อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 11 Jul 2022 09:18:09 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “อัลติจูด” พร้อมขึ้นเป็นรายกลาง! ปี 2565 วางแผนลงทุน 5 โครงการ 11,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1392125 Mon, 11 Jul 2022 08:54:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1392125 อสังหาฯ รายเล็ก “อัลติจูด” พร้อมขยายตัวเพื่อขึ้นเป็น “รายกลาง” ของตลาด จากแผนลงทุนปี 2565 เปิดหน้าดิน 5 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท และปีนี้วางเป้ารับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท วางคอนเซ็ปต์บริษัทพัฒนาโปรดักส์ที่แตกต่างจากตลาด เน้นกลุ่มลูกค้ายอมจ่ายเพิ่มเพื่อ “ไลฟ์สไตล์” สร้างสถานะทางสังคม

ชยพล หรรรุ่งโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย” กรรมการบริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด แถลงข่าวแผนบริษัทปี 2565 พร้อมแล้วที่จะขึ้นเป็นรายกลางของตลาด ด้วยเม็ดเงินการลงทุนและยอดรับรู้รายได้ปีนี้

โดยอัลติจูดนั้นเริ่มต้นโครงการแรกเมื่อปี 2554 จากโครงการคอนโดมิเนียมในซอย เน้นความคุ้มค่าในการลงทุน และค่อยๆ ขยายตัวจนปัจจุบันแตกพอร์ตโฟลิโอหลายเซ็กเมนต์ทั้งแนวราบและแนวสูง

อัลติจูด
(จากซ้าย) “ชยพล หรรรุ่งโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย” กรรมการบริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

ขวัญชัยกล่าวว่า ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทขึ้นเป็น “รายกลาง” ด้วยการรับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นแบ็กล็อก 2,000 ล้านบาท และยอดขายใหม่โอนในปีอีก 1,000 ล้านบาท) และจะมีการลงทุน 5 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนที่ก้าวกระโดดขึ้นมาก จากเมื่อปี 2563 บริษัทเปิดโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท และปี 2564 เปิดตัวเกือบ 2,600 ล้านบาท

ชยพลให้ข้อมูลโครงการที่จะเปิดในปีนี้จนถึงต้นปี 2566 ได้แก่

1.อัลติจูด ฟอเรสต์ อ่อนนุช-วงแหวน บ้านแฝดและบ้านเดี่ยวแบบพูลวิลล่าทุกหลัง จำนวน 220 ยูนิต ราคาเริ่ม 9.0-14.9 ล้านบาท เปิดตัววันที่ 9-10 กรกฎาคม 2565

2.อัลติจูด ฟอเรสต์ บางนา บ้านแฝดและบ้านเดี่ยวแบบพูลวิลล่าทุกหลัง จำนวน 46 ยูนิต ราคาเริ่ม 9.0-14.9 ล้านบาท เปิดตัววันที่ 9-10 กรกฎาคม 2565 (*อัลติจูด ฟอเรสต์ 2 โครงการรวมกัน มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท)

3.เดอะ คอลเล็กชัน เจริญนคร โครงการคฤหาสน์หรู 11 หลัง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ดินหน้ากว้างกว่า 100 เมตร บ้านเดี่ยวพื้นที่ใช้สอย 750-1,500 ตร.ม. ติดถนนเจริญนคร (ช่วงสะพานกรุงเทพ) ราคาเริ่ม 100 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,290 ล้านบาท

4.Wellness Hub ใกล้คูเมือง เชียงใหม่ โครงการมิกซ์ยูสบนที่ดิน 15 ไร่ ประกอบด้วยโรงแรม คอนโดฯ โรงพยาบาลขนาดเล็ก ร้านอาหาร เน้นการให้บริการด้านเวลเนส สุขภาพ ความงาม มูลค่าโครงการ 5,240 ล้านบาท

5.ทาวน์โฮมรูปแบบใหม่ระดับพรีเมียม มูลค่าโครงการ 1,470 ล้านบาท

มูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ของอัลติจูด ช่วงปี 2563-65

ทั้งนี้ ไม่นับรวมโครงการกลุ่ม Turn Key Project ซึ่งเป็นรูปแบบการรับบริหารโครงการภายใต้แบรนด์ของอัลติจูดให้กับเจ้าของที่ดิน ขณะนี้มีเจรจาโปรเจ็กต์ลักษณะนี้อยู่ 2-3 โครงการ

โครงการทั้งหมดของปีนี้ ปัจจุบันยังไม่มีพาร์ตเนอร์ร่วมทุน แต่ชยพลระบุว่าบริษัทยังคงเปิดกว้างในการรับผู้ร่วมลงทุน ตามวิธีดำเนินธุรกิจที่เป็นมาโดยตลอดของบริษัท โดยเฉพาะโครงการ Wellness Hub ที่เชียงใหม่ ขณะนี้ยังคงมองหาและเจรจากับพาร์ตเนอร์ธุรกิจด้านเวลเนสและโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง

 

เน้นฉีกแนวจากตลาด มองหาลูกค้าที่ต้องการ “ไลฟ์สไตล์”

ด้านการแข่งขันในตลาดอสังหาฯ ปัจจุบัน ขวัญชัยมองว่าตลาดแข่งขันสูงมาก และในฐานะรายเล็กที่กำลังขึ้นเป็นรายกลาง ต้องหาจุดแตกต่าง ซึ่งอัลติจูดเองเริ่มมีแนวทางชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปี 2561 มีการพัฒนาโปรเจกต์ที่มีการออกแบบให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ที่อยู่อาศัยเป็น “เครื่องแสดงสถานะ” ในตัว

โดยบริษัทมีการศึกษาความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มซึ่งคนกลุ่มนี้ขวัญชัยให้นิยามว่า “เป็นคนที่รู้ว่าข้าวผัดกะเพราในตลาดราคา 50 บาท แต่ยอมจ่ายที่ 75 บาทถ้าหากได้อะไรมากกว่า”

สระว่ายน้ำออกแบบสไตล์รีสอร์ต ในโครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ

ยกตัวอย่างโครงการ “อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ” ทำเล BTS สถานีตลาดพลู ปัจจุบันขายราคาเริ่มที่ 2.9 ล้านบาท ห้องชุด 1 ห้องนอน พื้นที่ 24 ตร.ม. ราคาเฉลี่ย 110,000 บาทต่อตร.ม. แต่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย เช่น ห้องอีสปอร์ตส, หน้าผาจำลอง และเน้นพื้นที่ ‘สร้างคอนเทนต์’ ออกแบบสวยงาม เช่น สระว่ายน้ำฟรีฟอร์มชั้น 7 ที่ออกแบบสไตล์รีสอร์ต ถูกใจคนรุ่นใหม่ ทำให้มียอดขาย 60% ช่วงตึกสร้างเสร็จ และคาดว่าจะทำยอดขายได้ 75% ภายในสิ้นปีนี้

บรรยากาศจำลองในพูลวิลล่าของอัลติจูด ฟอเรสต์ อ่อนนุช-วงแหวน

หรือโครงการที่เปิดตัวแล้วปีนี้คือโครงการตระกูล “อัลติจูด ฟอเรสต์” มาจากการวิจัยพบว่า วิถีชีวิตหลัง COVID-19 หลายคนทำงานแบบไฮบริด ได้อยู่บ้านมากขึ้น ทำให้บรรยากาศบ้านยิ่งสำคัญ จึงสร้างแบรนด์ที่ “มีสระว่ายน้ำทุกหลัง” แม้ว่าจะเป็นบ้านแฝดก็เป็นพูลวิลล่า เพื่อให้มีสถานที่ผ่อนคลายอารมณ์ โดยทำราคาเริ่มต่ำกว่าสิบล้านบาทก็เป็นเจ้าของได้ ปัจจุบันจากสองโครงการที่เปิดตัวพร้อมกันมียอดจองแล้ว 14 ยูนิต มูลค่ารวม 150 ล้านบาท

ถัดมาคือโปรเจกต์ เดอะ คอลเล็กชัน ที่จะเป็นคฤหาสน์ริมน้ำในย่านใกล้เมือง เลือกทำโครงการลักษณะนี้เพราะเห็นโอกาสว่ามีดีมานด์กลุ่มความมั่งคั่งสูง การมีบ้านริมแม่น้ำถือเป็นสิ่งที่เศรษฐีหลายคนต้องการ แต่โครงการบ้านสร้างใหม่ในตลาดหาได้ยากมาก อัลติจูดจึงเลือกตอบสนอง pain point นี้ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ต่างจากตลาดทั่วไป

ชยพลปิดท้ายถึงสภาวะตลาดอสังหาฯ 2565 เชื่อว่าตลาดส่งสัญญาณบวกกลับมาแล้ว แม้ว่าจะมีประเด็นเงินเฟ้อและดอกเบี้ยอาจปรับเป็นขาขึ้น แต่คาดว่าจะไม่สาหัสเท่ากับช่วงเริ่มเกิด COVID-19 ที่ทำให้ตลาดสะดุดทันที ด้านตลาดนักลงทุนปล่อยเช่า มองว่าโครงการกลุ่มที่เจาะผู้เช่าคนไทยทั้งคนทำงานและนักเรียนนักศึกษาจะไปได้ดีกว่า เพราะทำเลที่เน้นผู้เช่าต่างชาติวันนี้มีซัพพลายล้นตลาด แต่ดีมานด์ต่างชาติไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม

]]>
1392125
เก็บที่ดินเล็กพัฒนา “บ้านไฮเอนด์กลางเมือง” แผนรับมือปี 2564 ของ “อัลติจูด” https://positioningmag.com/1331573 Tue, 11 May 2021 08:23:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1331573 ยังเป็นอีกปีซึมๆ ของตลาดอสังหาฯ “อัลติจูด” จัดสรรรายกลางเลือกขึ้นโครงการ “บ้านไฮเอนด์กลางเมือง” บนที่ดินขนาดเล็ก ยูนิตน้อย เปิดภายใต้แบรนด์ใหม่ “อัลติจูด ฟอเรสต์” 2 ทำเล อนุสาวรีย์ชัยฯ และ รัชดา เลื่อนแผน IPO เป็นปีหน้า หลังตลาดไม่เอื้อ คาดอสังหาฯ ปีนี้โตไม่ถึง 10%

“ชยพล หรรรุ่งโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงแผนของบริษัทปี 2564 เตรียมเปิดตัวเพิ่ม 2 โครงการ และเป็นแบรนด์ใหม่คือ “อัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์” (ทำเลอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) และ “อัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา” มูลค่ารวม 2 โครงการ 998 ล้านบาท

คอนเซ็ปต์แบรนด์ฟอเรสต์จะเป็นโครงการแนวราบในทำเลกลางเมือง ขนาดเริ่มต้น 4 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 200-300 ตร.ม. จำนวนยูนิตไม่มาก เพราะเป็นการจับช่องว่างตลาด หาที่ดินขนาดไม่ใหญ่ในทำเลที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่มักขึ้นโครงการคอนโดมิเนียมมากกว่า แต่ที่จริงแล้ว ตลาดยังมีดีมานด์บ้านแนวราบในทำเลกลางเมือง หากทำโครงการไซส์เล็กยังมีโอกาสขายได้และปิดโครงการเร็ว

โดยบริษัทเคยมีประสบการณ์มาแล้วจากการทำแบรนด์อัลติจูด มาสเตอร์รี บ้านเดี่ยวโครงการขนาดเล็กในเมือง แต่ครั้งนี้จะปรับขนาดบ้านให้เล็กลง และเน้นที่ความร่มรื่นของโครงการ

อัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์ จะเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 10 ยูนิต ราคาเริ่ม 28 ล้านบาท ส่วนอัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา เป็นทาวน์โฮม จำนวน 39 ยูนิต ราคาเริ่ม 15 ล้านบาท

ส่วนการเปิดตัวคอนโดฯ ที่อัลติจูดมักจะมีออกมาเสมอๆ ปีนี้จะไม่มีการขึ้นโครงการคอนโดฯ ใหม่ เพราะตลาดยังไม่ใช่จังหวะเหมาะ แต่มีที่ดินเตรียมไว้รอดูสถานการณ์ปี 2565 อาจเปิดตัวได้

คราฟ บางนา โครงการทาวน์โฮม ราคาเริ่ม 3 ล้านกว่าบาท อัลติจูดเปิดตัวจับตลาดกลางเมื่อปลายปีก่อน

ด้านแบ็กล็อกสร้างเสร็จเตรียมโอนปีนี้ของอัลติจูดมีทั้งหมด 5 โครงการ เป้ารับรู้รายได้ 2,015 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดฯ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ (ยอดขาย 60%), คอนโดฯ อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง (ยอดขาย 60%), โฮมออฟฟิศ อัลติจูด พรูฟ สาทร, บ้านเดี่ยว อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท และทาวน์โฮม คราฟ บางนา

 

เลื่อนแผน IPO ตลาดไม่เอื้อ

ประเด็นความเคลื่อนไหวด้านการเข้าตลาดหุ้นของอัลติจูด “ขวัญชัย เจริญยิ่งถาวรชัย” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่ามีการเลื่อน IPO จากเดิมภายในปี 2564 เป็นปี 2565 เพราะสภาวะทั้งตลาดอสังหาฯ และตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวย แต่บริษัทมีการปรับจากเดิมจะเข้าตลาด mai เป็นตลาด SET

“สถานการณ์ตลาดตอนแรกเราคิดว่าปี 2564 จะต้องโตกว่าปี 2563 มาก แต่มาพลิกล็อกจากการระบาดรอบ 3 เรามองว่าจะทำให้ทั้งปีโตไม่ถึงสองดิจิต คือโตไม่ถึง 10% ยกเว้นว่าถ้ารัฐบาลผลักดันเรื่องปลดล็อกให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านพร้อมที่ดินได้จริง ก็อาจจะทำให้ตลาดโตได้มากกว่านั้น” ขวัญชัยกล่าว

ผู้บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด : “ชยพล หรรรุ่งโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ขวัญชัย เจริญยิ่งถาวรชัย” กรรมการผู้จัดการ

ทั้งนี้ อัลติจูดสร้างยอดขายไตรมาส 1/64 ไปทั้งหมด 200 ล้านบาท ถือว่าเป็นไปตามเป้า แต่ไตรมาส 2/64 ซึ่งมีปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 แล้ว ยอมรับว่าทำให้ตกเป้าไป

 

ธุรกิจ “Turnkey” ยังเป็นที่สนใจ

สำหรับโครงการอัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดาที่จะเปิดตัวปีนี้ เป็นหนึ่งใน โมเดลธุรกิจ Turnkey ตามที่บริษัทเปิดตัวเมื่อปีก่อน นั่นคือโมเดลรับจ้างบริหารโครงการตั้งแต่ต้นจนจบ และใช้แบรนด์ของบริษัท แต่ที่ดินและเงินทุนเป็นของลูกค้า เหมาะกับแลนด์ลอร์ดที่มีที่ดินในมือ แต่ไม่มีองค์ความรู้หรือไม่มีเวลาพัฒนาโครงการ

ชยพลมองว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ยิ่งเป็นประโยชน์กับบริษัท เพราะนักสะสมที่ดินที่ต้องการจะพัฒนาโครงการเอง เป็นหน้าใหม่ในวงการ มักจะกู้สินเชื่อธุรกิจจากธนาคารได้ยากในสภาวะนี้ แต่เมื่อร่วมธุรกิจกับบริษัท จะทำให้ขอสินเชื่อง่ายขึ้น เนื่องจากโครงการเปิดในแบรนด์ของบริษัทที่มีฐานตลาดอยู่บ้างแล้ว

ปัจจุบันอัลติจูดรับพัฒนาโครงการแบบ Turnkey ใน 6 เซ็กเมนต์สินค้า ได้แก่ คอนโดฯ ระดับกลาง, คอนโดฯ ระดับลักชัวรี, โฮมออฟฟิศกลางเมือง, บ้านระดับลักชัวรี 30 ล้านบาทขึ้นไป, บ้านระดับพรีเมียม 20-30 ล้านบาท และทาวน์โฮมราคาประมาณ 3 ล้านบาท โดยมูลค่าโครงการที่รับพิจารณาคือ 300 ล้านบาทขึ้นไป (มูลค่าที่ดินประมาณ 60 ล้านบาทขึ้นไป)

]]>
1331573