นที นิธิวาสิน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 25 Apr 2022 11:15:35 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กางโรดแมป “รร.นารายณ์” ลบภาพรร.สัมมนา อัปเกรดสู่ “ลักชัวรี่” ขอเทียบชั้น “โอเรียนเต็ล” https://positioningmag.com/1382545 Sun, 24 Apr 2022 13:43:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1382545 บิ๊กมูฟครั้งใหญ่ของโรงแรมนารายณ์ในรอบ 54 ปี เป็นโรงแรมเก่าแก่ย่านสีลม ถึงเวลาปรับโฉม รีโนเวตครั้งใหญ่ เพื่อสู้ศึกกับเชนโรงแรมอินเตอร์ ปั้นควบ 2 โรงแรมบุกตลาดลักชัวรี่ คงชื่อโรงแรมนารายณ์ไว้อยู่ อัปเกรดราคาห้องขึ้นเท่าตัว หวังเทียบชั้นแมนดาริน โอเรียนเต็ล หรือโฟร์ซีซั่น

บิ๊กโปรเจกต์หมื่นล้าน

เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญของวงการอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงการสร้างกระแสอยู่พักใหญ่ สำหรับการทุบ “โรงแรมนารายณ์” โรงแรมเก่าแก่ที่อยู่คู่ย่านสีลมมาหลายทศวรรษ แต่การทุบครั้งนี้ไม่ได้เป็นการทุบเพื่อปิดตำนานแต่อย่างใด แต่ทุบเพื่อรีโนเวตครั้งใหญ่

โรงแรมนารายณ์ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2511 หรือมีอายุได้ 54 ปีแล้ว เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล “นิธิวาสิน” บริหารโดย บริษัท นารายณ์ โฮเต็ล จำกัด ในเครือนารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป

โรงแรมนารายณ์ วางจุดยืนเป็นโรงแรม 4 ดาวบนถนนสีลม อยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรีประมาณ 5 นาที อยู่ไม่ไกลจากวัดแขก ลักษณะเป็นอาคาร 12 ชั้น มีจำนวนห้องพัก 475 ห้อง ห้องพักบริการลูกค้ามีทั้งหมด 7 ประเภท ได้แก่ ห้องสแตนดาร์ด, ห้องสุพีเรียร์, ห้องเดอลักซ์, ห้องเดอลักซ์สวีต, ห้องแฟมิลีสวีต, ห้องเอ็กเซกคิวทีฟสวีต และห้องนารายณ์สวีต

หลายคนมองว่าที่โรงแรมประกาศทุบในปีนี้ เป็นเพราะผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 หรือเปล่า ที่สร้างแรงกระเพื่อมใหญ่แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมไปถึงการสร้างบิ๊กโปรเจกต์ “เซ็นทรัลดุสิตพาร์ค” แต่ “นที นิธิวาสิน” ทายาทรุ่น 3 ของโรงแรมนารายณ์ได้บอกว่า จริงๆ มีแผนรีโนเวตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 แล้ว

นที นิธิวาสิน กรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ โฮเต็ล จำกัด เล่าว่า

“โรงแรมนารายณ์ไม่ใช่ทุบเพราะ COVID-19 แต่เริ่มคิดตั้งแต่ปี 2560 แล้ว มีความคิดก่อนที่ดุสิตธานีจะทุบเสียอีกด้วย แต่ COVID-19 ทำให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น เหมือนไฟลนก้นมากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้เรามองธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ไปได้เรื่อยๆ เลยยังไม่คิดทำอะไรมากเท่าไหร่ เมื่อมีวิกฤตนี้เข้ามาจึงได้โอกาสได้การรีโนเวต”

โครงการใหม่นี้เป็นบิ๊กโปรเจกต์ ใช้งบลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท พื้นที่รวม 6 ไร่ พื้นที่ใช้สอยรวม 70,000 ตารางเมตร โดยจะทำการทุบทิ้งให้หมด มีเก็บโครงสร้างไว้บางส่วน รวมถึงจะอัญเชิญพระนารายณ์ประดิษฐานหน้าโรงแรม เพื่อให้ทุกคนมากราบไหว้ได้สะดวก เนื่องจากก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีงานพระแม่ที่วัดแขก จะมีคนขึ้นมากราบพระนารายณ์ที่โรงแรมด้วย

จะเริ่มทุบโรงแรมในช่วงกลางปีนี้ แล้วปิดก่อสร้าง พร้อมจะกลับมาเปิดใหม่แบบเต็มรูปแบบในปี 2569 ในช่วงที่ปิด และทำการก่อสร้าง ได้มีโยกพนักงานบางส่วนไปช่วยงานโรงแรมในเครือก่อน

ให้คนทุกเจนใช้บริการได้

“อยากทำพื้นที่ให้คนหลายเจนมาอยู่รวมกัน มีห้องพักระดับเป็นหมื่น”

สำหรับโครงการใหม่นี้ นทีวางแผนว่า อยากให้เป็นพื้นที่ที่ให้ชาวสีลม หรือคนทั่วไปสามารถใช้บริการได้ทุกระดับ ทุกเจนเนอเรชัน ไม่จำเป็นจะต้องมาเข้าพักโรงแรม แต่สามารถใช้บริการส่วนอื่นๆ ได้

แบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ โซนแรก เปิดพื้นที่สำหรับกลุ่มคนทั่วไป ให้เข้ามาพักผ่อน ใช้เวลา หรือทำกิจกรรมต่างๆ มีบริการทั้งร้านค้า ร้านอาหาร พื้นที่กิจกรรมสำหรับทุกวัย โดยการตกแต่งพื้นที่โซนนี้ จะยังคงเอกลักษณ์ กลิ่นอายความเป็นนารายณ์เอาไว้ ให้ได้เข้ามาเสพบรรยากาศเก่าๆ

ทำสวนสาธารณะพื้นที่ 7,000 ตารางเมตร พร้อมกับขุดเป็นคลองคั่นระหว่าง 2 ตึกโรงแรมสำหรับกักเก็บน้ำ เพื่อลดโอกาสน้ำท่วมในถนนสีลม ให้ร้านค้าเช่าพื้นที่ในราคาย่อมเยา เพื่อให้คนในแถบนี้ยังมีที่กิน และเป็นจุดท่องเที่ยวได้ โปรโมตสตรีทฟู้ด คาดว่าจะให้ร้านค้าเช่าจำนวน 10 ร้าน

และโซนที่สอง เป็นโซนลักชัวรี ที่เป็นห้องพักระดับไฮเอนด์ เบื้องต้นจะมี 2 โรงแรม พร้อมกับมีห้องสัมมนา จุคนได้ 2,000-3,000 คน

คงชื่อ “นารายณ์” อัปเกรดเทียบเท่ารร.ริมน้ำ

ตามแผนของนที โครงการนี้จะมีโรงแรม 2 แบรนด์ด้วยกัน แบรนด์แรกจะเป็นระดับลักชัวรี่ 6 ดาว จำนวน 100-150 ห้อง ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อแบรนด์ได้ ตอนนี้กำลังพูดคุยกับเชนโรงแรมที่เป็นแบรนด์ ลักชัวรี่รายใหญ่อยู่เจ้าหนึ่ง และจะเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จะสามารถนำแบรนด์นี้เข้ามาได้ คาดว่าจะมีราคาห้องพักในระดับหลักหมื่นขึ้นไป

ส่วนอีกโรงแรมจะเป็นชื่ออะไรไปไม่ได้นอกจาก “โรงแรมนารายณ์” แต่มีการวางจุดยืนใหม่เป็น Entry Level Luxury Selected ดีไซน์ใหม่ให้ตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการห้องพักที่มีพื้นที่ ตกแต่งสวยงาม แต่ไม่ค่อยได้ใช้บริการภายในโรงแรมเท่าไหร่นัก เนื่องจากส่วนใหญ่ออกไปเที่ยวข้างนอกมากกว่า โดยจะจับมือกับร้านอาหารที่มีชื่อเสียงเพื่อทำอาหารเช้าแบบพิเศษให้โรงแรมโดยเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องออกไปต่อคิวเพื่อเข้าร้าน

โรงแรมนารายณ์โฉมใหม่จะมีทั้งหมด 200 ห้อง ระดับ 4-5 ดาว ลดจำนวนห้องลงจากแต่เดิมมีทั้งหมด 400-500 ห้อง โดยจะทำตึกให้เตี้ยที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากได้ไม่เกิน 20 ชั้น พร้อมกับอัพราคาใหม่ให้ไม่ต่ำกว่าห้องละ 5,000 บาท จะเทียบเท่ากับแมนดาริน โอเรียนเต็ล หรือโฟร์ซีซั่น จากแต่เดิมมีราคาห้องเฉลี่ยที่ 1,000-2,000 บาท

นทียังบอกอีกว่า ตอนนี้กำลังในช่วงพูดคุย และตัดสินใจในเรื่องของการบริหาร 1 ใน 2 ของโรงแรมนี้จะทำการบริหารเอง ส่วนอีกแห่งกำลังดูเรื่องการต่อรองว่าจะใช้เชนโรงแรมระดับอินเตอร์เข้ามาบริหารหรือไม่

ทำพอร์ตให้ครบทุกเซ็กเมนต์

ปัจจุบันนารายณ์ ฮอสพิทอลิตี้ กรุ๊ป ได้เร่งเครื่องบุกตลาดลักชัวรี่อย่างเต็มตัว นอกจากการทุบโรงแรมนารายณ์ เพื่อสร้างโครงการใหม่ในระดับลักชัวรี่หมื่นล้านแล้ว ก่อนหน้านี้ยังได้เปิดโรงแรมใหม่ “มาราสก้า โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต” เป็นโรงแรมระดับลักชัวรี่ ประเดิมที่เขาใหญ่ และสมุย

มาราสก้า โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต วางจุดยืนเป็นโรงแรมแนวแคชชวลลักชัวรี่ โดยมาราสก้าแห่งแรกของประเทศไทย จะเปิดตัวด้วยมาราสก้า เขาใหญ่ (Marasca Khao Yai) ในปี 2565 ตามมาด้วย มาราสก้า เกาะสมุย (Marasca Koh Samui) ในปี 2566

มาราสก้า เขาใหญ่ ได้รับการออกแบบในสไตล์ Luxury countryside retreat destination มีจำนวนห้องพักสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 18 ห้องเท่านั้น รูปแบบของห้องพัก มีความหลากหลาย ตั้งแต่ห้องแบบวิลล่า แคมปิ้งเต็นท์ ไปจนถึงรถบ้านแกลมเปอร์แวน โดยทุกห้องพัก จะมาพร้อมกับวิวของทิวเขา อ่างอาบน้ำกลางแจ้ง และเตาผิงไฟส่วนตัว

นอกจากนี้ยังได้ประกาศรีแบรนด์โรงแรมเครือ “หลับดี” ครั้งใหญ่ในรอบ 8 ปี เป็นโรงแรมในกลุ่มไลฟ์สไตล์ หรือแนวๆ โฮสเทล เพิ่มพื้นที่ Co-working Space รวมถึงคาเฟ่ร้านกาแฟ รับเทรนด์ Workation ในภาวะที่การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น

นารายณ์ ฮอสพิทอลิตี้ กรุ๊ป พยายามเติมพอร์ตโฟลิโอให้ครบทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่โฮสเทล ไปจนถึงระดับลักชัวรี่ เพราะการทำธุรกิจยุคนี้ ไม่สามารถฝากความหวังไว้แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างเดียว แต่ต้องกระจายความเสี่ยง และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้หลากหลาย

การรีโนเวตโรงแรมนารายณ์ครั้งใหญ่ในครั้งนี้ เป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในวงการโรงแรมไม่น้อย เชื่อว่าหลังจากปิดปรับปรุง แล้วกลับมาเปิดให้บริการใหม่ ในวันที่สถานการณ์การท่องเที่ยวดีขึ้น จะช่วยทำให้ย่านสีลมคึกคักอีกแน่นอน

]]>
1382545
10 เรื่องน่ารู้กับตำนาน “โรงแรมนารายณ์” ก่อนพลิกโฉมสู่ “ตลาดลักชัวรี่” https://positioningmag.com/1374451 Thu, 17 Feb 2022 14:10:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1374451 หลังจากมีกระแสการทุบโรงแรมในตำนานอย่าง “โรงแรมนารายณ์” ที่อยู่คู่ย่านสีลมมายาวนานกว่า 54 ปี ขอพาไปทำความรู้จักถึงเรื่องน่ารู้ของโรงแรมแห่งนี้ ก่อนที่จะทำการพลิกโฉมสู่โรงแรมระดับลักชัวรี่ในอนาคต คาดว่าจะเปิดทำการในอีก 4 ปีข้างหน้า

1. ตั้งชื่อจากมหาเทพ

โรงแรมนารายณ์ก่อตั้งเมื่ปี 2511 เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล “นิธิวาสิน” ชื่อของโรงแรมถูกตั้งจากแนวคิดของทีมผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นทุกคน ที่นำเอาความยิ่งใหญ่ของชื่อ “พระนารายณ์” เป็นชื่อของทั้งพระมหากษัตริย์ไทย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรือ สมเด็จพระรามาธิบดี (ที่ 3) พระมหากษัตริย์ในรัชกาลที่ 27 สมัยกรุงศรีอยุธยา และพระนามของพระนารายณ์ มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

2. บุกตลาดโรงแรมขนาดใหญ่

โรงแรมนารายณ์ เป็นโรงแรม 4 ดาวย่านถนนสีลม อยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรีประมาณ 5 นาที อยู่ไม่ไกลจากวัดแขก ลักษณะเป็นอาคาร 12 ชั้น มีจำนวนห้องพัก 475 ห้อง ห้องพักบริการลูกค้ามีทั้งหมด 7 ประเภท ได้แก่ ห้องสแตนดาร์ด, ห้องสุพีเรียร์, ห้องเดอลักซ์, ห้องเดอลักซ์สวีต, ห้องแฟมิลีสวีต, ห้องเอ็กเซกคิวทีฟสวีต และห้องนารายณ์สวีต

แนวคิดการก่อตั้งโรงแรมนารายณ์ เกิดจากรุ่นคุณปู่ เป็นเจน 1 ของบริษัท และผู้ถือหุ้น เห็นโอกาสในการเติบโตด้านความต้องการห้องพัก และโรงแรมขนาดใหญ่ เนื่องจากช่วงนั้นประเทศไทยเป็นเจ้าภาพงานระดับนานาชาติอยู่เรื่อยๆ

โรงแรมนารายณ์เมื่อ 54 ปีก่อน

แต่เดิมบริษัทมีโรงแรมวิคตอรี่ ขนาด 125 ห้องอยู่แล้ว แต่การมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในอนาคต จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เริ่มขยายกิจการ โดยผู้ถือหุ้นท่านอื่นๆ ในสมัยนั้นก็เห็นตรงกันว่า ถนนสีลมนั้นมีศักยภาพสูงมากในการที่จะเป็นถนนสายธุรกิจได้

3. โรงแรมอื่นๆ ในเครือ

นอกจากโรงแรมนารายณ์แล้ว ยังมีโรงแรมในเครือ ได้แก่

  • โรงแรมทริปเปิ้ลทู สีลม โรงแรมสไตล์บูติก จำนวน 75 ห้อง
  • โรงแรมอมันตา โฮเต็ล แอนด์ เรสซิเดนซ์ สาทร โรงแรมสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ จำนวน 66 ห้อง ในซอยงามดูพลี ถนนสาทร
  • โรงแรมอมันตา โฮเต็ล แอนด์ เรสซิเดนซ์ รัชดา โรงแรมสไตล์โมเดิร์นลักชัวรีย่านถนนรัชดาภิเษก ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
  • โรงแรมริเวอร์ไรน์เพลส โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ กับโครงการที่พักอาศัย นายา เรสซิเดนซ์ ที่พักอาศัยวัยอิสระริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนพิบูลสงคราม อ.เมือง จ.นนทบุรี
  • เกสต์เฮาส์ที่ชื่อว่า หลับดี (Lub D) ที่กรุงเทพฯ (ถนนพระราม 1), หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต, เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี, เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา และย่านมาคาติ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้น

4. ทายาทเจน 3 สานต่อธุรกิจ

โรงแรมนารายณ์ถือว่าเป็นโรงแรมที่เกิดจากธุรกิจครอบครัว บริหารงานโดยทีมผู้บริหารคนไทยทั้งหมด ไม่ใช่เชนโรงแรมใหญ่จากต่างประเทศ ทำให้การจัดการง่ายปรับตัวได้รวดเร็ว และเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย

ปัจจุบันการบริหารได้ส่งต่อถึงทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลแล้ว “นที นิธิวาสิน” กรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ โฮเต็ล จำกัด ได้เข้ามารับช่วงต่อจากคุณพ่อในช่วงปี 2551

5. ปักหมุด 5 ไฮไลต์สุดว้าว

  • มีห้องพักถึง 500 ห้อง ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีโรงแรมไหนมีห้องพักเยอะระดับนี้
  • ภัตตาคารหมุน 360 องศา ที่แรกในเมืองไทย ทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจ
  • ร้านนารายณ์พิซซาเรีย (Narai Pizzeria) มีพิซซ่าต้นตำหรับของเมืองไทย
  • ห้องอาหารระเบียงทอง เป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ และในยุคนั้นยังเสิร์ฟ “ปลาแซลมอนซาซิมิ” ในไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ เป็นเจ้าแรกในเมืองไทย
  • เป็น Wedding Destination ของคู่รักในยุคนั้น เพราะมีห้องนารายณ์ บอลรูมที่มีขนาดใหญ่สามารถรองรับแขกได้ถึง 1,000 คน สามารถรับงานสำคัญๆ ของประเทศหลายๆ งานมาแล้ว
ภัตตาคาร 360 องศา

6. เปิด 6 สถิติตลอด 54 ปี

  • ให้บริการห้องพักมาทั้งหมดกว่า 7,590,000 ห้อง 
  • มีจำนวนผู้เข้าพักมากกว่า 15,180,000 คน
  • ห้องอาหารระเบียงทองมีแขกเข้ามารับประทานอาหารราว 30 ล้านคน
  • ร้านนารายณ์พิซซาเรีย (Narai Pizzeria) จำหน่ายพิซซ่าได้มากกว่า 3,550,000 ถาด
  • ใช้ชีสคิดเป็นปริมาณกว่า 1,600,000 กิโลกรัม
  • มีคู่รักแต่งงานที่จัดงานแต่งงานกับโรงแรมมากกว่า 5,200 คู่รัก 

7. พลิกโฉมสู่ตลาดลักชัวรี่

ในปีนี้เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโรงแรมนารายณ์ เนื่องด้วยเทรนด์ของตลาดโรงแรมที่เปลี่ยนไป และยุคสมัย ประกอบกับความท้าทายในยุค COVID-19 จึงทำให้ต้องมีการขยับตัว เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ดังนั้นถ้าจากนี้จะทำให้ธุรกิจให้ยืนยาวได้ตลาดลักชัวรี่ที่จะเข้ามาในอนาคตจึงน่าจับตามอง นี่ถือเป็นความท้าทายที่เราต้องเริ่มเปลี่ยนสู่ยุคใหม่ เพื่อให้กลับขึ้นมาทันกระแส จึงได้ตัดสินใจทุบโรงแรม แล้วพลิกสู่โฉมใหม่ทั้งหมด เพื่อเข้าสู่ตลาดหรู

8. มีทั้งโซนทั่วไป และที่พักหรู

คาดว่าโครงการใหม่จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ย่านสีลม แบ่งพื้นที่หลักๆ เป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นพื้นที่เปิดเพื่อให้กลุ่มคนหลายๆ กลุ่มได้เข้ามาใช้พื้นที่ร่วมกันได้ อาทิ กลุ่มคนวัยทำงาน กลุ่มครอบครัวก็สามารถเข้ามาใช้พื้นที่ร่วมกันมีที่ให้นั่งพักผ่อน มีร้านอาหารที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ มีพื้นที่ในการขายอาหาร ขายเครื่องดื่ม ร้านอาหารตามสั่ง ฯลฯ ที่สะอาดเหมาะสมมีค่าเช่าพื้นที่ในราคาที่พ่อค้าแม่ค้าสามารถทำกำไรให้ร้านของตัวเองได้ง่ายมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังมีกลิ่นอายของความทรงจำ ให้ได้เห็น ให้ได้นึกถึงอยู่

ส่วนอีกโซนจะเป็นโซนห้องพักในระดับลักชัวรี่ โดยครั้งนี้เราจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 4 ปี

พร้อมกับอันเชิญองค์พระนารายณ์ ที่อยู่คู่โรงแรมมาตั้งแต่เริ่มต้น ลงมาไว้ให้คนทั่วไปได้สักการะ หวังให้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใหม่ในย่านสีลมด้วยครับ

9. อสังหาฯ ปรับให้ทันต่อยุค COVID-19

เนื่องจากสถานการณ์ของ COVID-19 ทำให้หลายธุรกิจต้องเจอกับความท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ที่ไม่สามารถเปิดให้บริการตามปกติได้ นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ไม่เข้าประเทศ คนในประเทศก็ไม่สามารถเที่ยวได้ตามปกติเท่าไหร่ เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจึงได้เห็นโรงแรมต่างปรับตัวให้ทัน ไม่ว่าจะปรับเรื่องแพ็กเกจให้อยู่รายเดือนในราคาถูก หรือทำข้าวกล่อง ขายอาหาร เพื่อหารายได้เพิ่ม

10. สมรภูมิสีลมเดือด

ก่อนหน้านี้ในกรุงเทพฯ ได้เคยมีโรงแรมเก่าที่ทุบทิ้ง และก่อสร้างใหม่เช่นกัน ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี ถนนพระราม 4 สี่แยกศาลาแดง ได้ทุบทิ้งโรงแรมเดิมสูง 23 ชั้น มาตั้งแต่ปี 2562 เพื่อก่อสร้างโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่างกลุ่มดุสิตธานีกับเซ็นทรัลพัฒนา มูลค่าโครงการรวมกว่า 36,700 ล้านบาท

ยิ่งทำให้การแข่งขันในโซน CBD ย่านธุรกิจอย่างสีลมดุเดือดมากขึ้น ยิ่งถ้าโครงการไหนไม่ปรับตัว ก็คงอยู่ยาก…

]]>
1374451