โครงการคนละครึ่ง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 06 Nov 2025 13:47:34 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘คนละครึ่งพลัส’ จะฟื้นตลาดร้านอาหารได้แค่ไหนในสายตา ‘สมาคมภัตตาคารไทย’ – ‘LINE MAN’ หลังชะลอตัวตั้งแต่หมดสงกรานต์ https://positioningmag.com/1545647 Thu, 06 Nov 2025 04:40:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1545647 นับตั้งแต่ที่ คนละครึ่งพลัส เริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. จนถึงวันที่ 4 พ.ย. เวลา 12.00 น. มียอดการใช้จ่ายสะสมทั้งโครงการพุ่งสูงถึง 14,062 ล้านบาท มีผู้ใช้สิทธิ์แล้วกว่า 18 ล้านคน คิดเป็นกว่า 90% ของจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ แสดงให้เห็นเลยว่าโครงการคนละครึ่งพลัสปลุกกระแสการจับจ่าย อย่างไรก็ตาม หากเจาะไปที่ตลาดร้านอาหารที่วิกฤตมาทั้งปี คนละครึ่งพลัสเข้ามาช่วยได้มากน้อยแค่ไหนในสายตาผู้ประกอบการ

ทุกเสียงยัน คนละครึ่งช่วยได้จริง

ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่า ย้อนไปในโครงการคนละครึ่งบน LINE MAN รอบก่อนหน้ามีร้านกว่า 100,000 ร้าน เข้าร่วมบนระบบเดลิเวอรี โดยร้านที่รับคนละครึ่งยอดขายมีการเติบโตเฉลี่ย 1-5 เท่า บางร้านเติบโตสูงสุดถึง 16 เท่า แสดงให้เห็นว่าโครงการคนละครึ่ง ช่วยกระตุ้นได้จริง

ด้าน เจ้เอ๋ ณัฐฐารินทร์ เจ้าหนี้คนดัง ตัวแทนประชาชนผู้ใช้คนละครึ่ง ชี้ให้เห็นว่า คนละครึ่งพลัสเป็นโครงการที่ทั้งประชาชนและร้านค้ารายย่อยเฝ้ารอ เพราะมันทำให้ผู้บริโภค ใช้จ่ายง่ายขึ้น และช่วยให้ร้านที่ผู้บริโภคยังไม่เคยใช้บริการ กล้าเข้าไปลอง และมีโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้าประจำของร้าน หากโครงการหมดไปแล้ว

เช่นเดียวกับ คุณาพงศ์ เตชวรประเสริฐ เจ้าของเพจขายดีไปด้วยกัน ที่มองว่า โครงการนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าได้จริง เพราะลูกค้าตัดสินใจมาลองได้ง่ายขึ้น ขณะที่ ธนันท์รัท เกื้อหนุน เจ้าของร้านตำยำยั่ว by โบตั๋น เสริมว่า โครงการคนละครึ่ง ทำให้ร้านเล็กมีศักยภาพสู้กับร้านใหญ่ได้ดีขึ้น

ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai

อาจดันตลาดร้านอาหารทะลุ 7 แสนล้าน

ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เล่าว่า นับตั้งแต่ช่วงหลังเทศกาล สงกรานต์ ตลาดร้านอาหารก็ ซบเซาลง ดังนั้น เชื่อว่าคนละครึ่งพลัสเป็นเหมือน สเตียรอยด์ ที่ฉีดแล้วเศรษฐกิจฐานรากจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนนี้ และมีโอกาสที่ยอดขายรวมของร้านอาหารในปีนี้จะทะลุ 7 แสนล้านบาท จากที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6-6.4 แสนล้านบาท

“รัฐบาลสนับสนุนเงิน 44,000 ล้านบาท รวมกับเม็ดเงินที่ผู้บริโภคจะใส่ลงไปอีกครึ่งหนึ่ง ก็คิดเป็นเกือบแสนล้าน    ยังไม่รวมโครงการกินดีมีคืน ดังนั้น ร้านอาหารก็ต้องแย่งชิงกัน”

อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่าคนละครึ่งจะช่วย โคเวอร์ยอดขายที่หายไป ในช่วงที่ผ่านมาได้หรือไม่ ทาง สุทธิพล สมวสุนธรา เลขาธิการสมาคมภัตตาคารไทย และทายาทรุ่น 3 ข้าวต้มเทเวศร์ เสริมว่า ตอบยาก เพราะแต่ละร้านยอดขายหายไปไม่เท่ากัน บางร้านยอดขายหดตัวตั้งแต่ 30-70% ขึ้นอยู่กับทำเล แต่มองว่าคนละครึ่งจะช่วยร้าน Micro SME มากกว่า

“หลังสงกรานต์มันเป็นช่วงโลว์ซีซัน บวกกับนักท่องเที่ยวหาย กำลังซื้อคนไทยก็หาย ดังนั้น คนละครึ่งมันควรมาไวกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่มาช่วงนี้ก็ถือเป็นช่วงไฮซีซันพอดี”

ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย

Micro SME ได้ประโยชน์ แต่ไซส์ S น่าห่วง

ฐนิวรรณ อธิบายต่อว่า โครงการคนละครึ่งกลุ่มร้านอาหารที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือ ร้าน Micro SME ที่มีจำนวนกว่า 6 แสนร้าน แต่อยากให้รัฐบาลขยายการเข้าร่วมของร้านที่มีรายได้ 1.8 ล้านบาทขึ้นไป หรือ SME ไซส์ S เพราะตอนนี้ต้นทุนร้านอาหารสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นภาษีป้าย ประกันสังคมที่เจ้าของต้องทำให้ลูกจ้าง และค่าวัตถุดิบ

“ร้านอาหารร้านเล็ก เปิดง่าย ปิดง่าย บางร้านที่เคยปิดไป อาจจะกลับมาเปิดช่วงโครงการคนละครึ่งก็ได้ แต่ที่มีปัญหาคือ ร้านที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ร้านที่ต้องจ่ายค่าที่ ค่าจ้างพนักงาน เพราะร้านแบบนี้ไปแล้วไปเลย ดังนั้น อยากให้รัฐบาลขยายให้ร้านที่มีรายได้ 1.8 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านเข้าร่วมคนละครึ่งเฟส 2”

สุทธิพล เสริมว่า ร้านที่ต้องเสีย Vat แม้จะได้เข้าโครงการ เที่ยวดีมีคืน ก็จริง และเหมือนจะได้ประโยชน์มากกว่า แต่โครงการคนละครึ่งกระตุ้นได้เร็วกว่า

คุณาพงศ์ เตชวรประเสริฐ เจ้าของเพจขายดีไปด้วยกัน

แนะร้านรีสกิล-อัพสกิล

ฐนิวรรณ ทิ้งท้ายว่า ตอนนี้การแข่งขันของร้านอาหารในไทยสูงขึ้นมาก เพราะไม่ได้มาจากแค่ผู้ประกอบการไทย  แต่ยังมีผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามา อยากให้กระทรวงเกษตรและกระทรวงพาณิชย์ ช่วย เชื่อมโยงร้านอาหารกับเกษตรกร เพื่อลดคนกลางเพื่อจะลดต้นทุนวัตถุดิบ ลดต้นทุนขนส่ง เพื่อให้ร้านอาหารสามารถเติบโตได้ในระยะยาว ส่วนเกษตรกรก็สามารถขายสินค้าในราคาดีสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการควรจะต้องอัพสกิล-รีสกิล เช่น ใช้ Food Delivery เพื่อเพิ่มช่องทางการขายใหม่ ๆ  โดยทาง ยอด ชินสุภัคกุล เสริมว่า LINE MAN มีการจัดกิจกรรมร่วมกับ Depa เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และการใช้เทคโนโลยีอย่างซอฟต์แวร์จัดการร้าน หรือ POS เพื่อเพิ่มโอกาสให้ร้านค้าสามารถขอเงินทุนได้

ธนันท์รัท เกื้อหนุน เจ้าของร้านตำยำยั่ว by โบตั๋น

สุดท้าย ฐนิวรรณ ย้ำว่า อยากให้ร้านค้ารายย่อยเข้าคนละครึ่ง อย่ากลัวเรื่องภาษี เพราะถึงแม้ว่ารัฐบาลจะเน้นย้ำว่าจะไม่เก็บภาษีกับร้านที่เข้าโครงการคนละครึ่ง แต่สุดท้ายภายในปี 2570 ทุกคนต้องยื่นภาษี หนีไม่รอดอยู่แล้ว ดังนั้น การเสียภาษีไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพราะการอยู่ในระบบภาษีช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและต่อยอดสู่การขยายกิจการได้ในอนาคต

]]>
1545647
ทิศทาง “กรุงไทย” หลังพ้นรัฐวิสาหกิจ วางจุดยืน “แบงก์พาณิชย์ของรัฐ” https://positioningmag.com/1309417 Mon, 07 Dec 2020 12:03:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1309417 กรุงไทย (KTB) กำลังเดินสู่ก้าวใหม่ หลังคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความสถานะของธนาคารว่าพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ ในช่วงเวลาเดียวกัน ต้องเผชิญกับความท้าทายของธุรกิจเเบงก์” ในยุคดิจิทัล ฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจจากพิษ COVID-19 

การประกาศจะเป็น “เเบงก์ของคนต่างจังหวัด” เข้าถึงชุมชนในไทย เเละรองรับมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ของรัฐ ก็เป็นอีกหนึ่ง “งานหิน” ที่ต้องพัฒนาต่อไปเช่นกัน วันนี้เรามาฟังทิศทางต่อไปของกรุงไทยชัดๆ จากเอ็มดี KTB กัน 

ชูจุดเด่น “เเบงก์พาณิชย์ของรัฐ” 

ประเด็นการพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ยืนยันว่า การเปลี่ยนเเปลงดังกล่าวเป็นเป็นการเปลี่ยนที่รูปแบบ เเต่ไม่ได้เป็นสารสำคัญ 

เรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของกรุงไทยเเต่อย่างใด เพราะเราวางตัวเป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐมาโดยตลอด เเละจะไม่มีการปลดพนักงานออก

โดยผยงอธิบายเพิ่มว่า เเม้ธนาคารกรุงไทยจะพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจเเล้ว ตามการตีความด้วยสถานะ เเต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในภาคปฏิบัติยังคงเป็นธนาคารพาณิชย์ของกระทรวงการคลังของรัฐบาล ที่มีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) และกระทรวงการคลัง ถือหุ้นใหญ่กว่า 55% มานานกว่า 30 ปีเเล้ว ซึ่งทุกอย่างก็ยังอยู่เหมือนเดิม 

ด้านเงินฝากของหน่วยงานรัฐรัฐวิสาหกิจนั้น ทางกระทรวงการคลังได้เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจฝากเงินกับธนาคารกรุงไทยต่อไปได้ ส่วนผลกระทบด้านอื่นๆ ก็ทยอยความชัดเจนออกมาต่อเนื่อง

ผู้บริหารกรุงไทยเน้นว่าการปฏิบัติงานต่างๆ เหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม

ตอนนี้เราค้นพบตัวเอง หาทางเดินที่เหมาะสม โดยการเป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐเเห่งเดียวของประเทศไทยที่วางสถานะให้เเข่งขันกับเเบงก์ใหญ่เจ้าอื่นๆ ได้ อยากให้ความมั่นใจเเละไม่ต้องกังวล

-ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย

ส่วนกระเเสข่าวที่ว่าจะเป็นการฉวยโอกาสเพื่อเอาพนักงานออกนั้นไม่ใช่เรื่องจริง

โดยการพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ในด้านสวัสดิการพนักงาน มีเพียงเรื่องเดียวที่จะเปลี่ยนคือ เรื่องการรักษาพยาบาล เนื่องจากพนักงานรัฐวิสาหกิจนั้นจะอยู่ภายใต้ พ... งบประมาณฯ ไม่ต้องเข้า พ... ประกันสังคมเหมือนเอกชน

เเต่เมื่อพ้นสภาพมาเเล้ว ผยงกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะเเต่เดิมกรุงไทยก็ไม่ได้ใช้เงินจากงบประมาณแผ่นดินในการดำเนินงาน ดังนั้นธนาคารจะแก้ไขระเบียบภายในให้สามารถปรับการรักษาพยาบาลของพนักงานให้คงสิทธิ์เช่นเดิมได้ โดยได้หารือกับสหภาพเเรงงานถึงการเปลี่ยนเเปลงดังกล่าวเเล้ว เเละเป็นไปด้วยดี

เราจะยืนอยู่บนตัวตนของเรา เป็นพันธมิตรกับรัฐบาล จับมือกับพาร์ตเนอร์อื่นๆ ที่เข้าใจเราเเละเราเข้าใจเขา ทุ่มลงทุนเทคโนโลยี เเละศึกษาทางเลือกอยู่เสมอ

Photo : Shutterstock

เปลี่ยนบริการให้เป็นเซลส์ 

ช่วงที่ผ่านมา กรุงไทยเริ่มปรับตัวครั้งใหญ่ ด้วยการขยับไปสู่การเป็น Personal Life Banking เข้าไปอยู่ในการใช้ชีวิตของผู้คน ผ่านการยึดโยงทางดิจิทัล เป็น One Stop Service เเละเป็น Omni-Channel 

เราจะเเบงก์ของคนต่างจังหวัด ใกล้ชิดชุมชน เเละจะต่อยอดให้เข้าถึงคนไทยให้ได้มากที่สุดต่อไป

ส่วนความท้าทายในการขับเคลื่อนองค์กรที่อยู่มานานนั้น ผยงตอบว่า คือการ ReskillUpskill เพิ่มทักษะยุคใหม่ให้พนักงาน รวมไปถึงการใช้ Data ที่ธนาคารมีอยู่มหาศาลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

โดยต่อไป กรุงไทย มีวิสัยทัศน์ธุรกิจ 5 เเนวทางหลักๆ ได้เเก่

  • ประคองธุรกิจหลัก ให้ก้าวผ่านช่วงวิกฤตโลก
  • สร้างธุรกิจใหม่ ที่ไม่ใช่เเค่ธุรกรรมธนาคารเเต่ขยายในน่านน้ำอื่นๆ
  • ใช้กระดาษน้อยลง ประหยัดพลังงาน ดำเนินงานสาขาอย่างเป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อม
  • หาพันธมิตรใหม่ๆ ร่วมมือกันสร้างนวัตกรรม เเละลงทุนในเทคโนโลยี
  • ยึดถือสโลเเกนกรุงไทยเคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน  ช่วยเหลือชุมชน SME เพิ่มทักษะให้พนักงาน

เรามีการเปลี่ยนบริการให้เป็นเซลส์ (การขาย) เช่น การเพิ่มบริการคอลเซ็นเตอร์ ด้านการทวงหนี้ ติดตามหนี้ ประเมินหลักทรัพย์ต่างๆ ไปให้บริการกับบริษัทอื่นเพื่อเป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่ง

นอกจากนี้ เเต่เดิมกรุงไทยตั้งการใช้งบฯ การลงทุนไว้ที่ 1.4 หมื่นล้าน เเต่ปีนี้ใช้ไปได้เเค่ 7-8 พันล้านจากสถานการณ์โรคระบาด จึงคาดได้ว่าปีหน้าจะมีการทุ่มลงทุนมากขึ้นอย่างเเน่นอน โดยเฉพาะในส่วนดิจิทัล เพื่อรองรับมาตรการต่างๆ ของรัฐ อย่าง เเอปฯ เป๋าตัง เว็บไซต์ลงทะเบียนคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ฯลฯ เเละขยายฐานลูกค้าผู้ใช้เเอปพลิเคชัน Krungthai NEXT จากผู้ใช้ตอนนี้ 9.95 ล้านรายให้ได้ 12 ล้านรายในปีหน้า

ธนาคารกรุงไทย ได้แต่งตั้งให้ไปรษณีย์ไทยเป็น Banking Agent อย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการทางการเงินให้สะดวกยิ่งขึ้น

ปี 2564 : ประคองธุรกิจ ดูแลสินเชื่อเก่าให้ดีและรอด

ธนาคารพาณิชย์ได้รับผลกระทบหนักจาก COVID-19 ทั้งด้านผลกำไรที่ลดลงเเละราคาหุ้นที่ตกต่ำ เเม้จะผ่านช่วงวิ
กฤตไปเเล้ว เเต่ปีหน้ายังมีความท้าทายสูง จากความเสี่ยงหนี้เสียเเละคนตกงาน

ไม่ใช่ปีเเห่งกำไร หรือปีเเห่งการเติบโต เเต่เป็นปีเเห่งการรักษาความเเสถียร เน้นดูแลสินเชื่อเก่าให้ดีและรอด ผยง ศรีวณิช กล่าวถึงทิศทางธุรกิจในปี 2564

โดยมองว่า แผนดำเนินงานในปีหน้าจะยังไม่เน้นการเติบโตของสินเชื่อใหม่มากนัก ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 2-3% ใกล้เคียงกับการขยายตัวของจีดีพีไทย

ผยง คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะหดตัวในกรอบ -6% ถึง -7 % ขณะที่ปี 2564 เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จะขยายตัวได้ในกรอบ 2.0% ถึง 4.0%

เเม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวบ้างเเล้ว เเต่ประเทศไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะการพึ่งพาการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนกว่า 10% ของจีดีพี เเต่ยังฟื้นตัวจำกัด ยังไม่สามารถว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาได้เท่าใดเเละเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับการพัฒนาเเละกระจายจายวัคซีน

ดังนั้น ธนาคารจึงต้องเน้นไปที่การประคองเศรษฐกิจ นำเสนอบริการที่เเยกตามกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ระวังตลาด
เเรงงานที่ยังเปราบาง อัตราว่างงานสูง ระวังความเสี่ยงจากหนี้เสีย (NPL) ซึ่งตอนนี้ของ KTB อยู่ที่ราว 4% นิดๆรวมไปถึงความเสี่ยงจากหนี้ครัวเรือนด้วย

ประเทศไทยจะลดหนี้ครัวเรือนไม่ได้ หากไม่เพิ่มรายได้ให้ประชาชน…”

ช่วงที่ผ่านมา ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบขาก COVID-19 ที่เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือของกรุงไทย คิดเป็น 18% ของสินเชื่อรวมที่ระดับ 1.8 ล้านล้านบาท ถือว่าไม่มากนัก เมื่อเทียบกับธนาคารอื่นจะอยู่ที่ราว 30-40% ปัจจัยหลักๆ มาจากลูกค้าเป็นกลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องรายได้ ส่วนสินเชื่อรายย่อยส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เชื่อมโยงไปยังซัพพลายเชนธุรกิจอื่นๆ มากนัก

ภาครัฐยังเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า ต้องกระตุ้นกำลังซื้อภาคครัวเรือนให้ความต่อเนื่อง ทั้งโครงการคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ช้อปดีมีคืน

ผยง บอกอีกว่า การเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ จะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงยกระดับความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยในระยะยาว

@ลุยต่อคนละครึ่งคาดเเห่ลงเฟส 2 ถึง 10 ล้านคน

หนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ ณ ขณะนี้ คงหนีไม่พ้น โครงการคนละครึ่ง ที่ส่งเสริมให้พ่อค้าเเม่ค้ารายย่อยมีรายได้มากขึ้น โดยภาครัฐจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ ภายใต้วงเงินอุดหนุน 30,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 23 ..-31 .. (เฟสเเรก)

ล่าสุดเฟส 2” จะเริ่มให้ใช้สิทธิในวันที่ 1 .. – 31 มี.. 2564 ขยายวงเงิน 3,500 บาทต่อคน และเพิ่มวงเงินให้แก่ผู้ได้รับสิทธิในเฟสแรกอีก 500 บาทต่อคน เปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ..นี้ เป็นต้นไป

เรากำลังเร่งฝ่ายไอทีให้ตรวจสอบเสถียรภาพ ไม่ให้เกิดปัญหาคอขวด แม้ว่าจะเปิดรับลงทะเบียนเพียง 5 ล้านคน แต่เชื่อว่าจะมีผู้สนใจมาลงทะเบียนสูงถึง 10 ล้านคน

โดยมีการปรับปรุงระบบการลงทะเบียนหน้าเว็บไซต์ ให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้มากขึ้นจาก 200,000 คน ต่อการเข้าใช้งาน 1 ครั้ง เป็น 500,000-1,000,000 คน ต่อการใช้งานในแต่ละครั้ง พร้อมประสานกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในการเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วของระบบการส่งข้อความยืนยัน โอทีพี (OTP) ผ่าน SMS

ส่วนผู้เข้าร่วมโครงการในเฟสเเรก แล้วต้องการต่อสิทธิ์อัตโนมัติรัฐบาลจะมีการเพิ่มปุ่มหรือส่งข้อความให้ผู้ลงทะเบียนเฟส 1 ยืนยันว่าจะเข้าร่วมมาตรการต่อในเฟส 2 หรือไม่ ขณะที่ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์จากโครงการคนละครึ่ง เฟสเเรก เนื่องจากไม่ได้ใช้จ่ายภายใต้โครงการภายในวันที่กำหนดไว้ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเฟส 2 ได้ 

สำหรับโครงการคนละครึ่ง วันที่ 2 ธันวาคม 2563 มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8.9 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9.5 ล้านคน มียอดการใช้จ่ายสะสม 33,754 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 17,236 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 16,518 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 181 บาทต่อครั้ง 

ส่วนจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช ชลบุรี และเชียงใหม่ โดยผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง

 

 

 

]]>
1309417