ผู้บริโภคชาวจีน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 08 Jan 2021 13:29:07 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 บริษัท “แบรนด์เนม” ทยอยย้าย “สำนักงาน” จากฮ่องกงไปจีน ทุบซ้ำตลาดออฟฟิศให้เช่า https://positioningmag.com/1313434 Fri, 08 Jan 2021 08:40:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1313434 บริษัทแบรนด์ลักชัวรีตั้งแต่ LVMH จนถึง Versace กำลังทยอยลดจำนวนพนักงานใน “ฮ่องกง” ลงตั้งแต่ปีก่อน เพื่อปรับย้ายสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคไปอยู่ที่ “จีน” แทน เนื่องจากฐานตลาดผู้ซื้อกำลังเติบโต ปัจจัยลบนี้จะยิ่งซ้ำเติมตลาดอาคารสำนักงานในฮ่องกงซึ่งคาดว่าอัตราการเช่าของปี 2021 จะลดลงอีก 5-10%

อาคารสำนักงานให้เช่าในฮ่องกงกำลังทรุดลงต่อเนื่องจากปี 2020 โดยภาคธุรกิจล่าสุดที่กำลังทยอยย้ายออกคือกลุ่มบริษัท “แบรนด์เนม” ระดับโลก ซึ่งต้องการย้ายสำนักงานใหญ่ภูมิภาคออกจากฮ่องกงไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ ใกล้กลุ่มลูกค้าหลักที่กำลังเติบโตสูง

สำนักข่าว South China Morning Post รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า แบรนด์เนมที่กำลังลดจำนวนพนักงานที่ฮ่องกงพร้อมกับเพิ่มทรัพยากรบุคคลในจีน ได้แก่ Versace, Salvatore Ferragamo และเครือยักษ์โลกแฟชั่น LVMH เจ้าของแบรนด์ Louis Vuitton, Bulgari, Fendi, Givenchy และ Celine

แม้แต่บริษัทเครื่องสำอาง L’Oreal ก็กำลังวางแผนลดขนาดออฟฟิศที่ฮ่องกง และจะย้ายสำนักงานใหญ่ภูมิภาคกระจายไปอยู่ที่จีนกับสิงคโปร์แทน ด้านแบรนด์รองเท้าฝรั่งเศส Ash มีแผนจะย้ายสำนักงานไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ส่วนแบรนด์เนมอื่นๆ กำลังรอดูสถานการณ์ความเข้มงวดของการข้ามแดน หากมีการผ่อนคลายขึ้น ก็อาจจะมีการย้ายสำนักงานเช่นกัน

Louis Vuitton เมืองเฉิงตู ประเทศจีน ภาพเมื่อเดือนมี.ค. 2019 (Photo : Shutterstock)

จีนแผ่นดินใหญ่กำลังเพิ่มความสำคัญขึ้นในพอร์ตของเหล่าแบรนด์เนม ทั้งยอดขายและกำไรของแบรนด์แฟชั่นใหญ่ๆ ขึ้นอยู่กับตลาดนี้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังฟื้นตัวอย่างสม่ำเสมอหลังโรคระบาด COVID-19 เพราะนโยบายมุ่งเน้นการบริโภคภายในประเทศของจีนเอง เทียบกับเศรษฐกิจฮ่องกงแล้ว ได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าตั้งแต่ช่วงการประท้วงยาวนานหลายเดือนช่วงครึ่งปีหลังปี 2019 และถูกทุบซ้ำด้วยโรคระบาด COVID-19

Prada เป็นแบรนด์หนึ่งที่ฉายภาพความต่างของสองตลาดนี้ได้ชัดเจน ในช่วงครึ่งปีหลัง 2020 แบรนด์ Prada มียอดขายในจีนพุ่งขึ้นถึง 52% เทียบกับปี 2019 ที่แบรนด์ชิงปิดสาขาแฟลกชิปสโตร์ที่ฮ่องกงไปก่อนแล้ว เนื่องจากมู้ดของผู้บริโภคเป็นเทรนด์ขาลง

“มาริโอ ออร์เตลลี” หุ้นส่วนผู้จัดการที่ Ortelli&Co บริษัทที่ปรึกษาด้านแบรนด์ลักชัวรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสมที่แบรนด์ต่างๆ จะย้ายสำนักงานไปจีนซึ่งตลาดเติบโตแข็งแรง และค่าเช่าออฟฟิศก็ถูกกว่า ขณะที่ในฮ่องกงเริ่มมี expat และบุคลากรที่เป็นกลุ่มทาเลนต์น้อยลง

(Photo : Shutterstock)

นอกจากจีนแล้ว คาดกันว่าอีกหนึ่งประเทศที่จะได้รับอานิสงส์คือ “สิงคโปร์” กรณีที่แบรนด์ต้องการเจาะตลาดที่เล็กกว่าแต่เติบโตได้ดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศ “ออสเตรเลีย” ที่น่าสนใจมากขึ้น

เทรนด์การย้ายออกของสำนักงานใหญ่แบรนด์ลักชัวรีไม่ใช่ข่าวดีของตลาดอาคารสำนักงานฮ่องกง บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ Savills รายงานว่า ปี 2020 ตลาดออฟฟิศเกรดเอของฮ่องกงมีอัตราการเช่าลดลงถึง 17% ต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี หลังจากอัตราการว่างงานพุ่งสูง และจำนวนบริษัทยื่นขอล้มละลายเริ่มสูงขึ้น ส่วนปี 2021 คาดการณ์ว่าออฟฟิศเกรดเอจะมีอัตราการเช่าลดลงอีก 5-10% และราคาเช่าจะลดลงอีก 2-5% ก่อนจะถึงจุดต่ำสุดภายในครึ่งปีแรก 2021

ตลาดสินค้าแบรนด์เนมในฮ่องกงผูกติดอยู่กับการจับจ่ายของกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่อยู่แล้ว เมื่อเผชิญสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 สถานการณ์จึงยิ่งหนักข้อขึ้น และนำไปสู่การย้ายสำนักงาน

Source

]]>
1313434
คนจีนยังรักชาติแรง! เทศกาล “วันคนโสด” งดซื้อแบรนด์อเมริกัน แบรนด์ยุโรปโดนหางเลข https://positioningmag.com/1303493 Wed, 28 Oct 2020 10:54:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1303493 เทศกาลช้อปปิ้ง “วันคนโสด” ปี 2020 ชาวจีน 57% ตั้งใจจะเลี่ยงซื้อแบรนด์อเมริกัน โดยตัวเลขนี้ลดลงมากจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม 39% จะเลี่ยงซื้อแบรนด์ยุโรป ต่างจากปีก่อนที่ชาวจีนยังซื้อสินค้ายุโรปตามปกติ จุดโฟกัสปีนี้คือ “สินค้าลักชัวรี” เพราะคนจีนที่ไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ มีแนวโน้มจะซื้อสินค้ากลุ่มนี้สูงขึ้น

เลือดรักชาติของคนจีนยังแรงอยู่ โดยบริษัท AlixPartners จัดสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคจีน 2,029 คน ก่อนถึง เทศกาลวันคนโสด 11.11 เทศกาลลดราคาช้อปปิ้งออนไลน์ครั้งใหญ่ โดยพบความคิดเห็นที่น่าสนใจดังนี้

  • 66% จะเลือกแบรนด์จีนมากกว่าแบรนด์ต่างชาติ
  • 57% จะลดการซื้อสินค้าแบรนด์อเมริกัน
  • 39% จะลดการซื้อสินค้าแบรนด์ยุโรป
  • 62% ระบุสาเหตุที่เลือกแบรนด์จีนมากกว่าเพราะประเด็น “ชาตินิยม”

เมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจเดียวกันเมื่อปี 2019 ปีก่อนนั้นชาวจีนถึง 78% ตอบว่าจะเลี่ยงการซื้อสินค้าแบรนด์อเมริกัน สะท้อนให้เห็นว่าความรู้สึกต่อต้านอเมริกันในปีนี้ลดลงจากปีก่อน ส่วนแบรนด์ยุโรปเป็นในทางตรงข้าม จากปีก่อนชาวจีนยังคงสนใจแบรนด์ยุโรป ปีนี้กลับมีชาวจีนที่จะเลี่ยงการซื้อถึง 39%

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการเลือกซื้อของคนจีนก็ยังเลือกแบรนด์จีนมากกว่าเหมือนเดิม และเป็นเพราะ “ชาตินิยม” เหมือนกับปีก่อน

ในแง่ของกำลังซื้อ ปีนี้ 39% ของชาวจีนที่สำรวจตอบว่าจะใช้จ่ายมากขึ้นในวันคนโสด ขณะที่มี 15% ที่จะใช้จ่ายน้อยลงเทียบปีก่อน เนื่องจากภาวะโรคระบาด COVID-19 ทำให้กังวลในการใช้จ่าย

“ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สินค้าอเมริกันเคยได้รับความสนใจอย่างสูง” เดวิด การ์ฟิลด์ กรรมการผู้จัดการ AlixPartners กล่าว “แต่ผู้บริโภคจีนเริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าพวกเขาสามารถได้คุณสมบัติสินค้าอย่างเดียวกันในแบรนด์อื่นได้ สิ่งนี้เป็นเหตุผลที่เหนือไปกว่าเรื่องภูมิรัฐศาสตร์หรือผลกระทบจากสงครามการค้า”

Nike เป็นแบรนด์อเมริกันที่บูมมากในจีน เมื่อปี 2018 Nike รายงานยอดขายในจีนเติบโตถึง 21% เทียบกับปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าจับตาของเทศกาล 11.11 ปีนี้คือ “สินค้าลักชัวรี” เพราะตั้งแต่มีการปิดพรมแดนทั่วโลก ชาวจีนไม่สามารถบินออกไปเที่ยวและจับจ่ายสินค้าลักชัวรีนอกประเทศได้ ทำให้ประเทศจีนกลายเป็นตลาดใหญ่ของสินค้าลักชัวรีไปแล้ว โดยกินส่วนแบ่งตลาดถึง 43% รองลงมาคือญี่ปุ่น 30%

ไม่เพียงแต่สินค้าลักชัวรีแบรนด์ตะวันตก แต่การ์ฟิลด์กล่าวว่า แบรนด์ลักชัวรีจีนเองก็พัฒนามากจนต้องจับตามอง โดยยกระดับการทำตลาดให้หรูหราได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ปีนี้ผู้ที่น่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงน่าจะเป็นแบรนด์หรูอเมริกันที่พึ่งพิงชาวจีนมากในระยะหลัง เช่น Tiffany’s

สำหรับยอดใช้จ่ายเฉพาะของชาวจีนในเทศกาล 11.11 วันคนโสด ทำยอดขายไปมากกว่า 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ต้องมาลุ้นกันว่าปีนี้แรงซื้อของคนจีนจะยังไม่ตกหรือเปล่า ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลก

Source

]]>
1303493
ตลาด “ลักชัวรี” จีนฟื้นเร็ว คนรวยแห่ซื้อเเบรนด์เนม ยอดขาย Prada กลับมาโตกว่าปีก่อน COVID-19 https://positioningmag.com/1296739 Sun, 13 Sep 2020 12:01:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1296739 เเม้ว่ากลุ่มสินค้าเเบรนด์หรู จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ยอดขายลดฮวบ โดยคาดว่าทั้งตลาดจะหดตัวกว่า 35% ในปีนี้ เเต่กลุ่มคนมีเงินในตลาดจีนนั้นกลับออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สะท้อนให้เห็นจากยอดขายสินค้าหรูที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในเเดนมังกร

Patrizio Bertelli ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Prada เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เเม้จะต้องเผชิญวิกฤตโรคระบาดอย่างหนักในจีน เเต่ยอดขายของ Prada เพิ่มสูงขึ้นในระดับที่ดีกว่าปีที่แล้ว

ความต้องการสินค้าแบรนด์หรูของผู้บริโภคในจีน กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังเคยลดลงอย่างหนักในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา ตั้งเเต่ช่วงปลายปี 2019 จนเเบรนด์หรูต่างๆ ต้องปิดทำการสาขาชั่วคราว ขณะที่โรงงานที่รับผลิตสินค้าก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

ยอดขายในจีนเริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด มาตั้งแต่ปลายเดือนมี.. และเติบโตด้วยอัตราสูงกว่า 60% ในเดือนต่อๆ มา โดยยอดขายในวันวาเลนไทน์ของจีนซึ่งตรงกับวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ทำสถิติสูงที่สุดตั้งแต่ทำตลาดในจีน และเชื่อว่ากระแสดีมานด์นี้จะต่อเนื่องไปจนสิ้นปี

ตามผลสำรวจของบริษัทวิจัย Bain ระบุว่า ในปี 2019 ชาวจีนซื้อสินค้าหรูถึง 37% ของยอดขายทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อขณะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เเละเมื่อปีนี้ไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ จึงทำให้ชาวจีนหันมาช้อปปิ้งเเบรนด์หรูกันมากขึ้น ทำให้ดีมานด์สินค้าหรูในจีนยังคงสูงต่อเนื่อง 

ยอดขายของ Prada ในช่วงครึ่งปีนี้ ส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถึง 44% สะท้อนการบริโภคของคนรวยชาวเอเชีย เเต่เมื่อดูยอดขายของ Prada ทั่วโลกเเล้วจะพบว่าลดลงถึง 40% เพราะเศรษฐกิจในหลายประเทศยังคงไม่ฟื้นตัวจาก COVID-19 ดังนั้นตลาดลักชัวรีก็ยังคงต้องสู้กันต่อไปอีกยาว

ท่ามกลางยอดขายทั้งตลาดที่มีเเนวโน้มจะลดฮวบในปีนี้ หลายแบรนด์ดำเนินการแก้เกม เช่น ขึ้นราคาสินค้า ออกสินค้าไลน์ใหม่ ใช้สินค้า Collab ที่มีจำนวนจำกัด ดึงลูกค้ากลุ่มแฟนพันธุ์แท้ให้ซื้อต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะต้องลุ้นเทรนด์ ‘Revenge Spending’ ของผู้บริโภคที่จะกลับมาช้อปกระหน่ำด้วยความอัดอั้น และลุ้นให้มีการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น เพื่อให้ยอดซื้อจากคนเดินทางกลับมาอีกครั้ง

อ่านต่อ : พิษไวรัสเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคลักชัวรีจนยอดขายร่วง แบรนด์เร่งหากลยุทธ์แก้เกม

 

ที่มา : Reuters , CNBC

 

]]>
1296739