บริษัท โกลัค จำกัด – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 05 Jun 2024 12:49:17 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ซับเวย์” เปิดสาขาแบบ “Ghost Kitchen” ตอบโจทย์เดลิเวอรี ดึงพรีเซ็นเตอร์เกาหลี “ชาอึนอู” หนุนการตลาดในไทย https://positioningmag.com/1476665 Wed, 05 Jun 2024 10:18:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1476665 เมื่อ 2 เดือนก่อนทาง บริษัท โกลัค จำกัด ประกาศแผนธุรกิจการรับสิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ร้าน “ซับเวย์” (Subway) แต่เพียงผู้เดียวในไทย และตั้งเป้าจะขยายสาขาปีละ 50 สาขาในอีก 10 ปีข้างหน้าไปแล้ว เหลือเพียงรายละเอียดว่าจะเป็นที่ไหน และจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาบ้าง

ล่าสุด “เพชรัตน์ อุทัยสาง” กรรมการผู้จัดการของโกลัค เล่าถึงความคืบหน้าว่า เดือนกรกฎาคมนี้ “ซับเวย์” สาขาแรกที่เปิดภายใต้การบริหารของโกลัคจะให้บริการที่สาขา “CW Tower” ถ.รัชดาภิเษก เป็นสาขาแรก และมีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูสดใสขึ้นภายใต้ธีม “Fresh Forward 2.0”

ส่วนการเปิดสาขาใหม่อื่นๆ ในปี 2567 จะมาแน่ๆ “25 สาขา” รวมถึงสาขาไดรฟ์ทรูที่ปั๊ม PT นครชัยศรี กำลังก่อสร้าง เตรียมเปิดให้บริการเดือนพฤศจิกายนนี้

 

Ghost Kitchen เพื่อส่งเดลิเวอรีโดยเฉพาะ

เพชรัตน์ยังแนะนำโมเดลแบบใหม่ของซับเวย์ที่จะเกิดขึ้นในไทยด้วย นั่นคือโมเดล “Ghost Kitchen” ลักษณะเป็นสาขาสำหรับป้อนตลาด “เดลิเวอรี” กับ “สั่งแล้วมารับ” (Order & Pick-up) เท่านั้น

ซับเวย์

เหตุที่มาเน้นสาขาเพื่อส่งเดลิเวอรี เพราะซับเวย์พบว่า สัดส่วนยอดขายของร้านมาจากเดลิเวอรีถึง 40% และถ้าจะมัดใจลูกค้าเดลิเวอรี สาขาของซับเวย์ต้องอยู่ห่างจากลูกค้าไม่เกินรัศมี 5 กิโลเมตร เพื่อให้ค่าส่งไม่เกิน 30 บาท ลูกค้าถึงจะยอมกดสั่ง

แต่ถ้าจะรอขยายสาขารูปแบบปกติที่มีที่นั่งจะต้องใช้เงินลงทุนสูงและการหาพื้นที่ก็ไม่ง่าย ทำให้มาลงตัวที่โมเดล Ghost Kitchen ซึ่งลดพื้นที่ร้านและเงินลงทุนลงได้ครึ่งหนึ่ง เหลือใช้พื้นที่แค่ 20-25 ตร.ม. และเงินลงทุน 2.5 ล้านบาทต่อสาขา

เพชรัตน์คาดว่าปีนี้จะเปิดโมเดลแบบ Ghost Kitchen ได้ 3-5 สาขา โดยเล็งทำเลย่าน ถ.สีลม, ถ.สาธุประดิษฐ์, ถ.จันทน์ เพราะเป็นย่านที่อยู่ท่ามกลางตึกออฟฟิศและคอนโดฯ น่าจะมีลูกค้าสั่งเดลิเวอรีสูง

 

ดึง “ชาอึนอู” ทำแคมเปญในไทย

ระหว่างที่รอสาขาแรกสร้างเสร็จ ทางโกลัคก็ไม่ได้รอช้าในการทำการตลาด โดยมีการดึง “ชาอึนอู” ซึ่งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ “ซับเวย์” ในระดับเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) มาขึ้นป้ายทำแคมเปญในไทยด้วย โดยทุ่มงบลงทุนถึง 30 ล้านบาท

“Subway Pop-up Store @ AIS SIAM”

แคมเปญของซับเวย์ไทยกับชาอึนอูจะเน้นสร้างการรับรู้แบรนด์ โดยมีโปรเจ็กต์ร่วมกับ AIS ตั้ง “Subway Pop-up Store @ AIS SIAM” กลางแหล่งวัยรุ่นสยามสแควร์ และสาขานี้จะเป็นสาขาพิเศษที่มี “สแตนดี้” ของชาอึนอูให้แฟนๆ ได้มาถ่ายรูปคู่

ส่วนแคมเปญทั่วประเทศกับซับเวย์ทั้ง 148 สาขา ลูกค้าสามารถซื้อสินค้ามูลค่าเท่าไหร่ก็ได้แล้วสแกน QR CODE ในใบเสร็จเพื่อตอบแบบสอบถามง่ายๆ จากนั้นรับสิทธิโหลดดิจิทัล วอลเปเปอร์ชาอึนอูไปได้เลย โดยมีทั้งหมด 4 แบบให้สะสม เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม – 28 มิถุนายน 2567

ซับเวย์ ชาอึนอู
เพชรัตน์ อุทัยสาง กับสแตนดี้ชาอึนอู แบรนด์แอมบาสเดอร์ของซับเวย์

เนื่องจากชาอึนอูจะหมดสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้ซับเวย์วันที่ 28 มิถุนายนนี้ ทำให้เป็นแคมเปญระยะสั้นในเมืองไทย แต่เพชรัตน์แย้มว่าปีหน้าซับเวย์จะมีการทำแคมเปญแบบ “Soft Power” กับช่องโทรทัศน์/ผู้ผลิตซีรีส์ในไทย เพื่อทำให้ชื่อ “ซับเวย์” ติดหูคนไทยมากกว่านี้

นอกจากนี้ ซับเวย์จะเริ่มใช้ประโยชน์จากการอยู่ภายใต้อาณาจักร “PTG” ด้วยโปรโมชันพิเศษร่วมกับ PT Max Card ใช้คะแนน Max Point มาแลกซื้อสินค้าราคาพิเศษที่ซับเวย์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. – 31 ก.ค. 67 ซึ่งจะทำให้ซับเวย์ได้ฐานลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาลองชิมสินค้ามากขึ้น

]]>
1476665
“ซับเวย์” เปลี่ยนสู่มือ “พีทีจี” ตั้งเป้าขยาย 500 สาขาใน 10 ปี เปิดโมเดล “ไดรฟ์ทรู” ที่ปั๊มพีที นครชัยศรี https://positioningmag.com/1471172 Thu, 25 Apr 2024 10:41:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471172
  • “ซับเวย์” (Subway) ในไทยเปลี่ยนมืออีกครั้งหลัง “โกลัค” ได้สิทธิบริหารมาสเตอร์แฟรนไชส์ โดยบริษัทนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างยักษ์พลังงาน “พีทีจี” กับ “เพชรัตน์ อุทัยสาง”​ ผู้บริหารมือเก๋าในวงการ QSR
  • ปัจจุบันซับเวย์ในไทยมีอยู่ 148 สาขา โกลัคจะลงทุนเพิ่มปีละ 50 สาขา รวม 10 ปี 500 สาขา และจะเป็น Top 3 ในธุรกิจ QSR เมืองไทยภายใน 3 ปี
  • โมเดลร้านแบบใหม่จะเปิดร้านแบบ “ไดรฟ์ทรู” ที่ปั๊มพีที นครชัยศรี ภายในไตรมาส 4
  • “บริษัท โกลัค จำกัด” ประกาศได้สิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์แต่เพียงผู้เดียวของแบรนด์ร้าน “ซับเวย์” (Subway) ในไทยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 โดยบริษัทนี้เป็นบริษัทร่วมทุนของยักษ์ใหญ่พลังงานอย่าง “บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี” (PTG) ถือหุ้น 70% กับ “เพชรัตน์ อุทัยสาง” ถือหุ้น 30% (รวมทั้งในนามบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล)

    (ซ้าย) “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี และ (ขวา) “เพชรัตน์ อุทัยสาง” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลัค จำกัด

    “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี กล่าวว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) คือ 1 ใน 8 ธุรกิจหลักที่บริษัทจะเข้าลงทุนตามแผนการกระจายพอร์ตโฟลิโอ (Diversify) โดยพีทีจีมี F&B ที่เป็นเรือธงอยู่แล้วอย่าง “กาแฟพันธุ์ไทย” ที่ขยายไปกว่า 800 สาขาทั่วประเทศ การได้สิทธิร้าน “ซับเวย์” เข้ามาในพอร์ตจะเป็นจุดเริ่มต้นความเปลี่ยนแปลงในการขยายพอร์ตธุรกิจนี้ให้กว้างขึ้น โดยจะใช้โกลัคเป็นบริษัทที่คว้าสิทธิการบริหาร F&B แบรนด์อื่นๆ เข้ามาอีกในอนาคต

    ปัจจุบันธุรกิจกลุ่มที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) คิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ในรายได้รวมของพีทีจี พิทักษ์กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายจะทำให้สัดส่วนกลุ่มนี้ขึ้นไปแตะ 40-50% ภายในปี 2570

     

    โหมขยาย 500 สาขา “ซับเวย์” ภายใน 10 ปี

    “เพชรัตน์ อุทัยสาง” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลัค จำกัด กล่าวต่อถึงเป้าหมายของ “ซับเวย์” ในไทยภายใต้การบริหารของโกลัค จะมีการขยายสาขารวม 500 สาขาภายใน 10 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 50 สาขา โดยใช้งบลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 4-5 ล้านบาท

    จากเป้าหมายดังกล่าว เชื่อว่าซับเวย์จะได้ขึ้นเป็น Top 3 ร้านอาหารประเภทจานด่วน หรือ QSR (Quick Service Restaurant) ในไทยภายใน 3 ปี โดยวัดทั้งจากด้านรายได้และจำนวนสาขา

    หากวัดจากจำนวนสาขา Positioning พบว่าถ้าซับเวย์ขยายได้ตามเป้า อนาคตจะเป็นรองแค่เพียง “KFC” ที่เปิดไปมากกว่า 1,000 สาขา (*รวมสิทธิแฟรนไชส์ของทุกบริษัท) และ “แมคโดนัลด์” ซึ่งมีกว่า 220 สาขาในปัจจุบัน

    ซับเวย์
    ตัวอย่างเมนูแซนด์วิชของซับเวย์

    เพชรัตน์กล่าวต่อว่า แผนการเปิดสาขาจะมีการขยายไปทุกจุดที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงพยาบาล สนามบิน ตึกสำนักงาน และสถานีน้ำมัน ซึ่งกรณีสาขาในปั๊มน้ำมันจะไม่มีการจำกัดโอกาสเรื่องที่ตั้ง สามารถเปิดในปั๊มน้ำมันได้ทุกแบรนด์

    นอกจากสถานที่ตั้งแล้ว เพชรัตน์มองว่าซับเวย์จะต้องเจาะตลาดต่างจังหวัดให้มากกว่าเดิม โดยวางเป้าจะบุกตลาดเมืองท่องเที่ยวและหัวเมืองการศึกษาเป็นหลัก เช่น ภูเก็ต เมืองพัทยา ขอนแก่น เชียงใหม่

    ซับเวย์ ภายใต้โกลัคจะเริ่มเปิดสาขาแรกเดือนมิถุนายนนี้ และจะมีโมเดลใหม่เกิดขึ้นช่วงไตรมาส 4 เป็นร้านแบบ “ไดรฟ์ทรู” ครั้งแรกในไทยของซับเวย์ ซึ่งจะเปิดทำการที่ “ปั๊มพีที นครชัยศรี”

    สำหรับสาขาเดิมของซับเวย์ในไทยมีทั้งหมด 148 สาขา ซึ่งโกลัคจะได้สิทธิเฉพาะการเก็บค่าบริหารแฟรนไชส์ ขณะที่รายได้เต็มจากยอดขายอาหารจะมาจากสาขาใหม่ที่โกลัคเป็นผู้ลงทุนเปิดเองเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้เฉลี่ยปีละ 10 ล้านบาทต่อสาขา (*สำหรับสาขาขนาดมาตรฐาน 50 ตร.ม.)

     

    อยู่มานาน 2 ทศวรรษแต่ยังไม่ปัง

    ประวัติการโลดแล่นของ “ซับเวย์” ในประเทศไทยผ่านความเปลี่ยนแปลงมามาก เพราะแบรนด์นี้เข้ามาเปิดในไทยตั้งแต่ปี 2546 แต่ช่วงเริ่มต้น Subway International บริษัทแม่ของซับเวย์ในสหรัฐฯ เลือกบริหารโดยให้สิทธิแฟรนไชส์ในไทยแยกเป็นหลายบริษัท รวมแล้วเคยมีผู้ได้รับสิทธิพร้อมกันกว่า 20 บริษัท ต่างคนต่างบริหารสาขาในมือตามเขตที่ได้รับสิทธิมา

    ด้วยเหตุที่เคยมีหลายบริษัทถือสิทธิ ซับเวย์จึงไม่ค่อยได้ทำการตลาดเพราะไม่มี ‘เจ้ามือ’ ที่แน่ชัด ทำให้กลุ่มลูกค้าหลักมักจะเป็นชาวต่างชาติที่รู้จักแบรนด์นี้อยู่แล้วมากกว่าคนไทย

    จนกระทั่งปี 2562 มี “บริษัท อะเบาท์ แพสชั่น กรุ๊ป จำกัด” ที่ร้องขอจนได้รับโอกาสจากบริษัทแม่ให้ถือสิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ในไทย ทำให้ซับเวย์มีการทำการตลาดถึงคนไทยมากขึ้น และมีการขยายสาขาเข้าพื้นที่คนไทย เช่น ปั๊มน้ำมัน

    แต่เมื่อต้นปี 2567 นี้เอง “เพชรัตน์” ระบุว่า ทาง Subway International มีการเปิดเฟ้นหาผู้รับสิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์รายใหม่ในไทย จึงทำให้ “โกลัค” เห็นโอกาสเข้าไปเสนอแผนและสิทธิได้เปลี่ยนมือมาสู่กลุ่มพีทีจี

     

    ยังต้องแก้โจทย์เดิมคือ “สั่งยาก” – “ราคาสูง”

    เพชรัตน์มองว่า ที่จริงแล้วซับเวย์มีจุดแข็งที่ชัดเจน คือการเป็น QSR ที่เหมาะกับ “สุขภาพ” มากที่สุด ด้วยเมนูอาหารมีผักสดให้เลือกหลากหลาย และใช้ขนมปังอบสดใหม่ในร้าน

    ซับเวย์

    เพียงแต่ว่าจุดอ่อนก็มีไม่น้อย จากการวิจัยผู้บริโภคพบว่าส่วนใหญ่รู้สึกว่าร้านซับเวย์ “สั่งยาก” จากการที่ต้องเลือกทั้งชนิดขนมปัง เลือกไส้ เลือกผัก เลือกซอส รวมถึงผู้บริโภคมองว่า “ราคา” ยังแพงกว่าถ้าเทียบกับ QSR แบรนด์อื่น

    ทั้งหมดคือโจทย์ที่ซับเวย์ในไทยจะต้องแก้โจทย์ต่อไป โดยเพชรัตน์วางแผนแก้ไขเรื่องการสั่งอาหารด้วยการจัด “เมนูยอดฮิต” ให้ลูกค้าสั่งได้โดยไม่ต้องเลือกส่วนประกอบต่างๆ เพราะซับเวย์จัดไว้ให้แล้ว รวมถึงจะเริ่มลงระบบ “สั่งอาหารด้วยตนเอง” (Self-Order) ไม่ว่าจะสั่งผ่าน Kiosk หรือผ่าน QR CODE บนมือถือ เพื่อให้ลูกค้าสบายใจขึ้นในการใช้เวลาเลือกและไม่ต้องห่วงว่าจะอ่านออกเสียงชื่อเมนูหรือซอสต่างๆ ผิด

    ส่วนปัญหา “ราคา” เพชรัตน์กล่าวว่าจะแก้โจทย์นี้แน่นอน ขณะนี้กำลังพิจารณาแนวทางต่างๆ เช่น ลดไซส์ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาชิมง่ายขึ้น หรือ พัฒนาเมนูที่ต้นทุนต่ำลง เพื่อทำราคาให้แข่งขันกับ QSR อื่นได้

    การเปลี่ยนมือครั้งนี้ของสิทธิแฟรนไชส์ “ซับเวย์” เป็นการย้ายเข้ามาอยู่ใต้ร่มหลังคาบ้านขนาดใหญ่ จากเครือข่ายของพีทีจีที่มีสมาชิกบัตร PT Max Card มากกว่า 21 ล้านสมาชิก และมีเครือข่ายสถานีน้ำมันมากกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศ น่าจะช่วยให้ซับเวย์มีแต้มต่อมากขึ้นในการเป็น QSR ในดวงใจของคนไทย

    ]]>
    1471172