ทีพลัสจึงหายจากการทำตลาดไปในที่สุด

เลือดซามูไรนักสู้ของซันโทรี่ก็ไม่หยุดแค่นั้น ซันโทรี่ที่ได้พาร์ตเนอร์ใหม่อย่าง “เป๊ปซี่โค” มีการประกาศร่วมทุนในเดือนพฤศจิกายน 2560 ได้เปิดตัว บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด อย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มีนาคม 2561 เป็นการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเครื่องดื่มไทย

เปิดศักราช 2564 ซันโทรี่ได้นำแบรนด์ทีพลัสมาปัดฝุ่นใหม่ เพื่อบุกตลาดชาพร้อมอีกครั้ง ทีพลัสถือว่าเป็นแบรนด์แฟลกชิปของซันโทรี่ในประเทศญี่ปุ่น มีการทำตลาดมา 40 ปี เป็นเบอร์ 1 ในตลาดมาตลอด นอกจากจะทำตลาดในประเทศไทยแล้ว ยังมีที่เวียดนาม และอินโดนีเซียด้วย

อชิต โจชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“ซันโทรี่กับเป๊ปซี่โคมีความสัมพันธ์กันมากว่า 40 ปี ทั้งสองแบรนด์มีจุดแข็งที่ต่างกัน มีพอร์ตสินค้าที่หลากหลาย มีการพัฒนาสินค้าในระดับอาเซียน ชาอู่หลงจากซันโทรี่มีประสบการณ์กว่า 40 ปี เป็นเบอร์ 1 ในตลาด เป็นสินค้าแฟลกชิป จึงนำแบรนด์นี้กลับมาทำตลาดใหม่ในเมืองไทย”

อชิต โจชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
อชิต โจชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด

ชาอู่หลงตลาดเล็ก แต่โอกาสเพียบ!

เมื่อดูภาพรวมของตลาดชาพร้อมดื่มในไทยปี 2563 มูลค่า 11,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.6% ในตลาดเครื่องดื่ม 145,515 ล้านบาท แต่ในตลาดชาพร้อมดื่มนั้นสัดส่วนใหญ่ยังเป็นชาเขียว ชาอู่หลงมีสัดส่วนน้อยมากราวๆ 1-2% เท่านั้น

ตลาดชาอู่หลงในไทยมีผู้เล่นหลักแค่ 3 ราย Pokka (พอกกา), Kukurin (คุคุริน) และ ITOEN (อิโตเอ็น จำหน่ายแค่ที่เซเว่นฯ) ทีพลัสได้เข้ามาเป็นรายที่ 4 นั่นเอง ซึ่ง 3 รายที่ว่านี้ไม่ได้มีการทำการตลาดมากนัก มีแค่สินค้าบนเชลฟ์วางเท่านั้น

จริงๆ แล้วจากที่ซันโทรี่ เป๊ปซี่โคได้ทำการสำรวจ พบว่าคนไทย 99% รู้จักชาอู่หลง 56% มองว่าดีต่อสุขภาพ แน่นอนว่าในส่วนนี้จึงกลายเป็นโอกาสครั้งใหญ่ของทีพลัสที่จะเข้าไปจับจอง สร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคให้ได้

สมชัย เกตุชัยโกศล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า

“ที่ผ่านมาตลาดชาพร้อมดื่มในไทยส่วนใหญ่จะขับเคลื่อนด้วยโปรโมชัน ไม่ได้มาจากผู้บริโภคจริงๆ ซื้อเพราะอยากได้รางวัล แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเทรนด์รักสุขภาพเริ่มมามากขึ้น ผู้บริโภคมองหาเครื่องดื่มน้ำตาลน้อย หรือไม่มีน้ำตาล ทำให้เครื่องดื่มกลุ่มมมีน้ำตาลโตขึ้น 2 เท่า ต่อไปเทรนด์ผู้บริโภคจะมองหาชาเพื่อสุขภาพจริงๆ มากขึ้น”

สมชัย เกตุชัยโกศล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
สมชัย เกตุชัยโกศล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด

เล่นโมเดล 2 ราคา

การกลับมาครั้งนี้ทีพลัสได้ส่ง 2 สูตรลงตลาด ได้แก่ สูตรกลมกล่อม และสูตรไม่มีน้ำตาล มีการชูว่าเป็นเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพ เพราะสูตรกลมกล่อมมีน้ำตาล 3 กรัม/100 มิลลิกรัม และมีสาร OTPP (Oolong Tea Polymerized Polyphenol) สารตามธรรมชาติที่มีในชาอู่หลง 70 มิลลิกรัมต่อขวด สารนี้มีจุดเด่นในการช่วยลดการดูดซึมไขมันได้ ทางแบรนด์จึงเลือกสื่อสารว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้

อีกทั้งยังออก 2 ไซส์ 2 ราคา เกาะเทรนด์ในตลาด โดยราคา 18 บาท ขนาด 490 มิลลิลิตร และราคา 25 บาท ขนาด 500 มิลลิลิตร

ถ้าถามว่าทำไมต้องออก 2 ราคา… เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการวางจำหน่ายคนละช่องทาง ราคา 18 บาทจำหน่ายทางโชห่วย ร้านอาหาร จะมีราคาย่อมเยากว่า ราคาไม่ถึง 20 บาท ผู้บริโภคยินดีจ่ายได้ ส่วนราคา 25 บาท จำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อต่างๆ กลุ่มนี้ผู้บริโภคจะมีกำลังซื้อมากกว่า

“การกลับมาครั้งนี้ต้องสร้างการรับรู้ว่าทีพลัสได้กลับมาอีกครั้ง ต้องกระจายสินค้าไปอยู่ในจุดที่ผู้บริโภคซื้อได้ สร้างแบรนด์ ให้เกิดการทดลองชิม ที่ผ่านมาได้ทดลองแจกไปแล้ว 1.6 ล้านขวด ใช้งบการตลาดถึง 200 ล้านบาท” 

ลุยเสริมพอร์ตสุขภาพ

การนำแบรนด์ทีพลัสกลับมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง เป็นหนึ่งในเส้นทางของซันโทรี่ เป๊ปซี่โคในการเสริมพอร์ตสินค้าเพื่อสุขภาพ รวมถึงยังมองถึงตลาดที่ยังไม่มีสินค้าอย่างกาแฟพร้อมดื่ม และเครื่องดื่มชูกำลัง ตั้งเป้าอยากมีครบทุกเซ็กเมนต์

อชิต เสริมว่า “เราต้องการสร้างพอร์ตสินค้าเพื่อสุขภาพ เพราะรายได้ส่วนใหญ่เป็นน้ำอัดลม 80% พยายามเอาพอร์ตของทั้ง 2 ฝ่ายมาทำตลาดใหม่ๆ กลุ่มสินค้าสปอร์ตดริ้งก์มีแบรนด์เกเตอเรต น้ำดื่มมีอควาฟิน่า ส่วนกลุ่มชามีลิปตัน และทีพลัส น้ำอัดลมมีแบรนด์เป๊ปซี่ ตอนนี้ขาดกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง และกาแฟพร้อมดื่ม มีความสนใจอยู่ แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะต้องมี แต่ก็อยากมีครบทุกเซ็กเมนต์”

สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องดื่มในปี 2563 ติดลบ 6.4% แต่เป๊ปซี่โคเติบโต 0.1% โดยที่กลุ่มน้ำอัดลมกระทบน้อยสุด ติดลบแค่ 1%

อ่านเพิ่มเติม

]]>
1322024