IKEA เเบรนด์เฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่สุดในโลกจากสวีเดน เตรียมเริ่มโครงการ “ซื้อคืน” เฟอร์นิเจอร์เก่า มากระจายขายต่อ “มือสอง” ผลักดันการรีไซเคิลเพื่อความยั่งยืน
IKEA จะนำร่องโครงการนี้ในสหราชอาณาจักรเเละไอร์เเลนด์ก่อน โดยจะเสนอให้ลูกค้าสามารถนำ “เฟอร์นิเจอร์เก่า” มาแลกกับ “บัตรกำนัล” ของบริษัทเเละนำไปเลือกซื้อสินค้าใน IKEA ต่อได้ ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวัน Black Friday หรือ 27 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
สำหรับเฟอร์นิเจอร์เเบรนด์ IKEA ที่จะนำมาเเลกนั้นจะมีการประเมินตามการใช้งานที่ผ่านมา เช่น หากอยู่ในสภาพ “เหมือนใหม่” ก็จะได้รับการตีราคาให้มากถึง 50% จากราคาเดิมที่ซื้อมา หรือถ้าอยู่ในสภาพ “ดีมาก” มีรอยขีดข่วนเล็กน้อยจะได้รับคืน 40% และถ้าอยู่ในสภาพ “ใช้งานได้ดี” เเต่มีรอยขีดข่วนหลายจุดจะได้รับคืน 30% เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม IKEA ไม่ได้รับซื้อคืนเฟอร์นิเจอร์เก่าทุกชิ้น เเต่มีเงื่อนไขว่า จะต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีเบาะ อย่างตู้หนังสือรุ่นฮิต BILLY , เก้าอี้สตูล ,โต๊ะทำงาน และโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งต้องประกอบได้อย่างครบถ้วน ไม่มีชิ้นส่วนเสียหาย
โดย IKEA กำลังวางแผนจะขยายพื้นที่ในสาขาให้มีส่วนเฉพาะให้ผู้คนนำเฟอร์นิเจอร์เก่ามาขาย เเละหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ซ่อมเเซมเเล้ว เเละหากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนมีสภาพไม่สามารถนำไปขายต่อได้ ก็จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลต่อไป
โครงการซื้อคืนเฟอร์นิเจอร์เก่า มีเเผนเตรียมจะนำไปใช้กับสาขาอีก 27 ประเทศทั่วโลก เเละจะมีการเปิดร้านขายสินค้ามือสองของ IKEA เเห่งเเรกในสวีเดนในช่วงปลายปีนี้ โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มักจะมีเว็บไซต์ประมูลสินค้า IKEA อยู่จำนวนมากเเละถูกขายอย่างรวดเร็วในราคาที่สูง
IKEA กำลังขับเคลื่อนทิศทางธุรกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นธุรกิจหมุนเวียนเเบบสมบูรณ์ ให้ได้ภายในปี 2030 สอดคล้องกับเทรนด์ Circular Economy ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน
การกลับมาใช้สินค้าซ้ำเพื่อลดมลพิษต่อโลก ทำให้เทรนด์ของ Resale Market ตลาดสินค้ามือสองในสหรัฐฯ กำลังเติบโตขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ไปเป็น 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 ตามการวิจัยของ ThredUp และ GlobalData Retail
ขณะเดียวกัน ในวิกฤต COVID-19 ทำให้หลายคนต้อง Work และ Learn from Home มากขึ้นส่งผลให้ยอดขายออนไลน์ของ IKEA พุ่งแรงอย่างมากในช่วงที่เกิดโรคระบาด เนื่องจากผู้คนนับล้านเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นโรงเรียนและออฟฟิศชั่วคราว
โดยในช่วง 12 เดือนจนถึงสิงหาคม 2020 ยอดขายออนไลน์ของบริษัทโตขึ้น 45% เเละเว็บไซต์มีการเข้ารับชมถึง 4 พันล้านครั้ง
เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้กลางแจ้งเป็นหมวดหมู่ที่เติบโตเร็วที่สุด รองลงมาเป็นยอดขายเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน อย่างไรก็ตาม ยอดขายโดยรวมของบริษัทลดลง -4% เนื่องจากหน้าร้านหลายแห่งถูกปิด โดยมีรายได้สุทธิ 46,700 ล้านเหรียญสหรัฐ และแม้ปัจจุบันหน้าร้านของ IKEA จะเริ่มกลับมาเปิดอีกครั้งก็ตาม แต่ยอดขายทางออนไลน์ยังคงไม่ลดลง
IKEA กำลังเร่งกลยุทธ์การเปิดสาขา “ขนาดเล็ก” อีก 50 แห่งภายในปีนี้ กระจายอยู่ 40 เมืองทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ , ยุโรป, รัสเซีย, อเมริกาเหนือ, เอเชีย และโอเชียเนีย เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเเปลงไป โดยปัจจุบัน IKEA มีสาขามากว่า 420 แห่งใน 52 ประเทศท่ัวโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปแบบหน้าร้านขนาดใหญ่