ดอกเบี้ยนโยบาย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 14 Apr 2022 01:48:38 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘นิวซีเเลนด์’ ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% สู่ระดับ 1.5% สูงสุดในรอบ 22 ปี หวังสกัดเงินเฟ้อ https://positioningmag.com/1381537 Wed, 13 Apr 2022 07:45:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381537 ธนาคารกลางนิวซีเเลนด์ ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในรอบ 22 ปี ส่งสัญญาณว่าผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกกำลังเพิ่มความพยายามที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่ม 0.50% สู่ระดับ 1.50% สูงสุดในรอบ 22 ปี นับตั้งแต่ปี 2000 โดยเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ติดต่อกัน เพื่อลดผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

RBNZ ระบุในเเถลงการณ์ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะทำให้เกิดความยืดหยุ่นด้านนโยบายเพิ่มขึ้นในอนาคต ท่ามกลางภาวะแวดล้อมของเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนสูง

อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกกำลังเร่งตัวขึ้น ท่ามกลางการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและผลกระทบของการรุกรานยูเครนของรัสเซียที่มีต่อราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ โดยในนิวซีแลนด์และแคนาดาได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อยู่ที่ 8.5% สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981

การรุกรานยูเครนของรัสเซียทำให้อัตราเงินเฟ้อแย่ลง ขณะเดียวกันก็กระทบต่อความเชื่อมั่นและทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจชะลอลง หลังเพิ่งฟื้นตัวจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19

นิวซีแลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดที่สุด โดยมีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางแคนาดา เตรียมจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.5% สู่ระดับ 1% ในเร็วๆ นี้

ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายต่างจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนพ..ที่จะถึงนี้ หลังเริ่มมีสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกรอบ เเละอาจจะปรับขึ้น 0.5% หากสถานการณ์มีความจำเป็น

Jarrod Kerr หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Kiwibank มองว่า เฟดก็กำลังจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาอัตราเงินเฟ้อ

 

ที่มา : Bloomberg , nikkei 

]]>
1381537
IMF มองการ ‘ขึ้นดอกเบี้ย’ ของเฟด เหมาะสมเเล้ว เเต่เพิ่มความเสี่ยงต่อตลาดเกิดใหม่ https://positioningmag.com/1378177 Fri, 18 Mar 2022 11:14:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1378177 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มองการกระชับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นไปอย่างเหมาะสมส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เเต่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ต้องพึ่งพาเงินดอลลาร์

โดยประเทศต่าง ๆ อาจเผชิญกับความยากลำบากเพิ่มขึ้น จากผลกระทบจากนโยบายของเฟด เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวแตกต่างกันหลังการระบาดใหญ่ รวมถึงผลกระทบจากความขัดเเย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

การแถลงของ Gerry Rice โฆษก IMF มีขึ้นหลังจากที่เฟดประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50% เมื่อวันที่ 16 มี.. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งในปีนี้

นักวิเคราะห์ประเมินว่า อัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลางสหรัฐ จะเพิ่มขึ้นเป็นช่วงระหว่าง 1.75% ถึง 2% ภายในสิ้นปี 2022 หรือเท่ากับเพิ่มในอัตราครั้งละ 0.25% ในการประชุมนโยบายที่เหลือ 6 ครั้งในปีนี้

โดยประเทศต่างๆ อาจจะเผชิญกับความยากลำบากเพิ่มขึ้น เมื่อประเมินถึงผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของเฟด เนื่องจากมีบริบทการฟื้นตัวด้านเศรษฐกิจที่แตกต่างกันหลังโรคระบาด รวมถึงผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

การแนวทางที่ชัดเจนเเละต่อเนื่อง พร้อมตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่คาดไว้

การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เพิ่มความเสี่ยงสำหรับประเทศอื่นๆ ที่ต้องพึ่งพาเงินทุนในสกุลดอลลาร์ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา

 

ที่มา : Reuters 

]]>
1378177
เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น เเต่เปราะบาง ตลาดเเรงงาน-กำลังซื้ออ่อนเเอ ค่าจ้างต่ำกว่าก่อนโควิด https://positioningmag.com/1374184 Wed, 16 Feb 2022 07:49:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1374184 วิจัยกรุงศรี คาดกนง.ตรึงดอกเบี้ย 0.5% ตลอดทั้งปีนี้ มองเเนวโน้มเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว เเต่ยังเปราะบาง ตลาดเเรงงานอ่อนเเอ ค่าจ้างยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด เเละแตกต่างกันตามกลุ่มรายได้ ฉุดกำลังซื้อผู้บริโภค

คาดกนง.ตรึงดอกเบี้ยทั้งปี 0.5%

วิจัยกรุงศรี คาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.50% ตลอดจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจาก แม้อัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงด้านสูงเพิ่มขึ้น แต่ กนง.คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในปี 2565 และอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย (ต่ำกว่า 3%) และยังไม่เห็นสัญญาณการปรับเพิ่มของราคาสินค้าและบริการเป็นวงกว้าง อีกทั้งแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความเปราะบางและแตกต่างกันอยู่มาก โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวล่าช้าและต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 อยู่มาก

“เศรษฐกิจโดยรวม กว่าจะฟื้นกลับสู่ระดับก่อนวิกฤตการระบาดอาจเป็นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า และตลาดแรงงานยังอ่อนแอและค่าจ้างที่อาจยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเกิดโควิด-19” 

ค่าจ้างยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิด 

วิจัยกรุงศรี ประเมินค่าจ้างที่แท้จริงของครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำสุดในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นเพียง 1% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าค่าจ้างที่แท้จริงของครัวเรือนรายได้สูงสุดที่จะเพิ่มขึ้น 3.2%

ขณะที่ค่าจ้างที่แท้จริงของทุกกลุ่มครัวเรือนในปีนี้ จะยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอและมีความแตกต่างกันตามกลุ่มรายได้ ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการใช้จ่ายไม่เท่าเทียมกัน และยังบ่งชี้ถึงความเปราะบางในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

Photo : Shutterstock

เงินเฟ้อพุ่งช่วงต้นปี 

ด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมกราคมปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน สะท้อนความอ่อนแอของการใช้จ่ายในประเทศ แต่ยังพอมีแรงพยุงจากมาตรการรัฐ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมกราคมปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 44.8 จาก 46.2 เดือนธันวาคม เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ (6 เดือนข้างหน้า) ปรับลดลงสู่ระดับ 52.5 จาก 53.8 เดือนธันวาคม

ปัจจัยลบจากความกังวลการระบาดของไวรัสโอมิครอนที่แพร่ได้เร็ว ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับสูงขึ้นกระทบต่อราคาวัตถุดิบและราคาสินค้า รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ

ในช่วงต้นปีกำลังซื้ออาจได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบในคลาดโลก นอกจากนี้ กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีความเปราะบางและแตกต่างกันตามกลุ่มรายได้อีกด้วย

มาตรการรัฐกระตุ้นใช้จ่าย 

อย่างไรก็ตาม ยังพอมีปัจจัยบวกที่จะช่วยประคับประคองการใช้จ่ายในประเทศได้บ้าง จากมาตรการควบคุมการระบาดที่ผ่อนคลายมากขึ้น มาตรการช้อปดีมีคืน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดวงเงินรวม 53.2 พันล้านบาท ผ่านโครงการสำคัญ ๆ ได้แก่

  • โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 (วงเงิน 34.8 พันล้านบาท)
  • โครงการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบาง (วงเงิน 9.4 พันล้านบาท)
  • โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 4 (วงเงิน 9 พันล้านบาท)

“คาดว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 1-1.5 แสนล้านบาท” 

 

]]>
1374184
กนง. คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อปี มอง COVID-19 ระลอกใหม่ สะเทือนเศรษฐกิจไทยไม่เเรงเท่ารอบแรก https://positioningmag.com/1317719 Wed, 03 Feb 2021 08:15:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1317719 กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี หนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง มอง COVID-19 ระลอกใหม่ไม่กระทบรุนแรงเท่ารอบแรก

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่า แม้ว่าในระยะสั้นเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ แต่แรงกระตุ้นจากมาตรการของภาครัฐและการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้นส่งผลให้เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความเสี่ยงด้านต่ำและความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า จึงยังต้องการแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง

คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัด เพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุด

“ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ไม่รุนแรงเท่ากับการระบาดระลอกแรกจากมาตรการควบคุมการระบาดที่ไม่เข้มงวดเท่าครั้งก่อน”

กนง. มองว่า เศรษฐกิจยังได้รับแรงกระตุ้นจากมาตรการของภาครัฐที่ออกมาได้เร็วและตรงจุด และการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้แต่ต่ำกว่าประมาณการเดิมบ้าง เเต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง

โดยในระยะสั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ขณะที่ในระยะถัดไปขึ้นอยู่กับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประสิทธิผลและการกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 แรงสนับสนุนจากภาครัฐที่เพียงพอและต่อเนื่อง

“ตลาดแรงงานที่เปราะบางขึ้นจากการระบาดระลอกใหม่ ทำให้จำนวนผู้ว่างงานและเสมือนว่างงานมีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะสั้น” 

Photo : Shutterstock

นอกจากนี้ การฟื้นตัวของแต่ละภาคเศรษฐกิจที่แตกต่างกันมากขึ้นจะส่งผลต่อความยั่งยืนของการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป

ด้าน ระบบการเงิน มีเสถียรภาพ แต่มีความเปราะบางมากขึ้นในบางจุดจากผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและธุรกิจ SMEs

สำหรับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงกลางปี 2564 และจะอยู่ใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายตลอดช่วงประมาณการ โดยการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย

สภาพคล่องโดยรวม อยู่ในระดับสูงและต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ แต่การกระจายตัวของสภาพคล่องยังไม่ทั่วถึงจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นตามฐานะการเงินที่เปราะบาง โดยเฉพาะธุรกิจที่ฟื้นตัวช้าและครัวเรือนที่ถูกกระทบเพิ่มเติมจากการระบาดระลอกใหม่

ด้าน อัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินสกุลภูมิภาค คณะกรรมการฯ เห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดและพิจารณาความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม รวมถึงผลักดันการสร้างระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (FX ecosystem) อย่างต่อเนื่อง

คณะกรรมการฯ เห็นว่าความต่อเนื่องของมาตรการภาครัฐและการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป โดยนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง มาตรการทางการเงินและสินเชื่อควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ได้รับผลกระทบให้ตรงจุดและทันการณ์ เช่น

  • มาตรการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิต
  • การผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เกิดผลในวงกว้าง
  • พิจารณามาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อเสริมประสิทธิภาพการกระจายสภาพคล่องและเพื่อรองรับเศรษฐกิจช่วงฟื้นฟูในอนาคต
  • มาตรการทางการคลังต้องพยุงเศรษฐกิจโดยไม่ขาดช่วง โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสามารถควบคุมการระบาดระลอกใหม่ได้
  • ดำเนินการนโยบายด้านอุปทาน เพื่อปรับรูปแบบธุรกิจและยกระดับทักษะแรงงาน ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

คณะกรรมการฯ ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ รวมถึงจะติดตามความเพียงพอของมาตรการภาครัฐและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานการณ์การระบาดทั้งในและต่างประเทศ ในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น

 

ที่มา : ธนาคารเเห่งประเทศไทย 

]]>
1317719
ตามคาด! กนง.คงดอกเบี้ยที่ 0.50% เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว รอ “ไม่ต่ำกว่า 2 ปี” กว่าจะกลับสู่ปกติ https://positioningmag.com/1291221 Wed, 05 Aug 2020 09:18:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1291221 กนง. ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี โดยให้มีผลทันที มองเศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัว หลังผ่อนคลายล็อกดาวน์ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงจากโอกาสเกิดการระบาดระลอกสอง ยันพร้อมใช้นโยบายทางการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมถ้าจำเป็น

วันนี้ (5 ส.ค. 63) ทิตนันทิ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ระบุว่า คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี

โดยมองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัว เเต่จะใช้เวลา “ไม่ต่ำกว่า 2 ปี” ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมจะกลับสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวจะมีความแตกต่างกันมากระหว่างภาคเศรษฐกิจ

การบริการ นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ ขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนด้านการส่งออกสินค้า เริ่มฟื้นตัวแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ

อุปสงค์ในประเทศ หดตัวทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน การจ้างงานและรายได้ของครัวเรือนได้รับผลกระทบรุนแรงจากเศรษฐกิจที่หดตัวและจะใช้เวลาฟื้นตัวนาน

กนง.จึงเห็นว่ามาตรการภาครัฐในระยะข้างหน้าจำเป็นต้องสนับสนุนการจ้างงาน ส่งเสริมการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการด้านการคลังที่ตรงจุดและทันการณ์ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่อง มาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ช่วยเสริมสภาพคล่อง รวมถึงนโยบายด้านอุปทานเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การปรับรูปแบบการทำธุรกิจ และการพัฒนาทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับบริบทใหม่หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลงด้วย

Photo : Shutterstock

อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปรับสูงขึ้นบ้างตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีแนวโน้มติดลบในปี 2563 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปี 2564 ตามราคาน้ำมันดิบที่จะทยอยปรับสูงขึ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย

ภาวะการเงิน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทรงตัวในระดับต่ำ ขณะที่ส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนและพันธบัตรรัฐบาลยังคงอยู่ในระดับสูง

สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ขยายตัวจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อทดแทนการออกตราสารหนี้ ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs และสินเชื่ออุปโภคบริโภคชะลอลง แม้ว่าส่วนหนึ่งจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการเลื่อนการชำระหนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าสภาพคล่องโดยรวมในระบบการเงินยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้กระจายตัวไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น

อัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทผันผวนสูงขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าตามการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ

“หากเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งประเมินความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม” 

ระบบการเงินมีเสถียรภาพ แม้ว่าจะเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง แต่ในระยะข้างหน้าต้องเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังไม่แน่นอน และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจและครัวเรือนที่ลดลง

กนง.เห็นว่าควรผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจให้สอดคล้องกับกระแสรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ในบริบทใหม่หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลง รวมถึงเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) การค้ำประกันสินเชื่อโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) การสนับสนุนสินเชื่อโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เป็นต้น

คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ เสถียรภาพระบบการเงิน และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งจากเศรษฐกิจต่างประเทศ ผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 รวมถึงประสิทธิผลของมาตรการการคลังและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อ เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น

 

 

ที่มา : ธนาคารเเห่งประเทศไทย 

]]>
1291221
กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี หั่นคาดการณ์ GDP ปี 63 เหลือ -8.1% https://positioningmag.com/1284966 Wed, 24 Jun 2020 08:08:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1284966 กนง. มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี หั่นคาดการณ์ GDP ปี 63 เหลือ -8.1% จากเดิมที่คาดไว้ -5.3% หลังเศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มหดตัวกว่าที่คาด เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 รุนแรงกว่าที่ประเมินไว้

วันนี้ (24 มิ..63) ทิตนันทิ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ระบุว่า คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี

โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวกว่าประมาณการเดิม เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 รุนแรงกว่าที่คาดไว้ และรัฐบาลหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยต้องดำเนินมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งส่งผลกระทบให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก รวมทั้งจะมีผลกระทบที่มีความไม่แน่นอนสูงต่อโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ รูปแบบการทำธุรกิจ วิถีชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชน

อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของปีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวในประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดีซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบกว่าที่ประเมินไว้ แต่มีแนวโน้มกลับสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปี 2564 เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ

คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากตั้งแต่ต้นปี รวมทั้งมาตรการการคลังของรัฐบาลและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ออกมาเพิ่มเติม ช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นและจะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้หลังการระบาดของ COVID-19 คลี่คลาย เอื้อให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่กรอบเป้าหมาย และลดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกรุนแรงกว่าที่คาดไว้และรัฐบาลหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยต้องดำเนินมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า ขณะที่อุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนหดตัวกว่าที่ประเมินไว้ การจ้างงานและรายได้มีแนวโน้มลดลง ซึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีสัญญาณปรับดีขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด

คณะกรรมการฯ มองว่ามาตรการการคลังที่ตรงจุดและทันการณ์ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย รวมถึงมาตรการด้านสินเชื่อและการเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ยังจำเป็นต่อการสนับสนุนการจ้างงานและธุรกิจ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าจะต้องมีนโยบายด้านอุปทานเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการปรับรูปแบบการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทใหม่หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายลงด้วย

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2563 มีแนวโน้มติดลบมากกว่าคาดตามราคาพลังงานที่ลดลงแรงตามอุปสงค์ที่ลดลงจากการชะลอของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปี 2564 ตามราคาน้ำมันดิบที่จะทยอยปรับสูงขึ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย

ด้านภาวะการเงิน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นปรับลดลงหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชนและพันธบัตรรัฐบาลยังอยู่ในระดับสูง ด้านสินเชื่อขยายตัวจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมสภาพคล่องรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและเพื่อทดแทนการออกตราสารหนี้

ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs และสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคชะลอลง สภาพคล่องโดยรวมยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าต้องดูแลให้กระจายตัวไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบมากขึ้น

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ในช่วงที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักและเงินสกุลภูมิภาคส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ กังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งประเมินความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม

ระบบการเงินมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง แต่ในระยะข้างหน้าต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจและครัวเรือนที่ลดลง โดย ธปท. ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ระยะที่ 2 และเร่งดำเนินการให้ธนาคารพาณิชย์ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ธุรกิจ รวมถึงเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ออกมาก่อนหน้า

คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ เสถียรภาพระบบการเงิน และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งจากเศรษฐกิจต่างประเทศ ผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 รวมถึงประสิทธิผลของมาตรการการคลังและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อ เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น

 

ที่มา : ธนาคารเเห่งประเทศไทย 

 

]]>
1284966
ตามคาด! กนง.ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.5% เศรษฐกิจไทยหดตัว-เงินเฟ้อติดลบกว่าที่ประเมินไว้ https://positioningmag.com/1279634 Wed, 20 May 2020 07:45:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1279634 กนง.มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 0.75 เป็นร้อยละ 0.50 ต่อปี โดยให้มีผลทันที

ทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวกว่าประมาณการเดิมตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่หดตัวรุนแรงกว่าที่คาดและผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบกว่าที่ประเมินไว้ เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นจะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น รวมทั้งสอดประสานกับมาตรการการคลังของรัฐบาลและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้

ขณะที่กรรมการ 3 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้และเร่งรัดประสิทธิผลของมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ได้ประกาศไปแล้ว คณะกรรมการฯ โดยรวมเห็นว่า ควรผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ให้เกิดผลในวงกว้างมากขึ้น และเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้ออกมาก่อนหน้าเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องให้ตรงจุดและทันการณ์ 

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวกว่าที่ประเมินไว้ การท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามากกว่าคาด ขณะที่อุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนหดตัวกว่าที่ประเมินไว้จากการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นและมาตรการควบคุมการระบาด

อย่างไรก็ดี มาตรการการเงินการคลังจะมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องของครัวเรือนและธุรกิจ รวมทั้งสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวได้ คณะกรรมการฯ เห็นว่ามาตรการด้านการคลังที่ตรงจุดและทันการณ์ยังมีความจำเป็นต่อการสนับสนุนการจ้างงานและธุรกิจ SMEs เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและรักษาศักยภาพการเจริญเติบโตในระยะต่อไป

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2563 มีแนวโน้มติดลบมากกว่าที่คาดตามราคาพลังงานที่ลดลงเป็นสำคัญ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะติดตามความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจต่างประเทศและการระบาดของ COVID-19 ในต่างประเทศ การผ่อนคลายมาตรการควบคุมและโอกาสที่การระบาดในประเทศอาจกลับมา รวมทั้งประสิทธิผลของมาตรการการคลังและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อ ซึ่งจะมีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

ด้านภาวะการเงิน ตลาดการเงินมีเสถียรภาพ หลัง ธปท. ออกมาตรการดูแลเสถียรภาพตลาดการเงิน รวมทั้งจัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (BSF) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลงและอัตราผลตอบแทนหุ้นกู้ที่ซื้อขายในตลาดรองผันผวนน้อยลง ตลาดตราสารหนี้กลับมาทำหน้าที่ได้เป็นปกติมากขึ้น

โดยคณะกรรมการฯ ให้ติดตามสถานการณ์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ที่อาจได้รับผลกระทบจากการลงทุนในตราสารหนี้ ด้านสินเชื่อขยายตัวโดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคชะลอลงบ้าง สภาพคล่องในระบบการเงินในภาพรวมยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี ต้องดูแลให้สภาพคล่องกระจายตัวไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ปรับลดลงหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมาและการปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF fee) เป็นการชั่วคราว ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. และเงินสกุลภูมิภาค คณะกรรมการฯ กังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่อาจกลับมาแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ตลาดการเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด

ด้านระบบสถาบันการเงินมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง แต่ในระยะข้างหน้ายังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสร้างความเปราะบางให้เสถียรภาพของระบบธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของธุรกิจและครัวเรือนหลังมาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องของภาครัฐทยอยสิ้นสุดลง คณะกรรมการฯ เห็นว่าสถาบันการเงินจึงต้องเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ รวมถึงเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้ออกมาก่อนหน้าและให้ ธปท. ร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเตรียมแนวทางรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ด้อยลงกว่าคาด รวมถึงดูแลสภาพคล่องและกลไกการทำงานของระบบสถาบันการเงินให้มีเสถียรภาพและสามารถทำหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่อง

คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ เสถียรภาพระบบการเงิน และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งจากเศรษฐกิจต่างประเทศ ผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 รวมถึงความเพียงพอของมาตรการการคลังและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อ เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น

 

ที่มา : ธนาคารเเห่งประเทศไทย 

]]>
1279634
“เฟด” คงอัตราดอกเบี้ย 0-0.25% อัดฉีดเงินฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจีดีพี Q1 ติดลบ 4.8% https://positioningmag.com/1276201 Thu, 30 Apr 2020 06:33:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1276201 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงดอกเบี้ยอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0-0.25% โดยพร้อมจะใช้ “เครื่องมือทางการเงินทุกรูปแบบ” เพื่อกระตุ้นเเละเยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับกระทบอย่างหนัก จากโรคระบาด COVID-19

ความเคลื่อนไหวนี้ เป็นไปพร้อมกับการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐฯ ประจำไตรมาส 1/2563 โดยเศรษฐกิจติดลบถึง 4.8% แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะติดลบ 3.5% เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่จีดีพีในไตรมาส 4/2008 ในช่วงวิกฤตการเงินที่เคยติดลบ 8.4%

ในช่วงไตรมาสเเรก การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดลง 7.6% การใช้จ่ายด้านสินค้าคงทนลดลง 16.1% และการใช้จ่ายในภาคบริการดลดลง 10.2% ด้านการส่งออกหดตัวลง 8.7% และการนำเข้าหดตัวลง 15.3%

ขณะที่ผลกระทบจากการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้สหรัฐฯ มียอด “ผู้ว่างงาน” สูงเป็นประวัติการณ์ โดยจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน นับตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 26.5 ล้านคน เเละคาดว่าจะบวกเพิ่มอีก 3.5 ล้านคน เป็นราว 30 ล้านคนในสิ้นเดือน เม.ย. ทำให้อัตราว่างงานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 14%

Jerome Powell ประธานเฟด ระบุระหว่างแถลงผลการประชุมว่า อัตราการจ้างงานในสหรัฐฯ คงไม่สามารถฟื้นกลับมาสู่ระดับต่ำสุดของเดือน ก.พ. ที่ 3.5% ได้ในเร็ววันนี้ ยังต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมามีการจ้างงานในระดับสูงสุดได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เขามองว่า มาตรการห้ามออกนอกเคหะสถาน เป็นการ “ลงทุนเพื่อสุขภาพ” ทั้งในระดับบุคคลและส่วนรวม เเม้จะทำให้มีความยากลำบากทางเศรษฐกิจ

ในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เฟดได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ระดับใกล้ 0% พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเศรษฐกิจ ทั้งการอัดฉีดเม็ดเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพื่อรักษาสภาพคล่องของตลาดสินเชื่อ
ซื้อพันธบัตรและปล่อยเงินกู้ให้กับภาคธุรกิจ รวมถึงซื้อคืนหลักทรัพย์ที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์ที่จดจำนองด้วย

โดยเเผนการถัดไป ประธานเฟด ระบุว่า จะมีการใช้ “เครื่องมือทางการเงินทุกรูปแบบ” เพื่อขยายโครงการความช่วยเหลือฉุกเฉินที่จำเป็น ช่วยเหลือครัวเรือนเเละภาคธุรกิจในสหรัฐฯิ ให้สามารถรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในสภาวะวิกฤต เเละยืนยันว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัว เเละเงินเฟ้อกลับเข้าสู้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

 

ที่มา : CNN 

]]>
1276201
พิษโควิดกระทบเเรง “แบงก์ชาติ” หั่นจีดีพีไทยปี 63 ติดลบ 5.3% คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.75% https://positioningmag.com/1269907 Wed, 25 Mar 2020 08:12:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1269907 เเบงก์ชาติมอง COVID-19 กระทบเศรษฐกิจไทยรุนแรง ประกาศหั่นคาดการณ์จีดีพีปีนี้ติดลบ 5.3% ก่อนจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 3% ในปี 2564 ขณะเดียวกันได้มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.75% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์

วันนี้ (25 มี.ค.) ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากผลกระทบของการระบาดของไวรัส COVID-19 ทั่วโลกที่มีผลต่อทุกภาคส่วนทั้งด้านตลาดการเงิน เศรษฐกิจ และสังคม คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 5.3% ในปี 2563 ก่อนจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ 3% ในปี 2564

นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 4 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.75% ต่อปีหลังประชุมปรับลดดอกเบี้ยฉุกเฉินเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา

อ่านเพิ่มเติม : กนง. ประชุมฉุกเฉิน ปรับลดดอกเบี้ย เหลือ 0.75% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ รับวิกฤต COVID-19

ปัจจัยหลักที่มีผลลต่อเศรษฐกิจไทยจากสถานการณ์ของ COVID-19 มากที่สุดคือภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงถึง 60% ในปีนี้เเละการค้าทั่วโลกจะได้รับผลกระทบรุนเเรงหากการระบาดนี้ยังต่อเนื่องเเละยาวนาน

โดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและการหยุดชะงักของห่วงโซ่การผลิตในหลายประเทศ ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจและครัวเรือนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างขึ้น เป็นผลให้อุปสงค์ภายในประเทศทั้งการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัว ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2563 มีแนวโน้มติดลบตามราคาพลังงานที่ลดลงและเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มหดตัว

“ในสถานการณ์เช่นนี้ มาตรการด้านการคลังจะต้องเป็นกลไกหลักในการบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจและดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกหนี้ และช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวในปี 2564 หากสถานการณ์การระบาดคลี่คลายลง”

 

ที่มา : ธนาคารเเห่งประเทศไทย 

 

 

 

]]>
1269907
กนง. ประชุมฉุกเฉิน ปรับลดดอกเบี้ย เหลือ 0.75% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ รับวิกฤต COVID-19 https://positioningmag.com/1269187 Fri, 20 Mar 2020 16:02:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1269187 กนง. ประชุมนัดพิเศษ มีมติลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 จากเดิมที่ร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.75 ต่อปี ต่ำสุดในประวัติศาสตร์การเงินไทย มีผล 23 มี.ค.นี้ รับมือการเเพร่ระบาดของ COVID-19 พร้อมขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินช่วยลูกหนี้ SMEs และประชาชน

ก่อนหน้านี้ กนง. ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 1.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 1 ต่อปี ไปเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา (อ่านรายละเอียด : กนง. ปรับลดดอกเบี้ยเหลือแค่ 1% หลังประเมินเศรษฐกิจ​ไทยแย่กว่า​ที่คาด )

ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีการประชุมนัดพิเศษในช่วงเย็นของวันที่ 20 มี.ค. เพื่อประเมินผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและกลไกการทำงานของตลาดการเงินของประเทศ

คณะกรรมการฯ เห็นว่าการระบาดของ COVID-19 ในระยะข้างหน้ารุนแรงกว่าที่คาดไว้เดิม รวมทั้งจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย

การระบาดที่เกิดขึ้นได้สร้างความกังวลให้กับตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและกลไกการทำงานของตลาดการเงินไทย แม้ว่าระบบการเงินไทยโดยรวมยังมีเสถียรภาพ

คณะกรรมการฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.00 เป็นร้อยละ 0.75 ต่อปี โดยให้มีผลในวันที่ 23 มีนาคม 2563 เพื่อลดภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ บรรเทาปัญหาสภาพคล่องในตลาดการเงิน และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนมาตรการการคลังของรัฐบาลที่ได้ออกมาแล้วและจะออกมาเพิ่มเติม

“การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งที่ผ่านมาและในครั้งนี้ จะเกิดผลต่อระบบเศรษฐกิจก็ต่อเมื่อสถาบันการเงินจะต้องมีบทบาทเชิงรุกในการช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องของลูกหนี้ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs และประชาชน รวมทั้งการเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เกิดผลอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม จึงขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยติดตามการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินแต่ละแห่งอย่างใกล้ชิด”

นอกจากนี้ ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลสภาพคล่องและกลไกการทำงานของตลาดการเงินเพื่อให้มั่นใจว่าตลาดการเงินมีเสถียรภาพและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย 

]]>
1269187