สหรัฐฯ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 31 Jul 2025 11:53:09 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘อินเดีย-เวียดนาม’ กอดคอแซง ‘จีน’ ส่งออกสมาร์ทโฟนไปสหรัฐฯ มากที่สุด! https://positioningmag.com/1531752 Thu, 31 Jul 2025 05:06:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1531752 ​​นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ และจีน ทำสงครามการค้ากันมานาน ทำให้หลายแบรนด์ โดยเฉพาะ สมาร์ทโฟน ได้เลือก อินเดีย เป็นประเทศใหม่สำหรับผลิตสินค้า เพื่อลดการพึ่งพาจีน จนล่าสุด ยอดส่งออกสมาร์ทโฟนไปยังสหรัฐฯ ของอินเดียได้ แซงจีน เรียบร้อยแล้ว

Canalys รายงานว่า อินเดียแซงหน้าจีน ในการเป็นผู้ส่งออกสมาร์ทโฟนไปยังสหรัฐอเมริกา โดยในไตรมาส 2/2025 สหรัฐฯ นำเข้าสมาร์ทโฟนที่ประกอบขึ้นในอินเดียคิดเป็น 44% จากที่ไตรมาส 2/2024 สหรัฐฯ นำเข้าสมาร์ทโฟนจากอินเดียในสัดส่วนเพียง 13% เท่านั้น ขณะที่ปริมาณผลิตรวมของสมาร์ทโฟนในอินเดียเพิ่มขึ้น 240% จากปีก่อน

ไม่ใช่แค่อินเดียที่แซงจีน แต่ เวียดนาม ก็เป็นอีกประเทศที่แซง โดยมีส่วนแบ่งการส่งออกสมาร์ทโฟนไปยังสหรัฐฯ ถึง 30% ขณะที่สัดส่วนการส่งออกสมาร์ทโฟนจากจีนไปสหรัฐฯ หดตัวเหลือ 25% จากปีก่อนมีสัดส่วนสูงถึง 61% โดยตัวเลขดังกล่าวได้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของซับพลายเชนการผลิตออกจากจีน ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านภาษี

ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของการจัดส่งสมาร์ทโฟนจากอินเดียมาจาก iPhone ของ Apple โดย Sanyam Chaurasia นักวิเคราะห์หลักของ Canalys กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่อินเดียส่งออกสมาร์ทโฟนไปยังสหรัฐอเมริกามากกว่าจีน ซึ่งแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เร่งตัวขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน

มีรายงานว่า ในปีนี้ Apple ได้เร่งแผนการผลิต iPhone ในโรงงานในอินเดีย โดยเฉพาะรุ่นที่ขายในสหรัฐอเมริกา และมีเป้าหมายระระยาวในการใช้อินเดียเป็นฐานการผลิต iPhone ในสัดส่วน 1 ใน 4 ของประเทศ ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่ Apple ด้วยการขึ้นภาษีเพิ่มเติมและเรียกร้องให้ Tim Cook ซีอีโอของบริษัท ผลิต iPhone ในสหรัฐฯ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะจะยิ่งทำให้ราคา iPhone ให้สูงขึ้น

Renaud Anjoran รองประธานบริหารของ Agilian Technology ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศจีน กล่าวว่า ผู้ผลิตทั่วโลกจํานวนมากได้ย้ายการประกอบขั้นสุดท้ายไปยังอินเดียมากขึ้น โดยจัดสรรกําลังการผลิตมากขึ้นในประเทศเอเชียใต้เพื่อให้บริการตลาดสหรัฐอเมริกา

ขณะที่บริษัท Agilian Technology ที่มีโรงงานในมณฑลกวางตุ้งเอง ก็กําลังปรับปรุงโรงงานในอินเดีย โดยมีแผนที่จะย้ายการผลิตบางส่วนไป โดยบริษัทคาดว่าจะเริ่มการทดลองผลิตในเร็ว ๆ นี้ก่อนที่จะเพิ่มการผลิตเต็มรูปแบบ

Source

]]>
1531752
งานเข้าไทย! หลัง ‘สหรัฐฯ’ จ่อแบนส่งออก ‘ชิป AI’ เพราะกลัวส่งต่อให้จีน https://positioningmag.com/1529023 Mon, 07 Jul 2025 03:35:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1529023 อย่างที่รู้กันว่า สหรัฐอเมริกา มีความกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูงของ จีน โดยเฉพาะความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ เพราะกลัวจีนจะนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ในกองทัพ ล่าสุด สหรัฐฯ กำลังพิจารณาการส่งออกชิป AI ไปยังภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะกลัวจะถูกส่งต่อให้จีน

โดย Reuters อ้างแหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับสถานการณ์ ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กำลังดำเนินการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานชิปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากพบว่ามีการนำเข้าชิป AI เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในบางประเทศแถบนี้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่ามีการใช้ประเทศเหล่านี้เป็นทางผ่านเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการควบคุมการส่งออกที่มุ่งเป้าไปที่จีน

ซึ่ง 2 ประเทศที่สหรัฐฯ กำลังพิจารณาออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI ก็คือ ไทย และ มาเลเซีย เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการผลิตและประกอบชิปที่สำคัญในซัพพลายเชนระดับโลก รวมถึงมีการลงทุนด้าน Data Center และโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

อย่างในปี 2024 ทางมาเลเซียได้มีการนำเข้าชิป AI เพิ่มขึ้นถึง 3,400% การเพิ่มขึ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า มาเลเซียอาจ ทําหน้าที่เป็นประตูหลังที่มีศักยภาพสําหรับการเข้าถึงโปรเซสเซอร์ Nvidia ขั้นสูงของจีน ทั้งนี้ หากมาตรการนี้มีผลบังคับใช้จริง อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการลงทุนด้านเทคโนโลยีและ AI ในภูมิภาค

แม้ว่ามาตรการดังกล่าวยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาและยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่คาดว่าอาจมีข้อยกเว้นบางประการสำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและประกอบชิปในภูมิภาค เพื่อไม่ให้กระทบต่อซับพลายเชนทั่วโลก มากนัก

]]>
1529023
‘จีน’ ส่งออก ‘อาเซียน’ โตกระฉูด +21% สวนทางตลาดสหรัฐฯ -21% ส่วน ‘ไทย’ สินค้าจีนทะลักเพิ่ม +28% https://positioningmag.com/1521202 Fri, 09 May 2025 08:51:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1521202 หลายคนก็คงจะคิดไว้แล้วว่า จีน จะต้องหาทางระบายสินค้าก่อนที่มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ ในอัตราสูงถึง 145% จะมีผลบังคับใช้ และยอดส่งออกของจีนในเดือนเมษายนก็แสดงให้เห็นว่า อาเซียน เป็นตลาดที่มาชดเชยการหายไปของสหรัฐฯ

ตามข้อมูลจาก สำนักงานศุลกากรจีน เปิดเผยว่า การส่งออกของจีนในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น +8.1% แม้ว่าการส่งออกไปยัง สหรัฐอเมริกา จะ ลดลงมากกว่า -21% ก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกของจีนยังเติบโตก็คือ ตลาดยุโรป (+8%) และ ตลาดอาเซียน ที่เติบโตถึง +21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยประเทศ เวียดนาม และ มาเลเซีย ถือเป็น 2 ประเทศปลายทางหลักในการส่งออกของจีนในอาเซียน แต่ อินโดนีเซีย และ ไทย มีการจัดส่งจากจีนเพิ่มขึ้น +37% และ +28% ตามลำดับ เมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม ยอดส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ พุ่งขึ้น +9.1% เนื่องจากผู้ส่งออกเร่งส่งออกไปล่วงหน้าก่อนมีการปรับขึ้นภาษี แต่เมื่อนับการส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปี การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐอเมริกา ลดลง -2.5% ในขณะที่การ นําเข้า จาหสหรัฐฯ ไปยังจีน ลดลง -4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน 

นับตั้งแต่มีการขึ้นกำแพงภาษีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ กิจกรรมโรงงานของจีน ในเดือนเมษายน ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ในขณะที่ คําสั่งซื้อส่งออกใหม่ ลดลงสู่ระดับ ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022

Source

]]>
1521202
‘จีน’ ขู่! ประเทศไหนที่ร่วมมือกับสหรัฐฯ กีดกันจีนเพื่อยกเว้นภาษี เจอมาตรการตอบโต้แน่ https://positioningmag.com/1518980 Mon, 21 Apr 2025 11:32:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1518980 สงครามการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปสู่ประเทศอื่น ๆ เพราะล่าสุด จีน ออกคำเตือนว่าจะตอบโต้ประเทศที่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในลักษณะที่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศ

หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ ระงับการขึ้นภาษีครั้งใหญ่ ในหลาย ๆ ประเทศไปเป็นเวลา 90 วัน ยกเว้น จีน ที่เพิ่มภาษีเป็น 145% ซึ่งก็มีรายงานว่า ทรัมป์กำลังวางแผนใช้การเจรจาเรื่องภาษีเพื่อกดดันให้พันธมิตรของสหรัฐฯ จำกัดการทำธุรกิจกับจีน 

โดย กระทรวงพาณิชย์จีน ได้ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์ดังกล่าว โดยวิจารณ์การกระทำดังกล่าวของสหรัฐฯ เป็นการ ใช้ภาษีในทางที่ผิด และ รังแกฝ่ายเดียว ในขณะที่จีนเต็มใจจะร่วมมือกับทุกฝ่าย และปกป้องความเป็นธรรมและความยุติธรรมระหว่างประเทศ

“จีนคัดค้านอย่างหนัก ต่อการที่ฝ่ายใดก็ตาม ทำข้อตกลงโดยแลกกับผลประโยชน์ของจีน หากเกิดกรณีเช่นนี้ จีนจะไม่ยอมรับและจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด” กระทรวงพาณิชย์จีน กล่าว 

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จีน ยังได้เตือนถึง ความเสี่ยง ที่การค้าระหว่างประเทซจะกลับไปสู่ กฎแห่งป่า (Law of jungle) หรือ ผู้ที่แข็งแรงกว่าเท่านั้นที่เป็นผู้อยู่รอด และในท้ายที่สุดทุกประเทศจะกลายเป็นเหยื่อ

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้เยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา โดยสี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้มีความพยายามร่วมกันในการ ต่อต้านภาษี และการรังแกฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ โดยที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มการค้ากับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนในระดับภูมิภาค ส่วนสหรัฐฯ ยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนในระดับประเทศ

ที่ผ่านมา จีนได้ตอบโต้การขึ้นภาษีสหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษี 125% สำหรับสินค้านำเข้าจากอเมริกา อีกทั้งยังได้ จำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญ และขึ้นบัญชีดำบริษัทสหรัฐฯ หลายราย แต่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็ก เพื่อจำกัดความสามารถในการทำงานร่วมกับบริษัทจีน

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ไม่คาดว่าสหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงในเร็ว ๆ นี้ แม้ว่าทรัมป์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าเขาคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในอีก 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า

Source

]]>
1518980
ชื่อทรัมป์ทำพิษ! ฉุดส่งออก ‘จีน’ ชะลอตัวลง นักวิเคราะห์เชื่อ ผลกระทบจะยิ่งชัดในเดือนธ.ค.-ม.ค https://positioningmag.com/1502693 Wed, 11 Dec 2024 01:55:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1502693 การส่งออกของ จีน ในเดือนพ.ย. เติบโตในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่การนำเข้าหดตัวกว่าที่คาด ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่ากังวลสำหรับเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์จะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ ที่นำมาซึ่งความเสี่ยงทางการค้าใหม่

ข้อมูล ศุลกากรจีน แสดงให้เห็นว่า การส่งออกของประเทศในเดือนพ.ย. เติบโตเพียง +6.7% ซึ่งน้อยกว่าการสำรวจจากนักเศรษฐศาสตร์ของ Reuters ที่ระบุว่า เพิ่มขึ้น +8.5% และน้อยกว่าในเดือนตุลาคมซึ่งเพิ่มขึ้น +12.7%

ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ ปริมาณ การนำเข้าหดตัว 3.9% ซึ่งถือเป็นผลงานที่แย่ที่สุดในรอบ 9 เดือน และต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่งผลให้มีการเรียกร้องให้มีการสนับสนุนนโยบายเพิ่มเติมเพื่อพยุงอุปสงค์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง

โดยผลการส่งออกที่ลดลง ได้เกิดขึ้นหลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะจัดเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มอีก 10% เพื่อกดดันให้รัฐบาลจีน หยุดยั้งการค้าสารเคมีที่ใช้ในการผลิตเฟนทานิล และก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวไว้ว่า จะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเกิน 60%

ในขณะเดียวกัน จีนยังไม่สามารถจัดกับความตึงเครียดกับสหภาพยุโรปกรณีภาษีนำเข้าสูงถึง 45.3% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน ถือเป็นภัยคุกคามที่จะเปิดแนวร่วมที่สองในการทำสงครามการค้าระหว่างจีนกับฝ่ายตะวันตก ดังนั้น การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อจีนมากขึ้น เนื่องจากการส่งออกของเศรษฐกิจจีนที่มีมูลค่า 19 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นแรงกระตุ้นการเติบโตหลักประการหนึ่ง ในขณะที่ความเชื่อมั่นของครัวเรือนและธุรกิจ ลดลงจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์

“สัญญาณเริ่มแรกของการเร่งรัดการค้าเพื่อเตรียมรับมือภาษีของทรัมป์ในปีหน้าเริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว แต่ผลกระทบเต็มที่จะไม่ปรากฏให้เห็นจนกว่าจะถึงเดือนต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะเดือนธันวาคมและมกราคม” Xu Tianchen นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Economist Intelligence Unit กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการนำเข้าที่ลดลง ส่งผลให้การค้าของจีนเกินดุลเพิ่มขึ้นเป็น 97,440 ล้านดอลลาร์ ในเดือนที่แล้ว จาก 95,720 ล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคม โดยเศรษฐกิจจีนมีสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจบ้างเล็กน้อยเมื่อไม่นานนี้ โดยผู้ผลิตรายงานสภาวะการดำเนินธุรกิจที่ดีที่สุดในรอบ 7 เดือนจากการสำรวจโรงงานในเดือนพฤศจิกายน

บริษัทต่าง ๆ กล่าวว่า พวกเขายังคง ได้รับคำสั่งซื้อส่งออกน้อยลง แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อยังคงหายากในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และผู้ส่งออกกำลังย้ายสินค้าไปยังคลังสินค้าในต่างประเทศ เนื่องจากคาดว่าความต้องการจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

ขณะที่การส่งออกของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการนำเข้าของจีน ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนในเดือนพฤศจิกายน และการส่งออกสินค้าของเกาหลีใต้ไปยังจีนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ผลิตในจีนซื้อส่วนประกอบของเกาหลีใต้น้อยลงเพื่อส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูปอีกครั้ง

ทั้งนี้ ที่ปรึกษาของรัฐบาลแนะนำให้ปักกิ่งคงเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ประมาณ 5% ในปีหน้า และดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของสหรัฐฯ โดยอาศัยตลาดผู้บริโภคภายในประเทศ

]]>
1502693
‘จีน’ เตรียมเปิดกองทุนมูลค่า 3.44 แสนล้านหยวน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม ‘เซมิคอนดักเตอร์’ หลังโดนสหรัฐฯ ปิดกั้นหนัก https://positioningmag.com/1475269 Mon, 27 May 2024 10:18:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1475269 หลังจากที่โดน สหรัฐอเมริกา กีดกันไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยี ชิป หรือ เซมิคอนดักเตอร์ ทำให้ล่าสุด จีน ก็เตรียมเปิดกองทุนใหม่ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลจีน เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศจีน

จีน ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐตามแผนครั้งที่สาม เพื่อ ส่งเสริมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยทุนจดทะเบียน 3.44 แสนล้านหยวน (ราว 1.77 ล้านล้านบาท) เพื่อการรันตีว่าจีนจะสามารถผลิตชิปได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการ

กองทุนดังกล่าวถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอีกครั้ง หลังจากที่สหรัฐฯ กำหนดมาตรการควบคุมการส่งออกหลายชุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างถึงความกังวลว่าจีนอาจใช้ชิปขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการทหาร และจากมาตรการดังกล่าวทำให้หุ้นชิปของจีนเพิ่มขึ้น โดยดัชนี CES CN Semiconductor พุ่งขึ้นมากกว่า +3%

สำหรับกองทุนเพื่อการลงทุนอุตสาหกรรมวงจรรวมของจีนระยะที่ 3 ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม และจดทะเบียนภายใต้สำนักงานบริหารเทศบาลนครปักกิ่งเพื่อการควบคุมตลาด โดย กระทรวงการคลังของจีนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 17% และมีทุนชำระแล้ว 6 หมื่นล้านหยวน ตามข้อมูลของ Tianyancha บริษัทฐานข้อมูล ตามด้วยบริษัท China Development Bank Capital เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 10.5%

นอกจากนี้ มีหน่วยงานอื่น ๆ อีก 17 แห่งที่จดทะเบียนเป็นนักลงทุน ซึ่งรวมถึงธนาคารจีนรายใหญ่ 5 แห่ง ได้แก่ Industrial and Commercial Bank of China, China Construction Bank, Agricultural Bank of China, Bank of China และ Bank of Communications โดยแต่ละแห่งมีสัดส่วนประมาณ 6% ของเงินทุนทั้งหมด

กองทุนระยะแรกก่อตั้งขึ้นในปี 2557 ด้วยทุนจดทะเบียน 138.7 พันล้านหยวน และระยะที่สองตามมาในปี 2562 ด้วยทุนจดทะเบียน 2.04 แสนล้านหยวน ส่วนกองทุนระยะสามแห่งนี้ ถือเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดที่ก่อตั้งโดยกองทุนเพื่อการลงทุนในอุตสาหกรรมวงจรรวมของจีน หรือที่รู้จักกันในชื่อ บิ๊กฟันด์ (Big Fund)

โดย Big Fund ได้จัดหาเงินทุนให้กับโรงหล่อชิปรายใหญ่ที่สุดของจีนสองแห่ง ได้แก่ Semiconductor Manufacturing International Corporation และ Hua Hong Semiconductor รวมถึง Yangtze Memory Technologies ผู้ผลิตหน่วยความจำแฟลช รวมถึงบริษัทและกองทุนขนาดเล็กอีกหลายแห่ง และปัจจุบัน กองทุนกำลังพิจารณาจ้างสถาบันอย่างน้อย 2 แห่งเพื่อลงทุน

Source

]]>
1475269
จีนนำเข้าชิปลดลงเกือบ 15% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2023 ผลจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ผลิตเองในประเทศ https://positioningmag.com/1448027 Sun, 15 Oct 2023 08:50:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1448027 ปริมาณการนำเข้าชิปของประเทศจีน 9 เดือนแรกของในปี 2023 นั้นลดลงเกือบ 15% สาเหตุสำคัญคือมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังรวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศที่ต้องการหลีกเลี่ยงมาตรการดังกล่าว

South China Morning Post รายงานข่าวโดยอ้างอิงข้อมูลของสำนักงานศุลกากรของจีนว่าในช่วง 9 เดือนแรกจีนมีปริมาณนำเข้าชิป 355,900 ล้านชิ้น ลดลงเกือบ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022 ซึ่งอยู่ที่ 416,700 ล้านชิ้น

ไม่เพียงเท่านี้การนำเข้าชิปจากพันธมิตรสหรัฐฯ ของจีน ไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ด้วย โดยการนำเข้าชิปจากเกาหลีใต้ลดลง 23% จากไต้หวันลดลง 20% และญี่ปุ่นลดลง 16.3%

ถ้าหากมองมูลค่าการนำเข้าชิปในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้จะพบว่าอยู่ที่ 252,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงมากถึง 19.8% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้จีนนำเข้าสินค้าประเภทเซมิคอนดักเตอร์ลดลงนั้นมากจากมาตรการคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเด็นของเทคโนโลยีได้กลายเป็นประเด็นสำคัญของความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

ความไม่แน่ใจของบริษัทเทคโนโลยีจีนจำนวนมากที่พบว่าตัวเองต้องเผชิญ แต่บริษัทเทคโนโลยีจีนหลายแห่งทั้ง Tencent และ Alibaba หรือแม้แต่ ByteDance ฯลฯ ยังคงดำเนินโครงการพัฒนาต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาด้าน AI ที่มีการนำเข้าชิปของ Nvidia ล่วงหน้าเป็นมูลค่ารวมกันมากถึง 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

บริษัทเทคโนโลยีจีนเหล่านี้ต้องรีบนำเข้าชิปจากสหรัฐอเมริกา หรือประเทศพันธมิตร เนื่องจากกังวลถึงมาตรการที่สหรัฐเตรียมห้ามส่งออกชิปไว้สำหรับเร่งการประมวลผล เนื่องจากกังวลว่าจีนจะนำไปใช้ในการฝึก AI ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อแดนมะกันหลังจากนี้ได้

ขณะเดียวกันจีนได้ตั้งเป้าที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็นของตัวเองมากขึ้นในปี 2023 นี้ ไม่ว่าจะโรงงานผลิตชิปของ Huawei ซึ่งเป็นโครงการลับ และได้รับการสนับสนุนเม็ดเงินจากรัฐบาลจีนเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านหยวน เพื่อผลิตชิปภายในประเทศ ลดการนำเข้าและหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดีสหรัฐอเมริกาเองเตรียมที่จะออกมาตรการห้ามส่งออกเพิ่มเติม หลังจากที่บริษัทจีนหลายแห่งอาจใช้บางประเทศในตะวันออกกลางในการนำเข้าชิป โดยมาตรการล่าสุดคือทางการสหรัฐอเมริกาห้ามไม่ให้ Nvidia ส่งออกชิปประมวลผล AI ไปยังบางประเทศในตะวันออกกลางแล้ว รวมถึงมาตรการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

]]>
1448027
บริกรปาดเหงื่อ! ผู้บริโภค “อเมริกัน” เริ่มให้ “ทิป” น้อยลง หลังค่าครองชีพสูง-เศรษฐกิจผันผวน https://positioningmag.com/1439222 Sat, 29 Jul 2023 12:21:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439222 หลังผ่านพ้นโควิด-19 ชาวอเมริกันต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจผันผวนและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ 2 ใน 3 ของชาวอเมริกันเริ่มรู้สึกแย่กับการให้ “ทิป” ซึ่งเริ่มคิดในอัตราสูงขึ้นและคิดทิปในหลายธุรกิจมากขึ้น

สังคมอเมริกันเริ่มมีการคิด “ทิป” รวมไปในค่าบริการหลายโอกาสมากกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นบริการในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดไปจนถึงแอปส่งสินค้าเดลิเวอรีต่างก็เรียกร้องให้ผู้บริโภคจ่ายทิป

แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มผันผวนและค่าครองชีพสูงขึ้น ผู้บริโภคจึงเริ่มต้องการจะลดการให้ทิปลง และเริ่มหงุดหงิดใจกับการบังคับทิปมากขึ้นทุกที

Bankrate มีการสำรวจผู้บริโภคอเมริกัน และพบว่าผู้บริโภคที่ตอบว่าตนให้ทิป “ทุกครั้ง” เมื่อใช้บริการต่างๆ เริ่มมีสัดส่วนน้อยลงเมื่อเทียบกับการสำรวจปีก่อน โดยการบริการที่มีการให้ทิป เช่น ทานอาหารนอกบ้าน บริการเรียกรถ ตัดผม เดลิเวอรี แม่บ้าน ช่างซ่อมบ้าน ฯลฯ

“เงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ไม่ดีดูเหมือนจะทำให้ชาวอเมริกันประหยัดขึ้นกับการให้ทิป ในขณะเดียวกัน เราต้องเผชิญหน้ากับการเชิญชวนให้ช่วยทิปมากกว่าที่เคยเป็นมา” Ted Rossman นักวิเคราะห์อาวุโสที่ Bankrate กล่าว

NerdWallet มีการสำรวจผู้บริโภคเช่นกัน และพบว่าหลายคนรู้สึกถูก “กดดัน” ว่าต้องให้ทิปมากกว่าปีก่อน

Bankrate บอกด้วยว่า 2 ใน 3 ของชาวอเมริกันมีมุมมองเชิงลบต่อการ “ทิป” โดยเฉพาะเมื่อต้องให้ทิปผ่านระบบชำระเงินดิจิทัลซึ่งมักจะสร้างตัวเลือกการทิปมาให้อย่างชัดเจนล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องทิปเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ร้านมักจะตั้งอัตราการทิปอยู่ระหว่าง 15% ถึง 35% ของราคาสินค้า/บริการ

ผู้เชี่ยวชาญด้านมารยาทให้ความเห็นว่าการทิปประมาณ 20% ในร้านอาหารประเภทนั่งรับประทาน มีบริกรคอยบริการภายในร้าน ยังเป็นมาตรฐานที่คนอเมริกันยอมรับร่วมกัน แต่สำหรับบริการประเภทอื่น เช่น ร้านกาแฟที่เป็น kiosk ซื้อกลับบ้าน ซึ่งไม่เคยมีการคิดทิปมาก่อนในอดีต ดูจะเป็นสิ่งที่คนอเมริกันไม่ค่อยยอมรับว่าจะต้องทิปด้วย

Toast มีการสำรวจการทิปในร้านอาหารต่างๆ พบว่าร้านอาหารประเภทฟูลเซอร์วิสยังได้รับทิปสม่ำเสมอ แต่ในร้านลักษณะฟาสต์ฟู้ดหรือที่ต้องบริการตนเอง ค่าเฉลี่ยอัตราการทิปลดลงมาเหลือ 16.7% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 ปี

“ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความรู้สึกอ่อนล้าที่จะต้องทิป” Eric Plam ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Uptip สตาร์ทอัปจากซานฟรานซิสโกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการบริการช่องทางให้ทิปแบบไร้เงินสด กล่าวกับ CNBC “ในช่วงโควิด-19 ทุกคนอยู่ในช่วงช็อกและรู้สึกโอบอ้อมอารีมากกว่าปกติ”

ปัญหาก็คือ เมื่อทิปมากขึ้นในช่วงโควิด-19 ก็ทำให้เกิดมาตรฐานใหม่ในการทิปซึ่งไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในช่วงปกติอีกต่อไป ยิ่งมีการกำหนดอัตราส่วนที่ต้องทิปไว้ให้แล้ว ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าเป็น “การทิปที่น่ารังเกียจ”

อย่างไรก็ตาม Plam มองในอีกมุมหนึ่งว่า การทิปยังคงสำคัญมากกับพนักงานที่ได้ค่าจ้างเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำหรือน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ เช่น พนักงานร้านฟาสต์ฟู้ดแบบจ้างประจำจะได้ค่าจ้างเฉลี่ย 14.34 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง ส่วนแบบพาร์ทไทม์จะได้เฉลี่ย 12.14 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง ซึ่งค่าจ้างที่ว่านี้รวม “ทิป” แล้ว (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติด้านแรงงานสหรัฐฯ)

“คนเราควรจะทราบไว้ด้วยว่าชีวิตความเป็นอยู่ของคนคนหนึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับการทิปมากทิปน้อย” Plam กล่าว

Source

]]>
1439222
จีนเอาคืน! ห้ามนำเข้าชิปจาก ‘Micron Technology’ อ้าง “เป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเครือข่ายร้ายแรง” https://positioningmag.com/1431143 Mon, 22 May 2023 04:00:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1431143 ดูเหมือนความขัดแย้งระหว่าง จีนและสหรัฐอเมริกา ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น กลุ่ม G7 ก็พยายามลดการพึ่งพาจีน ล่าสุด จีนก็ได้ออกมาตอบโต้โดยการ แบนการใช้งานชิปจากสหรัฐฯ ด้วยข้อหาด้านความปลอดภัย

รัฐบาลจีน ได้เปิดประเด็นกับสหรัฐฯ ใหม่ในเรื่องเทคโนโลยีและความปลอดภัย โดยบอกกับผู้ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของจีน ให้หยุดซื้อผลิตภัณฑ์จาก Micron Technology ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เนื่องจากผลิตภัณฑ์มี “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเครือข่ายที่ร้ายแรง” ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลของจีน และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

“บริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่สำคัญในจีน ควรหยุดซื้อผลิตภัณฑ์จาก Micron Technology” รัฐบาลระบุ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนย้ำว่า จีนส่งเสริมการเปิดระดับสูงสู่โลกภายนอก และตราบใดที่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของจีน ก็ยินดีต้อนรับองค์กรและผลิตภัณฑ์และบริการแพลตฟอร์มต่างๆ จากนานาประเทศเข้าสู่ตลาดจีน

ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ได้กล่าวหาว่า รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามขัดขวางการพัฒนาของจีน และเขาเรียกร้องให้ประชาชน กล้าที่จะต่อสู้ ขณะที่รัฐบาลเองก็ยังคงตอบโต้อย่างช้า ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของจีนที่ประกอบสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ของโลก พวกเขานำเข้าชิปต่างประเทศมูลค่ามากกว่า 300 พันล้านเหรียญทุกปี โดยจีนเองก็กำลังจะพยายามผลิตชิปประมวลผลของตัวเอง เพื่อให้ผลกระทบไม่ตกสู่บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนของจีนและอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยมีการลงทุนไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน ทั้ง สหรัฐอเมริกา ยุโรป และ ญี่ปุ่น กำลังลดการเข้าถึงการผลิตชิปขั้นสูงของจีนและเทคโนโลยีอื่น ๆ เนื่องจาก จีนขู่ว่าจะโจมตีไต้หวัน และกล้าแสดงออกถึงการคุกคามที่มากขึ้นต่อญี่ปุ่นและเพื่อนบ้านอื่น ๆ ขณะที่ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้ทั่วโลกมีความกังวลว่า อาจทำให้ต้นทุนด้านสินค้าเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้น และอาจทำให้การพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ เกิดได้ช้าลง

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ เนื่องจากความขัดแย้งเรื่องความมั่นคง การปฏิบัติต่อฮ่องกงและชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมของปักกิ่ง ข้อพิพาทเรื่องดินแดน และการเกินดุลการค้าหลายพันล้านดอลลาร์ของจีน

]]>
1431143
งานวิจัยพบ “อายุคาดเฉลี่ย” ชาวอเมริกันลดฮวบ 2.3 ปี เซ่นพิษ COVID-19 https://positioningmag.com/1361284 Sat, 13 Nov 2021 14:52:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1361284 เว็บไซต์ข่าวไวโอนิวส์ (WIONEWS) ของอินเดีย อ้างอิงผลการศึกษาเมื่อไม่นานนี้ ระบุว่าอายุคาดเฉลี่ยของผู้คนในสหรัฐฯ ลดลงสูงเป็นอันดับ 2 ในหมู่ประเทศและภูมิภาค 37 แห่ง ระหว่างช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19 เมื่อปีก่อน

ผลการศึกษาดังกล่าวที่ตีพิมพ์ในวารสารบริติช เมดิคัล เจอร์นัล (BMJ) ประเมินการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในประเทศหรือภูมิภาคที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง และรายได้สูง 37 แห่ง ด้วยข้อมูลการเสียชีวิตที่น่าเชื่อถือและสมบูรณ์

อายุคาดเฉลี่ยของชาวสหรัฐฯ เพศชาย ลดลงเกือบ 2.3 ปี จากราว 76.7 ปี เหลือ 74.4 ปี ขณะอายุคาดเฉลี่ยของชาวสหรัฐฯ เพศหญิง ลดลงจากราว 81.8 ปี เหลือ 80.2 ปี โดยการลดลงเป็นผลจากการเสียชีวิตของคนหนุ่มสาวระหว่างเกิดโรคระบาดใหญ่ ซึ่งบ่งชี้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้ปกป้องคนรุ่นใหม่ดีพอ

อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาระบุว่าโรคระบาดใหญ่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้อายุคาดเฉลี่ยของสหรัฐฯ ลดลง เนื่องจากสหรัฐฯ พบการเสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรมและการเสพยาเกินขนาดเพิ่มขึ้นในปีก่อน ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้อายุคาดเฉลี่ยลดลง

]]>
1361284