นักท่องเที่ยวต่างชาติ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 30 Apr 2022 06:18:58 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ไทย” ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ประเทศที่คน “มาเลย์-สิงคโปร์-เกาหลี” อยากมาเที่ยวมากที่สุด https://positioningmag.com/1383553 Sat, 30 Apr 2022 05:42:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383553 Agoda สำรวจการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อมาพักผ่อนในเดือนพฤษภาคม 2565 พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ค้นหาการมาเที่ยว “ไทย” เป็นอันดับ 1 สะท้อนแรงดึงดูดของไทยหลังจากผ่อนคลายขั้นตอนการเข้าเมือง ไม่ต้องตรวจ RT-PCR ตั้งแต่ 1 พ.ค. นี้

การสำรวจการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิกโดย Agoda พบว่า “ไทย” เป็นจุดหมายอันดับ 1 ที่คนหลายประเทศค้นหามากที่สุด ดังนี้

  • มาเลเซีย – 1) ไทย  2) สิงคโปร์ 3) อังกฤษ
  • สิงคโปร์ – 1) ไทย 2) สิงคโปร์ 3) อินโดนีเซีย
  • เกาหลีใต้ – 1) ไทย 2) สหรัฐอเมริกา 3) เวียดนาม
  • ฟิลิปปินส์ – 1) สิงคโปร์ 2) สหรัฐอเมริกา 3) ไทย
  • อินโดนีเซีย – 1) สิงคโปร์ 2) สหรัฐอเมริกา 3) มาเลเซีย

จะเห็นได้ว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมในแถบนี้ มีเพียงชาวอินโดนีเซียที่ประเทศไทยไม่สามารถเข้าไปอยู่ใน 3 อันดับแรกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้

หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต วันที่ 16 พ.ย. 2564

นอกจากแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในไทยแล้ว การผ่อนคลายวิธีการเข้าเมืองให้ง่ายขึ้นของไทยน่าจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้ามามากขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 ประเทศไทยจะลดขั้นตอนสำหรับผู้เดินทางเข้าเมืองที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เพียงลงทะเบียนข้อมูลใน Thailand Pass และเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องตรวจ RT-PCR เมื่อเดินทางมาถึง มีเพียงข้อแนะนำให้ตรวจ ATK เท่านั้น

 

คนไทยอยากไป “สิงคโปร์” มากที่สุด

สำหรับนักท่องเที่ยวไทย หากไม่นับการท่องเที่ยวในประเทศที่ยังครองใจมากที่สุดในระยะนี้ การเดินทางต่างประเทศ 5 อันดับแรกที่คนไทยต้องการไปมากที่สุด ได้แก่

  1. สิงคโปร์
  2. เกาหลีใต้
  3. ญี่ปุ่น
  4. สหรัฐอเมริกา
  5. อังกฤษ
“เกาหลีใต้” กำลังมาแรงในหมู่คนไทยที่ต้องการเที่ยวต่างประเทศ

ที่น่าสนใจคือประเทศเกาหลีใต้ซึ่งการสำรวจเมื่อเดือนเมษายนยังอยู่ในอันดับ 6 แต่ล่าสุดพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 2 หลังจากผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ ทำให้คนไทยเริ่มค้นหาและวางแผนการท่องเที่ยวกันทันที

 

“ทะเล” บูมสุดขีด

ช่วงเดือนพฤษภาคม “ทะเล” ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยนิยม โดยสองอันดับแรกคือพัทยาและหัวหิน ยังคงครองใจคนไทยสูงสุดเมื่อคิดจะไปท่องเที่ยว โดย 10 อันดับแรกเมืองที่คนไทยค้นหามากที่สุด ได้แก่

  1. พัทยา
  2. หัวหิน
  3. ภูเก็ต
  4. กรุงเทพฯ
  5. เขาใหญ่
  6. เชียงใหม่
  7. กระบี่
  8. กาญจนบุรี
  9. ชลบุรี
  10. เกาะช้าง
]]>
1383553
รู้จัก “ค่าเหยียบแผ่นดิน” เงินค่าเข้าประเทศ เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 300 บาท https://positioningmag.com/1370313 Thu, 13 Jan 2022 15:23:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370313 จากข่าวการเรียกเก็บเงิน “ค่าเหยียบแผ่นดิน” จากนักท่องเที่ยวต่างชาติคนละ 300 บาท ที่จะเริ่มในเดือนเมษายนนี้ หลายๆ คนอาจจะไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน เนื่องจากในประเทศไทยไม่เคยเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวในกรณีนี้มาก่อน

มาทำความรู้จักกับ “ค่าเหยียบแผ่นดิน ที่กำลังจะเรียกเก็บในเร็วๆ นี้กันหน่อย

ค่าเหยียบแผ่นดิน เป็นค่าบริหารจัดการค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเมื่อเดินทางเข้ามาสู่ประเทศ เปรียบเสมือนค่าบัตรผ่านเข้าสู่ประเทศไทยที่จะต้องจ่ายเพิ่มเติมจากค่าใช้จ่ายปกติ

ซึ่งในหลายๆ ประเทศ มีการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินมาก่อนแล้ว เช่น ญี่ปุ่น ภูฏาน มาเลเซีย หรือหลายประเทศในยุโรป โดยค่าเหยียบแผ่นดินนี้อาจจะรวมอยู่ในราคาตั๋วเครื่องบิน หรือราคาห้องพักในโรงแรมที่นักท่องเที่ยวต้องจองล่วงหน้า

สำหรับประเทศไทย เพิ่งมีการประกาศออกมาว่าจะมีการเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน โดยเรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคนละ 300 บาท และจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ทั้งนี้ เป็นไปตามกฎหมายการท่องเที่ยวฉบับใหม่ พระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ..2562 ฉบับปรับปรุง ที่จะนำเงินค่าเหยียบแผ่นดินที่เก็บได้นี้ไปใส่ในกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ

Photo : Shutterstock

จากนั้น สำนักปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะรับผิดชอบดูแลนำไปพัฒนาภารกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ สร้างทางขึ้นลงสำหรับคนพิการ สร้างห้องน้ำ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น

นอกจากนี้ เงินที่เก็บจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 300 บาทต่อคน จะดึงออกมา 50 บาท เพื่อนำไปซื้อประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ กรณีประสบอุบัติเหตุ หรือเสียชีวิต จะได้รับวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท หรือ ค่ารักษาพยาบาล ได้รับสูงสุด 5 แสนบาท เป็นต้น

ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่า หากในปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้ามา 5 ล้านคน จะสามารถจัดเก็บเงินได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท และอาจเหลือเงินใส่เข้าไปในกองทุนนี้ 1,250 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม กำลังเจรจากับสายการบินเกือบครบทุกสายการบินแล้ว คาดว่าเดือน มีนาคม 2565 นี้จะเสร็จสิ้น ขณะที่การเดินทางเข้าประเทศไทยทางบกจะมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้นักท่องเที่ยวจ่ายเงินก่อนเดินทางเข้ามาและให้แสดงหลักฐานก่อนเข้าประเทศว่าได้จ่ายเงินแล้ว

Source

]]>
1370313
วัคซีน ‘ล่าช้า’ ท่องเที่ยวต้องลุ้น เเนะรัฐเปิดรับต่างชาติไตรมาส 4 อย่างน้อย 1.25 ล้านคน https://positioningmag.com/1323321 Fri, 12 Mar 2021 14:58:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1323321 TMB วิเคราะห์หากไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศหลักในยุโรป สหรัฐฯ และกลุ่มเอเชียตะวันออกบางประเทศ ได้ในไตรมาส 4 อย่างน้อย 1.25 ล้านคน จะสร้างรายได้กว่า 6.4 หมื่นล้านบาท เเต่ยังมีความเสี่ยงการกระจายวัคซีน ‘ล่าช้า’ ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย หรือ TMB Analytics ระบุว่า นับตั้งแต่เริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 เข็มแรก เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน ทั่วโลกมีจำนวนวัคซีนที่ถูกฉีดไปแล้วกว่า 250 ล้านโดส

ส่วนใหญ่เป็นวัคซีนที่ถูกฉีดในสหรัฐอเมริกามากถึง 31% ของสถิติทั้งหมด รองลงมาเป็นจีนที่ 19% สหภาพยุโรป 14% และอังกฤษ 8% ขณะที่กลุ่มอาเซียนมีสัดส่วน 1.5% โดยเกือบทั้งหมดเป็นของอินโดนีเซีย

“การฉีดวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน โดยรวมยังมีน้อยมากเมื่อเทียบกับทั้งโลก” 

วัคซีนในต่างประเทศ ‘ฉีดเร็ว’ กว่าที่คาด 

จากข้อมูลแผนการจัดหาวัคซีนของประเทศต่างๆ พบว่า กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ ทั้งยุโรป สหรัฐฯ จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ถึงร้อยละ 70 ซึ่งเป็นระดับที่ก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd immunity) ได้ในช่วงกลางปี 2564 ซึ่งสามารถกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ใกล้เคียงกับภาวะปกติ

โดยเฉพาะการเดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศภายในภูมิภาคได้ตั้งแต่กลางปี 2564 และจะทยอยออกเดินทางเพื่อท่องเที่ยวต่างภูมิภาคได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/2564

ด้านความคืบหน้าฝั่งเอเชียตะวันออกบางประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฮ่องกง จะสามารถฉีดวัคซีนได้ในระดับเดียวกันในช่วงต้นไตรมาส 4/2564 และจะเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศนับแต่ไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป

ท่องเที่ยว ประเทศไทย

วัคซีนไทย ‘ล่าช้า’ ต้องลุ้นรับนักท่องเที่ยว 

กรณีของไทยที่สามารถควบคุมการระบาดระลอกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การฉีดวัคซีนให้ถึงระดับภูมิคุ้มกันหมู่ยังดำเนินการได้อย่างล่าช้า ทำให้ความสามารถของไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะกลับมาในปี 2564 นั้น ตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่สำคัญ ดังนี้

  • ไม่มีการระบาดรอบใหม่ในช่วงที่เหลือของปี 2564
  • มีการฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรง และประชาชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 70 ในไตรมาส 4/2564
  • ไทยผ่อนคลายมาตรการกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วเหลือ 1-3 วัน ในไตรมาส 4/2564

TMB Analytics จึงประเมินว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะกลับเข้ามาเที่ยวไทยในครึ่งปีหลังจะมาได้จากทั้ง 2 กลุ่ม คือ

1.กลุ่มพำนักระยะยาว (มีระยะเวลาพำนักเฉลี่ย 2 สัปดาห์)

กลุ่มนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีโอกาสจะทยอยกลับเข้าท่องเที่ยวไทยได้เป็นกลุ่มแรก เนื่องจากมาจากกลุ่มประเทศที่มีภูมิคุ้มกันหมู่ในช่วงกลางปี 2564 ซึ่งจะเริ่มเข้ามาได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/2564 เป็นต้นไป

สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวปี 2562 ก่อนมีระบาดของ COVID-19 พบว่า สหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ เป็นตลาดหลักของไทยในกลุ่มนี้ ซึ่งเดิมมีจำนวน 1 ล้านคนต่อไตรมาส (คิดเป็น 41% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดในกลุ่มระยาวทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ไตรมาสละ 2.5 ล้านคน) และมีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวเฉลี่ยอยู่ที่ 66,700 บาทต่อคนต่อทริป

คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ หากสามารถกลับเข้ามาได้ 15% ในไตรมาส 3/2564 และ 50% ในไตรมาส 4/2564 จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มนี้รวม 6.5 แสนคน และมีเม็ดเงินในระบบเพิ่มขึ้น 3.9 หมื่นล้านบาท

ดย 5 จังหวัดหลักที่นิยมเข้ามาพำนักอยู่มากที่สุดเป็น กรุงเทพฯ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และเชียงใหม่

2.กลุ่มพำนักระยะสั้น (มีระยะเวลาพำนักเฉลี่ย 1 สัปดาห์)

นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง เป็นกลุ่มตลาดหลักของไทยในกลุ่มพำนักระยะสั้น จะมีระดับภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/2564 นี้ และพร้อมออกท่องเที่ยวต่างประเทศได้ในไตรมาส 4/2564

จากข้อมูลในปี 2562 พบว่ามีนักท่องเที่ยวจาก 3 ประเทศนี้อยู่ที่ 1.2 ล้านคนต่อไตรมาส (คิดเป็นสัดส่วน 15.8% ของนักท่องเที่ยวในกลุ่มพำนักระยะสั้นซึ่งมีอยู่ที่ไตรมาสละ 7.5 ล้านคน) มีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวเฉลี่ยอยู่ที่ 40,600 บาทต่อคนต่อทริป ซึ่งหากกลับเข้ามาได้ 50% จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มนี้ 6 แสนคน และมีรายได้ราว 2.5 หมื่นล้านบาท

โดย 5 จังหวัดที่เข้ามาพำนักอยู่มากที่สุดเป็น กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์

หากรัฐและเอกชนสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสองกลุ่มนี้ กลับเข้ามาไทยได้เร็วขึ้น จะทำให้ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยอย่างน้อย 1.25 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 64,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกหลักๆ ดังนี้

  • นักท่องเที่ยวจีนที่ปัจจุบันมีความต้องการมาเที่ยวไทย ซึ่งปัจจุบันยังรอพัฒนาด้านการรับวัคซีนของคนในประเทศ และนโยบายที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
  • วางแผนการตลาดเชิงรุกของไทยได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และภาคส่วนต่างๆ ต้องกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่

อ่านเพิ่มเติม : ความหวัง ‘ท่องเที่ยวไทย’ เร่งฉีดวัคซีนให้ทัน ‘ไฮซีซั่น’ รับต่างชาติ 2 ล้านคน ระวัง ‘หนี้ครัวเรือน’ พุ่ง

]]>
1323321