วิจัยกรุงศรี ประเมิน ยอดติดเชื้อโควิด สูงสุด 26,000 คน/วัน ในต้นเดือนก.ย.นี้ กรณีเลวร้าย อาจเสียชีวิตพุ่ง 250-300 คน/วัน

วิจัยกรุงศรี ประเมินยอดติดเชื้อโควิด เเตะสูงสุด 26,000 คนต่อวัน ภายในต้นเดือนก.ย.นี้ กรณีเลวร้าย ยอดเสียชีวิตอาจพุ่ง 250-300 คนต่อวัน มองรัฐขยายมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด ยาวถึงกลางเดือนต.ค. 

ศูนย์วิจัยกรุงศรี เผยแบบจำลองวิเคราะห์การแพร่ระบาดของโควิดระลอก 3 ในไทย ล่าสุด ณ วันที่ 15 ส.ค. 64 จากสมมติฐานที่ผลของการล็อกดาวน์และวัคซีน มีประสิทธิภาพต่อการป้องกันการแพร่ระบาดที่ลดลง

โดยระบุว่า ในกรณีฐาน (Base Case) ที่ถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงต้นเดือนก.ย. (จากเดิมช่วงกลางเดือนส.ค.) อัตราการติดเชื้อรายวัน จะเเตะ ‘จุดสูงสุด’ ในต้นเดือนก.ย. ที่จะมีผู้ติดเชื้อสูงสุดอยู่ที่ 26,000 คนต่อวัน จากนั้นยอดผู้ติดเชื้อจะทยอยปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ ในกรณีฐาน ประเมินภายใต้สมมติฐานที่ว่า ไทยสามารถฉีดวัคซีนได้อย่างน้อย 250,000 โดสต่อวัน หรือ 55 ล้านโดสภายในสิ้นปี 64 ประสิทธิภาพวัคซีนอยู่ที่ 50% และการล็อกดาวน์ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา สามารถควบคุมการระบาดได้ 40% ของการล็อกดาวน์ในเดือนเม.ย. 63

ส่วนกรณีเลวร้าย (Worst Case) อัตราการติดเชื้อต่อวันจะเพิ่มสูงกว่า 26,000 คน เเละจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวัน จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงประมาณต้นถึงกลางเดือนก.ย. สูงถึง 250-300 คนต่อวัน

ทั้งนี้ ในกรณีเลวร้าย ประเมินภายใต้สมมติฐานที่ว่า ไทยสามารถฉีดวัคซีนได้อย่างน้อย 250,000 โดสต่อวัน หรือ 55 ล้านโดสภายในสิ้นปี 64 แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ที่ 40% และการล็อกดาวน์ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา สามารถควบคุมการระบาดได้เเค่ 25% ของการล็อกดาวน์ในเดือนเม.ย. 63

จากข้อมูลทางสถิติพบว่า แม้วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็สามารถป้องกันอัตราการเสียชีวิตได้พอสมควร ดังนั้นในระยะต่อไป จำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่อัตราการเสียชีวิตอาจจะลดลงได้ หากมีผู้ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้ว

ทางวิจัยกรุงศรี คาดว่า การควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบเข้มงวดของภาครัฐ อาจจะยังคงมีต่อไปจนกว่าจะพ้นกลางเดือนต.ค. ที่อัตราการเสียชีวิตเริ่มจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะต้องติดตามปัจจัยเพิ่มเติมในช่วงหลังจากนี้อีกครั้ง

หากมาตรการล็อกดาวน์ขยายเวลาต่อไปจนถึงเดือนต.ค. วิจัยกรุงศรีจะคงประมาณการ GDP ไทยปีนี้ไว้ที่ 1.2% ลดลงจากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 2%

เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มอ่อนแอลงจากครึ่งปีแรกอย่างชัดเจน เเละประมาณการ GDP ปีนี้ ที่วิจัยกรุงศรีคาดไว้ว่าจะเติบโตที่ 1.2% นั้น ยังเผชิญความเสี่ยงขาลงมากขึ้น หากมาตรการทางการคลังและการเงินที่กำลังจะออกมาไม่มากเพียงพอที่จะบรรเทาผลเชิงลบได้