แค็ตตาล็อกแนะนำสินค้าแบบรายปีของ IKEA นับเป็นไอคอนของวงการออกเเบบ สร้างแรงบันดาลใจในการแต่งบ้านให้กับลูกค้าทั่วโลก มาตั้งเเต่ปี 1951 โดย Ingvar Kamprad ผู้ก่อตั้งบริษัท

เเต่เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้คนอ่านแค็ตตาล็อกเเบบรูปเล่มน้อยลงมาก เเละนิยมเปิดอ่านทางออนไลน์มากกว่า ทำให้เเบรนด์ต้องปรับตัวตามเทรนด์ผู้บริโภค

IKEA เริ่มออกแค็ตตาล็อก “ฉบับออนไลน์” ควบคู่กันกับฉบับกระดาษ ครั้งแรกเมื่อปี 2000 จากนั้นในปี 2016 เป็นปีที่มีการตีพิมพ์มากสุดถึง 200 ล้านเล่ม ใน 69 ภาษา เพื่อแจกให้ลูกค้าใน 50 ประเทศ

โดยแค็ตตาล็อก IKEA ฉบับปี 2021 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะเป็น “เล่มสุดท้าย” และจะแจกให้เฉพาะลูกค้าที่ไปที่ร้านเท่านั้นไม่มีการส่งให้ถึงบ้านอีกแล้ว

ในปีหน้า บริษัทวางเเผนจะออกหนังสือฉบับพิเศษ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของแค็ตตาล็อก IKEA ที่สร้างเเรงบันดาลใจเเละให้ความรู้ในการเเต่งบ้านมาหลายทศวรรษ

Konrad Grüss ผู้บริหารของ IKEA ระบุว่า เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป IKEA ก็ต้องทดลองวิธีการสื่อสารแบบใหม่ให้เข้าถึงลูกค้า เช่น การขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ เเละพัฒนาเเอปพลิเคชันให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ตลอดเวลา

IKEA ได้ปรับกลยุทธ์ไปโฟกัสการขายเเละทำตลาดบนเเพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น ในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 เนื่องจากผู้คนต้องทำงานเเละเรียนที่บ้าน จากมาตรการล็อกดาวน์ทั่วโลก โดยบริษัทมียอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 45% ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนสิงหาคมเเละมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ถึง 4 พันล้านครั้ง

• ยอดขายออนไลน์ ‘IKEA’ โต 45% เหตุผู้บริโภคเปลี่ยนบ้านเป็น ‘โรงเรียน’ และ ‘ออฟฟิศ’

อย่างไรก็ตาม IKEA มองว่า “สาขา” ยังเป็นส่วนสำคัญในเเผนการเติบโตของบริษัท ด้วยเสน่ห์ของการเดินเลือกซื้อสินค้า เเละลูกค้ายังต้องการ “สัมผัสและทดลองใช้” ด้วยตนเองดังนั้นเเนวทางการทำตลาดจึงจะเป็นไปเเบบควบคู่กันทั้งออฟไลน์เเละออนไลน์ โดยจะมีการขยายเป็นโชว์รูมเล็กๆ ตามห้างใจกลางเมืองมากขึ้น จากเดิมที่มักจะเป็นโกดังใหญ่นอกเมือง ไปพร้อมๆ กับการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติงานออนไลน์

IKEA กำลังเร่งกลยุทธ์การเปิดสาขา “ขนาดเล็ก” อีก 50 แห่งภายในปีนี้ กระจายอยู่ 40 เมืองทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ , ยุโรป, รัสเซีย, อเมริกาเหนือ, เอเชีย และโอเชียเนีย เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเเปลงไป โดยปัจจุบัน IKEA มีสาขามากว่า 420 แห่งใน 52 ประเทศทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปแบบหน้าร้านขนาดใหญ่

• IKEA ผลักดันรีไซเคิล เตรียม “ซื้อคืน” เฟอร์นิเจอร์เก่า ประเมินให้สูงสุด 50% จากราคาเดิม
• ถอดบทเรียน IKEA ปิดสโตร์ 2 เดือน ยอดหาย 40% คาดใช้เวลา 2 ปี ถึงกลับมาโตเท่าเดิม!

ที่มา : IKEA , CNN 

IKEA จะนำร่องโครงการนี้ในสหราชอาณาจักรเเละไอร์เเลนด์ก่อน โดยจะเสนอให้ลูกค้าสามารถนำ “เฟอร์นิเจอร์เก่า” มาแลกกับ “บัตรกำนัล” ของบริษัทเเละนำไปเลือกซื้อสินค้าใน IKEA ต่อได้ ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวัน Black Friday หรือ 27 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ 

สำหรับเฟอร์นิเจอร์เเบรนด์ IKEA ที่จะนำมาเเลกนั้นจะมีการประเมินตามการใช้งานที่ผ่านมา เช่น หากอยู่ในสภาพ “เหมือนใหม่” ก็จะได้รับการตีราคาให้มากถึง 50% จากราคาเดิมที่ซื้อมา หรือถ้าอยู่ในสภาพ “ดีมาก” มีรอยขีดข่วนเล็กน้อยจะได้รับคืน 40% และถ้าอยู่ในสภาพ “ใช้งานได้ดี” เเต่มีรอยขีดข่วนหลายจุดจะได้รับคืน 30% เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม IKEA ไม่ได้รับซื้อคืนเฟอร์นิเจอร์เก่าทุกชิ้น เเต่มีเงื่อนไขว่า จะต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีเบาะ อย่างตู้หนังสือรุ่นฮิต BILLY , เก้าอี้สตูล ,โต๊ะทำงาน และโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งต้องประกอบได้อย่างครบถ้วน ไม่มีชิ้นส่วนเสียหาย

โดย IKEA กำลังวางแผนจะขยายพื้นที่ในสาขาให้มีส่วนเฉพาะให้ผู้คนนำเฟอร์นิเจอร์เก่ามาขาย เเละหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ซ่อมเเซมเเล้ว เเละหากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนมีสภาพไม่สามารถนำไปขายต่อได้ ก็จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลต่อไป

โครงการซื้อคืนเฟอร์นิเจอร์เก่า มีเเผนเตรียมจะนำไปใช้กับสาขาอีก 27 ประเทศทั่วโลก เเละจะมีการเปิดร้านขายสินค้ามือสองของ IKEA เเห่งเเรกในสวีเดนในช่วงปลายปีนี้ โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มักจะมีเว็บไซต์ประมูลสินค้า IKEA อยู่จำนวนมากเเละถูกขายอย่างรวดเร็วในราคาที่สูง

IKEA กำลังขับเคลื่อนทิศทางธุรกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นธุรกิจหมุนเวียนเเบบสมบูรณ์ ให้ได้ภายในปี 2030 สอดคล้องกับเทรนด์  Circular Economy ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน

• Levi’s สหรัฐฯ ออกเเคมเปญลดมลพิษ “ซื้อคืนยีนส์เก่า” นำเสื้อผ้ามือสอง “ขายต่อ” ออนไลน์

การกลับมาใช้สินค้าซ้ำเพื่อลดมลพิษต่อโลก ทำให้เทรนด์ของ Resale Market ตลาดสินค้ามือสองในสหรัฐฯ กำลังเติบโตขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ไปเป็น 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 ตามการวิจัยของ ThredUp และ GlobalData Retail

ขณะเดียวกัน ในวิกฤต COVID-19 ทำให้หลายคนต้อง Work และ Learn from Home มากขึ้นส่งผลให้ยอดขายออนไลน์ของ IKEA พุ่งแรงอย่างมากในช่วงที่เกิดโรคระบาด เนื่องจากผู้คนนับล้านเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นโรงเรียนและออฟฟิศชั่วคราว

โดยในช่วง 12 เดือนจนถึงสิงหาคม 2020 ยอดขายออนไลน์ของบริษัทโตขึ้น 45% เเละเว็บไซต์มีการเข้ารับชมถึง 4 พันล้านครั้ง

เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้กลางแจ้งเป็นหมวดหมู่ที่เติบโตเร็วที่สุด รองลงมาเป็นยอดขายเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน อย่างไรก็ตาม ยอดขายโดยรวมของบริษัทลดลง -4% เนื่องจากหน้าร้านหลายแห่งถูกปิด โดยมีรายได้สุทธิ 46,700 ล้านเหรียญสหรัฐ และแม้ปัจจุบันหน้าร้านของ IKEA จะเริ่มกลับมาเปิดอีกครั้งก็ตาม แต่ยอดขายทางออนไลน์ยังคงไม่ลดลง

• ยอดขายออนไลน์ ‘IKEA’ โต 45% เหตุผู้บริโภคเปลี่ยนบ้านเป็น ‘โรงเรียน’ และ ‘ออฟฟิศ’

IKEA กำลังเร่งกลยุทธ์การเปิดสาขา “ขนาดเล็ก” อีก 50 แห่งภายในปีนี้ กระจายอยู่ 40 เมืองทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ , ยุโรป, รัสเซีย, อเมริกาเหนือ, เอเชีย และโอเชียเนีย เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเเปลงไป โดยปัจจุบัน IKEA มีสาขามากว่า 420 แห่งใน 52 ประเทศท่ัวโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปแบบหน้าร้านขนาดใหญ่

• ถอดบทเรียน IKEA ปิดสโตร์ 2 เดือน ยอดหาย 40% คาดใช้เวลา 2 ปี ถึงกลับมาโตเท่าเดิม!

ที่มา : BBC , CNN