โครงการนี้จะดำเนินไปถึงวันที่ 27 ก.ย. 2564 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ยกระดับการตรวจเชื้อโควิด-19 ในประเทศ
นอกจากจะจัดส่งชุดตรวจโควิดไปให้ทุกครัวเรือนเเล้ว รัฐบาลสิงคโปร์จะทำการแจกชุดตรวจ ART แก่นักเรียน และเจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงเรียนอนุบาล, ศูนย์กระตุ้นการพัฒนา, โรงเรียนประถม และโรงเรียนสอนพิเศษ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อีกคนละ 3 ชุด โดยจะเริ่มจัดส่งตั้งแต่ 13 ก.ย. เป็นต้นไป
โดยการตรวจเชื้อในทันทีด้วยชุดตรวจ Antigen Rapid Test นี้ จะเป็นมาตรการหลักในการควบคุมการระบาดของโควิด โดยเฉพาะกลุ่ม ‘นักเรียนอนุบาล’ ที่ยังไม่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดได้ ให้มีความปลอดภัยในการกลับไปเรียนที่โรงเรียน
สำหรับการส่งชุดตรวจ ART ทางไปรษณีย์สิงคโปร์ จะดำเนินการจัดส่งโดยตรงที่ตู้ไปรษณีย์ของประชาชนแต่ละครัวเรือน ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะได้ ผ่านทางแอปพลิเคชัน SingPost
เเละหากประชาชนมีความต้องการใช้ ART มากกว่า 6 ชุดจะต้องหาชื้อเอง โดยตอนนี้ มีวางขายตามร้านขายยาร้านทั่วไป ร้านค้าปลีกในชุมชน หรือซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ก็ได้
ท่ามกลางมาตรการเชิงรุกเพื่อสกัดโควิด-19 สิงคโปร์กำลังค่อยๆ เปลี่ยนผ่านเข้าสู่การผ่อนปรนมากขึ้น โดยจะหันมาเน้นไปที่ความรับผิดชอบส่วนบุคคลเเละความรับผิดชอบทางสังคม ตรวจหาเชื้อด้วยตนเองและการเฝ้าระวังดูเเลสุขภาพของตนเอง
โดยหลังจากบรรลุเป้าหมายกระจายฉีดวัคซีนโควิดให้ครอบคลุมประชากร 80% ในสิ้นเดือนนี้เเล้ว ทางการสิงคโปร์จะเริ่มปิดศูนย์ฉีดวัคซีน 4 แห่งจากทั้งหมด 37 แห่ง เพื่อปรับกลับมาให้บริการทางสาธารณสุขตามปกติ เเละอาจปูทางไปสู่นโยบายเปิดประเทศได้ในเร็วๆ นี้
ที่มา : CNA
]]>
ขณะนี้เว็บ wheretotestcovid19.com รวมจุดตรวจไว้ทั้งหมด 61 จุดเฉพาะในกรุงเทพฯ มีทั้งจุดตรวจฟรีและโรงพยาบาล/แล็บที่มีค่าใช้จ่าย ทั้งหมดรวบรวมโดยทีมอาสาสมัคร ส่วนข้อมูลของพื้นที่ปริมณฑลจะพร้อมขึ้นสู่เว็บไซต์ในสัปดาห์หน้า
ลักษณะเว็บไซต์นี้ตั้งใจให้เป็นระบบกึ่ง crowdsourcing โดยข้อมูลต้นทางว่ามีจุดตรวจที่ไหนบ้าง จะถูกรวบรวมและตรวจสอบข้อมูลโดยทีมอาสาสมัครเพื่อความถูกต้อง แต่การอัปเดตข้อมูลการเปิดปิดรับคิวแต่ละวัน เบอร์โทรศัพท์ หรือความคิดเห็นอื่นๆ เกี่ยวกับจุดตรวจ มีการเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปร่วมส่งข้อมูลได้
หลังจากผ่านเฟสปริมณฑลไปแล้ว ทีมจะเริ่มรับอาสาสมัครในต่างจังหวัดเพิ่มเติมเพื่อช่วยส่งข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลในท้องถิ่น
เว็บไซต์นี้เกิดขึ้นจากฝีมืออาสาสมัคร 6 คนจากเพจ “เราช่วยกัน” ที่เห็นปัญหาการหาจุดตรวจ COVID-19 ซึ่งมีข้อมูลจำนวนมากแต่ไม่ถูกจัดระบบ โดยอิงวิการวบรวมทีมคือ ปิยนิตย์, อังศนา, พรหมพัฒน์, กนกพรรณ, อิสราภรณ์ และเพื่อนๆ อีกหลายคน ใช้ความเชี่ยวชาญเป็น web developer, UX/UI, กราฟิก ดีไซเนอร์, ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ใช้เวลานอกเวลางานประจำ 10 วัน พัฒนาเป็นเว็บไซต์สำเร็จ
“เราเข้ามาทำเพราะดูข่าวทุกวันแล้วเสียใจ บางคนเสียชีวิตทั้งที่ยังไม่ได้ตรวจด้วยซ้ำ เลยอยากลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเรื่องนี้” อิงวิกากล่าว ทั้งนี้ ทีมพร้อมเปิดรับดาต้าโดยตรงจากหน่วยงานสาธารณสุขทุกจังหวัด ซึ่งจะทำให้งานรวดเร็วขึ้นและถูกต้องแน่นอน
ข้อมูลการเปิดปิดจุดตรวจ COVID-19 มีความเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง หน่วยงานรัฐหมุนเวียนจุดตรวจชั่วคราวไปในแต่ละสัปดาห์ รวมถึงจุดตรวจถาวรอย่างรพ. หรือแล็บก็อาจจะมีช่วงที่ปิดชั่วคราว ไปจนถึงเกณฑ์การรับตรวจที่ต่างกัน เช่น รับตรวจอายุ 15-60 ปี, จองคิวแบบ walk-in, จองคิวแบบออนไลน์, รับเฉพาะผู้ที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง ฯลฯ ดังนั้น การรวมข้อมูลไว้ในถังเดียวที่ใช้ crowdsourcing อัปเดตข้อมูลรายวันเช่นนี้ น่าจะช่วยลดเวลาการหาข้อมูลของประชาชน และทำให้เห็นทางเลือกได้กว้างขึ้น
]]>จากสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนเเรงมากขึ้น ที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เห็นว่าควรให้ให้ประชาชนสามารถใช้เครื่องตรวจแบบ ‘Antigen Test Kit’ หรือ ATK ได้ด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถเข้าถึงที่ตรวจและครอบคลุมประชากรให้มากที่สุด
ATK จัดอยู่ในหมวดอุปกรณ์ทางการแพทย์ จึงแนะนำให้ไปตรวจที่สถานพยาบาล หรือ ‘ซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ที่ร้านขายยาเท่านั้น’ เพราะมีเภสัชกรคอยให้คำแนะนำที่ถูกต้องกับประชาชน
“ไม่อนุญาตให้ขายในร้านสะดวกซื้อหรือทางออนไลน์ เนื่องจากต้องมีการตรวจและยอมรับในเรื่องมาตรฐาน จึงขอให้ระมัดระวังในการซื้อเพราะอาจแปลผลผิด และเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ”
ด้านผู้ประกอบการ–โรงงาน ที่มีพนักงานเกิน 50 คนขึ้นไป ปกติตามกฎหมายจะต้องมีสถานพยาบาลกำกับสถานประกอบการอยู่แล้ว จึงอนุญาตให้สามารถจัดหา ATK เพื่อตรวจพนักงานได้
โดย ศบค. ระบุว่า แม้มาตรฐานของ ATK จะไม่เท่าแบบชุดตรวจแบบ RT-PCR แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้รับการตรวจ
สำหรับแนวทางการตรวจ กรณีพบผลการตรวจเป็นบวก (Antigen Kit positive) หรือ ‘ติดเชื้อ’ ต้องเข้ารับการรักษา ขอให้ประชาชนไปติดต่อสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันที ไม่ต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ
หากกรณีผลการตรวจเป็นลบ (Antigen Kit negative) หรือ ‘ไม่ติดเชื้อ’ แต่มีประวัติสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อ หรือมีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง แม้ผลตรวจจะออกมาเป็นลบ เเต่จะต้องตรวจซ้ำในวันที่ 3 ถึงวันที่ 5 พร้อมลดการเดินทาง เนื่องจาก ATK ยังไม่มีความแม่นยำเพียงพอ ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ 16 ก.ค. 2564 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติขึ้นทะเบียนชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองแล้ว ซึ่งชุดตรวจดังกล่าวจะเป็นการเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกด้านหน้าหรือน้ำลาย ภายในชุดตรวจจะมีคู่มืออธิบายถึงวิธีการใช้ และวิธีการแปลผลฉบับภาษาไทย เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและนำไปใช้ได้ได้อย่างถูกต้อง
ขอให้ผู้บริโภคสังเกตข้อความบนฉลาก “บุคคลทั่วไปสามารถใช้ได้” โดยสามารถตรวจสอบชุดตรวจที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ทางเว็บไซต์กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ >>> https://www.fda.moph.go.th/sites/Medical/SitePages/test_kit_covid19.aspx
อย. เน้นย้ำว่าผู้บริโภคไม่ควรซื้อชุดตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง ผ่านทางสื่อออนไลน์หรือแหล่งอื่น เนื่องจากอาจได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานเสี่ยงต่อการนำไปใช้และแปลผลผิดพลาด สำหรับผู้ประกอบการที่จะโฆษณาจำหน่ายชุดตรวจต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ก่อน “หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
]]>
ทีมวิจัยในสหราชอาณาจักร ได้ฝึกฝนสุนัขให้จดจำ ‘กลิ่นพิเศษ’ จากผู้ป่วยโควิด-19 ที่จมูกมนุษย์ไม่สามารถตรวจจับได้ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการรับรองผลในห้องแล็บอีกครั้งเพื่อความเเน่นอน
สุนัขสามารถดมกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์ถึง 1 แสนเท่า และมาช่วยงานดมกลิ่นหายาเสพติดและระเบิดเป็นเวลานานเเล้ว งานวิจัยในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า สุนัขสายพันธุ์รีทรีฟเวอร์และสแปเนียล สามารถดมและแยกแยะกลิ่นเฉพาะของโรคต่างๆ ได้ เช่น มะเร็ง พาร์กินสัน และมาลาเรีย
โดยสุนัข 6 ตัวได้รับการฝึกฝนให้ดมกลิ่นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากถุงเท้า หน้ากากอนามัย และเสื้อผ้าต่างๆ หากพวกมันดมกลิ่นเเล้วระบุได้ว่า ของใช้เหล่านั้นเป็นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 หรือของผู้ที่ไม่ติดเชื้อ ก็จะได้รับรางวัล
นอกจากนี้ ยังมีการฝึกให้สุนัขแยกเเยะกลิ่นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 กับกลิ่นของผู้ที่เป็นไข้หวัดทั่วไป หรือติดเชื้อทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้ รวมถึงผู้ติดเชื้อโควิดหลายสายพันธุ์ ทั้งที่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการน้อย
Claire Guest หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของ Medical Detection Dogs ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกสุนัขในโครงการนี้ ระบุว่า “ผลการวิจัยดังกล่าวเป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่า สุนัขเป็นหนึ่งในเครื่องตรวจจับทางชีวภาพที่เชื่อถือได้มากที่สุดสำหรับการค้นหากลิ่นโรคในมนุษย์”
โดยสุนัขดมกลิ่นสามารถตรวจจับผู้มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก ได้ถึง 88% หมายความว่า ในทุก ๆ 100 คนสุนัขดมกลิ่นผิดพลาดเพียง 12 คนเท่านั้น
ส่วนในกรณีผู้ที่ไม่ติดเชื้อโควิด สุนัขดมกลิ่นผิดพลาดไป 16 คน (บอกว่าผู้ไม่ติดเชื้อคือผู้ติดเชื้อ) โดยสมมติ หากเครื่องบินหนึ่งลำ มีผู้โดยสารทั้งหมด 300 คน เเต่มีผู้ติดเชื้อ 1 คน สุนัขดมกลิ่นก็มีแนวโน้มที่จะระบุถึงบุคคลนั้นได้อย่างถูกต้อง เเต่ก็อาจจะระบุผิดว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด อีก 48 คน
“ดังนั้นทีมวิจัย จึงไม่แนะนำให้ใช้สุนัขดมกลิ่นเพียงอย่างเดียวในกรณีกลิ่นตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นบวก”
โดยอาจใช้สุนัขดมกลิ่นมาเป็น ‘ตัวช่วย’ ร่วมในการคัดกรอง ไปพร้อม ๆ กับการใช้วิธีคัดกรองอื่น ๆ ด้วย เช่น ให้สุนัขดมกลิ่นคัดกรองในขั้นแรก จากนั้นก็ใช้การตรวจเเบบ swab ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ จะสามารถตรวจพบผู้ติดเชื้อได้ถึง 91%
ประโยชน์ที่แท้จริงจากการนำสุนัขมาใช้ร่วมคัดกรอง คือ ‘ความรวดเร็ว’
นักวิจัยระบุว่า การตรวจเเบบ swab โดยทั่วไปใช้เวลาเร็วที่สุด 15 นาทีจึงจะทราบผล แต่สุนัขใช้เวลาดมเชื้อโรคได้ภายในไม่กี่วินาที ซึ่งสุนัขที่ได้รับการฝึกแล้ว 2 ตัว สามารถดมกลิ่นและคัดกรองคนได้ถึง 300 คนในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง
James Logan ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยลอนดอน ซึ่งทำการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเดอรัม ให้ความเห็นว่า “การทดสอบด้วยการดมกลิ่น เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการคัดกรองผู้คนจำนวนมาก”
งานวิจัยนี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น เเละยังต้องมีการทดลองเเละตรวจสอบอีกมาก ก่อนที่จะสามารถเผยแพร่ เเละดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้
]]>
ร่างแก้ไขดังกล่าว ถูกเสนอเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีไปเเล้ว คาดว่าจะลงมติเห็นชอบไม่เกินช่วง 2 สัปดาห์นี้ พร้อมกับการอนุมัติมาตรการต่างๆ เพื่อสกัดการระบาด ‘ระลอกที่ 3’ ที่กำลังลุกลามในประเทศ
Olaf Scholz รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เป็นความจำเป็นที่บริษัททุกเเห่งต้องเข้าร่วม
โดยหวังจะให้มีการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศ ทำงานที่บ้านเเละทำงานในโรงงานได้อย่างต่อเนื่อง จากที่ตอนนี้มีพนักงานน้อยกว่า 90% ได้รับการตรวจเชื้อ ‘อย่างต่อเนื่อง’ ตามเเผน
ของรัฐ
ปัจจุบันมีพนักงานภาคเอกชนในเยอรมนีราว 60% ได้รับการตรวจ COVID-19 ฟรีจากนายจ้างเเล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ‘จึงเป็นที่มาของการออกกฎระเบียบดังกล่าว ให้เป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการเเรงงาน’
ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนีมีเเนวโน้มขยายมาตรการอื่นๆ ต่อไปอีกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2021 รวมถึงกำหนดให้นายจ้างให้ทางเลือกกับพนักงานในการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) เพื่อควบคุมสถานการณ์โรคระบาด
อย่างไรก็ตาม หลังร่างแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าวเผยเเพร่ออกไป ภาคธุรกิจหลายแห่งของเยอรมนี มีท่าที
‘ต่อต้าน’ เพราะมองว่าตอนนี้บริษัทก็ให้ความช่วยเหลือพนักงานในการตรวจหาเชื้อ COVID-19 อยู่เเล้ว ทั้งโดยสมัครใจและภาคบังคับ จึงเหมือนเป็นการโยนภาระหน้าที่ของรัฐ ให้กับผู้ประกอบการโดยไม่คำนึงถึงเรื่องภาระค่าใช้จ่าย เเละมองว่า ข้อผูกพันตามกฎหมายที่จะออกมาบังคับบริษัทเอกชนให้ตรวจสอบเชื้อ COVID-19 กับพนักงานนั้น ‘ไม่จำเป็น’ อีกด้วย
ที่มา : Reuters , The Local , theedgemarkets
]]>ล่าสุดโรงพยาบาลอินเตอร์เมดฯ ภายใต้ บมจ. โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัลแคร์ แอนด์ แล็บ (IMH) สวนทาง ประกาศยินดีรับตรวจ COVID-19 เต็มพิกัด เนื่องจากมีน้ำยาตรวจเพียงพอ
เปิดบริการรับลูกค้า Walk-in ได้ 2 สถานที่ คือ IMH ราชพฤกษ์ โรงพยาบาล อินเตอร์เมดฯ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบางหว้า และ IMH อโศก ศูนย์สุขภาพ IMH ASOKE ชั้น 4 รพ. ผิวหนังอโศก ถนนอโศก-ดินแดง ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เพชรบุรี
มีอัตราตรวจเชื้อ Antigen swab ราคา VIP 950 บาท และตรวจเชื้อโควิด PCR swab ราคา VIP 2,000 บาท สามารถตรวจหาเชื้อได้เฉลี่ย 500 – 1,000 คน/วัน ชุดตรวจเชื้อสามารถวิเคราะห์ และทราบผลตรวจภายในวันที่ตรวจได้ทันที
]]>จากข้อจำกัดด้านบุคลากรและทรัพยากรของโรงพยาบาลรัฐในญี่ปุ่น ทำให้มีการตรวจหา COVID-19 เเบบ Polymerase Chain Reaction (PCR) ทำได้เพียง 4 หมื่นครั้งต่อวัน ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร เเละต้องตรวจเฉพาะผู้ที่มีอาการบ่งชี้หรือมีโอกาสติดเชื้อสูง
เหล่านี้ทำให้ประชาชนต้องหันไปพึ่งพาคลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงซื้อชุดตรวจ PCR ด้วยตนเอง
ญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองเเห่ง ‘ตู้ขายของอัตโนมัติ’ หรือ Vending Machine โดยมีติดตั้งอยู่ทั่วประเทศถึง 4.1 ล้านเครื่อง
‘Lake Town Takenoko’ โรงพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูก มองเห็นโอกาสนี้จึงวางขายชุดตรวจ COVID-19 แบบ PCR ตามตู้ขายของอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางไปตรวจที่คลินิกที่มีผู้คนหนาแน่นหรือต้องรอการนัดหมาย
It is perhaps the world capital of vending machines and now Japan's many automated vendors have a new product to offer: virus testing kits https://t.co/XRshxTEdpU pic.twitter.com/qrI42XpQgk
— Reuters (@Reuters) March 8, 2021
โดยตู้ขายของอัตโนมัติเเต่ละเครื่องจะมี ชุดตรวจ COVID-19 ประมาณ 60 ชุด วางขายในราคา 4,500 เยน (ราว 1,200 บาท) ภายในชุดตรวจ จะมีอุปกรณ์ ‘เก็บตัวอย่างน้ำลาย’ พร้อมคำเเนะนำเเละวิธีใช้อย่างละเอียด ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที
เมื่อผู้ซื้อทำตามขั้นตอนเก็บตัวอย่างเรียบร้อยเเล้ว ให้นำตัวอย่างน้ำลายใส่ไปในบรรจุภัณฑ์ที่เตรียมไว้ พร้อมระบุอีเมลของตัวเอง ส่งชุดตรวจไปให้โรงพยาบาลทางไปรษณีย์ เเละจะรู้ผลทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง หลังชุดจรวจมาถึงโรงพยาบาลเเล้ว
โดยหลังจากเริ่มวางขาย 7 เครื่องทั่วกรุงโตเกียว ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน ในช่วงเเรกมีบางเครื่องถึงต้องนำชุดตรวจมาเติมถึง 2 ครั้งต่อวัน จากนั้นความต้องการของตลาดก็ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดเริ่มดีขึ้น มีผู้ติดเชื้อลดลง
ล่าสุด ยอดผู้ป่วยใหม่ในกรุงโตเกียวมีจำนวนเฉลี่ยราว 250 รายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือนมกราคม ที่มีมากกว่า 2,000 ราย
นอกจากการวางขายชุดตรวจ COVID-19 แบบ PCR ตามตู้ขายของอัตโนมัติเเล้ว ญี่ปุ่นยังเพิ่มการเข้าถึงการตรวจของประชาชน โดยให้มีการวางขายตามร้านขายยาทั่วไปหรือสั่งซื้อได้ทางออนไลน์
ที่มา : Reuters , Japantimes
]]>