วิถีการท่องเที่ยว – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 02 Jan 2020 08:13:31 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เทรนด์ท่องเที่ยวในทศวรรษ 2020 : นวัตกรรมการเดินทาง ไม่ใช้พาสปอร์ต เที่ยวรักษ์โลก https://positioningmag.com/1259135 Thu, 02 Jan 2020 06:34:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1259135 ทศวรรษ 2020 นี้จะเป็นการท่องเที่ยวที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ตัวเลือกสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจะมีมากขึ้น เเละเมืองเก่าเเห่งเเดนอาทิตย์อุทัย อย่าง “เกียวโต” ขึ้นเเท่น จุดหมายยอดนิยม

อโกด้า (Agoda) แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวดิจิทัลรายใหญ่ของโลก เผย 3 เทรนด์  “วิถีการท่องเที่ยว” ที่จะเป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางสำหรับทศวรรษ 2020 ได้แก่

  • แอปพลิเคชันเดียวสำหรับทุกความต้องการในการเดินทาง
  • การเดินทางโดยไม่ใช้พาสปอร์ต
  • การเช็คอินผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันการท่องเที่ยวที่ล้ำสมัย และสัญญาณการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดีขึ้น ส่งผลให้นักเดินทางมีความคาดหวังเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากขึ้น 

โดยเฉพาะ นักเดินทางชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดในประเทศอินโดนีเซีย (56%) ประเทศสิงคโปร์ (54%) ประเทศมาเลเซีย (53%) ไต้หวัน (50%) ประเทศฟิลิปปินส์ (48%) และประเทศไทย (48%) เห็นพ้องต้องกันว่า ‘วิถีการท่องเที่ยว’ ทั้ง 3 อย่างที่กล่าวมานั้น จะกลายเป็นเรื่องปกติในการเดินทางในทศวรรษหน้า ซึ่งเมื่อเทียบกับในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาแล้ว มีนักเดินทางเพียง 1 ใน 3 (33%) เท่านั้นที่เห็นด้วย

นวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยว

1 ใน 2 ของนักเดินทางชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดหวังว่าจะเช็กอินเข้าที่พักผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือได้ เพื่อไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวเช็กอินที่ล็อบบี้ เพราะสามารถดาวน์โหลดคีย์การ์ด และเช็กอินเข้าห้องพักได้ทันที โดยนักเดินทางจากสิงคโปร์ (54%) ฟิลิปปินส์ (53%) มาเลเซีย (58%) และไทย (49%) เป็น 4 ชาติที่คาดหวังให้เทรนด์แห่งนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวนี้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากที่สุด

ในส่วนของ เทรนด์การเดินทางโดยไม่ใช้พาสปอร์ต นั้น นักเดินทางจากสิงคโปร์ (50%) เวียดนาม (47%) ฟิลิปปินส์ (45%) จีน (44%) และออสเตรเลีย (41%) คือ 5 ประเทศที่มีคาดหวังจะได้เห็นเทรนด์นี้มากที่สุด ในทางตรงข้าม มีเพียง 1 ใน 5 ของนักเดินทางจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่คาดว่าการเดินทางโดยไม่ใช้พาสปอร์ตจะกลายเป็นเรื่องปกติในทศวรรษหน้า

“ยุคนี้ถือเป็นยุคทองของนักเดินทาง เนื่องจากเทคโนโลยีต่างๆ ได้รับการพัฒนาเพื่อให้ทุกคนสามารถค้นหา จอง และจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักได้ง่ายขึ้น หากย้อนเวลากลับไป เมื่อทศวรรษ 2000 เรามีเมาส์และคอมพิวเตอร์ที่ทำให้การจองตั๋วเครื่องบิน และที่พักออนไลน์ง่ายขึ้นเพียงไม่กี่คลิก ส่วนในทศวรรษ 2010 เราก็มีสมาร์ทโฟน และแอปพลิเคชันที่เปรียบเสมือนทราเวลเอเย่นต์พกพาอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเจ้าของโทรศัพท์มือถือหลายล้านคน และสำหรับในทศวรรษ 2020 ที่กำลังจะมาถึง เราก็มีเครื่องมืออันทรงพลังอย่าง การเก็บข้อมูล และแมชชีน เลิร์นนิ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี AI โดยสองสิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆ เช่น อโกด้า สามารถแนะนำสินค้าและบริการที่มีความเฉพาะเจาะจงกับแต่ละบุคคล (personalized) และเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้การจองบริการต่างๆ สำหรับการเดินทางกลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น” ทิโมธี ฮิวจ์ส รองประธานฝ่ายพัฒนาองค์กรของอโกด้า กล่าว

โดยเขาหวังว่า เอเชียก้าวขึ้นเป็นผู้นำในเรื่องนี้ในทศวรรษ 2020 โดยเฉพาะด้านวิดีโอและเทคโนโลยีเสมือนจริง (augmented reality) การปรับปรุงและพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการสำหรับโทรศัพท์มือถือด้วยแชทและเสียง รวมถึงการชำระเงินออนไลน์

เดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม – เที่ยวในประเทศมากขึ้น 

นักเดินทางทั่วโลกมีความต้องการที่จะท่องเที่ยวมากขึ้นในทศวรรษ 2020 โดย 40% ของผู้ตอบแบบสอบถาม อยากเที่ยวในประเทศของตนเองให้มากขึ้น และ 35% อยากเที่ยวในต่างประเทศให้มากขึ้น

เมื่อพูดถึงความรับผิดชอบต่อสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืนในระดับโลก นักเดินทางมากกว่า 1 ใน 4 ต้องการทางเลือกในการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในทศวรรษหน้า โดยเฉพาะนักเดินทางจากประเทศสิงคโปร์ ไทย และอินโดนีเซีย ที่มีความกระตือรือร้นในการเลือกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาจเนื่องมาจากการปิดอ่าวมาหยาในประเทศไทย และเกาะโบราไกย์ (Boracay island) ในประเทศฟิลิปปินส์เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งทำให้นักเดินทางอยากมีส่วนร่วมช่วยรักษ์โลกขณะท่องเที่ยว

กลุ่มนักเดินทางอายุ 35-44 ปี และมากกว่า 55 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มที่จะอยากท่องเที่ยวในประเทศของตนเองมากขึ้น (40% และ 42% ตามลำดับ) โดยนักเดินทางจากประเทศจีน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และประเทศเวียดนาม เลือกจุดหมายปลายทางในประเทศเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกบนรายการจุดหมายปลายทางที่ตนอยากไปในทศวรรษหน้า

นักเดินทางชาวเกาหลีและญี่ปุ่น มีแนวโน้มที่จะเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวมากขึ้นในทศวรรษหน้า ส่วนนักเดินทางชาวไต้หวันและอินโดนีเซีย มีแนวโน้มจะเดินทางช่วงจบการศึกษาเพื่อค้นหาตัวเองก่อนศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยหรือวางแผนอื่นๆ ในอนาคต

เกียวโตคว้าเเชมป์ เมืองที่คนอยากไปเยือนมากที่สุดในทศวรรษ 2020

ทวีปเอเชียขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลกในทศวรรษหน้า นักเดินทางทั้งจากเอเชียและตะวันตก ต่างอยากมาสัมผัสและสำรวจเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นดั่งสมบัติของทวีปเอเชีย อาทิ เมืองเกียวโตในประเทศญี่ปุ่นที่มีศาลเจ้าชินโต วัฒนธรรม อาหาร และประวัติศาสตร์อันเลื่องชื่อ ตามมาด้วยกรุงเทพมหานคร และเกาะบาหลีในประเทศอินโดนีเซีย

นักเดินทางจากประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศไทย ไต้หวัน ประเทศเวียดนาม และประเทศมาเลเซีย ต่างต้องการไปเที่ยวที่อื่นมากกว่าที่เมืองหลวงของประเทศตัวเอง ขณะเดียวกันนักเดินทางจากประเทศเกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และประเทศออสเตรเลีย เป็น 3 ประเทศที่ไม่ได้เลือกที่เที่ยวในประเทศเป็นจุดหมายปลายทางในทศวรรษหน้า

ข้ามไปฝั่งตะวันตก นักเดินทางชาวอเมริกันและชาวอังกฤษต่างอยากไปท่องเที่ยวที่ มหานครนิวยอร์ก มากที่สุดในทศวรรษหน้า ทั้งนี้มหานครนิวยอร์กก็เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับนักเดินทางจากประเทศออสเตรเลีย ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลีใต้ ส่วนนักเดินทางทั้งชาวมาเลเซีย และอินโดนีเซียก็มีความต้องการอยากไปเยือนกรุงมักกะฮ์ให้ได้ก่อนปี 2030

Photo : Shutterstock

เทรนด์การท่องเที่ยวไทยในทศวรรษ 2020

  • คนไทยเกือบครึ่งหนึ่ง (49%) คาดว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อเช็คอินเข้าที่พักได้จะกลายเป็นเรื่องปกติในทศวรรษหน้า ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่คาดหวังกับเทรนด์นี้มากที่สุด
  • กว่า 39% ของคนไทยคาดว่าจะสามารถใช้แอปพลิเคชันเดียวสำหรับทุกความต้องการในการเดินทางได้
  • 32% ของนักเดินทางชาวไทยต้องการทางเลือกในการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเมื่อเดินทาง
  • กรุงเทพมหานครติดอันดับ 1 จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนไทยในทศวรรษหน้า ตามมาด้วยด้วยเกียวโต อันดับ 2 และภูเก็ต อันดับ 3
  • 36% ของนักเดินทางชาวไทยต้องการท่องเที่ยวในประเทศตัวเองมากขึ้น ขณะที่ 30% ต้องการไปท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น

 

FYI

ผลสำรวจของอโกด้าชิ้นนี้ ตัวเลขทั้งหมด ยกเว้นที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น มาจากบริษัท YouGov (ประเทศสิงคโปร์) จำกัด มีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั้งหมด 16,383 คน และมีการทำการสำรวจทางออนไลน์ขึ้นในระหว่างวันที่ 12-18 ธันวาคม 2562 การสำรวจดำเนินการออนไลน์ โดยตัวเลขดังกล่าวมีการนำไปเฉลี่ยและเป็นตัวแทนของผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปในประเทศนั้นๆ สามารถดูรายละเอียดของแต่ละประเทศเพิ่มเติมได้ที่ Agoda Press Room

]]>
1259135