Disney ประกาศเมื่อวันพุธที่ 3 มีนาคม 2021 ว่าบริษัทจะทยอยปิดสาขาของ Disney Stores สัดส่วน 20% ของทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับไปมุ่งเน้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นหลัก
ดังนั้น สาขาอย่างน้อย 60 สาขาในทวีปอเมริกาเหนือจะปิดตัวลง ก่อนที่จะบริษัทจะทยอยปิดสาขาในทวีปอื่นต่อไป โดยทั่วโลกมี Disney Stores ทั้งหมดประมาณ 300 สาขา
พฤติกรรมผู้บริโภคที่กำลังปรับไปสู่การซื้อสินค้าออนไลน์นั้นถูกเร่งความเร็วขึ้นจากโรคระบาด ข้อมูลจาก IBM ระบุว่า
ความเร็วของการปรับไปสู่การช้อปออนไลน์ภายในปีที่ผ่านมา ถูกเร่งจนเหมือนกับก้าวกระโดดไปสู่อีก 5 ปีข้างหน้าเลยทีเดียว โดยเมื่อปี 2020 อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซโตก้าวกระโดด 32.4% ในปีเดียว มีมูลค่าไปแตะ 7.92 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และตัวเลขนี้จะยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ
ความเคลื่อนไหวของ Disney จึงสอดคล้องกับเทรนด์โลก ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้เปิดเผยว่าการปิดสาขาจะส่งผลกระทบด้านการเงินอย่างไรบ้าง รวมถึงจำนวนพนักงานที่จะถูกเลย์ออฟก็ไม่ได้เปิดเผย แต่จะมีการปลดพนักงานสอดคล้องกับจำนวนสาขาที่ถูกปิด
อย่างไรก็ตาม จำนวนสาขา Disney Stores ดังกล่าวไม่ได้รวมร้านค้าที่อยู่ในสวนสนุก Disney และบูธขายสินค้า
ภายในห้างสรรพสินค้าซึ่งมีกว่า 600 จุดทั่วโลก กลุ่มร้านขายสินค้าออฟไลน์ลักษณะนี้จะไม่มีผลกระทบจากนโยบายมุ่งอีคอมเมิร์ซของบริษัท
นอกจากนี้ หน้าร้านบางประเภทอาจจะยิ่งเติบโตขึ้นด้วย เช่น การตั้ง Disney Stores ขนาดเล็กไว้ในดิสเคานต์สโตร์ Target เพิ่มขึ้นจาก 25 สาขาเมื่อปี 2019 เป็น 50 สาขาในปัจจุบัน
เพื่อให้สอดคล้องกับการลดสาขาออฟไลน์ บริษัทจะพัฒนาเว็บไซต์ ShopDisney ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีสินค้าที่หลากหลายขึ้น ไม่เฉพาะของเล่นแต่ยังมีคอลเลกชันเสื้อผ้าผู้ใหญ่ เสื้อผ้าแบบสตรีทแวร์ สินค้าพรีเมียมตกแต่งบ้าน และกลุ่มของสะสมด้วย ซึ่งจะทำให้ร้านค้า Disney บนโลกออนไลน์เจาะกลุ่มได้กว้างขึ้นในเชิงอายุผู้ซื้อ
]]>Louis Vuitton ภายใต้การบริหารของ LVMH Moet Hennessy มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เเละเป็นเจ้าของเเบรนด์หรูมากมาย อาทิ Christian Dior, Hermès เเละ Tiffany & Co. เป็นต้น
ก่อนการประท้วงใหญ่ในฮ่องกง Louis Vuitton ประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยกระเเสการนิยมซื้อของหรูจากกลุ่มคนมั่งคั่งรุ่นใหม่ในเอเชีย จึงขยายเปิดถึง 8 สาขาเเละมีสาขาใหญ่อยู่ในห้างสรรพสินค้า Times Square มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางฟุต ตั้งอยู่บนหนึ่งในถนนสายหลักที่มีค่าเช่าเเพงที่สุดในโลก
ล่าสุดตามรายงานของ South China Morning Post ระบุว่า Louis Vuitton ตัดสินใจที่จะปิดสาขานี้ลง หลังจาก Wharf Real Estate Investment Corporation บริษัทเจ้าของห้าง Times Square ปฏิเสธคำขอในการ “ลดค่าเช่า” หลังมีการยื่นเจรจาไปก่อนหน้านี้
“เนื่องจาก Times Square ได้ลงนามในข้อตกลงในการรักษาความลับกับผู้เช่าทั้งหมดจึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาการเช่าหรือการจัดการได้”
การปิดตัวของ Louis Vuitton ในฮ่องกงเเห่งนี้ เป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลงอย่างมาก หลังมีการประท้วงต่อต้านรัฐบาลจีนยาวนานต่อเนื่อง เเละการประท้วงดังกล่าวมักเกิดขึ้นในศูนย์การค้าหลายเเห่งในใจกลางเมือง
อีกหนึ่งเเบรนด์หรูรายใหญ่อย่าง Prada ก็วางแผนที่จะปิดสาขาที่พลาซ่า 2000 เช่นกัน เมื่อสัญญาเช่า 9 ล้านเหรียญฮ่องกง (1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ) สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน ปี 2020 นี้
นับเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮ่องกง ชาวเมืองหลายล้านคนพากันเดินขบวนไปตามถนน เเละมีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่บ่อยครั้ง
ทางการฮ่องกงเปิดเผยตัวเลขค้าปลีกล่าสุดว่า เดือนพฤศจิกายนตัวเลขลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 และลดลง 23.6 % จากเดือนเดียวกันปีก่อน
ขณะที่สินค้าหรูอย่างเครื่องประดับ นาฬิกา และของขวัญราคาแพงลดลงมากที่สุดถึง 46 % ด้านการท่องเที่ยว ในเดือนพฤศจิกายน มีผู้คนมาเยือนฮ่องกงเพียง 2.65 ล้านคน ลดลงถึง 56% จากเดือนเดียวกันปีก่อน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งเป็นลูกค้าผู้ซื้อแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุดก็หลีกเลี่ยงการมาเยือนฮ่องกง
ก่อนการประท้วงนี้เเบรนด์ Louis Vuitton เคยวางเเผนว่าจะเปิดตัวสาขาใหม่แห่งที่ 9 ภายในสนามบินนานาชาติฮ่องกงในปี 2021 จากความสำเร็จในสาขาในห้าง Times Square ที่มียอดขายต่อเดือนกว่า 25 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง เเต่กลายเป็นว่าตอนนี้ต้องระงับแผนดังกล่าวเอาไว้ก่อนเเละเตรียมที่จะปิดสาขาที่เคยทำเงินมหาศาลด้วย
]]>