อัปเดตสถานการณ์ “ท่องเที่ยว” ประเทศไทย อนาคตดูจะสดใสขึ้นแม้ยังห่างไกลกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 โดย ททท. วางเป้าปี 2565 ดึงนักท่องเที่ยว “ต่างชาติ” เข้าไทย 7 ล้านคน ธุรกิจท่องเที่ยวยังต้องพึ่งชาวไทยเป็นหลัก ด้านเครือโรงแรม AWC คาดอัตราเข้าพักปีนี้จะอยู่ระหว่าง 30-50% พร้อมเปิดโรงแรมแห่งล่าสุด “มีเลีย เชียงใหม่” รับลูกค้าคนรุ่นใหม่และธุรกิจ MICE
ปี 2565 เป็นปีแห่งความหวังของธุรกิจท่องเที่ยวไทย หลังจากเริ่มทยอยคลายล็อกเปิดประเทศมาตั้งแต่ปลายปีก่อน โดยเมื่อช่วงต้นปี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์แบบกว้างๆ ว่านักท่องเที่ยว “ต่างชาติ” จะเข้าไทยประมาณ 5-15 ล้านคน ก่อนที่จะเกิดปัจจัยลบเพิ่มขึ้นอย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน
“สมฤดี จิตรจง” รองผู้ว่าการด้านการบริหาร ททท. เปิดเผยว่าปี 2565 ททท.วางเป้าดึงเม็ดเงินการท่องเที่ยวทั้งหมด 1.07 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวรวม 17.5 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40% คือ 7 ล้านคน เห็นได้ว่าปีนี้ภาคท่องเที่ยวไทยจะยังต้องพึ่งพิงชาวไทยเที่ยวในประเทศเสียส่วนใหญ่
ปัจจัยลบอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบโดยตรงคือ “สงครามรัสเซีย–ยูเครน” เนื่องจากปกตินักท่องเที่ยวรัสเซียอยู่ในกลุ่ม Top 5 ของไทย และสงครามยังมีผลต่อราคาน้ำมันที่กระทบโดยอ้อมต่อนักท่องเที่ยวยุโรปด้วย
“กลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซียนั้นตอนแรกเหมือนจะไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้เริ่มมีแล้ว เพราะมีการปิดช่องทางชำระเงินสากล และสายการบินที่บินตรงกรุงเทพฯ-มอสโกตอนนี้เหลือแค่การบินไทย” สมฤดีกล่าว “อีกส่วนหนึ่งที่กระทบคือราคาน้ำมันสูง ทำให้ตั๋วเครื่องบินแพง จนนักท่องเที่ยวตลาดยุโรปจะเบนเข็มไปที่ที่ใกล้กว่า เช่น ตุรกี แต่เราก็มีตลาดอื่นทดแทน เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง มีความต้องการเข้าไทยมาก และเป็นกลุ่มที่พร้อมด้านการเงิน”
รอปลดล็อกยกเลิกการตรวจ COVID-19
อีกประเด็นที่ยังเป็นข้อติดขัดทำให้ประเทศไทยยังแข่งขันยากในตลาดโลก คือ ขั้นตอนการตรวจหาเชื้อโรค COVID-19 ก่อนเข้าประเทศ ในขณะที่บางประเทศปลดล็อกไปแล้ว เช่น มัลดีฟส์ , ดูไบ (UAE) โดยวันที่ 1 เมษายน 2565 ไทยเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นโดยยกเลิกการตรวจ RT-PCR จากประเทศต้นทาง แต่ยังต้องตรวจเมื่อเดินทางมาถึง ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ต่างชาติยังไม่ต้องการเดินทางมาประเทศไทย เพราะยังต้องเสียเวลาการรอคอยผลตรวจในโรงแรมที่พัก รวมถึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
“วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวเสริมว่า ประเทศไทยเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่แล้ว เพียงแต่ยังต้องรอมาตรการที่พร้อมต้อนรับ
“นักท่องเที่ยวต่างชาติรอเข้ามาอีกเยอะ เพียงแต่ว่านักท่องเที่ยวก็ต้องการประสบการณ์โดยรวมที่ดีที่สุดจากประเทศที่เขาเลือกไป เวลาทุกนาทีที่เข้ามาท่องเที่ยว เขาต้องการให้เป็นเวลาที่มีคุณค่า ถ้าหากเราพร้อมเมื่อไหร่จะมีดีมานด์ขนาดใหญ่รออยู่แน่นอน” วัลลภากล่าว
ทั้งนี้ สมฤดีระบุว่า ททท. ได้ยื่นข้อเสนอให้ ศบค. ยกเลิกทั้งระบบ Thailand Pass, Test & Go และ Sandbox ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศสามารถเข้าประเทศได้ในแบบเดียวกับช่วงก่อนปี 2563 โดยเสนอให้ยกเลิกตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 หาก ศบค. ตอบรับข้อเสนอนี้ก็จะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัวอย่างชัดเจน
AWC คาดอัตราเข้าพักขึ้นไปแตะ 50%
ด้านการดำเนินการของเครือโรงแรม AWC ซึ่งมีพอร์ตโรงแรม 19 แห่ง รวมห้องพัก 5,201 ห้อง ใน 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ กระบี่ ภูเก็ต เกาะสมุย หัวหิน เชียงใหม่ มองเช่นกันว่าปีนี้จะเป็นปีที่กระเตื้องขึ้นของบริษัท
วัลลภาฉายภาพย้อนหลังว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เครือโรงแรม AWC มีอัตราเข้าพักที่ดีขึ้น โดยขึ้นไปพีคที่เดือนธันวาคม 2564 มีอัตราเข้าพัก 38% ก่อนจะกระทบจากไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้เดือนมกราคม 2565 ลดลงมาบ้างที่ 30% แต่จากนั้นปรับเป็นขาขึ้นมาตลอด
คาดการณ์ว่าตลอดปี 2565 อัตราเข้าพักจะอยู่ระหว่าง 30-50% แต่เชื่อว่าปี 2566 น่าจะเป็นปีที่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนกว่าของธุรกิจโรงแรม ทั้งนี้ อัตราเข้าพักของโรงแรมเครือ AWC เมื่อเดือนมกราคม 2563 ก่อนเกิดโรคระบาด เคยสูงถึง 78%
ด้านการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเครือ AWC วัดจากช่วงไตรมาส 4/64 ตลาดคีย์หลักอย่าง “ภูเก็ต” มีต่างชาติเข้าพักเพิ่ม 8 เท่า โดยเพิ่มสัดส่วนจาก 8% ในปีก่อนหน้าเป็น 66% ด้านตลาด “กรุงเทพฯ” ก็ปรับเพิ่ม 1.8 เท่า เช่นเดียวกับ “เชียงใหม่” มีต่างชาติพักเพิ่ม 1.8 เท่า สะท้อนให้เห็นว่าการเปิดประเทศสามารถดึงชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวได้
“มีเลีย เชียงใหม่” เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่-ธุรกิจ MICE
วัลลภากล่าวต่อถึงโรงแรมล่าสุดในเครือ AWC ที่เปิดบริการได้แก่ “มีเลีย เชียงใหม่” เริ่มแกรนด์โอเพนนิ่งวันที่ 10 เมษายน 2565 โดยเป็นการรีโนเวตจากโรงแรมเดิม มีห้องพักทั้งหมด 260 ห้อง ใช้เชนโรงแรมมีเลียจากสเปนเป็นผู้บริการ เนื่องจากเชนนี้มีความเชี่ยวชาญด้าน Leisure และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ใช้วัตถุดิบอาหารจากท้องถิ่นจากฟาร์มออร์แกนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโครงการหลวงหรือ Ori9in Farm
โรงแรมนี้เป็นโรงแรม 1 ใน 3 แห่งที่ AWC มีในเชียงใหม่ โดยมีเลีย เชียงใหม่จะเน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความเรียบง่าย แต่ยังแฝงด้วยความสนุกจากรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดของเมือง รวมถึงตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจ MICE จากห้องประชุมที่สามารถปรับเป็นแบบกึ่งกลางแจ้งได้
อีก 2 แห่งในเชียงใหม่ ได้แก่ เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ จะมีการปรับเปลี่ยนแบรนด์เป็นแมริออทในช่วงปลายปีนี้ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กร ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือ อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ซึ่งอยู่ระหว่างรีโนเวตจากโรงแรมแห่งเดิม แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ดั้งเดิมที่สื่อถึงมาตรฐานและความละเอียดในงานบริการ จะดึงดูดทั้งกลุ่มท่องเที่ยวและลูกค้าองค์กรได้
สมฤดีกล่าวถึงจังหวัดเชียงใหม่ว่า ปีนี้ ททท. คาดว่าเชียงใหม่จะดึงเม็ดเงินธุรกิจท่องเที่ยวได้ราว 5.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นครึ่งหนึ่งของที่ทำได้ในปี 2562
โดยขณะนี้ ททท. กำลังมุ่งต่อยอดชื่อเสียงของเชียงใหม่ในกลุ่ม “ดิจิทัล โนแมด” ซึ่งยกให้เชียงใหม่เป็นจุดหมายอันดับ 25 ของโลกที่ดิจิทัล โนแมดชื่นชอบ และมองว่าจะเลือกดึงดิจิทัล โนแมดจากสหรัฐฯ เข้ามาเป็นหลัก เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีกำลังซื้อ นอกจากนี้ การเจาะกลุ่มโนแมดยังทำให้ได้นักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์เพิ่มขึ้นด้วย