ผู้มีความมั่งคั่งสูง (UHNWIs) – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 17 Oct 2024 05:50:05 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 RML เปิดขาย “คฤหาสน์ 880 ล้านบาท” กลางสุขุมวิท จับมือ “Baccarat” แบรนด์คริสตัลหรูฝรั่งเศสตกแต่งทั้งหลัง https://positioningmag.com/1494619 Wed, 16 Oct 2024 08:28:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1494619 ร้อยล้านยังเล็กไป คฤหาสน์ใหม่ต้องเฉียดพันล้าน! RML เปิดโครงการ THE 528 ESTATE” คฤหาสน์ใจกลางสุขุมวิทราคาเริ่ม 880 ล้านบาท มีเพียง 4 หลัง จับมือ “Baccarat” แบรนด์คริสตัลหรูจากฝรั่งเศสเข้าตกแต่งภายใน และแต่งตั้ง “List Sotheby’s เป็นเอเย่นต์ขายโครงการให้มหาเศรษฐีทั่วโลก

บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดตัวโครงการใหม่ “THE 528 ESTATE” มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่มีบ้านเดี่ยวเพียง 4 หลัง สนนราคาเริ่มต้นหลังละ 880 ล้านบาท

ทำเลโครงการตั้งอยู่ในย่านพร้อมพงษ์ เป็นที่ดิน 2 ไร่ วางแปลนบ้าน 2 หลังจะหันหน้าเข้าออกทาง ซ.สุขุมวิท 28 และอีก 2 หลังจะหันหน้าเข้าออกทาง ซ.สุขุมวิท 30 ซึ่งทั้งสองซอยเป็นซอยตัน ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ไม่พลุกพล่าน แต่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม และสวนเบญจสิริ เหมาะกับการใช้ชีวิตใจกลางเมือง

“กฤษณ์ ณรงค์เดช” ประธานคณะกรรมการ RML เปิดเผยถึงรายละเอียดโครงการว่า สถาปัตยกรรมของบ้านโครงการนี้จะใช้สไตล์ผสมผสานระหว่างอาคารยุคศตวรรษที่ 18 ในกรุงปารีสกับอาคารหรูยุคศตวรรษที่ 19 บนนถนน Fifth Avenue เมืองนิวยอร์ก ทำให้ได้อาคารที่มีความคลาสสิก เหนือกาลเวลา

ขณะที่ชื่อ “528” นั้น กฤษณ์อธิบายว่าเป็นตัวเลขมงคลจากการคำนวณทางโหราศาสตร์โดยอาจารย์ชื่อดังจากฮ่องกง มีความหมายว่า “ร่ำรวย เจริญรุ่งเรือง” อาจารย์ทางโหราศาสตร์ท่านนี้ยังเป็นผู้คำนวณฮวงจุ้ยทั้งหมดของบ้านทุกหลังในโครงการไว้แล้ว

(จากซ้าย) “กฤษณ์ ณรงค์เดช” ประธานคณะกรรมการ RML, “เรย์มอนด์ เฉิน” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระดับภูมิภาค บาคาร่าต์ ฟาร์อีส ลิมิเต็ด, “กรณ์ ณรงค์เดช” กรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร RML และ “ควอง มินห์ โด” กรรมการ ลิสต์ ซอเธอบี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลตี้ (ประเทศไทย) ถ่ายภาพร่วมกันในห้องตัวอย่าง THE 528 ESTATE บนชั้น 54 อาคาร OCC

สำหรับรายละเอียดตัวบ้านแต่ละหลัง “กรณ์​ ณรงค์เดช” กรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร RML กล่าวว่า บ้านแต่ละหลังจะก่อสร้างบนที่ดินขนาดกว่า 200 ตารางวา เป็นอาคาร 7 ชั้น (6 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน) พื้นที่ใช้สอย 2,300-2,700 ตารางเมตร ฟังก์ชัน 8 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัว และที่จอดรถ 11 คัน

ชั้นใต้ดินดังกล่าวจะเป็นที่จอดรถ โดยออกแบบความสูง กว้าง ยาว และมุมสโลปให้พอดีกับ “ซูเปอร์คาร์” ขึ้นลงลานจอดได้สะดวก และกว้างขวางพอที่จะจอด “Rolls-Royce Phantom” รถหรูสุดฮิตของกลุ่มเศรษฐีได้

ขณะที่ชั้น 1-2 เป็นโซนรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหาร ถัดไปชั้น 3-5 เป็นห้องนอนทั้งหมด มีลิฟต์ในตัว ทำให้สามารถอยู่รวมกันได้หลายเจนเนอเรชัน แต่ยังมีความเป็นส่วนตัวในแต่ละชั้นของบ้าน

ส่วนชั้นบนสุดของบ้านจะเป็นชั้นสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนตัว ได้แก่ สระว่ายน้ำยาว 11 เมตร ฟิตเนส และสปา

กรณ์กล่าวว่า โครงการนี้ทาง RML ยังจับมือกับ “Baccarat” แบรนด์เครื่องแก้วเจียระไนคริสตัลจากฝรั่งเศส เปิดแพ็กเกจในการตกแต่งภายในให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นแพ็กเกจเสริมที่แล้วแต่ลูกค้าเลือกชิ้นงานเข้ามาตกแต่งบ้าน จึงทำให้ราคาบ้านรวมตกแต่งแล้วในโครงการนี้อาจจะทะลุ 1,000 ล้านบาทได้

บรรยากาศจาก Baccarat Hotel New York อสังหาริมทรัพย์เพื่อโชว์เคสแบรนด์ (Facebook@BaccaratHotelNewYork)

“เรย์มอนด์ เฉิน” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระดับภูมิภาค บาคาร่าต์ ฟาร์อีส ลิมิเต็ด กล่าวถึงแบรนด์ Baccarat ของบริษัทว่าเป็นผู้ผลิตเครื่องแก้วทำมือมานาน 260 ปี มีชิ้นงานกลุ่มแชนเดอเลียร์ โคมกิ่ง โคมตั้งโต๊ะ เครื่องแก้วบนโต๊ะอาหาร ที่ผ่านมา Baccarat มีลูกค้าทั้งกลุ่มราชวงศ์ยุโรป สุลต่าน และเซเลปดาราชื่อดัง และใช้แบรนด์ในการเข้าสู่ธุรกิจฮอสพิทาลิตี้มาแล้วหลายแห่ง เช่น Baccarat Hotel New York หรือ Baccarat Miami Residence ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์แล้วเชื่อว่าจะช่วยเติมเต็มโครงการ THE 528 ESTATE ได้

กรณ์กล่าวต่อว่าโครงการ THE 528 ESTATE นี้มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้มีความมั่งคั่งสูงทั้งในไทยและต่างประเทศ จึงมีการแต่งตั้งให้ “List Sotheby’s International Realty” ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี เป็นผู้ทำตลาดในต่างประเทศ

กฤษณ์เสริมว่า การเชิญ List Sotheby’s มาช่วยในการขายเพราะมองว่าโครงการนี้ไม่ใช่เพียงอสังหาฯ ธรรมดา แต่อยู่ในระดับที่เป็น “ของสะสม” ที่มีคุณค่า และมองกรุงเทพฯ ในวันนี้ถือเป็นเมืองที่อยู่อาศัยระดับโลกที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ ทั้งนี้ หากมีต่างชาติสนใจซื้อ กรณ์กล่าวว่าบริษัทจะมีที่ปรึกษาทางกฎหมายให้คำปรึกษาเพื่อครอบครองกรรมสิทธิ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ไทม์ไลน์โครงการ THE 528 ESTATE เริ่มเปิดขายตั้งแต่วันนี้ จะเริ่มก่อสร้างต้นปี 2568 และสร้างเสร็จปลายปี 2570 แต่กฤษณ์วางเป้าว่าจะปิดยอดขายให้ได้ภายในปีหน้า

สำหรับย่านสุขุมวิทช่วงทองหล่อ-พร้อมพงษ์นั้นเป็นย่านที่ ‘ฮอต’ ขึ้นเรื่อยๆ ในการปั้นเป็นทำเลอสังหาฯ ระดับอัลตราลักชัวรี โดยก่อนหน้านี้ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เพิ่งจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม “ปอร์เช่ ดีไซน์ ทาวเวอร์ แบงคอก” ราคา 525 – 1,400 ล้านบาท ทั้งตึกมีเพียง 22 ยูนิต และวางเป้าหมายลูกค้าจากทั่วโลกเช่นเดียวกัน

โครงการหรูในมือของ RML นั้นยังมีอีกหลายแห่ง ที่กำลังเป็นที่จับตามองคือโปรเจ็กต์ “คฤหาสน์ริมน้ำ 1,000 ล้านบาท” ซึ่งจะมีหลังเดียว โดยเป็นการรีโนเวตมาจากเซลส์แกลลอรีเดิมของโครงการ The River ทำเลบนถนนเจริญนครช่วงสะพานตากสิน ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างออกแบบและอาจจะเปิดขายได้ในปี 2568

]]>
1494619
สวรรค์เศรษฐี “ดูไบ” จ่อดึงคนมีฐานะย้ายประเทศเพิ่มอีก หลังพรรคแรงงานชนะเลือกตั้งอังกฤษ https://positioningmag.com/1484411 Tue, 30 Jul 2024 06:43:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1484411 วิจัยพบ “ดูไบ” เมืองหลวง UAE มีโอกาสเป็นแหล่งดึงดูด “เศรษฐี” ย้ายประเทศเข้าไปพำนักเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในขณะที่ “สหราชอาณาจักร” น่าจะได้เห็นเศรษฐีย้ายออกราว 17% ภายใน 4 ปี หลังพรรคแรงงานชนะเลือกตั้งและน่าจะออกนโยบายที่ไม่เอื้อต่อคนมีฐานะ

รายงาน Henley Private Wealth Migration เปิดเผยว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มีโอกาสเป็นประเทศที่สามารถดึงดูด “เศรษฐี” ย้ายถิ่นฐานเข้าไปพำนักเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

ขณะเดียวกัน Swiss Bank UBS คาดการณ์ว่า “สหราชอาณาจักร” น่าจะเห็นการย้ายออกของเศรษฐีราวๆ 17% ภายในปี 2028 จากปัจจุบันมีเศรษฐีกว่า 3.06 ล้านคน เชื่อว่าใน 4 ปีจะลดเหลือ 2.54 ล้านคนเท่านั้น

เนื่องจากกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง หรือ High-Net Worth Individuals: HNWIs มักจะตัดสินใจลงหลักปักฐานด้วยสิทธิประโยชน์เรื่อง “ภาษี” เป็นหลัก ทำให้นโยบายปลอดภาษีของ “ดูไบ” กลายเป็นสวรรค์เศรษฐีกลางทะเลทราย

กรุงลอนดอน

ตรงกันข้ามกับสหราชอาณาจักร ซึ่งเพิ่งผ่านการเลือกตั้งและกลายเป็นพรรคแรงงานที่กำชัยชนะในครั้งนี้ ทำให้มีแนวโน้มว่าต่อไปรัฐบาลอังกฤษอาจจะออกนโยบายที่ไม่เอื้อต่อผลประโยชน์ของเศรษฐี

Karim Jetha นักลงทุนรายหนึ่งที่ย้ายออกจากสหราชอาณาจักรไปยัง UAE ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า การเลือกย้ายประเทศไปอยู่ใน UAE แทนนั้นมีทั้งแรงผลักและแรงดึงดูด โดยแรงผลักสำคัญคือ “ภาษี” ที่น่าจะปรับขึ้นในอังกฤษหลังพรรคแรงงานชนะเลือกตั้ง เช่น นโยบายหาเสียงของพรรคแรงงานมีการกล่าวถึงการเก็บภาษี VAT กับโรงเรียนเอกชน ซึ่งจะทำให้ค่าเทอมพุ่งขึ้น 20% ทันที ส่วนแรงดึงดูดจาก UAE เกิดจากการดูแลให้ประเทศมีความปลอดภัยสูงในการอยู่อาศัย และปฏิรูปวีซ่าเพื่อให้การย้ายประเทศเกิดง่ายขึ้น

รายงานของ Henley คาดการณ์ว่า UAE จะมีเศรษฐีใหม่ย้ายเข้าประเทศกว่า 6,700 คนภายในสิ้นปี 2024 ทิ้งห่างอันดับ 2 คือ “สหรัฐอเมริกา” ที่คาดว่าจะมีเศรษฐีย้ายเข้าราว 3,800 คนในสิ้นปีนี้

ดูไบ (Photo : Shutterstock)

รายงานฉบับนี้นำเสนอว่าเหตุที่เศรษฐีนิยมย้ายไป UAE เพราะปัจจัยเรื่องไม่เก็บภาษีเงินได้ มีระบบ “Golden Visa” ไลฟ์สไตล์ลักชัวรี และทำเลที่ตั้งสะดวกในการเดินทางไปทั่วโลก

Golden Visa ของ UAE นั้นมีส่วนสำคัญมากในการดึงดูด เพราะการได้วีซ่านี้หมายถึงสิทธิพำนักถาวรในประเทศ และอนุญาตให้ชาวต่างชาติอาศัย ทำงาน และเรียนในประเทศได้ตามต้องการ

Sunita Singh-Dalal พาร์ทเนอร์บริษัท Hourani Private Wealth & Family Offices ในดูไบ กล่าวเสริมว่า ระบบนิเวศในการจัดการความมั่งคั่งของ UAE มีการพัฒนาสูงมากในช่วง 5 ปีหลังมานี้ โดยมีการสร้างโซลูชันเพื่อทำให้การป้องกัน เก็บรักษา และต่อยอดความมั่งคั่งของผู้มีฐานะทำได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น

UAE สร้างแรงดึงดูดจากโครงสร้างพื้นฐานในประเทศด้วย เช่น ระบบโรงเรียนอินเตอร์แข็งแรง ปราบปรามอาชญากรรมให้อยู่ในอัตราต่ำ และบรรยากาศเมืองที่ทันสมัย

ปัจจุบันเศรษฐีส่วนใหญ่ที่ย้ายไปอยู่ “ดูไบ” มักจะมาจากอินเดีย ตะวันออกกลาง รัสเซีย และทวีปแอฟริกา แต่ในระยะหลังพบว่าเศรษฐีอังกฤษและยุโรปก็เริ่มนิยมย้ายไปอยู่แล้วเช่นกัน

เหตุผลเพราะแต่เดิมภาษีอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษนับว่าไม่จูงใจเศรษฐีอยู่แล้ว ด้วยการเก็บภาษีอสังหาฯ สูงถึง 40% หากครอบครองอสังหาฯ ในราคามากกว่า 325,000 ปอนด์ (ประมาณ 15 ล้านบาท) และอนาคตอันใกล้ รัฐบาลอังกฤษยังเตรียมยกเลิกนโยบายไม่เก็บภาษีเงินได้ผู้พำนักอาศัยหากได้มาจากแหล่งรายได้นอกประเทศ (non-dom tax) โดยจะเริ่มปี 2025 แถมพรรคแรงงานยังมีนโยบายเก็บภาษีโรงเรียนเอกชนซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาบุตรหลานเพิ่มขึ้น

ปัจจัยการรีดภาษีผู้มีฐานะ ทำให้ “เศรษฐี” เหล่านี้เตรียมเก็บกระเป๋าและย้ายประเทศไปอยู่ดูไบมากยิ่งขึ้น

Source

]]>
1484411
ต้องรวยแค่ไหนถึงจะได้เป็น Top 1% !! เปิดรายชื่อ 10 ประเทศที่เข้าสมาคม “คนรวย” ยากที่สุดในโลก https://positioningmag.com/1464850 Sun, 03 Mar 2024 16:15:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464850 รายงาน Wealth Report 2024 จากไนท์แฟรงค์เปิดรายชื่อประเทศที่ต้องมีสินทรัพย์ส่วนตัวสูงที่สุดเพื่อจะได้เข้าสมาคม “คนรวย” ระดับ Top 1% ของประเทศ โดยแชมป์ปีนี้ตกเป็นของเจ้าเก่า “โมนาโก” ขณะที่ในเอเชียคือ “สิงคโปร์”

Wealth Report 2024 จัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ “ไนท์แฟรงค์” มีการประเมินสินทรัพย์ของประชากรใน 17 เขตการปกครอง และมูลค่าสินทรัพย์ที่ประชากรในประเทศนั้นๆ จะต้องมีเพื่อจะเป็น “คนรวย” ในระดับยอดปีรามิด Top 1% ของประเทศ

การประเมินนี้พบว่าประเทศที่เข้าสู่สมาคมคนรวยได้ยากที่สุดในโลกคือ “โมนาโก” ประเทศขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป ส่วนในทวีปเอเชียของเรามี “สิงคโปร์” เป็นประเทศที่การขึ้นสู่ยอดปีรามิดต้องมีสินทรัพย์สูง (*ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในการสำรวจตามรายงานชิ้นนี้)

สำหรับ 10 อันดับแรกประเทศ/เขตการปกครองที่ต้องใช้สินทรัพย์สูงสุดเพื่อเข้าสู่ Top 1% ได้แก่

  • อันดับ 1 โมนาโก ต้องมีสินทรัพย์ 12.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 460 ล้านบาท)
  • อันดับ 2 ลักเซมเบิร์ก ต้องมีสินทรัพย์ 10.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 385 ล้านบาท)
  • อันดับ 3 สวิตเซอร์แลนด์ ต้องมีสินทรัพย์ 8.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 303 ล้านบาท)
  • อันดับ 4 สหรัฐอเมริกา ต้องมีสินทรัพย์ 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 207 ล้านบาท)
  • อันดับ 5 สิงคโปร์ ต้องมีสินทรัพย์ 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 185 ล้านบาท)
  • อันดับ 6 สวีเดน ต้องมีสินทรัพย์ 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 171 ล้านบาท)
  • อันดับ 7 ออสเตรเลีย ต้องมีสินทรัพย์ 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 168 ล้านบาท)
  • อันดับ 8 นิวซีแลนด์ ต้องมีสินทรัพย์ 4.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 164 ล้านบาท)
  • อันดับ 9 ไอร์แลนด์ ต้องมีสินทรัพย์ 4.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 153 ล้านบาท)
  • อันดับ 10 เยอรมนี ต้องมีสินทรัพย์ 3.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 121 ล้านบาท)

สินทรัพย์ที่ใช้ในการประเมินของไนท์แฟรงค์นั้นรวมทุกประเภท ได้แก่ เงินสด การลงทุน และอสังหาริมทรัพย์

ประเทศโมนาโก (Photo: Ty DG / Pexels)

รายงานชิ้นนี้ยังบอกด้วยว่า การเข้าสู่สมาคมคนรวย Top 1% ของประเทศนั้นยังง่ายกว่าการเป็นมหาเศรษฐีระดับ “UHNWI” หรือ ultra-high net worth individual ซึ่งไนท์แฟรงค์หมายถึงการเป็นเศรษฐีที่มีสินทรัพย์อย่างน้อย 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,070 ล้านบาท)

ปี 2023 ที่ผ่านมาจำนวนมหาเศรษฐี UHNWI ทั่วโลกมีทั้งหมด 627,000 คน เพิ่มขึ้น 4.2% จากปีก่อนหน้า โดยปีก่อนนั้นทวีปที่น่าจับตามองคือ “อเมริกาเหนือ” ซึ่งมีจำนวนมหาเศรษฐี UHNWI เพิ่มขึ้น 7.2% เกินค่าเฉลี่ยโลก ทั้งนี้ ไนท์แฟรงค์มีการคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จำนวนมหาเศรษฐีระดับนี้ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นสะสม 28% โดยมีประเทศที่มีคนรวยเพิ่มสูงขึ้นมากคือ “จีน” และ “อินเดีย”

อีกประเด็นที่น่าจับตาเกี่ยวกับสังคม “คนรวย” คือ ไนท์แฟรงค์คาดว่า “เจนเนอเรชันวาย” จะกลายเป็นเจนที่ร่ำรวยที่สุดที่เคยมีมา เพราะสินทรัพย์มูลค่ารวม 90 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,210 ล้านล้านบาท) ทั่วโลกจะถูกส่งต่อจากรุ่นพ่อแม่เจนเบบี้บูมเมอร์และรุ่นปู่ย่าจากไซเลนต์เจนเนอเรชันมาสู่ลูกหลานคนเจนวายภายใน 2 ทศวรรษข้างหน้านี้

ข้อมูลจากธนาคารโลกยังคาดการณ์ด้วยว่า “ความเหลื่อมล้ำ” ก็จะยังคงเกิดขึ้นต่อไประหว่างประเทศที่ร่ำรวยกับประเทศที่ยากจน ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดอย่างโมนาโกจะยังดึงดูดให้คนรวยเข้าไปอาศัยอยู่เพิ่มขึ้นเพราะสิทธิประโยชน์ทางภาษี

Source

]]>
1464850
10 เมืองที่มี “เศรษฐี” อาศัยอยู่มากที่สุดในโลก ปี 2023 https://positioningmag.com/1444100 Wed, 13 Sep 2023 08:04:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1444100 รายงาน World Ultra Wealth Report 2023 จัดทำโดย Wealth-X วิเคราะห์ประชากรบนโลกที่เป็นกลุ่ม “เศรษฐี” ผู้มีความมั่งคั่งสูง (Ultra-High Net Worth Individuals) นิยามจากผู้ที่มีสินทรัพย์มากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 1,000 ล้านบาท) โดยจากการสำรวจในปี 2022 พบว่ามีเศรษฐีกลุ่มนี้อยู่ 395,070 คนทั่วโลก ทั้งหมดนี้มีสินทรัพย์รวมกันมากกว่า 45 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 1,600 ล้านล้านบาท)

เศรษฐีไม่ถึง 4 แสนคนนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.005% ของประชากรโลกที่มีอยู่ 8 พันล้านคน

ในจำนวนเศรษฐี 4 แสนคนนี้มีไม่ถึง 1% หรือไม่เกิน 4,000 คนที่เป็นเศรษฐีระดับ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ​ (กว่า 35,000 ล้านบาท) รวมถึงมีเพียง 11% เท่านั้นที่เป็น “ผู้หญิง”

ด้านถิ่นพำนักของกลุ่มเศรษฐี 15% ของเศรษฐีอาศัยกระจุกตัวกันอยู่ในเมืองเพียง 10 เมืองในโลก

โดยมีถึง 5 เมืองที่อยู่ในสหรัฐฯ รองลงมา 3 เมืองอยู่ในทวีปเอเชีย และมี 2 เมืองในทวีปยุโรป

ปัจจุบันเมืองที่มีเศรษฐีอาศัยอยู่มากที่สุดยังคงเป็น “ฮ่องกง” แต่อัตรากำลังลดลงแบบดับเบิลดิจิต ขณะที่อันดับ 2 ซึ่งกำลังไล่ตามมาคือ “นิวยอร์ก” นั้นมีจำนวนเศรษฐีพำนักเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อปีก่อน

 

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

]]>
1444100