เปิดเบื้องหลัง “วิตอะเดย์ ชานมไต้หวัน” กับโจทย์ใหญ่ ดื่มชานมได้ทุกวันแบบไม่รู้สึกผิด

เป็นกระแสฮือฮาอยู่พักใหญ่ สำหรับ “วิตอะเดย์ กลิ่นชานมไต้หวัน” ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ในการเนรมิตน้ำดื่มวิตามิน ผสมกับชานมไข่มุก เป็นเทรนด์ฮิตสำหรับคนไทย แต่ทำอย่างไรให้คนดื่มได้แบบไม่รู้สึกผิด แถมยังได้ประโยชน์จากวิตามินอีกด้วย ตอนนี้พบว่าสินค้าขาดตลาด กลายเป็นแรร์ ไอเท็มไปแล้ว

น้ำดื่มวิตามิน ตลาดสุขภาพที่ใครๆ ก็อยากเล่น

เทรนด์ในการดูแลสุขภาพของคนไทยยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และยังเห็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจัยของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ตลาดกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มมีความคึกคัก ต่างออกสินค้าใหม่ที่ช่วงเสริมสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น

หนึ่งในเทรนด์ยอดนิยมก็คือ “น้ำดื่มวิตามิน” หรือวิตามิน วอเตอร์ กลายเป็นกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตสูง ที่มาพร้อมกับผู้เล่นในตลาดมากหน้าหลายตา มีทั้งผู้เล่นในตลาดเครื่องดื่มรายใหญ่ ไปจนถึงรายใหม่ๆ ที่ขอมาเปิดตลาดกับเขาบ้าง

น้ำดื่มวิตามินในตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำที่ผสมกับวิตามินต่างๆ ที่นิยมก็จะเป็นวิตามินบี และวิตามินซี พร้อมกับใส่รสชาติ หรือกลิ่นเพื่อให้ดื่มง่าย แรกเริ่มเดิมทีตลาดนี้มีผู้บุกเบิกก็คือ “ยันฮี วิตามินวอเตอร์” เรียกว่าเป็นรายแรกๆ ในตลาด เริ่มจากเป็นเครื่องดื่มสำหรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลยันฮี จากนั้นเริ่มออกสู่ตลาดแมสในการจำหน่ายในร้านค้าทั่วไป

ทำให้หลังจากนั้นเริ่มมีแบรนด์ใหม่ๆ ผุดขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง วิตอะเดย์, อิชิตัน, เจเล่, บลู, เพอร์ร่า, Dr.Drink, แมนซั่ม รวมไปถึงวิตมอร์สจาก คิงเพาเวอร์ ก็ลงมาเล่นตลาดนี้ด้วย ในช่วงหลัง “ทรู” ก็ลงมาจับตลาดด้วยเช่นกัน

วิตอะเดย์ (VITADAY) เป็นแบรนด์แรกๆ ที่จับเทรนด์น้ำดื่มวิตามินต่อจากยันฮี ได้แจ้งเกิดในช่วง COVID-19 ระบาดในช่วงแรก ได้ออก วิตอะเดย์ วิตามินวอเตอร์ น้ำดื่มวิตามินบีรวม 100% 7 ชนิด ประกอบด้วย วิตามิน B1, B3, B5, B6, B7, B9, B12 จากนั้นเริ่มเพิ่มรสชาติ และขยายสู่น้ำดื่มผสมวิตามินซี

ต้องเกริ่นก่อนว่า ก่อนที่น้ำดื่มวิตามินจะเป็นที่นิยม ในตลาดน้ำดื่มได้มีเทรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ส่วนใหญ่เป็นเทรนด์ดูแลสุขภาพ มีน้ำดื่มที่น้ำตาลน้อยลง แคลอรีน้อยลง ไปจนถึงฟังก์ชันอลดริ้งก์ที่มีส่วนผสมต่างๆ ช่วยเรื่องผิว การขับถ่าย บำรุงสมอง และอื่นๆ มากมาย

แต่ที่น้ำดื่มวิตามินได้รับความนิยม เนื่องจากผู้บริโภคหันมาดื่มน้ำดื่มที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น งดพวกน้ำหวาน น้ำวิตามินเข้ามาตอบโจทย์คนที่ดื่มน้ำเปล่า แต่ทำให้มีรสชาติ แล้วชูจุดขายด้วยการผสมวิตามินต่างๆ

จับเทรนด์ฮิต ชานม x น้ำวิตามิน

จุดขายหลักของน้ำดื่มวิตามินก็คือ การมีรสชาติที่หลากหลาย แต่น้ำตาลน้อย แคลอรีต่ำ หรือบ้างเจ้าอาจจะไม่ใส่น้ำตาลเลยก็ได้ ส่วนใหญ่จะใส่กลิ่น หรือรสชาติผลไม้ และสมุนไพร เพื่อความสดชื่น และสื่อถึงการดูแลสุขภาพ

ปีที่ผ่านมาวิตอะเดย์มีน้ำดื่มวิตามินในพอร์ต 4 ตัว ได้แก่ น้ำดื่มผสมวิตามินบี 1 ตัว, น้ำดื่มผสมวิตามินซี 2 รสชาติ ได้แก่ พีช และเลมอน และน้ำดื่มผสมคอลลาเจน

ในปีนี้วิตอะเดย์ได้เปิดสินค้าใหม่พร้อมกัน 2 ตัว ได้แก่ วิตอะเดย์ เฮอร์เบิล วอเตอร์ น้ำสมุนไพรสกัดผสมวิตามินซีสูง 200% น้ำสมุนไพรสกัดจากธรรมชาติพร้อมวิตามินซี 200% และที่สร้างความฮือฮาก็คือ วิตอะเดย์ น้ำวิตามินบีรวม กลิ่นชานมไต้หวัน เริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

แต่หลังจากที่วางจำหน่ายก็เกิดกระแสตามล่า หรือตามเหมาหมดตู้ จนตอนนี้เกิดกระแสสินค้าขาดตลาด เพราะต้องบอกว่าคนไทยมีความเป็นทาสชานมไข่มุกอยู่แล้ว เมื่อมีสินค้าใหม่ก็เกิดการอยากลอง รวมไปถึงวิตอะเดย์ ชานมไต้หวัน มีความคล้ายคลึงกับ “น้ำชานมใส” จากค่าย Suntory เป็นสินค้าที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ก็เป็นกระแสในประเทศไทยอยู่พักหนึ่งเช่นกัน

Photo : japan-guides.blogspot.com

ตัวสินค้าเองก็ชูว่าไม่มีน้ำตาล, ไม่มีแคลอรี, ไม่มีโซเดียม พร้อมมีกลิ่นชานมไต้หวัน หลายคนได้ทานจะรู้สึกเหมือนได้ทานชานมจริงๆ แต่ไม่ทำลายสุขภาพ ซึ่งทางบริษัทได้พัฒนาจาก Pain Point ของผู้บริโภค ที่ชอบทานชานมไข่มุกแต่ก็มีความรู้สึกผิด กลัวอ้วน

ประกอบกับราคาขาย 17 บาท ถือว่าถูกกว่าราคาชานมไข่มุกในตลาดอีกด้วย

พงศกร พงษ์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ จำกัด กล่าวว่า

“ในปี 2564 ที่ผ่านมา ตลาดน้ำดื่มวิตามิน มีมูลค่าสูงถึง 2,412 ล้านบาท เติบโตทั้งในเชิงมูลค่าและเชิงปริมาณ จากกระแสการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 เป็นตัวเร่งทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จึงทำให้น้ำดื่มวิตามิน เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ผู้บริโภคมองหาเพื่อตอบโจทย์เรื่องในการดูแลสุภาพ รวมถึงมีผู้เล่นในตลาดออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ ส่งผลให้ตลาดน้ำดื่มวิตามินมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

หลักในการพัฒนาสินค้าของวิตอะเดย์ จะมาจากอินไซต์ของผู้บริโภค พบว่าในตลาดน้ำวิตามินมีแต่รสชาติเดิมๆ ในแง่การตลาดอยากได้สินค้าใหม่ ที่ผ่านมาก็มีกระแสของชานมไข่มุกเยอะมาก แต่หลายคนที่ทานยังรู้สึกผิด กลัวอ้วน เลยมาคิดว่าถ้ามีสินค้าตอบโจทย์สุขภาพ เอามาแมทช์กับน้ำวิตามินได้ก็ดี วิตอะเดย์เลยออกเป็นซีรีส์วิตามินบี กลิ่นชานมไต้หวัน ยังตอบโจทย์สุขภาพได้ดีอยู่

หลายคนมองว่าจะคล้ายกับสินค้าที่ญี่ปุ่น แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว เพราะวิตอะเดย์พัฒนาด้วยฐานของความเป็นน้ำวิตามิน ในเวลาในการพัฒนาอยู่ประมาณหนึ่ง โจทย์หลักก็คือ อยากให้คนที่ดื่มชานมดูแลสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งการออกสินค้าตัวนี้ ยังได้ขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มใหม่ๆ เป็นกลุ่มวัยรุ่น คนรุ่นใหม่มากขึ้น

เรียกว่าเป็นการจับฐานทั้งกลุ่มคนรักชานมไข่มุก กับคนที่ดื่มน้ำวิตามินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สามารถสร้างสีสันใหม่ๆ ให้ตลาดได้

ส่วนสินค้าอีกตัว วิตอะเดย์ เฮอร์เบิล วอเตอร์ น้ำสมุนไพรสกัดผสมวิตามินซีสูง 200% เป็นการต่อยอดจากเทรนด์การเติบโตของเครื่องดื่มสมุนไพร ปัจจุบันจะเห็นเป็นในรูปแบบช็อตขวดเล็กๆ เป็นส่วนใหญ่ จึงพัฒนาสูตรน้ำสมุนไพรสกัดผสมวิตามิน ให้ความรู้สึกคล้ายเครื่องดื่ม Welcome Drink ตามโรงแรมใหญ่ๆ

ปีนี้สนุก หลายเจ้ากลับมาบุกตลาด

แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดน้ำดื่มวิตามินจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงก็จริง แต่ในปี 2564 ตลาดก็ยังมีการเติบโต แต่แบรนด์ต่างๆ ได้ชะลอการลงทุน ไม่ค่อยมีกิจกรรมการตลาดมากนัก เพราะมีมาตรการล็อกดาวน์ค่อนข้างนาน บวกกับกำลังซื้อผู้บริโภคหดตัวอย่างรุนแรง

มีการประเมินว่าในปี 2565 ตลาดจะกลับมาคึกคัก ผู้เล่นในตลาดจะกลับมาลงทุนมากขึ้น ทั้งในแง่ของการออกสินค้าใหม่ๆ ทำโปรโมชัน และทำการตลาด ในปีนี้วิตอะเดย์ก็กลับมาลงทุนมากขึ้นเช่นกัน ทั้งเปิดตัวสินค้าใหม่ และมีการทำภาพยนตร์โฆษณาอีกครั้ง หลังจากชะลอไปในปีที่แล้ว

“ภาพรวมตลาดน้ำดื่มวิตามินปีที่ผ่านมามีมูลค่า 2,400 ล้านบาท มีคู่แข่งเยอะมาก แต่ในปีที่แล้วมีการทำตลาดไม่หวือหวา เพราะมาตรการล็อกดาวน์ กำลังซื้อชะงัก พยายามทำตลาดเฉพาะกลุ่ม ในปีนี้จะเริ่มเห็นเจ้าใหญ่ทำตลาดมากขึ้น ตลาดจะเติบโตกว่าปีก่อน แต่อาจจะได้เห็นเจ้าเล็กๆ ล้มหายตายจาก เหลือแต่เจ้าใหญ่ๆ” 

ครองบัลลังก์เบอร์ 1 น้ำวิตามิน

จากตลาดน้ำวิตามินในปี 2564 มีมูลค่ารวม 2,400 ล้านบาท วิตอะเดย์สามารถไต่ขึ้นมาครองเบอร์ 1 ได้แล้ว ด้วยส่วนแบ่งตลาด 35% รองลงมาคือ ยันฮี 32% และ บลู 9.0% (อ้างอิงข้อมูลจาก Nielsen IQ : Retail Index ก.พ. 2565)

ต้องบอกว่าถ้าเทียบในตลาดแล้ว วิตอะเดย์ถือว่าเป็นน้องใหม่ที่ทำตลาดได้ราวๆ 2 ปี เทียบกับแชมป์เก่าอย่างยันฮีที่ทำตลาดมาราว 7 ปี ถือว่าใช้เวลาไม่นานในการขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ถ้าดูภาพรวมในตลาดแล้วก็ถือว่าวิตอะเดย์ค่อนข้างที่จะแอคทีฟในการออกสินค้าใหม่ๆ มากที่สุดด้วยเช่นกัน พร้อมกับมีแพ็คไซส์ขนาดเล็ก 330 มล. เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ทำให้เป็นการกระตุ้นตลาดไปในตัว

ต้องจับตาดูตลาดน้ำดื่มวิตามินในปีนี้ น่าจะมีความสนุกไม่แพ้ตลาดอื่นๆ ที่กลับมาทุ่มทำการตลาด และโปรโมชั่นอย่างแน่นอน

อีกทั้งปัจจุบันผู้บริโภคได้มี Perception ต่อน้ำดื่มวิตามินที่ดีขึ้น หลายคนมองว่าเป็นน้ำที่ดื่มได้ตลอดทั้งวัน ไม่ใช่แค่ฟังก์ชันนอลดริ้งก์ เพราะหลายคนอยากสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น ดูแลสุขภาพมากขึ้น เป็นเหมือนน้ำเปล่าที่มีรสชาติ และยังมีผลพลอยได้เรื่องวิตามินเพิ่มเติม