ผู้ป่วยโควิด – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 10 Nov 2021 09:02:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สิงคโปร์ ใช้ไม้เเข็งเตรียมยกเลิกจ่ายค่ารักษาโควิดฟรี ให้ผู้ป่วยที่เลือกไม่ฉีดวัคซีน https://positioningmag.com/1361321 Wed, 10 Nov 2021 07:27:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1361321 รัฐบาลสิงคโปร์ เตรียมเก็บค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เลือกไม่ฉีดวัคซีน หลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับมาพุ่งสูง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

ปัจจุบัน สิงคโปร์รับผิดชอบค่ารักษาทั้งหมดให้กับผู้ป่วยโควิดทุกคนทั้งชาวสิงคโปร์ ผู้อยู่อาศัยถาวรและผู้ถือวีซ่าระยะยาวในประเทศ ยกเว้นคนที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวกหลังจากกลับจากต่างประเทศได้ไม่นาน

โดยตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม เป็นต้นไป รัฐบาลจะออกกฎใหม่ เริ่มเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยโควิดที่เลือกไม่ฉีดวัคซีนเอง

การเปลี่ยนเเปลงนี้ มาจากการที่ยอดผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเเละมีอาการหนักที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข ที่มีทรัพยากรไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสิงคโปร์จะยังคงจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนหรือมีความจำเป็นที่ฉีดวัคซีนไม่ได้ ส่วนผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 เข็ม รัฐบาลจะออกค่ารักษาพยาบาลให้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม เพื่อให้เวลาในการรับวัคซีนเข็มที่ 2

สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดในโลก โดยประชากรที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีน ฉีดครบโดสไปแล้วถึง 85% เเละส่วนใหญ่เป็นวัคซีนชนิด mRNA

แต่สถานการณ์ปัจจุบัน สิงคโปร์กำลังเผชิญกับยอดติดเชื้อโควิดที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้น เเละเมื่อเดือนที่แล้วมีคำเตือนว่าระบบสาธารณสุขของประเทศ อาจไม่สามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นได้

โดยคำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังจากที่สิงคโปร์ผ่อนคลายมาตรการ ขยายการเดินทางโดยไม่ต้องกักตัวซึ่งเป็นหนึ่งในเเนวทางใหม่เพื่ออยู่ร่วมกับโรคระบาด

Photo: Ministry of Communications and Information / Singapore

นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง เคยกล่าวว่า การที่สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับโลก ทำให้ไม่สามารถปิดประเทศอย่างไม่มีกำหนดได้ ดังนั้น จึงมีการเปลี่ยนจากกลยุทธ์เข้มงวดอย่าง Zero-tolerance ที่ต้องคงล็อกดาวน์และปิดพรมแดนไปจนกว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ มาเป็นการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดเเทน

จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นหลังการผ่อนคลายกฎบางประการ ทำให้สิงคโปร์ต้องระงับการเปิดประเทศในช่วงปลายเดือนต..ที่ผ่านมา และขยายการใช้มาตรการทางสังคมออกไปอีกประมาณหนึ่งเดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดและบรรเทาแรงกดดันในระบบสาธารณสุข

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 .. ที่ผ่านมา สิงคโปร์มีจำนวนผู้ป่วยใหม่ 2,470 ราย เสียชีวิต 14 ราย และมีผู้ป่วยวิกฤตอยู่ 67 ราย

ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ กำหนดให้พนักงานในองค์กรต่างๆ ทั่วประเทศ ต้องฉีดวัคซีนโควิดครบโดส นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องมีผลตรวจเป็นลบเท่านั้น ถึงจะเข้าออฟฟิศได้ เเละต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง

 

ที่มา : theguardian , moh.gov.sg

]]>
1361321
คลายล็อกดาวน์ ‘ไทย-อินโด’ เสี่ยงยอดติดโควิดกลับมาพุ่งสูง เพราะฉีดวัคซีนช้า รุกตรวจน้อย https://positioningmag.com/1349909 Thu, 02 Sep 2021 10:17:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1349909 ไทยเเละอินโดนีเซีย สองประเทศใหญ่ในอาเซียน เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 หลังจำนวนผู้ป่วยใหม่ลดลง เเต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เตือนว่ายอดผู้ติดเชื้ออาจจะกลับมาพุ่งได้อีกเพราะอัตราการฉีดวัคซีนยังอยู่ในระดับต่ำ เเละการรุกตรวจหาเชื้อยังน้อย

Reuters เสนอประเด็นวิเคราะห์ที่น่าสนใจในการผ่อนปรนมาตรการสกัดโควิด-19 ครั้งนี้ว่า ช่วงปีที่ผ่านมา อาเซียนสามารถคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาได้ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ เเต่ในปีนี้ กลับกลายเป็นศูนย์กลางของการเเพร่ระบาด จากการมาของสายพันธุ์เดลตา

ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาค อินโดนีเซียและไทย ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ในอาเซียน ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการนั่งรับประทานอาหารในร้านและห้างสรรพสินค้าเพื่อช่วยบรรเทาความเสียหายด้านเศรษฐกิจ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (31 ..64) อินโดนีเซียมียอดผู้ติดเชื้อใหม่ 10,534 คน ต่ำกว่าเมื่อช่วงกลางเดือนก.. ถึง 5 เท่า ขณะที่ไทยมียอดผู้ติดเชื้อใหม่ 14,802 คนเมื่อวันพุธ (31 . 64) ลดลง 37% จากระดับสูงสุดในช่วงกลางเดือนส..

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญ มองว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ครั้งนี้มีความเสี่ยงเนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดยังต่ำและมีการตรวจหาเชื้อน้อย

ที่สำคัญคือ อินโดนีเซียมีอัตราผู้ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิดที่ 12% ส่วนไทยอยู่ที่ 34% สูงกว่าอัตราที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำไว้ที่ 5%

Photo : Shutterstock

Abhishek Rimal ผู้ประสานงานฉุกเฉินภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ กล่าวกับ Reuters ว่า ตัวเเปรสำคัญอย่างไวรัสสายพันธุ์เดลตา ที่สามารถแพร่เชื้อได้เร็ว และอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ ทำให้เราอาจได้เห็นการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ด้าน Tri Yunis Miko Wahyono นักระบาดวิทยาของมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ให้ความเห็นว่า “การเฝ้าระวังที่มีอยู่ยังไม่ได้ดีขนาดนั้น เรายังคงต้องระวัง”

ล่าสุด อินโดนีเซียมีจำนวนผู้ป่วยโควิดสะสมมากกว่า 4 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 133,000 ราย นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาด ส่วนประเทศไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมที่ราว 1.2 ล้านราย รายงานผู้เสียชีวิต 11,841 ราย

ทั้งสองประเทศ มีอัตราการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเข็มเเรกที่ประมาณ 30% โดยอินโดนีเซีย มีการฉีดวัคซีนครบโดสไปแล้ว 17% และไทยอยู่ที่ 11% ที่น่าสนใจคือ พื้นที่เมืองหลวงอย่างจาการ์ตาและกรุงเทพฯ มีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงกว่าต่างจังหวัดมาก

Photo : Shutterstock

ในกรุงจาการ์ตาและพื้นที่อื่นๆ ในเกาะชวา ที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า สามารถเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านได้ 50% ห้างสรรพสินค้าเปิดทำการได้ถึงเวลา 21.00 . ขณะที่โรงงานได้รับอนุญาตให้เปิดทำการได้เต็มรูปแบบ 100%

ในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่สีเเดงที่มีการระบาด 28 จังหวัด รัฐมีการผ่อนคลายให้ร้านอาหาร สามารถเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านได้ 50 – 75% ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าเปิดทำการได้ถึงเวลา 20.00 .

ลูกค้าที่กำลังต่อคิวซื้ออาหารในกรุงเทพฯ รายหนึ่งบอกว่ารู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เพราะคนจำนวนมากได้รับการฉีดวัคซีนและพวกเขาก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น

Dale Fisher ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดของ National University Hospital สิงคโปร์ ระบุว่า ประโยชน์ที่ได้ทางเศรษฐกิจจากการคลายล็อกดาวน์เป็นเรื่องที่เข้าใจได้แต่รัฐก็ต้องเร่งฉีดฉีดวัคซีนให้ประชาชนเร็วขึ้นด้วย

 

ที่มา : Reuters 

]]>
1349909
อียิปต์ เปิดตัว ‘หุ่นยนต์พยาบาล’ ช่วยงานบุคลากรทางการแพทย์ ในวิกฤตโควิด https://positioningmag.com/1346789 Sun, 15 Aug 2021 08:46:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1346789 นักศึกษาและคณาจารย์จาก Ain Shams University ในอียิปต์ ร่วมพัฒนาหุ่นยนต์พยาบาลช่วยงานทีมแพทย์ ในช่วงวิกฤตโควิด-19

หุ่นยนต์ตัวนี้มีชื่อว่า ‘Shams’ ซึ่งแปลว่าดวงอาทิตย์ในภาษาอาหรับ เป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ถูกติดตั้งซอฟต์เเวร์เฉพาะทาง พร้อมชุดอุปกรณ์ทางการเเพทย์ เพื่อเข้ามาช่วยลดการสื่อสารเเละสัมผัสโดยตรงระหว่างบุคลากรและผู้ป่วยที่ติดเชื้อ มีฟังก์ชันต่างๆ เช่น สั่งการด้วยเสียง จอภาพแบบทัชสกรีน และระบบชาร์จแบตเตอรี่

โดย Shams เวอร์ชันปัจจุบัน ทำหน้าที่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งยาไปให้ผู้ป่วยโควิด เก็บตัวอย่างเชื้อไวรัสจากห้องผู้ป่วยไปยังห้องปฏิบัติการ เปิดสนทนาวิดีโอคอลระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย ฯลฯ

นอกจากนี้ หุ่นยนต์ Shams สามารถฉีดฆ่าเชื้อบริเวณทางเดินหรือตามห้องต่างๆ ในโรงพยาบาล และทำการวินิจฉัยผู้ป่วยเบื้องต้นผ่านการซักถามอาการและอุณหภูมิร่างกายอีกด้วย ซึ่งทีมนักศึกษามีการดูเเลการทำงานเเละสั่งการหุ่นยนต์ ผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่พวกเขาสร้างขึ้นมา

อียิปต์ เริ่มมีแนวคิดให้บริการช่วยเหลือด้านสุขภาพ ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ด้วยหุ่นยนต์เมื่อไม่นานมานี้ จากการพัฒนาหุ่นยนต์ตรวจโควิด-19 ที่มีชื่อว่า ‘Cira’ โดยวิศวกรเมคคาทรอนิกส์วัย 28 ปี เพื่อช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการทดสอบ PCR และการวินิจฉัยทางการแพทย์เบื้องต้น โดยขณะนี้ อียิปต์กำลังมีโครงการพัฒนาหุ่นยนต์ที่คล้ายๆ กันนี้ ในอีกหลายมหาวิทยาลัย

Photo: Xinhua
Photo: Xinhua

 

ที่มา : Xinhua via Globaltimes

]]>
1346789