ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 09 Jan 2023 07:22:28 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ปีนี้เดือด! “ลลิล” คาดตลาดอสังหาฯ ปี’66 แข่งดุ ตั้งเป้าโต 10% มุ่งตลาดราคา 2-9 ล้านบาท https://positioningmag.com/1414862 Mon, 09 Jan 2023 07:14:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1414862
  • “ลลิล” คาดการณ์ปี 2566 เศรษฐกิจยังต้องระวัง ตลาดอสังหาฯ น่าจะแข่งดุ โดยผู้เล่นจะถูกแบ่งเป็นสองขั้วแบบ ‘K-shape’ รายเล็กเหนื่อยกว่า
  • บริษัทขอเดินกลยุทธ์ต่อจากปีก่อน เน้นแนวราบทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวอย่างละครึ่ง เกาะราคา 2-9 ล้านบาทเป็นหลัก ตั้งเป้ายอดขาย 8,600 ล้านบาท รับรู้รายได้ 6,850 ล้านบาท เติบโต 10%
  • ภาคอสังหาริมทรัพย์จะขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม “ไชยยันต์ ชาครกุล” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ภาพเศรษฐกิจไทยก่อนว่า ปี 2566 นี้น่าจะเติบโต 3.5-4.0% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน หากประเทศไทยสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยได้ 22 ล้านคนตามเป้าหมาย และรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งสามารถผลักดันการใช้จ่ายภาครัฐได้ดี แม้ว่าภาคการส่งออกน่าจะไม่กระเตื้องจากปีก่อนเท่าใดนักก็ตาม

    แม้จะเป็นข่าวดีที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในกลุ่มที่น่าจะเติบโตมากกว่าปีก่อน แต่ก็ต้องระมัดระวังเพราะไทยผูกติดกับเศรษฐกิจโลก และหลายประเทศในโลกเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือมีแนวโน้มจะเกิดขึ้น เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สหรัฐฯ

    อีกทั้งการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนก็อาจจะเป็นดาบสองคม คือช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี แต่มีความเสี่ยงคืออาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ในไทยอีกครั้งได้เช่นกัน

    ลลิล
    “ไชยยันต์ ชาครกุล” ประธานกรรมการบริหาร และ “ชูรัชฏ์ ชาครกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

    จากภาพเศรษฐกิจของปีนี้ที่ยังมีการเติบโต ไชยยันต์มองภาคอสังหาฯ ไทยว่าจะมีการเติบโตราว 5% แต่จะเป็นการเติบโตที่มาจาก “รายใหญ่” ทุ่มลงทุนสูง อาจได้เห็นหลายบริษัทปักเป้ายอดขายเติบโตถึง 20% ในขณะที่ “รายเล็ก” ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะยากลำบากในการแข่งขัน ทำให้ภาคอสังหาฯ ไทยมีลักษณะเป็น K-shape มีรายที่เติบโตได้ดี และบริษัทที่เป็นขาลง อาจได้เห็นบางแห่งถูกเทกโอเวอร์

     

    ลลิลขอเกาะกลุ่มขาขึ้น วางเป้าโต 10%

    ไชยยันต์ระบุว่า ลลิลต้องการจะเกาะกระแสในกลุ่มขาขึ้นของ K-shape ครั้งนี้ให้ได้ โดยตั้งเป้าเติบโตในระดับปานกลางโตประมาณ 10% แยกรายละเอียด ดังนี้

    • เปิดตัวโครงการใหม่ 10-12 โครงการ มูลค่ารวม 7,000-8,000 ล้านบาท
    • วางเป้ายอดขาย 8,600 ล้านบาท
    • วางเป้ารับรู้รายได้ 6,850 ล้านบาท
    • วางงบซื้อที่ดิน 1,500-1,600 ล้านบาท

    ทั้งนี้ ช่วง 9 เดือนแรกปี 2565 ลลิลทำรายได้ไปกว่า 4,700 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 965 ล้านบาท ส่วนเต็มปี 2564 ลลิลทำรายได้เกือบ 6,600 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิเกือบ 1,400 ล้านบาท

    ลลิล
    แบบบ้านเฟรนช์โคโลเนียลของลลิล

    ด้าน “ชูรัชฏ์ ชาครกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนบริษัทปีนี้ว่า ทั้งหมดจะเป็นโครงการทาวน์เฮาส์กับบ้านเดี่ยว กลุ่มราคา 2-9 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาลูกค้าซื้ออยู่จริง และส่วนใหญ่จะเป็นทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในตลาดต่างจังหวัดบริษัทยังรอจังหวะกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมาก่อน อาจจะได้เห็นในช่วงครึ่งปีหลัง

    ในแง่ของการปรับตัวในยุคหลังโควิด-19 บริษัทมีการปรับไปแล้วหลายด้าน เช่น ดีไซน์บ้านที่มีห้องเอนกประสงค์สำหรับเรียน/ทำงาน/ขายสินค้าออนไลน์ ปรับตัวเป็นองค์กรดิจิทัล ลดใช้กระดาษเพื่อสิ่งแวดล้อม และปีนี้จะเห็นการกลับมาทำตลาดผสมผสานออนไซต์กับออนไลน์ เพราะปัญหาโควิด-19 คลี่คลายไปแล้ว

    เนื่องจากปีนี้จะมีการเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ไชยยันต์ยังฝากความเห็นล่วงหน้าถึงรัฐบาลหน้าว่า สิ่งที่ภาคอสังหาฯ ต้องการโดยด่วนขณะนี้คือการเปิดโควตา “แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย” ให้เข้ามาได้มากขึ้น เพราะปัจจุบันแรงงานยังคงไม่เพียงพอ และหากไม่เร่งแก้ปัญหา เรื่องแรงงานจะกลายเป็น “ระเบิดเวลา” ของวงการ

    ]]>
    1414862
    หากำลังซื้อที่ดีกว่า! “ลลิล” ขยับฐานลุยตลาดบ้านระดับกลางถึงบน ราคา 5-12 ล้านบาท https://positioningmag.com/1321301 Mon, 01 Mar 2021 07:54:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1321301 ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เปิดผลประกอบการปี 2563 รายได้โตแรง 24% กำไรพุ่ง 49.5% จากกลยุทธ์เน้นตลาดแนวราบ ผู้ซื้ออยู่จริง และทำราคาเหมาะสม สำหรับปี 2564 เตรียมเปิดตัว 10-12 โครงการ มูลค่า 6-7 พันล้านบาท โดยลงตลาดบ้านกลุ่มราคา 5-8 ล้านบาทและ 8-12 ล้านบาทมากขึ้น ตอบรับกำลังซื้อคนระดับกลางถึงบนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยกว่า

    “ไชยยันต์ ชาครกุล” ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยผลประกอบการปี 2563 ลลิลทำรายได้ไป 5,765 ล้านบาท เติบโต 24.2% และกำไรสุทธิ 1,333 ล้านบาท เติบโต 49.5% โดยยังเติบโตได้แม้ว่าทั้งเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์จะติดลบ เนื่องจากบริษัทเน้นทำตลาดแนวราบและเกาะกลุ่มลูกค้าซื้ออยู่จริงมาตลอด ทำให้ทราบความต้องการของลูกค้า

    สำหรับปี 2564 ลลิลตั้งเป้าเปิดตัว 10-12 โครงการ มูลค่ารวม 6-7 พันล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด เป้ายอดขาย 7 พันล้านบาท เป้ารับรู้รายได้ 6 พันล้านบาท และมีงบซื้อที่ดิน 1-1.2 พันล้านบาท

    ไลโอ บลิสซ์ รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่

    “ชูรัชฏ์ ชาครกุล” กรรมการผู้จัดการ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า โครงการที่จะเปิดตัวแบรนด์เดิมและเป็นตลาดหลักของบริษัท ได้แก่ “ไลโอ” ซึ่งเป็นทาวน์โฮมราคา 2-3 ล้านบาท และ “แลนซีโอ” บ้านแฝด-บ้านเดี่ยวราคา 3-6 ล้านบาท

    รวมถึงจะมีแบรนด์ที่เน้นมากขึ้นอย่าง “บ้านลลิล เดอะ เพรสทีจ” เป็นบ้านเดี่ยว 5-8 ล้านบาท และ “ลลิล กรีนวิลล์ ลักซ์” บ้านเดี่ยวหรูราคา 8-12 ล้านบาทด้วย ทำให้เซ็กเมนต์ที่บริษัททำตลาดกว้างและครอบคลุมครบมากขึ้น โดยชูรัชฏ์ระบุว่า การขยายขึ้นเซ็กเมนต์บนจะทำให้บริษัทสามารถจับกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อและกระทบทางเศรษฐกิจน้อยกว่า

    ผู้บริหาร บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ : (ซ้าย) “ชูรัชฏ์ ชาครกุล” กรรมการผู้จัดการ (ขวา) “ไชยยันต์ ชาครกุล” ประธานกรรมการบริหาร

    ปัจจุบัน ลลิล กรีนวิลล์ ลักซ์ มีที่ยังอยู่ระหว่างขาย 1 โครงการคือ ลลิล กรีนวิลล์ ลักซ์ รามอินทรา-นวมินทร์ ราคาเริ่มต้น 6 ล้านบาท ส่วนบ้านลลิล เดอะ เพรสทีจนั้นจะเป็นแบรนด์ใหม่ของปีนี้ โดยยังไม่เปิดเผยว่าจะเป็นโซนไหนของเมือง

    “การแข่งขันปีนี้รุนแรงขึ้นแน่นอน เพราะปีก่อนอสังหาฯ มีการลดการเปิดตัวกันไปแล้ว ปีนี้จะต้องดีดกลับมาบ้าง และผู้ประกอบการที่ปกติทำโครงการแนวสูงก็มาเล่นตลาดแนวราบ ยิ่งทำให้แข่งขันสูงขึ้น แต่เราเชื่อว่าเราตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคนี้ เพราะราคาของเราเข้าถึงได้ง่าย ดีไซน์สินค้าตรงใจ” ไชยยันต์กล่าว

    ]]>
    1321301
    ปลอดภัยไว้ก่อน! ลลิลโชว์ผลงานรายได้ปี’62 โต 13% เหนือตลาดด้วยกลยุทธ์ระวังตัวสูง https://positioningmag.com/1259458 Mon, 06 Jan 2020 08:19:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1259458
  • ผลดำเนินงานลลิลปี 2562 รายได้เติบโต 13% สวนทางตลาดอสังหาฯ ชะลอตัว
  • ผลจากการดำเนินกลยุทธ์ระวังตัว เน้นแนวราบ งดพัฒนาคอนโดฯ ซึ่งจะยังทำต่อเนื่องในปีนี้จากสภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นมากนัก
  • ปี 2563 เชื่อตลาดอสังหาฯ แนวราบโตเล็กน้อย 2-4% กำลังซื้อยังเป็นปัญหาเนื่องจากหนี้ครัวเรือนสูง
  • ลลิลวางแผนการเติบโตอีก 13% ในปีนี้ เป้ายอดขาย 6,200 ล้านบาท เป้ารับรู้รายได้ 5,250 ล้านบาท
  • “ไชยยันต์ ชาครกุล” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงานของบริษัทปี 2562 สร้างยอดขายรวม 5,500 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 4,640 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 13.2% จากปีก่อนหน้า เทียบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมหรือบริษัทอสังหาฯ ในตลาดหุ้นอื่นๆ ถือเป็นการเติบโตที่สวนทางกับภาคธุรกิจนี้

    ลลิล พร็อพเพอร์ตี้เป็นบริษัทอสังหาฯ ขนาดกลางและอยู่ในตลาดมานาน โครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ เช่น แลนซิโอ ไลโอ บริษัทเคยมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมอยู่บ้างแต่ไม่มีการเปิดตัวคอนโดฯ ใหม่มาแล้ว 2 ปี เนื่องจากลลิลเห็นว่าตลาดคอนโดฯ มีความเสี่ยงสูงจากดีมานด์ของนักเก็งกำไรที่บิดเบือนตลาด

    “ผมคิดว่า 2 ปีก่อน บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ บางส่วนเปิดคอนโดฯ จำนวนมากกว่าที่ตลาดรับได้ไปมาก เมื่อถึงปี 2562 จึงเหลือบริษัทไม่มากที่ยังบุ่มบ่ามเปิดคอนโดฯ เพิ่มอีก ส่วนใหญ่มีการลดจำนวนโครงการลง” ไชยยันต์กล่าว

    ไชยยันต์มองว่า ลลิลสามารถรักษาการเติบโตได้จาก แผนระวังตัว ไม่พัฒนาโครงการแนวสูง และเน้นโครงการแนวราบราคา 2-6 ล้านบาท ซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าอาศัยอยู่จริง เป็นกลุ่มคนวัยหนุ่มสาวที่ทำงานมาแล้ว 5-8 ปี อยู่ในช่วงแต่งงานใหม่ทำให้มีความจำเป็นต้องซื้อบ้านเพื่อแยกครอบครัว สินค้าทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว จึงเหมาะสมกว่าห้องชุดคอนโดฯ เพราะมีพื้นที่กว้างขวาง

    โครงการไลโอ บลิซ รังสิต-คลอง 4

    กลยุทธ์ดังกล่าวจะยังทำต่อเนื่องในแผนงานของลลิลปี 2563 โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 9-11 โครงการ มูลค่ารวม 5,000-5,500 ล้านบาท ในกลุ่มราคา 2-6 ล้านบาทเป็นหลัก เน้นทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 80-90% และต่างจังหวัด 10-20% วางเป้ายอดขาย 6,200 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 5,250 ล้านบาท เติบโต 13% จากปีก่อนหน้า

    “สต็อกบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่ เรายังคงมีนโยบายสร้างไว้เผื่อขายไม่เกิน 1 เดือนครึ่ง เพราะเราเผื่อทางถอยเสมอ” ไชยยันต์กล่าวถึงกลยุทธ์การทำงานแบบระมัดระวัง “เฉลี่ยแล้วเราจะทยอยเปิดโครงการใหม่เดือนละ 1 โครงการ และคอยจับตามองทุกปัจจัยลบ เช่น การเมืองไทย สงครามตะวันออกกลาง มีการทบทวนแผนใหม่ทุก 3 เดือน หากเกิดสัญญาณลบ เราพร้อมจะหยุดสร้างบ้านในโครงการเพิ่มเพื่อไม่ให้เงินจม”

    ลลิลมองว่าสภาพเศรษฐกิจไทยปีนี้จะทรงตัว จีดีพีเติบโตในกรอบ 2.7-3.2% ดีขึ้นจากปีก่อนไม่มาก และตลาดอสังหาฯ เฉพาะกลุ่มสินค้าแนวราบน่าจะดีขึ้นเล็กน้อย เติบโต 2-4% จากปีก่อนเติบโตไม่ถึง 1% ส่วนตลาดสินค้าแนวสูงซึ่งลลิลไม่ได้พัฒนา ขออ้างอิงข้อมูลจาก CBRE เชื่อว่าปีนี้ซัพพลายใหม่จะลดลงถึง 20%

    ด้าน “ชูรัชฏ์ ชาครกุล” กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ลลิลฯ กล่าวถึงงานด้านการตลาดว่า บริษัทต้องการจะขึ้นเป็นแบรนด์ Top 3 เมื่อลูกค้าคิดถึงโครงการแนวราบระดับราคา 2-6 ล้านบาท เทียบกับขณะนี้บริษัทอยู่ในอันดับ 5 โดดเด่นที่สุดในแง่ความคุ้มค่าของราคา ปีนี้จะใช้ Lifestyle Marketing เป็นแกนในการสร้างแบรนด์มากขึ้น

    ส่วนโจทย์หินที่แก้ยาก คือเรื่องของ กำลังซื้อลูกค้า เพราะตั้งแต่ปีก่อนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีนโยบายให้แบงก์เข้มงวดการให้กู้สินเชื่อบ้าน ขณะเดียวกันลูกค้ามีหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ทำให้อัตราส่วนลูกค้าที่กู้ไม่ผ่าน (reject rate) ของลลิลเพิ่มขึ้นเป็น 20-25% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 18-19%

    แม้ว่าบริษัทจะฝึกอบรมเซลส์ขายโครงการให้ช่วยแนะนำการเดินบัญชีการเงินก่อนยื่นกู้แล้วก็ตาม แต่ถ้าหากตัวลูกค้าเองมีหนี้สูงก็ไม่อาจกู้ผ่านได้ จึงกลายเป็นงานหนักของบริษัทที่ต้องสร้างสรรค์ยอดพรีเซลมาตุนไว้ในมือให้ได้มากที่สุด

    ]]>
    1259458