AOT – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 21 Jan 2021 03:38:23 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 AOT ประกาศยืดเวลาจ่าย ‘ค่าตอบแทน-ค่าเช่าพื้นที่’ ช่วยสายการบินเเละร้านค้า ต่ออีก 6 เดือน https://positioningmag.com/1315457 Wed, 20 Jan 2021 14:37:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1315457 ธุรกิจการบินยังฟื้นยาก AOT ขยายเวลามาตรการเลื่อนชำระ “ค่าผลประโยชน์ตอบแทน-ค่าเช่าพื้นที่-ค่าบริการ” ช่วยผู้ประกอบการเเละสายการบิน ต่ออีก 6 เดือน

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ยังมีความรุนแรงต่อเนื่องในหลายประเทศ รวมทั้งมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทย ส่งผลให้ผู้ประกอบการและสายการบิน ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว

ดังนั้น เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบิน ให้ยังคงสามารถประกอบธุรกิจไปได้ รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ ในการประชุมคณะกรรมการ ทอท. ประชุมครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันพุธที่ 20 ม.ค. 2564 ที่ประชุมมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการเลื่อนการชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทน ค่าเช่าพื้นที่ และค่าบริการต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการและสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบดำเนินงานของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. ขยายระยะเวลาการเลื่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มเติม 

  • สำหรับงวดที่ครบกำหนดชำระตั้งแต่เดือน ก.พ. – ก.ค. 2563 ให้ขยายระยะเวลาการเลื่อนชำระออกไปอีก 6 เดือน รวมระยะเวลาการเลื่อนชำระเป็น 18 เดือน
  • สำหรับงวดที่ครบกำหนดชำระตั้งแต่เดือน ส.ค. – ธ.ค. 2563 ให้ขยายระยะเวลาการเลื่อนชำระออกไปอีก 6 เดือน รวมระยะเวลาการเลื่อนชำระเป็น 12 เดือน

2. ขยายระยะเวลาการเลื่อนชำระค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร ค่าบริการสนามบิน (Landing and Parking Charges) และค่าเครื่องอำนวยความสะดวก (Aircraft Service Charges) เพิ่มเติม

  • สำหรับงวดที่ครบกำหนดชำระตั้งแต่เดือน เม.ย. – ก.ค. 2563 ให้ขยายระยะเวลาการเลื่อนชำระออกไปอีก 6 เดือน รวมระยะเวลาการเลื่อนชำระเป็น 18 เดือน
  • สำหรับงวดที่ครบกำหนดชำระตั้งแต่เดือน ส.ค. – ธ.ค. 2563 ให้ขยายระยะเวลาการเลื่อนชำระออกไปอีก 6 เดือน รวมระยะเวลาการเลื่อนชำระเป็น 12 เดือน

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการและสายการบิน ที่ประสงค์จะขอรับสิทธิ์การขยายระยะเวลาการเลื่อนชำระดังกล่าว จะต้องทำหนังสือถึง ทอท. เพื่อร้องขอรับสิทธิ์ดังกล่าว โดย ทอท. สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือยกเลิกเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินดังกล่าว ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19

]]>
1315457
ปรากฏการณ์ DELTA หุ้นเด้งเเห่งปี 2020 พุ่งทะยาน…เหนือคำทำนาย https://positioningmag.com/1312243 Sun, 27 Dec 2020 18:41:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1312243 DELTA ขึ้นเเท่นสุดยอดหุ้นเด็ดของปีนี้ไปอย่างไร้ข้อกังขา พุ่งทะยานขึ้นมาด้วยราคาที่เกินไขว่คว้า ทำ All Time High ดันมูลค่าบริษัทเกิน 8.5 เเสนล้านบาท ติดระดับท็อป 3 ตอนนี้เป็นรองเเค่บิ๊กน้ำมันอย่าง PTT เเละเจ้าท่าอากาศยานไทยอย่าง AOT เท่านั้น (จ่อเเซงในเร็วๆ นี้)

นับว่าเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ของตลาดหุ้นไทยในรอบหลายปี เพราะ DELTA เป็นหุ้นเด้งเหนือความคาดหมาย’ ราคาเพิ่มขึ้นถึง 2,600% จากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม เด้งขึ้นมาเเล้วกว่า 24 เด้ง ภายในเวลาเดือน ทะลุ 684 บาท (ณ วันที่ 25 .. 2020) 

ย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2019 หุ้นของ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ปิดที่ราคาเเค่ 53.50 บาท ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก เพราะผลกระกอบการในปีนั้นที่ชะลอตัวลง โดยมีกำไรสุทธิ 2,960 ล้านบาท ลดฮวบไปกว่าครึ่งจากปี 2018 ที่มีกำไรสุทธิ 5,137 ล้านบาท

ในช่วงต้นปี หุ้นของ DELTA ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ไม่น้อย โดยเดือนมีนาคม ราคาหุ้นตกต่ำสุดถึงระดับ 27 บาท หลังถูกเทขายเช่นเดียวกับหุ้นตัวอื่นในตลาด ก่อนจะขยับขึ้นมาอยู่ในระดับ 50-200 กว่าบาท อยู่สักระยะ หลายคนไม่อาจคาดคิดว่าเมื่อถึงวันใกล้สิ้นปีนี้ ราคาจะพุ่งขึ้นมาเกิน 600 บาทได้

ณ วันที่ 25 .. 2020 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของ DELTA ขยับมาอยู่ที่ 853,209.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 786,474.10 ล้านบาท จากสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 66,734.92 ล้านบาท ขึ้นเเท่นอันดับที่ 3 จากเคยอันดับที่ 54 เมื่อสิ้นปี 2019

วันที่ 28 ธันวาคม 2020 เวลาประมาณ 10.45 น. DELTA มีมูลค่าบริษัททะลุ 1 ล้านล้านบาทแล้ว จากราคาหุ้นละ 810 บาท ส่งผลให้มูลค่าบริษัทของ DELTA แซงหน้า AOT ขึ้นเป็นบริษัทมูลค่าสูงสุดอันดับ 2 ของประเทศ เตรียมจ่อเเซงเบอร์ 1 อย่าง ปตท.
เเม้ตอนนี้มาร์เก็ตเเคปจะใกล้เคียงกันมาก เเต่เมื่อดูกำไรจากผลประกอบการของ ปตท. กับ DELTA นั้น “ห่างกันมาก” โดยในปี 2019 ปตท. มีกำไรสุทธิราว 9.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ DELTA มีกำไรสุทธิเเค่ 2,960 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เป็นไปตามที่หลายคนคาด หลังดีดไปจนสุดเพดาน ในวันที่ 29 ธันวาคม 2020 หุ้น DELTA เริ่ม “ผันผวนหนัก” เปิดตลาดเช้าติดลบที่ -11% ลงไปจุดต่ำสุดอยู่ที่ 428 บาทต่อหุ้นเเล้ว มูลค่าบริษัทหายไปหลายเเสนล้านบาท

Photo : deltathailand

DELTA ทำธุรกิจอะไรบ้าง ?

DELTA เป็นบริษัทลูกของ DELTA Electronics (Taiwan) ประเทศไต้หวัน ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซัพพลายและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ถูกนำใช้เป็นส่วนประกอบในหลายอุตสาหกรรม เช่น วงการพลังงาน อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องมือแพทย์ รถยนต์และโทรคมนาคม ฯลฯ

จุดดึงดูดของ DELTA คือการเป็นผู้ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สําหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ยานยนต์เเห่งอนาคตที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐทั่วโลกเเละบริษัทเอกชนก็ทุ่มลงทุนในด้านนี้กันมหาศาล

การมาของเทรนด์โลกพลังงานสีเขียวก็เข้าทาง DELTA ไปเต็มๆ เพราะมีส่วนธุรกิจทั้งการผลิตสถานีชาร์จประจุไฟฟ้ารถยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และมอเตอร์ไดรฟ์พลังงานสูง

รายได้ของ DELTA  เเบ่งตามผลิตภัณฑ์ ได้เป็น 4 ส่วน โดยอิงจากรายได้รวมของบริษัท เปี 2019 ที่ 51,896 ล้านบาท ดังนี้ 

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ 

ผลิตและการบริการแบบครบวงจรด้านการจัดการพลังงาน และการจัดการความร้อน มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 63.1% หรือราว 32,746 ล้านบาท 

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐาน

สำหรับเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล โซลูชันเครือข่าย ระบบพลังงานสำหรับพลังงานทดแทน และเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 32.4% หรือราว 16,814 ล้านบาท

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์อัตโนมัติ

อุปกรณ์อัตโนมัติสำหรับภาคอุตสาหกรรม ระบบโรงงานอัจฉริยะ รวมถึงระบบแสงสว่าง และระบบเฝ้าระวังอัตโนมัติสำหรับอาคาร มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 4.2% หรือราว 2,179 ล้านบาท

  • อื่นๆ 0.3%
Photo : deltathailand.com

DELTA มีฐานการผลิตอยู่ในภูมิภาคต่างๆ เเละมีลูกค้ารายใหญ่ทั่วโลกเเบ่งรายได้จากแหล่งต่างๆ ได้เเก่ เอเชีย 36% สหรัฐอเมริกา 34% ยุโรป 28% และอื่นๆ อีก 2%

ด้านผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีของ DELTA นั้น ได้เเก่
ปี 2017 รายได้ 50,330 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,931 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 53,937 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,137 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 51,897 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,960 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าก่อนวิกฤต COVID-19 รายได้ของ DELTA ค่อนข้างทรงตัวเเละ “ไม่หวือหวามากนัก” จนกระทั่งถึงปีนี้รายได้ของบริษัทกลับมาก้าวกระโดดอานิสงส์ในช่วงล็อกดาวน์ที่ทำให้ธุรกิจด้าน Cloud , Data Center และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ผลประกอบการของบริษัทหลักทรัพย์กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เติบโต

ในผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2020 บริษัทได้สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการฟื้นตัวแรงเกินคาด ทำกำไรสุทธิ 2,021 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 136% จากไตรมาสก่อน

ทำไมราคาหุ้น DELTA พุ่งแรงขนาดนี้ ?

ช่วงครึ่งปีหลัง หุ้น DELTA เริ่มคักคัก ดันราคาขยับขึ้นต่อเนื่อง มีนักลงทุนบางกลุ่มเข้ามาทยอยเก็บหุ้นกักตุนล่วงหน้า

ราคาหุ้นของ DELTA ขยับขึ้นมาปรับขึ้นมาเทรดเหนือ 100 บาท เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม เเละรายได้ผลประกอบการในไตรมาส 3 ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 2,642 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 327.25% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 618.38 ล้านบาท เติบโตในทุกธุรกิจ ผลักดันให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

ประกอบกับการได้เข้าคำนวณใน MSCI เเละกำลังเตรียมเข้าไปคำนวนในดัชนี ‘SET50’ ซึ่งจะมีผลในต้นปี 2021 ทันที ก็ทำให้ได้รับแรงส่งจากเหล่ากองทุนต่างๆ ซึ่งการที่หุ้น DELTA มีมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นอันดับ 3 ตามราคาหุ้นปัจจุบัน จะมีนำ้หนักต่อ SET ประมาณ 5% เลยทีเดียว

สำหรับ 5 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ณ วันที่ 25 ธันวาคม ได้เเก่

1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) PTT มูลค่าบริษัท 1.1 ล้านล้านบาท
2.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT มูลค่าบริษัท 8.9 แสนล้านบาท
3.บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มูลค่าบริษัท 8.5 แสนล้านบาท
4.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าบริษัท 5.3 แสนล้านบาท
5.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) มูลค่าบริษัท 5.3 แสนล้านบาท

ในช่วงต้นเดือนธันวาคม ราคาหุ้น DELTA พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ระดับ 400 บาทเเม้จะเป็นหุ้นพื้นฐานดี มีปัจจัยการเติบโตที่เกื้อหนุน เเละตอนนี้ทางบริษัทยังมุ่งหน้าขยายธุรกิจที่เกี่ยวกับ 5G ทั้งในส่วนของ Power Supply และ Server ด้วย เเต่หลังจากราคาเกิน 400 บาท นักวิเคราะห์ก็เริ่มจับทิศทางไม่ได้เเล้ว

เเม้บริษัทแม่ที่ไต้หวัน ราคาหุ้นก็ยังไม่พุ่งสูงขึ้นขนาดเท่าบริษัทลูกในไทย

DELTA ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ เรื่องสถานการณ์ซื้อขายหลักทรัพย์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญว่า ตามที่บริษัทไม่มีพัฒนาการที่สําคัญใดๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท

ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยกับอีไฟแนนซ์ไทยว่าตลท.ยังไม่พบความผิดปกติในการซื้อขายหุ้นของ DELTA

เเต่การที่ราคาหุ้น DELTA สูงกว่าปัจจัยพื้นฐานไปไกลมากๆเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังนักลงทุนต้องถามใจตัวเองให้ดี

สิ่งที่ต้องจับตามองอย่างยิ่ง คือเรื่อง “Free Float ต่ำเพราะปัจจุบัน DELTA มีสัดส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อยเพียง 22.35% ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าบริษัท การที่หุ้นส่วนมากถือครองโดยรายใหญ่ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงของราคาได้ง่าย หากมีการทุ่มซื้อหรือเทขาย ดังนั้นผู้ลงทุนต้องพิจารณาให้รอบด้านเเละตัดสินใจให้รอบคอบ

ปีหน้าคงต้องใจจดใจจ่อ ดูว่าหุ้นตัวเเรงทะลุอวกาศอย่าง DELTA จะเป็นไปในทิศทางใดกันเเน่…

 

—ล่าสุด ณ วันที่ 30 ธันวาคม ตลท. เตือนนักลงทุนระวังซื้อขายหุ้น ‘DELTA’ มีความผันผวนสูง โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาเหวี่ยงจาก 378 บาท ไปเเตะสูงสุด 838 บาท ปิดที่ 474 บาท มูลค่าซื้อขายกว่า 8,000 ล้าน/วัน กำลังอยู่ระหว่างติดตาม-ตรวจสอบสภาพการซื้อขายอย่างใกล้ชิด

 

 

ที่มา : SET , ข้อมูลประจำปี DELTA , MGR Online (1), (2)

]]>
1312243
ด่วน! ศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ ทอท. เปิดทางเข้าออก “เซ็นทรัล วิลเลจ” เปิดพรุ่งนี้! https://positioningmag.com/1244642 Fri, 30 Aug 2019 08:48:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1244642 หลังมีประเด็นพิพาท ทอท. ขนอุปกรณ์ปิดทางเข้าออก “เซ็นทรัล วิลเลจ” ลักชัวรี่ เอาท์เล็ต ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการเข้าตกแต่งร้านค้า ที่มีกำหนดเปิดตัววันที่ 31 ส.ค. นี้ กระทั่งเรื่องต้องไปสู่ศาลปกครองเพื่อให้ตัดสินคดีนี้

เซ็นทรัลพัฒนา หรือ ซีพีเอ็น ได้ฟ้องร้องไปยังศาลปกครองและขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ ทอท. เปิดทางเข้าออกโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ โดยศาลได้ไต่สวนฉุกเฉิน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และ ซีพีเอ็น เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (30 ส.ค.) ศาลปกครองได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ ทอท. เปิดทางเข้าออกโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ซึ่งมีกำหนดการเปิดตัวโครงการในวันที่ 31 ส.ค. นี้  

เซ็นทรัลวิลเลจพร้อมเปิดพรุ่งนี้

ปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จํากัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่าพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) พร้อมเปิดบริการตามกำหนดเดิม ตั้งแต่ 10:39 – 22:00 น. 

“ซีพีเอ็น พันธมิตรร้านค้า กว่า 150 ร้าน และพนักงานกว่า 1,000 คน ขอขอบคุณภาครัฐ ศาลปกครอง ประชาชน สื่อมวลชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดความเป็นธรรม และช่วยคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ”

โครงการยืนยันได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายผังเมือง มีความปลอดภัยต่อการบิน ทั้งความสูง และไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่จะกระทบหรือรบกวนการบิน เป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

4 วิธีเดินทางไปเซ็นทรัลวิลเลจ

1. บริการฟรีรถรับส่ง (Free Shuttle Bus) จากเซ็นทรัลเวิลด์ ออกวันละ 3 รอบ คือ 11.00, 15.00 และ 19.00 น. และ จากป้ายรถประจำทาง สถานีบีทีเอสอุดมสุข หมุนเวียน วันละ 5 รอบ คือ 10.00, 12.30, 15.00,  18.00 และ 20.30

2. ขนส่งสาธารณะ (รถไฟฟ้าบีทีเอส-แอร์พอร์ต เรล ลิงก์-รถประจำทาง) เดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอุดมสุข ใช้ทางออก 1, 3 หรือ 5 แล้วต่อ Shuttle Bus มายังโครงการ หรือ เดินทางด้วย แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ลงที่สถานีสุวรรณภูมิ แล้วเรียก Taxi รถประจำทาง สาย 558 (สนามบินสุวรรณภูมิ-เซ็นทรัล พระราม 2) ลงป้าย วิทยาลัยเกริกแล้วเดินต่อ 450 เมตร

3. รถยนต์ส่วนตัว เดินทางมุ่งหน้ายังสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370

4. บริการ GRAB จัดโปรโมชั่น ตั้งแต่ 31 ส.ค. ถึง 30 ก.ย. 2562 ใช้ GrabCar Premium and SUV เดินทางไป-กลับ เซ็นทรัลเวิลด์ หรือ เซ็นทรัล วิลเลจ ราคาเดียว 450 บาท ใส่โค้ด “SVB450” หรือใช้ GrabCar Luxe เดินทางไป-กลับ เซ็นทรัลเวิลด์ หรือ เซ็นทรัลวิลเลจ ลดทันที 300 บาท ใส่โค้ด “SVB300” *ส่วนลดต่อวันมีจำนวนจำกัด

]]>
1244642
มีแผนสำรอง! “เซ็นทรัล วิลเลจ” ดิ้นทุกทางเปิด “ลักชัวรี่ เอาท์เล็ต” 31 ส.ค. นี้ แน่นอน https://positioningmag.com/1244282 Wed, 28 Aug 2019 07:57:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1244282 เป็นประเด็นที่ต้องรอลุ้นว่าจะจบอย่างไร กับศึกช้างชนช้างระหว่าง ทอทและ เซ็นทรัล วิลเลจ หลังเกิดข้อพิพาท เมื่อ ทอท. ขนอุปกรณ์ปิดทางเข้าออกด้านหน้าโครงการ ตั้งแต่วันที่ 22 .ที่ผ่านมา ขณะที่โครงการกำลังเร่งตกแต่งร้านค้าเพื่อให้ทันเปิดตามกำหนดวันที่ 31 .นี้

สำหรับประเด็นที่เกิดขึ้นจากฝั่ง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) เพื่อสอบถามความเหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของเซ็นทรัล วิลเลจ ที่เห็นว่าอาจจะขัดกับเงื่อนไขกฎเกณฑ์การบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตามเงื่อนไขพัฒนาพื้นที่รอบสนามบิน รวมทั้งกรณีการใช้พื้นที่โดยพลการในการก่อสร้างแนววางท่อประปาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

โดย ทอท. ได้นำรถ อุปกรณ์ และตั้งเต็นท์ ปิดทางเข้าออกโครงการ ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ร้านค้าและผู้รับเหมาต้องเดินเท้าขนอุปกรณ์เข้าไปในโครงการเพื่อตกแต่งร้านค้า

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ เซ็นทรัลพัฒนา เจ้าของโครงการ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ได้ร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว ให้ ทอท. เปิดทางเข้าออกโครงการ โดยศาลปกครองนัดไต่สวนฉุกเฉินวันนี้ (28 ส.ค.)

ปิดป้ายแลกคนละหมัด

ก่อนถึงกำหนดเปิดบริการเซ็นทรัล วิลเลจ วันนี้ (28 ส.ค.) “ซีพีเอ็น” ได้พาสื่อมวลชนสำรวจโครงการลักชัวรี่ เอาท์ เล็ต “เซ็นทรัล วิลเลจ” ที่กำลังอยู่ระหว่างการเร่งตกแต่ง 150 ร้านค้า เพื่อเปิดให้บริการในวันที่ 31 ส.ค. นี้

เริ่มตั้งแต่ถนนทางเข้าโครงการที่ถูก ทอท. นำอุปกรณ์และตั้งเต้นท์ปิดทางเข้าออกตั้งแต่ วันที่ 22 ส.ค. 2562 และติดตั้งป้ายด้านหน้าทางเข้าโครงการว่าเป็น “พื้นที่ในความครอบครองของ ทอท. ห้ามผู้ใดบุกรุก มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด”

ฝั่ง “เซ็นทรัล วิลเลจ” ได้นำป้ายมาติดตั้งหน้าโครงการเช่นกัน ข้อความย้ำว่า “โครงการนี้ตั้งอยู่ติดทางหลวงแผ่นดิน มิได้รุกล้ำพื้นที่ผู้ใด” เช่นกัน

ยืนยันเปิดแน่นอน 31 ส.ค. นี้

แม้ใกล้ถึงกำหนดเปิดบริการและ 150 ร้านค้า กำลังอยู่ระหว่างตกแต่งเพื่อให้ทันกำหนดเปิดตัว ขณะที่มีอุปสรรคในการขนอุปกรณ์ของร้านค้าต่างๆ เพื่อเข้ามาตกแต่ง จากการปิดทางเข้าออกของ ทอท.

แต่วันนี้ (28 ส.ค.) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารและพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ประกาศยืนยันว่าโครงการ ลักชัวรี่ เอาท์เล็ต แห่งแรกของประเทศไทย พร้อมเปิดตามกำหนดเดิมวันที่ 31 ส.ค. นี้

โดย เซ็นทรัล วิลเลจ ได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจรับผิดชอบโดยตรง พร้อมให้ตรวจสอบ

จี้รัฐเป็นธรรม-เร่งเคลียร์ปม ทอท.

ปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ลักชัวรี่ เอาท์เล็ต “เซ็นทรัล วิลเลจ” สามารถดึงนักลงทุน Global Brands ใหญ่ๆ ระดับโลกเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โครงการใช้เวลาเตรียมการมากว่า 5 ปี และลักชัวรี่ เอาท์เล็ตแห่งนี้ จะทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว และดึงคนไทยมาช้อปในประเทศ ทำให้ภาษียังหมุนเวียนอยู่ในประเทศ และทุกกลุ่มเข้าถึงสินค้าแบรนด์เนมได้ง่ายขึ้น

โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ขอให้ภาครัฐให้ความเป็นธรรมและช่วยคลี่คลายสถานการณ์ปัญหาต่างๆ โดยเร่งด่วน เนื่องจากผู้ประกอบการร้านค้าในโครงการได้รับผลกระทบไม่สามารถเข้ามาตกแต่งร้านค้าได้

โดยโครงการมีมูลค่าร่วมลงทุนของซีพีเอ็น และร้านค้ากว่า 150 ร้านค้า รวมกว่า 5,000 ล้านบาท หลังเปิดให้บริการคาดว่าจะมีการจ้างงานพนักงานร้านค้าที่เช่าพื้นที่กว่า 1,000 คน และคาดสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในประเทศกว่า 30,000 ล้านบาท”

รอลุ้นศาลคุ้มครองวันนี้ ย้ำมีแผนสำรอง

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (28 ส.ค.) ศาลปกครองได้นัดไต่สวน 2 ฝ่าย คือ ทอท. และ ซีพีเอ็น ซึ่งซีพีเอ็นขอให้ศาลพิจารณาออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ ทอท. เปิดทางเข้าออกโครงการ

กรณีหากศาลปกครองพิจารณาออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว หลังจากนั้น ซีพีเอ็น ก็มีสิทธิพิจารณาว่าจะฟ้องร้องคดีกับ ทอท. หากพบว่าการปิดทางเข้าออกโครงการตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับร้านค้า ผู้รับเหมา และโครงการ

“แต่ถึงขณะนี้ก็พร้อมเจรจากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องไม่ใช่การตีความเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”

ทั้งนี้ ไม่ว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร ซีพีเอ็น ก็ยืนยันจะเปิดบริการ เซ็นทรัล วิลเลจ ในวันที่ 31 ส.ค. นี้แน่นอน โดยมีแผนสำรองแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้นไว้แล้ว แต่ยอมรับว่าการเปิดโครงการในวันที่ 31 ส.ค. นี้ ยังไม่เต็ม 100% ความพร้อมอยู่ที่ 70% และจะใช้เวลาอีก 1 – 2 เดือนในการตกแต่งโครงการ

แจง 3 ปมข้อกล่าวหา ยันทำถูก กม.

สำหรับประเด็นที่มีข้อกล่าวอ้างการเปิดโครงการ เซ็นทรัล วิลเลจ ขอชี้แจง มี 3 ประเด็น

1. พื้นที่โครงการมีการเชื่อมทางเข้าออกอย่างถูกต้อง ไม่มีการรุกล้ำที่ดินของภาครัฐ (ที่ราชพัสดุ ลำรางสาธารณะ) และไม่ได้เป็นที่ดินตาบอด

ที่ดินโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ตั้งอยู่บนที่ดินที่ติดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของ ทอท.

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 เดิมเป็นที่ราชพัสดุ ต่อมากรมทางหลวงได้พัฒนาเป็นทางหลวงแผ่นดิน โดยได้ขึ้นทะเบียนเป็นทางหลวงแผ่นดินแล้ว จึงมีสถานภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ทำให้ไม่มีสถานะเป็นที่ราชพัสดุตามมาตรา 7 (2) พ.ร.บ. ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 และเป็นพื้นที่คนละบริเวณกันกับที่ภาครัฐเวนคืนมาเพื่อสร้างสนามบินที่ ทอท. ดูแล

โครงการได้รับอนุญาตเชื่อมทางอย่างถูกต้องจากกรมทางหลวง ซึ่งเป็นผู้ซึ่งมีอำนาจเต็มในการอนุมัติการเชื่อมทางแต่เพียงผู้เดียว

ทั้งนี้ พื้นที่ทางหลวงหมายเลข 370 หมายรวมถึง เขตทาง และไหล่ทาง ซึ่งติดกับที่ดินของเอกชน 2 ข้างถนน ซึ่งที่ดินของโครงการมีแนวเขตแนบสนิทต่อเนื่องกับเขตทางของ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ดังนั้น ที่ดินของโครงการจึงไม่ใช่ที่ดินตาบอด

2. ปฏิบัติตามกฎหมายผังเมือง

โครงการนี้ได้ปฏิบัติตามและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องในการก่อสร้างในพื้นที่สีเขียว บริเวณ ก1-10 ไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินพื้นที่สีเขียวบริเวณดังกล่าว โดยโครงการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายผังเมือง ไม่ได้มีการขอปรับผังเมืองแต่อย่างใด

3. ขออนุญาตก่อสร้างในพื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศ ไทยอย่างถูกต้อง

ยืนยันว่าการก่อสร้างมีความปลอดภัยต่อการบิน ไม่ได้ละเมิดกฎใดๆ ทั้งความสูง ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานสนามบิน หรือรบกวนการบินแต่อย่างใด โดยแบบมีความสูงที่ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จึงไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการติดธงแดงตามที่มีการ กล่าวอ้าง ในต่างประเทศหลายประเทศมีการกสร้างเอาท์เล็ตใกล้กับสนามบิน ที่ไม่ส่งผลกระทบกับการบิน

โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ประกาศติดป้ายลงทุนในพื้นที่มาแล้ว 5 ปี เริ่มก่อสร้าง 2 ปี ก่อนหน้านี้ไม่มีข้อร้องเรียนจากหน่วยงานใดๆ มาก่อน

]]>
1244282
AOT เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ AOT DIGITAL AIRPORTS : สนามบินมีชีวิต พร้อมทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่โลกเสมือนจริง เชื่อมท่าอากาศยานทั่วโลก https://positioningmag.com/1243318 Wed, 21 Aug 2019 08:34:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1243318 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ AOT DIGITAL AIRPORTS : สนามบินมีชีวิต ครอบคลุมท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. นำร่องท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินหน้าเชื่อมโยงท่าอากาศยานพันธมิตร 16 แห่งทั่วโลก พร้อมทรานส์ฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันเชิงธุรกิจ

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวว่า AOT DIGITAL AIRPORTS : สนามบินมีชีวิต เป็นนวัตกรรมที่เชื่อมโยงระบบ IT ทั้งหมดในสนามบินหรือท่าอากาศยาน ให้สื่อสารเพื่ออำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน ซึ่งในการดำเนินการต่อจากนี้ จะยังมีการเชื่อมโยงระบบไปยังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนอกท่าอากาศยาน ทั้งการคมนาคมและแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศ และเชื่อมโยงไปยังท่าอากาศยานพันธมิตร 16 แห่งทั่วโลก โดยปีนี้จะเป็นก้าวย่างที่สำคัญของ ทอท.ที่จะปรับรูปแบบการให้บริการ การพาณิชย์ (Digital Airports) การบริหารงานภายในองค์กร (Digital Office) รวมถึงการปฏิบัติการเพื่อผู้โดยสาร (Digital Operation) และสินค้า (Digital Cargo) อยู่บนโลกเสมือนจริง (Digital Platform) พร้อมก้าวสู่องค์กรดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

Digital Platform จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อ ทอท.นับจากนี้ไป ถือเป็นการทรานส์ฟอร์มรูปแบบและโครงสร้างธุรกิจของ ทอท. ในเชิงการบริหารจัดการ โดยจะเชื่อมโยงไม่เฉพาะภายใน ทอท. เท่านั้น แต่จะเชื่อมโยงไปยังหน่วยงานและองค์กรชั้นนำต่างๆ ทั้งภายในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งต่อไปนี้การสื่อสารกับระบบต่างๆ ในท่าอากาศยานจะขึ้นไปสู่โลกเสมือนจริง โดยในช่วงแรกจะสื่อสารผ่าน Application ของโทรศัพท์สมาร์ทโฟน

สำหรับ AOT DIGITAL AIRPORTS เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีในรูปแบบ Application บนอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเลต เพื่อบริหารจัดการท่าอากาศยานให้มีประสิทธิภาพ และยกระดับคุณภาพการให้บริการ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกผู้โดยสารในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการส่งเสริมกิจกรรมเชิงพาณิชย์ของผู้ประกอบการ ในท่าอากาศยาน โดย Digital Platform นี้จะครอบคลุมท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. โดยในช่วงแรกจะนำร่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และในอนาคตจะเชื่อมโยงท่าอากาศยานพันธมิตรอีก 16 แห่งทั่วโลก ซึ่งไม่เพียงสามารถนำข้อมูลการใช้งาน Application มาเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการภายในท่าอากาศยาน เช่น ปริมาณของผู้โดยสาร ตามจุดต่างๆ แบบเรียลไทม์ ทอท.ยังสามารถนำข้อมูลมาวางแผนปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการท่าอากาศยาน รวมทั้งในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ได้ตรงใจผู้โดยสารมากขึ้น และสร้างประสบการณ์อันดีแก่ผู้โดยสาร โดยในเบื้องต้น Application ดังกล่าวจะมีฟังก์ชันสำหรับให้ผู้โดยสารได้ใช้งาน ดังนี้ 1. Flight Information ตรวจสอบข้อมูลเที่ยวบิน เคาน์เตอร์เช็คอินและสัมภาระ 2. Map and Navigation แผนที่อัจฉริยะ (Intelligence Map) ในอาคารผู้โดยสารพร้อมนำทางไปยังจุดต่างๆ 3. Transport & Car Park บริการข้อมูลการให้บริการขนส่งสาธารณะและการเดินทางภายในท่าอากาศยาน 4. Facilities & Services บริการข้อมูลสิ่งอำนวนความสะดวกภายในท่าอากาศยาน 5. Shop & Dine แหล่งรวบรวมข้อมูลสินค้า ร้านอาหาร พร้อมโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษ 6. Flight Alerts แจ้งเตือนเที่ยวบินที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้โดยสารได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนไปท่าอากาศยาน 7. Suggestion & Help Desk ช่องทางการรับฟังข้อคิดเห็น และ 8. Mobile Application Translation เครื่องมือช่วยแปลภาษาได้ถึง 5 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษารัสเซีย และภาษาญี่ปุ่น

นายนิตินัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีพันธมิตรจากองค์กรชั้นนำมากมาย เล็งเห็นความสำคัญของ Digital Platform รูปแบบใหม่ จึงร่วมให้การสนับสนุนและนำเสนอสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้งาน Application จากกลุ่มพันธมิตรต่างๆ อาทิ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด, บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และพันธมิตรอื่นๆ อีกมากมาย

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและบริการ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT กล่าวว่า สำหรับ CAT มองภาพของ Digital Platform ว่าจะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านชีวิตประจำวัน และในเชิงธุรกิจได้อย่างชัดเจน ซึ่งสำหรับองค์กรธุรกิจนั้น สิ่งสำคัญคือ องค์กรจะต้องมีการ Transformation อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่ง AOT DIGITAL AIRPORTS จะเป็นการปฏิวัติรูปแบบการเดินทาง ก้าวสู่การเป็น Smart Life อย่างแท้จริง นับเป็นการพลิกโฉมธุรกิจการบริหารท่าอากาศยาน ถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้โดยสาร และเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างมาก

สำหรับ CAT ในฐานะหน่วยงานผู้ให้บริการด้านดิจิทัลและสื่อสารโทรคมนาคมของชาติมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุน Free WiFi ให้กับท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท.เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการก้าวสู่การเป็น AOT DIGITAL AIRPORTS ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ ที่ต้องการยกระดับธุรกิจไทยให้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเกิดขึ้น ที่จะช่วยให้ท่าอากาศยานของประเทศไทยได้รับการยอมรับ และเกิดความเชื่อมั่นในการเป็นศูนย์กลางการบินชั้นนำของโลก

Mr. Sumeet Sharma, Head of Business Development, Next Billion Users (SEA), Google Asia Pacific กล่าวว่า ปัจจุบันโลกได้เข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ที่ Digital Technology เข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตเหมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ทำให้การเข้าถึงโซลูชั่นและบริการต่างๆ ผ่านช่องทางดิจิทัลง่ายขึ้นแค่ปลายนิ้วสัมผัส ซึ่งเชื่อว่า AOT DIGITAL AIRPORTS จะตอบโจทย์ผู้บริโภคถือเป็นก้าวแรกในการเชื่อมโยงผู้คนที่เดินทางนับล้านๆ คน นับเป็นเรื่องที่ท้าทายมากในธุรกิจการบิน

ทั้งนี้ CAT และ GOOGLE STATION เห็นความสำคัญของ Digital Platform พร้อมร่วมเป็นพันธมิตรในการร่วมให้บริการ Free WiFi ภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในชื่อ “Free Airport Google Station WiFi by CAT” โดยให้ความเร็ว Super High Speed ในการให้บริการถึง 30/30 Mbps ฟรี

นายนิตินัย กล่าวในตอนท้ายว่า ทอท. ยังคงมุ่งมั่นและใส่ใจการให้บริการผู้โดยสารและผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน ให้ได้รับความสะดวกสบายด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และเกิดความประทับใจแก่ผู้โดยสารเพื่อก้าวเป็นท่าอากาศยานที่ดีระดับโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน

]]>
1243318
AOT โชว์ผลงาน 9 เดือน ปี 2019 ฟาดรายได้เกือบ 4.9 หมื่นล้าน กำไรอีกเกือบ 2 หมื่นล้าน https://positioningmag.com/1242197 Tue, 13 Aug 2019 11:59:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1242197 ถ้าจะถามว่าหุ้นตัวไหนที่เป็นดาวเด่นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องบอกว่าหุ้นของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)” หรือตัวย่อ AOT ต้องเป็นหนึ่งในหุ่นที่ถูกยกขึ้นทำเทียบอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอยู่ในธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่งตรงๆ และปีที่ผ่านมาก็ทำรายได้ไปกว่า 62,135.93 ล้านบาท และกำไรอีก 25,170.76 ล้านบาท

สำหรับในปี 2019 นี้ สดๆ ร้อนๆ ในช่วงเที่ยงที่ผ่านมา AOT ได้รายงานผลประกอบการงวด 9 เดือนต่อตลาดหลักทรัพย์พบว่า แม้ว่าสงครามการค้าระหว่างหรัฐอเมริกาและจีน จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภาพรวมชะลอตัว แต่ภาครัฐยังคงมีการใช้ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยได้ขยายเวลามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival ให้กับนักท่องเที่ยว จากเดิมสิ้นสุดในเดือนเมษายน เป็นสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2019 จึงส่งผลดีต่อจำนวนนักท่องเที่ยว

ในช่วงระยะเวลาเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2019 ปริมาณการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยาน ทั้ง 6 แห่ง มีจำนวนเที่ยวบินรวม 676,925 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 3.12% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 367,673 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 309,252 เที่ยวบิน

ส่วนจำนวนผู้โดยสารรวมมีทั้งหมด 107.82 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.52% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 63.37 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 44.45 ล้านคน โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศ

รายได้ 9 เดือนแรกของปี 2019 มีทั้งสิ้น 48,920.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.23% หรือ 1,985.05 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 46,935.16 ล้านบาท

ตัวรายได้แบ่งเป็นรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 26,574.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.65% หรือ 686.78 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าบริการผู้โดยสารขาออก 2.66% ส่วนใหญ่เป็นสายการบินต้นทุนต่ำ

รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 1,058.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,155.83 ล้านบาท หรือ 5.81% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ 799.04 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้โดยสาร และผู้ใช้บริการภายในท่าอากาศยาน รวมถึงการปรับเพิ่มอัตราส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาและการเพิ่มขึ้นของรายได้ เกี่ยวกับบริการอีก 324.65 ล้านบาท

และรายได้อื่น 1,287.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.44 ล้านบาท หรือ 12.44% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยรับ โดยมีค่าใช้จ่ายรวม 23,932.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,549.43 ล้านบาท หรือ 6.92% การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมาจาก การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานจำนวน 450.34 ล้านบาท ค่าตอบแทนการใช้ ประโยชน์ในที่ราชพัสดุและค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย

สำหรับกำไรสุทธิมีทั้งสิ้น 19,905.19 ล้านบาท ลดลง 18.25 ล้านบาท หรือ 0.09% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ช่วงเวลาที่เหลือของปี AOT ประเมินสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงของอุตสาหกรรมการบิน ประกอบกับความต้องการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องพัฒนาการให้บริการด้านท่าอากาศยาน โดยมีแผนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม และมีนโยบายพัฒนารายได้เชิงพาณิชย์ หรือรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน ให้มีสัดส่วนรายได้เท่ากับรายได้ที่เกี่ยวกับกิจการการบิน

]]>
1242197
สรุป คิง เพาเวอร์ จ่ายผลตอบแทน 3 สัญญาให้ AOT https://positioningmag.com/1235361 Wed, 19 Jun 2019 23:05:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1235361 1235361